ทริปนี้ เราพาเพื่อนไป!! ดูไร่ชาที่คาเมรอล ไฮแลนด์ (Cameron Highlands)  หน้าไหนก็หนาว ไปดูไร่ชาแบบทั้งลูกเขากันสวยยังไง ต่างจากบ้านเราแบบไหน อยากรู้ต้องตามไปดูนะคะ และเมืองรองของมาเลเซียอย่างอิโปห์!!! (Ipoh) ถึงจะเป็นเมืองรองแต่ความใหญ่ของอิโปห์ไม่รองใครแน่นอน ไปเที่ยวสัมผัสวัฒนธรรมแบบจีนมาเลกันคะ ตามมาๆๆ ทริปนี้เราเดินทางวันที่ 8 พ.ย. – 10 พ.ย. 2562


ภาพปราสาทผีสิง ep2 https://m.ppantip.com/topic/39485100?

คาเมรอล ไฮแลนด์ (Cameron Highlands) ไปตอนไหนก็ได้ หน้าไหนก็ได้ หนาวทั้งปี ห่างจากสนามบินกัวลาลัมเปอร์ (KL Airport) ประมาณ 200 กิโล ใช้เวลาเดินทาง 3-4 ชั่วโมง (สามารถไปทางเดียวกับทางไปเก็นติ่งได้คะ ซึ่งคาเมรอลและอิโปห์จะฉีกออกไปนิดนึง ใครอยากไปเก็นติ่งก็เอามารวมใส่ทริปเดียวกันได้เลยจร้า)

ภาพวัด ep2 https://m.ppantip.com/topic/39485100?

เหมือนเช่นเคยเราจะไม่เดินคะ เพราะสมบัติบ้าเราเยอะและเราก็ขี้ร้อนด้วย เที่ยวแบบสบายๆ เที่ยวง่ายๆ ไม่ต้องต่อรถให้ปวดหัว เพราะเรามี GPS ทริปนี้เราจะเช่ารถขับกันคะ 

ขับรถที่มาเลเซียนั่น ขับได้ง่าย ขับเลนส์เดียวกับเมืองไทย ขับไปเนียนๆเลียบแบบเพื่อนเค้าเอาคะ เพื่อนเค้าขับแบบไหนเราก็ขับแบบนั้น (เราจะมาแซงซ้ายเหมือนอยู่บ้านไม่ได้นะคะ เล่นซ้ายเค้าให้มอเตอร์ไซค์วิ่งเป็นจริงเป็นจัง)

การเดินทางไปคาเมรอล ไฮแลนด์ และ อิโปห์ (Ipoh):         เราเดินทางไปกับ Air Asia (ชอบสโลแกนนี้มาก ใครๆก็บินได้) เราบินออกจากภูเก็ต – กัวลาลัมเปอร์ ตอน 8.00 น. ถึงที่สนามบินกัวลาลัมเปอร์ 10.30 น. (ถ้าจะนัดใครมารับ หรือนัดเวลารับรถไรงี้ เผื่อเวลาผ่านด่าน ตม.สักหน่อย เพราะคนเยอะมากและคิวยาวมาก )

เราจองรถกับเว็บไซต์ Rentalcars.com ส่วนใหญ่จะจองกับบริษัทนี้เลยคะ ไปสิงค์โปรก็ใช้บริการบริษัทนี้ ซึ่งสามารถซื้อประกันเพิ่มได้ด้วย (ซื้อไปเถอะจ่ายไม่กี่ร้อยดี ดีกว่า ช่วยคุ้มครองได้เยอะ) หลังจากจ่ายเงินแล้วจะได้อีเมลล์ยืนยันการชำระเงินมา หรือยืนยันการจอง ซึ่งในนั้นจะบอก ชื่อบริษัท! สถานที่! ในการรับรถมาให้ด้วย (ให้ดูดีๆนะคะว่าสายการบินเราลงที่ Terminal ไหน ของ Air Asia ส่วนใหญ่เราได้ลงที่ Terminal 2 (KLIA2) ซึ่งบริษัทรถเช่าอยู่ชั้นล่างสุดเลย ชั้นเดียวกับพวกรถแท็กซี่หรือรถเมย์ อยู่ติดกับบันไดเลื่อนเลยคะ ต้องขอโทษด้วยไม่มีรูปมาฝาก จังหวะนั้นมัวชุลมุนวุ่นวายอยู่)

เราได้รถของบริษัท Hawk (เคยใช้ตอนไปปีนัง รวมๆถือว่าโอเคนะ รถอายุประมาณ 3 – 5 ปี)  อย่าลืมใบขับขี่ International  ต้องใช้คะ ใครว่าไม่ใช้เราเห็นเค้าถามทุกครั้งอะ พกไปหน่อย เสียเวลาไปทำ เปปเดียว จ่าย500 นิดๆอยู่ได้ 1 ปี


เมื่อติดต่อบริษัทเช่ารถได้แล้ว เค้าจะพาเรามาเอารถที่จอดอยู่ที่ตึกจอด ตอนเอารถมาคืนให้มาคืนที่เดิม สังเกตที่เสา รถเราจอด Block B ตอนจะเอารถมาคืนให้ Search Block B KL Airport ได้เลย ไม่หลงแน่ๆ

เมื่อได้ทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว มุ่งหน้าตรงไปยังเป้าหมายเราคืนนี้คือ คาเมรอล ไฮแลนด์ (Cameron Highlands) กว่าจะออกจากสนามบิน ก็บ่ายโมงแล้ว 


ระหว่างทางแวะโคลมาร์ ทรอปิคอล  (Colmar Tropical) สักหน่อย โคลมาร์ทรอปิคอลเป็นโรงแรมสไตล์ฝรั่งเศส สามารถเข้าไปถ่ายรูปกินข้าวได้คะ (จริงก็ไม่เชิงผ่านนะ ต้องขับแยกจากทางที่เราไปอีกประมาณ 20 กิโล)


แค่แวะโคลมาร์ ลงมาจากรถมาลมหนาวก็มาแล้ว  ตึกที่อยู่เหมือนปราสาทเนรมิตด้านหลังเรานั่นเป็นตึกจอดรถคะ

สวยอะนึกว่าไม่ได้อยู่มาเลเซีย

มุมถ่ายรูปค่อนข้างเยอะเลย ถ้าใครชอบสไตล์แบบนี้เราถือว่าที่นี้โอเคในระดับนึงเลย แต่ร้านค้าไม่เยอะมาก อาหารสไตล์ฝรั่งเยอะ ตอนมาเค้ามีกิจกรรมเต้นด้วย ดูครึกครื้นไปอีกแบบ ก็เป็นตัวเลือกนึงดีกว่านั่งรถยาวๆ 3-4ชั่วโมง ลงมาเดินถ่ายรูปกินข้าวเล่นๆ

สวยๆดีคะ อย่างที่บอกมุมถ่ายรูปเยอะรูปจะดูเยอะๆหน่อย

เริ่มเย็นแล้วรีบเดินทางต่อ ระหว่างทางที่ขึ้นเขาไปยัง คาเมรอล ไฮแลนด์ ค่อนข้างมืด ใครมาติดมืดขับลำบากหน่อยพูดเลย ถนนไม่มีไฟทาง ถ้าไม่ถนัดขับกลางคืนแนะนำให้จัดโปรแกรมขึ้นคาเมรอลกลางวันดีกว่าคะ

อีกเรื่องที่ต้องทำใจนิดนึง ถ้ามาคาเมรอลวันธรรมดาได้ เราแนะนำให้มาวันธรรมดา เพราะวันเสาร์อาทิตย์รถขึ้นมาเที่ยวค่อนข้างเยอะเลยแหละ


กว่าจะถึง เรามามืดมาก ฝนตกด้วยขับค่อนข้างยากเลย ที่พักของเราคืนนี้ ชื่อ Hotel De’la Ferns Cameron Highland ราคาประมาณ 1,800  บาท

ได้เวลาอาหารเย็นเราจะออกไปหาไรกินกันคะ



แวะทานสุกี้หม้อไฟ ชื่อร้าน Charcoal Steamboat “Mari Mari Home” หมูกระทะก็มีนะก๊ะ แต่เราจะมากินสุกี้หม้อไฟก๊ะ!!! ราคา 28 เหรียญต่อหม้อ (ประมาณ 848 บาท กินกัน 3 คน) ผักเติมได้ไม่อั้น อิ่มมากพูดเลยไม่ได้เติมหรือสั่งอะไรเพิ่มเลยคร้า อากาศหนาวๆได้กินอะไรร้อนๆ อย่างฟินอะ

เมนูจะดูยากๆหน่อย ให้บอกกิน Charcoal Steamboat เค้าก็จะแนะนำให้

Day 2 เราถ่ายบรรยากาศรอบๆโรงแรมมาฝากคะ โรงแรมติดริมถนนเข้ามาง่าย มีที่จอดรถสะดวก


ตื่นเช้ามาก จะรีบไปไร่ชา ตื่นเช้าไปนิดนึงไร่ชายังไม่เปิด ขอทานอาหารเช้าที่โรงแรมกันก่อนแล้วกัน



ตอนเช้าหนาวมาก ไม่คิดว่าจะหนาวขนาดนี้ ผ้าคลุมได้มาตอนไปเดินตลาดเมื่อคืน ผืนละ 100 บาท อุ่น นุ่มสบายมากคะ

มาถึงแล้ว Cameron Valley Tea ไร่ชาทั้งลูกเขาเลยอะ ถ้าวันเสาร์ อาทิตย์เปิด 8.00 – 19.00 น. ส่วนวันธรรมดาเปิด 8.30 – 18.00  น. ที่มีอาหารและของฝากขายด้วย แต่ด้วยด้วยความอิ่มจากอาหารเช้าที่โรงแรม เราเลยแค่มาแวะถ่ายรูปเท่านั้นเอง



ตั้งแต่ไปมาทั้งหมด Cameron Valley Tea วิวสวยสุดละ ตรงร้านอาหาร จะมีพื้นที่ยื่นออกไปให้ถ่ายรูป (มุมนี้เอาหน้าเงยแล้วเซลฟี่ติดมาแต่หน้ากับฉากเขียวๆข้างหลัง สวยมากอะ)

เราไม่เลือกลงไปข้างล่าง เพราะฉะนั้นจุดนี้ฟรีไปคะ (ที่ไม่ลงไปเพราะ ถ้าลงไปถ่ายข้างล่างมันก็เหมือนไร่ชาที่เมืองไทยอะ สู้ถ่ายวิวทั้งลูกเขาจากด้านบนมาดีกว่า)

ภาพวิวระหว่างทางไป BOH Tea Estate

อีกที่นึงที่เคยเห็นในรีวิว ไม่แน่ใจตอนเราไป Search ผิดที่รึเค้าปิดไปแล้วจริงๆ (เวลาไปเที่ยวควรจะเซฟรูปไว้ เพราะบางทีเราไม่เข้าใจเค้า หรือเค้าไม่เข้าใจเรา เจอบ่อย เอารูปให้ดูได้เข้าใจตรงกัน)


ต้องกด Boh Tea Center เป็นร้านกระจก มองออกไปเป็นไร่ชา นั่งกินกาแฟ ฟินๆ ลองหาอ่านดูคะ แต่เราดันไปกด Boh Tea Estate ไรสักอย่าง เหมือนโรงงานชา มีร้านอาหารด้านบนแต่ธรรมดามาก และวิวไม่สวยเพราะต้นไม้ใหญ่บัง


ขากลับเราจะมุ่งหน้าไปอิโปห์กันคะ ไปคนละทางกับตอนที่เรามา เช้าวันเสาร์เป็นอะไรที่รถค่อนข้างติดเลยทีเดียว


ระหว่างทางผ่านตลาดหลายเจ้า เราก็เลี้ยวเข้ามามั่วๆ เพราะเห็นรถจอดง่าย และบนถนนรถค่อนข้างติด
เค้าว่าสีม่วงๆ คือมะม่วงอินเดีย แต่ยังกินไม่ได้เพราะยังไม่สุก นี่ก็อุตสาห์ซื้อกลับบ้านมา (แหลกไม่ได้เลย 555 กินไปเป็นอะ มันนิ่มๆ เหมือนมัน ไม่กรอบ จืดๆ ไม่หวานไม่เปรี้ยว)สรุปคือ ไม่อร่อย

ผ่านอะไรน่าแวะ จริงๆอยากแวะ Cameron Lavender garden ไม่มีที่จอดรถ บวกฝนตก และมองไปข้างนอกดูแห้งๆ เลยขอผ่านไปคะ แวะที่นี้แทน Avant Chocolate & Ice Cream เหตุเพราะอยากกินไอติม



มีที่ให้เด็กเล่นด้วย เรือถีบๆ