ใกล้ช่วงหยุดยาวขึ้นมาทุกที ครอบครัวไหนมีลูกเล็กแล้วต้องเดินทางไปเที่ยวด้วยการขึ้นเครื่องบินบ้างเอ่ย? Chic Mom and Fab Family มีเทคนิคดีๆ ให้พาลูกนั่งเครื่องบินแบบสบายตัวและสบายใจมาแชร์กันค่ะ

แม่ๆ ชิคๆ คลูๆ มาติดตามเป็นเพื่อนกันได้ทางนี้นะคะ
https://www.facebook.com/chicmomandfabfamily
https://www.instagram.com/chicmomandfabfamily
https://www.youtube.com/channel/UCtAK939gc5L0BZ4O9Yx-06g

#chicmom #พาลูกเที่ยว #พาลูกขึ้นเครื่องบิน #พาลูกขึ้นเครื่องบินครั้งแรก #เที่ยวต่างประเทศ

วางแผนพาลูกไปเที่ยว
✔ ลองเดินทางแบบขับรถตามชม. ที่จะบินก่อน ว่าลูกงอแงไหม เช่น เฟิร์นลองพาลูกขับรถไปต่างจังหวัด ระยะเวลาตั้งแต่ 3-6-8 ชั่วโมง เพื่อลองดูว่าลูกสามารถนั่งที่เดิมนานๆ ในการเดินทางไกลได้แล้วรึยัง แล้วถึงค่อยจองตั๋วเครื่องบินค่ะ
✔ เลือกบินเที่ยวในประเทศก่อน เลือกจังหวัดใหญ่หน่อยที่การเดินทางสะดวก มีรพ. ชั้นนำ พาลูกขึ้นเครื่องครั้งแรกเฟิร์นเลยเลือกไปภูเก็ตค่ะ บินกับการบินไทย เน้น full service ไว้ก่อน ถ้าลูกหิวหรืองอแงขึ้นมาจะได้มีพื้นที่พาเดิน ขอขนม หรือขอน้ำร้อนแอร์ได้ สำหรับต่างประเทศเฟิร์นเลือกไปญี่ปุ่นเป็นทริปโตเกียว-เซนได เดินทาง 6 ชั่วโมง
✔ เลือกช่วงเดือนที่อากาศดี คือไม่ไปตอนหน้าฝน หรือไปตอนอากาศหนาวเกินไปแบบต่ำกว่า 10 องศา เพราะลูกอาจจะป่วยได้ ตอนเฟิร์นไปญีุ่่ปุ่น คือช่วงเมษายนค่ะ อากาศเย็น 13-18 องศา จะหนาวจัดคือตอนมีลมหรือฝนตกบ้าง แต่ไม่หนาวเกินไปค่ะ


พาลูกไปเที่ยวตอนอายุเท่าไหร่ดี?
สำหรับเฟิร์นแนะนำคือให้อายุประมาณ 6 เดือนขึ้นไปกำลังดีค่ะ ตอนภาคินไปภูเก็ตคือ 7 เดือน ดีมากเพราะยังเดินไม่ได้ ไม่ค่อยงอแง ขาไปมีร้องตอน taxi แป๊บเดียวเพราะง่วง แล้วหลับสนิทยาวๆ ตั้งแต่ก่อนเครื่องขึ้นจนเกือบถึงภูเก็ต จะบอกว่าโมเม้นต์ที่ลูกร้องแป๊บเดียวแต่สำหรับเฟิร์นคือนานมากกก คือก่อนนั่งฝรั่งด้านหน้าเราทำหน้าช็อกนิดๆ ว่านี่ไอต้องนั่งติดเด็กนี่หรอ เราก็เข้าใจความรู้สึกเค้า เพราะก่อนมีลูกเราก็ไม่อินเหมือนกัน เฟิร์นทั้งกอด ทั้งโอ๋ ปลอบสารพัด เพราะภาคินไม่ยอมกินนม เอาของเล่นมาล่อก็เอาไม่อยู่ สรุปคือแค่แม่กอดแล้วโอ๋ให้หลับนี่อยู่เลย โอ๊ยยยย... โล่งอก แม่ได้ไปต่อแล้ว... เย้!

ทริปต่อมาคือญี่ปุ่น ภาคินอายุ 1 ขวบ 1 เดือน เฟิร์นเลือกบินเช้าเพราะลูกยังไม่หลับยาวตอนกลางคืน ขาไปนี่นอนได้แค่ 2 ชม. ครึ่ง นอกนั้นคึกเว่อร์เพราะเริ่มเดินได้แล้ว เดินทักทายพี่ๆ แอร์ไปทั่ว คือเหนื่อยกันมาก แต่ดีกว่าร้องงอแงกวนผู้โดยสารคนอื่น ส่วนขากลับเราเตรียมตัวกันดีกว่าเดิม ซื้อของเล่นเพิ่ม หาวิธีเล่นกับลูกเพิ่ม สรุปคือลูกไม่เดินไปไหน และนั่งเล่นอยู่กับเราโดยแทบไม่งอแงเลยค่ะ

เด็กขึ้นเครื่องบินเดินทางไกล.. เตรียมตัวยังไงดี?
✔ อย่าลืม passport หรือสูติบัตรเด็ดขาด
ในประเทศ: passport หรือสูติบัตร ตัวจริงเท่านั้น
ต่างประเทศ: passport

✔ พาเล่นให้เหนื่อยก่อน ก่อนขึ้นเครื่อง 1-2 ชั่วโมงอย่าเพิ่งให้ลูกหลับ ให้เล่นจนเหนื่อยไปเลยค่ะ หรือถ้าเดินได้แล้วก็ให้เดินเล่นสนุกให้พอเลยจ้า ขึ้นเครื่องจะได้หลับยาวๆ

✔ เอาของเล่นหรือหนังสือที่เค้าชอบติดไว้ แนะนำเป็นหนังสือเล่มเล็กๆ 2-3 เล่ม ของเล่นชิ้นเล็ก 2-3 ชิ้น

✔ แพสเพิร์สและทิชชู่เปียก ห้ามลืมเด็ดขาด ไม่งั้นชีวิตจะไม่สงบสุข

✔ ชุดสำลอง เผื่อเสื้อกับกางเกงใส่เป้ไว้ 1 ชุดค่ะ เผื่อฉี่ อึ หรือกินข้าวเลอะจะได้มีเปลี่ยน


✔ เตรียมนมให้พร้อม ไม่ว่าจะนมแม่ นมผงก็เอาขึ้นเครื่องได้สบายค่ะ ขอน้ำร้อนบนเครื่องก็ได้ เคล็ดลับคือให้ลูกกินนมหรือนอนตอนเครื่องขึ้นดีที่สุด เด็กส่วนใหญ่จะร้องเพราะเรื่องความดันตอนเครื่องขึ้นทำให้เค้าเจ็บหูค่ะ (แต่ต้องระวังอย่าให้เยอะไปเดี๋ยวอาเจียนได้นะคะ)

✔ ขนมดูดๆ ที่เป็นเยลลี่ซองๆ ของเด็ก ซื้อติดไว้ซัก 4 ชิ้นนะคะ สำหรับขาไปและขากลับ ถึงปกติลูกไม่เคยทาน แต่เชื่อเถอะแป๊บเดียวหมด

✔ ฝึกเล่นกับลูกไว้เยอะๆ เพราะพ่อกับแม่นี่หล่ะ คือของเล่นที่ดีที่สุดของลูก เฟิร์นกับตั้มลองมาแล้วในตอนที่ของเล่น ขนม หนังสือ เอาลูกไม่อยู่ ก็เรานี่หล่ะ จะสอนนับเลข ร้องเพลง เล่นจ๊ะเอ๋ คือทำยังไงก็ได้ให้ลูกมีกิจกรรมทำกับเราแบบไม่ต้องพึ่งตัวช่วย ชีวิตจะดี

✔ ทำประกันเดินทางเผื่อไว้ด้วย จะได้ไปเที่ยวแบบไม่กังวล ตอนไปภูเก็ตเฟิร์นทำกับไทยประกันภัย 3 คน 4 วัน ราคา 5×× บาทเองค่ะ ส่วนตอนไปญี่ปุ่นตั้มทำให้ จำราคาไม่ได้แต่ไม่แพงค่ะ

และที่สำคัญ... อย่าลืมขอโทษและแสดงความเกรงใจกับผู้โดยสารที่นั่งข้างเราเสมอ สอนลูกให้พยายามอย่าเสียงดังหรือรบกวน ถ้าลูกยังไม่รู้เรื่อง เราควรสอนและพูดขอโทษคนที่นั่งข้างๆ เพื่อแสดงความเป็นแบบอย่างที่ดีให้ลูกเห็นนะคะ และอย่าลืมขอบคุณพี่ๆ แอร์กับสจ๊วตที่ใจดีและให้ความเอ็นดูลูกๆ ของเราด้วยนะคะ

เพียงเท่านี้..แม่ๆ ก็เตรียมตัวไปเที่ยวกันอย่างสนุกสนานได้ทั้งครอบครัวแล้วค่ะ ...ว่าแล้วกดจองตั๋วกันเล๊ยยย