เรื่องราวปัญหาครอบครัวที่หาทางออกไม่ได้

ก่อนอื่นแนะนำก่อนเลยว่าเราเป็นเด็กที่เกิดมาครอบครัวแตกแยก พ่อกับแม่แยกทางกันตอนเราเรียนอยู่ชั้นอนุบาล เป็นลูกสาวและหลานสาวคนเดียว ครอบครัวเราตอนนั้นมีกัน 3 คน คือ ยาย แม่ และเรา ที่พีคสุดคือเมื่อ 8 เดือนก่อนเพิ่งมารู้ว่าคนที่เราคิดว่าเป็นพ่อมาตลอดระยะเวลา 30 ปี แท้จริงแล้วไม่ใช่พ่อของเรา แล้วที่แย่ไปกว่านั้นคือไม่รู้เลยว่าใครเป็นพ่อของเรา (ยายเป็นคนพูดให้เราฟังเอง) แต่เอาเถอะ เวลาล่วงเลยมาจนถึงตอนนี้แล้ว ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องรับรู้อะไรอีกแล้ว เพราะตอนนี้เราได้มีครอบครัวที่อบอุ่น แต่งงานกับสามีที่ดี และมีลูกน้อยกลอยใจเป็นโซ่ทองคล้องใจ และเป็นยาใจที่วิเศษสุดของเรา
ขอท้าวความกลับไปเมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว  เราเคยเป็นเด็กใจแตกนะ  เรียนหนังสือไม่จบ โดนแม่ไล่ออกจากบ้านตอนอายุ 17 เพราะเราไปคบกับผู้ชายคนที่แม่ไม่เห็นดีเห็นงามด้วย เราต้องหยุดเรียนไป 1 ปีเต็ม พอตั้งหลักได้เลยกลับมาเรียนใหม่ โดยใช้วิธีทำงาน จ-ส ส่วนวันอาทิตย์ใช้เวลาไปกับการเรียนเต็มวัน  จบมาด้วยเกรดเฉลี่ย 3 กว่าๆ รู้สึกภูมิใจเพราะเรามุ่งมั่นมากว่าจะต้องเรียนเองให้ได้และต้องเรียนให้จบ โชคดีหน่อยที่เราเป็นคนใฝ่เรียน ไม่เคยเกียจคร้านเรื่องการเรียนเลยแม้แต่น้อย รับจ้างทำรายงาน ทำงานแบกหาม หนักเอาเบาสู้จนส่งตัวเองเรียนจบชั้นปริญญาตรี โดยไม่ได้ใช้เงินของแม่แม้แต่บาทเดียว เพราะก่อนหน้านี้แม่เคยบอกเราเอาไว้ว่า ถ้าเราเลือกที่จะรักกับผู้ชายคนนี้ ให้ออกจากบ้านหลังนี้ไป แล้วเงินสักบาทก็จะไม่ได้จากแม่ อยากเรียนก็ให้หาเงินเรียนเอา...
จนเราอายุ 26 ปี หลังจากที่ตระเวนสอบมา 3 ที่และอ่านหนังสือสอบอย่างจริงจัง เพื่อหวังจะได้ทำงานราชการ เราทำสำเร็จ เราทุ่มเทเวลาในการอ่านหนังสืออย่างหนักหน่วงเป็นเวลาเกือบ 3 เดือนเต็ม แล้วเราก็ทำได้ ส่วนแม่เราเริ่มเปิดใจขึ้นมานิดหน่อย พูดคุยกับเราดีขึ้น แต่ก็ไม่ว่างเว้นมีเรื่องให้ต้องทะเลาะกันอีก เมื่อยายเลาทำพินัยกรรมไว้และยกบ้านพร้อมที่ดินหลังที่อยู่อาศัยปัจจุบันให้เรา แต่แม่ไปรู้เข้า เลยโกรธเราและยาย ทำให้แม่เก็บของออกจากบ้านและไปอาศัยอยู่บ้านเช่าตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ตัดขาดเราและยายอีกครั้ง
 
จนเราได้แต่งงาน (สามีคนปัจจุบัน) แม่เริ่มกลับมาพูดคุยด้วยแต่ไม่สนิทใจเหมือนเคย เหมือนเข้าหน้ากันไม่ติด แม่มาขอเงินค่าสินสอดเราไป 100,000 บาท บอกเป็นค่าน้ำนม ทีแรกคิดหนักเพราะเคยคุยกันกับแฟนว่าเงินสินสอดส่วนนี้จะเก็บไว้เป็นเงินขวัญถุง แต่แฟนก็บอกว่าไม่เป็นไรให้แม่ไปเถอะ เราก็ตัดปัญหา ตกลงให้ไปตามที่ขอ งานแต่งก็ผ่านไปอย่างเรียบร้อยด้วยดี หลังจากนั้นเราก็มีลูกสาว 1 คน โดยระหว่างที่ท้อง เรามีปัญหากับแม่อีก โดยปัญหาก็เรื่องเดิมคือเรื่องพินัยกรรม รอบนี้ตัดขาดกับเรา เราท้องแก่ใกล้คลอดเต็มที ด่าเราต่อหน้าสามีเรา จนสามีเราอึ้งไปเลย เพราะเขาไม่เคยเห็นเหตุการณ์แบบนี้ และที่สำคัญครอบครัวสามีเขาไม่เคยทะเลาะกันเลย  สามีเราเขาโชคดีที่เกิดมาในครอบครัวที่รักใคร่กัน บางครั้งเราแอบสงสารเขานะ ที่ต้องมาเจออะไรแบบนี้
หลังจากเหตุการณ์ครั้งนั้น แม่บอกเราว่าคลอดลูกก็จะไม่มาสนใจนะ  ไม่ต้องมาดูดำดูดีกันเลย ต่างคนต่างอยู่ ด่าทอเราว่าเราเห็นเงินดีกว่าแม่ ทั้งที่จริงเราไม่เคยคิดแบบนั้นเลย เหตุผลที่ยายยกทุกอย่างให้เรา เพราะเราเป็นลูกและหลานสาวคนเดียว ไม่มีพี่น้อง และยายก็กลัวว่าแม่จะเอาทุกอย่างไปยกให้ผู้ชาย ซึ่งผู้ชายคนนี้แม่คบหามาตั้งแต่ออกจากบ้านไป บ้านที่ไปเช่าอยู่ก็เป็นบ้านของผู้ชายคนนี้ ผู้ชายคนนี้มีลูกมีเมียแล้ว และเขาก็อยู่กับลูกเมียเค้าเป็นปกติดี และที่สำคัญเมียเขาเป็นคนดี จิตใจดี โดยที่แม่เราเข้าไปแทรกกลางระหว่างครอบครัวเขา ยายเราไม่เห็นด้วย เลยทำพินัยกรรมไว้ให้เราและลูก เพราะแม่เชื่อผู้ชายคนนี้มาก หลังจากที่คบกันมา เราสังเกตุว่าแม่มาสนใจเรื่องพระเครื่องและของขลังมากขึ้น กลายเป็นจุดเริ่มต้นของปัญหาที่ทำให้เราไม่สบายใจ
 
แม่เราเริ่มหันมาสนใจพระเครื่อง  ของขลัง  และสิ่งลี้ลับ ตั้งแต่ได้มารู้จักกับผู้ชายคนนี้ แรกๆก็เหมือนคนเล่นพระทั่วๆไป พอมาปีหลังๆจนปัจจุบัน เริ่มทวีความรุนแรงขึ้น โดยอ้างว่าโดนผีปอปรังควาญบ้าง โดนคุณไสยมนต์ดำบ้าง  บ่นว่ากินไม่ได้นอนไม่หลับ  ปวดหัวปวดตัว ไม่สบาย นู้นนี่นั่น  เราจากที่ไม่คิดอะไร ปัจจุบันเริ่มจิตตกเป็นห่วงลูกสาวตัวน้อยของเรา  เราอาศัยอยู่บ้านสามีและแม่สามี แม่เราก็มาอาศัยอยู่ด้วยเมื่อ 3 อาทิตย์ที่แล้วบอกว่าจะมาเลี้ยงหลานช่วยแม่สามี บางคืนแม่บอกนอนไม่หลับเหมือนมีคนมาคว้างหินใส่หลังคาบ้านสามี  ซึ่งเรากับสามีและแม่สามีก็นอนหลับกันปกติ  ไม่มีอะไรแปลกเลยสักนิด บางคืนได้ยินเสียงแม่แกทำอะไรคลุกๆอยู่ในห้อง จนเราต้องร้องถาม แล้วเสียงก็เงียบไป  มีวันหนึ่งแกออกไปหาหมอธรรม (คนมีวิชาคาถาในหมู่บ้าน ที่ต่างจังหวัดเรียกกัน) ตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง ซึ่งบ้านหมอธรรมคนนี้อยู่ไม่ห่างจากบ้านสามี ภายในหมู่บ้านเดียวกัน ไปลองของใส่กัน  ไปพูดภาษาเขมรอะไรใส่กันไม่รู้ เรางงไปหมด แม่สามีพึ่งมาพูดให้เราฟังวันนี้ ว่าชาวบ้านในหมู่บ้านเขาลือกันปากต่อปากว่าแม่เราเป็นแบบนี้ๆ เรายิ่งไม่สบายใจที่แม่เราเข้ามาอยู่ในบ้านสามีเราได้เพียง 3 อาทิตย์ แถมจะมาทำให้ครอบครัวสามีเราเดือนร้อนอีกรึป่าว เพราะคนต่างจังหวัดยิ่งในหมู่บ้านชนบทยิ่งเชื่อเรื่องสิ่งลี้ลับกันอย่างจริงจัง  จากที่เราไม่ค่อยสนใจ ทำให้เราเริ่มสนใจและกังวลเป็นห่วงลูกเรามาก เพราะแม่เราแกอยากอยู่ใกล้ลูกเรา อยากมาเลี้ยงมาอุ้ม และยายเราอายุ 80 กว่าที่อยู่บ้านคนเดียวอีก วันนี้แม่เราตัดสินใจย้ายของออกจากบ้านเช่าของผู้ชายคนนั้น ให้เหตุผลว่าอยู่ต่อไม่ได้แล้วต้องย้ายออกให้เร็วที่สุด จนเรานี่งง อดคิดไม่ได้วาแม่เป็นโรคจิตอ่อนๆรึป่าว เหมือนหลอนตัวเอง วิตกจริต กังวล หรือแม่เราเป็นอะไรกันแน่ แต่ที่แน่ๆ คือเราไม่อยากให้แกเข้าใกล้ลูกเราเลย เราเป็นห่วงลูกมาก เวลาเราทำงานต้องเอาลูกไว้ที่บ้านให้แม่สามีเป็นคนเลี้ยงไว้ให้ และแม่เราก็มาอยู่ด้วย จะชอบมาอุ้ม มาเลี้ยง  เราจะมีวิธีพูดกับแกยังไงดี เป็นห่วงยายก็เป็นห่วง เจ็บป่วย ออดๆ แอด ๆ  แล้วยิ่งแม่กลับมาอยู่ด้วย แถมกลับมาด้วยอาการแปลกๆ อีกเรายิ่งกังวลไปใหญ่
 
รบกวนเพื่อนๆที่มีประสบการณ์แนวนี้ แนะนำทีคะ  ว่าเราต้องรับมือกับมันยังไงดี เป็นห่วงลูกสาวตัวน้อยและยายแก่มากๆ เลยคะ
ขอบคุณสำหรับทุกคำตอบคะ
 
 
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่