ถ้าย้อนกลับไปในยุค 70-80 ชื่อหม่อมเจ้าชาตรีเฉลิม ยุคล  นับเป็นผู้กำกับชั้นแนวหน้าที่ใครๆ ก็เฝ้ารอดูภาพยนตร์ที่ท่านทำออกมาฉาย และภาพยนตร์ส่วนใหญ่ก็จะเป็นแนวดราม่า ที่ดึงเอาความมืดมนในสังคมออกมาตีแผ่ อย่างงดงาม ปราณีต และเจ็บปวด อย่างชัดเจน 



หนึ่งในหนังเหล่านั้นก็คือ "ทองพูน โคกโพธิ์ราษฎรเต็มขั้น" เรื่องราวของชายหนุ่มบ้านนอก ที่ตัดสินขายที่นา และพาลูกชายตัวน้อยเดินทางจากบ้านนอกมาซื้อแท็กซี่ขับ เพื่อหาเงิน แต่แล้วเคราะซ้ำ กรรมซัด ทองพูนถูกโจรปล้นเอารถไป ตำรวจไม่สนใจติดตาม ทองพูน จึงตัดสินใจตามหารถเอง และได้รู้ว่ารถถูกเอาไปที่ไหน พอไปทวงถามก็กลับถูกทำร้าย และด้วยความที่เจ้าของอู่ที่เอารถไป เป็นคนมีอิทธิพลยิ่งทำให้ทองพูน ทำอะไรไม่ได้ และตัดสนใจบุกเข้าไปหารถเอง จนพลั้งมือฆ่ากลุ่มนักเลงในอู่ไปหลายคน และสุดท้ายก็ถูกจับ 

หนังได้ดาราเจ้าบทบาท อย่าง จตุพล ภูอภิรมย์ มารับบท ทองพูน เพราะว่า ดาราคู่บุญของท่านมุ้ย สรพงษ์ ชาตรี ติดคิวถ่ายหนังเรื่องอื่น ซึ่งในความรู้สึกของผม ถือว่าเป็นโชคดีในโชคร้าย เพราะ จตุพล เป็นผู้ชายตัวเล็ก ดูอ่อนแอ เหมาะกับบททองพูน ที่เป็นหนุ่มบ้านนอก ไร้กำลัง ในขณะที่สรพงษ์ เป็นดารา ที่รับบท บู๊ และดูแข็งแรง 

ตัวหนังจะมีเพลงอีสานให้ฟังเป็นระยะๆ ทำให้รู้สึกถึงกลิ่นไอของความเป็นคนต่างจังหวัด อยู่เสมอ ยิ่งในยุคนั้น คนต่างจังหวัดต่างก็มุ่งหน้าเข้ากรุงเทพฯ เพื่อหาเงินส่งกลับบ้าน กันมากมาย เพราะทุกคนมองว่า ที่กรุงเทพฯ มีงานเยอะ หาเงินง่าย และด้วยความที่กรุงเทพฯ ในยุคนั้น กำลังพัฒนาอย่างก้าวกระโดด มีการสร้างถนน สร้างตึก สร้างห้างสรรพสินค้า มากมาย ทำให้ความต้องการแรงงานมีสูง 

หนังเล่าเรื่องราวชีวิตของทองพูน ในฐานะ หนุ่มบ้านนอกได้ดีมากๆ ทั้งความใสซื่อ ความตรงไปตรงมา 

หนังแสดงให้เห็นถึงความไม่เท่าเทียมกันในสังคม ความกดขี่ในสังคม และแสดงให้เห็นชัดเจน ว่าคนจนไม่มีสิทธิ์ได้รับความยุติธรรม

ดาราแต่ละคนในภาพยนตร์ก็แสดงความเป็นตัวตนออกมาได้ชัดเจน ทั้งตัวเจ้าของอู่ ที่ได้ บู๊ วิบูลย์นันท์ มาแสดง และแสดงความเลวอย่างน่าหมั่นไส้ออกมาให้เห็นอย่างชัดเจน  วิยะดา อุมารินทร์ ในบทหมอนวด ที่เหมือนจะเป็นคนรักของทองพูน ก็แสดงออกมาได้งดงาม และทำให้รู้สึกเชื่อว่าเธอคือหมอนวด ที่แอบเหงา เพราะอยากมีคนรักจริงๆ ไม่ใช่แค่สามีข้ามคืน 

ที่สำคัญ การถ่ายทำแบบ ซาวน์-ออน-ฟิล์ม (Sound of Film) ที่หนังส่วนใหญ่ในยุคนั้นไม่ทำกัน ยิ่งทำให้ตัวหนังดูสมจริง และทำให้เรามีความรู้สึกร่วม 
ทั้งฉากที่ทองพูน โดนรุมกระทืบ ฉากที่ทองพูน กอดลูกร้องไห้ ความเจ็บปวด ที่แสดงออกในสีหน้าของนักแสดงมันช่างดูเจ็บปวด รวดร้าว และทรมาน อย่างน่าเชื่อ ตอนจบที่น่าปวดร้าว เมื่อทองพูน ถูกตำรวจจับไป ลูกชายวัย 5 ขวบจะอยู่อย่างไร เมื่อไร้พ่อ หมอนวดสาว ที่รับว่าจะดูแลลูกชาย แต่เมื่อรู้ว่าทองพูน โดนจับ กลับเผยให้เห็นภาพว่าเธอดื่มเหล้าและล้มลงบนพื้น โดยที่เราไม่รู้เลยว่าตาย หรือเป็นอะไร ต้องไปคิดกันต่อเอง

สรุปรวมแล้ว ภาพยนตร์เรื่องทองพูน โคกโพธิ์ ราษฎรเต็มขั้น เป็นหนังไทยชั้นครู ที่ควรค่าแก่การรับชมซ้ำแล้วซ้ำเล่า 

หนังไทย 5 ดาว ที่ทุกคนควรจะดูสักครั้งครับ