ดอย...เป็นคำที่นักลงทุน ไม่อยากได้ยินเป็นคำแสลงหู
แต่ทุกคนที่เล่นหุ้น ลงทุน หลีกหนีการติดดอยไม่พ้น
เหมือนมีกลางวันและกลางคืน(ดอย) ตอนนี้ตลาดหุ้นไทยมืดมากกว่าสว่าง
ใครที่เพิ่งซื้อหุ้นตอนต้นปีและถือยาวไม่ยอมคัทลอส ยกเว้นหุ้นไฟฟ้าส่วนใหญ่จะดอยครับ
รวมทั้งพี่แจ้หุ้นบางตัวที่ทนถือ ก็ดอยระดับเอฟเวอร์เรสกันเลยทีเดียว
อาการดอยมี 3 แบบ
1.ดอยแบบมีความหวัง เอาตัวรอดได้แต่ต้องรอนานมากกว่าจะได้ลงดอย อาศัยเสบียงยังชีพรอหน่วยกู้ภัย
ดอยแบบนี้ต้องพึ่งหน่วยกู้ชีพนานาชาติเอา ฮ.มารับถึงจะลงได้ ถ้าโดดลงดอยเอง อาจคอหักตาย
2.ดอยแบบหลงป่า ต้องหาอาหารยังชีพเอง อันนี้พี่แจ้อยากลองเอง ใครห้ามก็ไม่ฟังครับ ....ปรากฎว่าดอยสมใจนึกบางลำพู
โดนทั้ง U-w1 และ ตัวนี้น่าจะโดนอีก555 สรุปค่าเล่าเรียน U1+U4 = 6,580 บาท/คอร์ส ไม่ถูกและไม่แพงแบบ...อยากรู้ไม่ต้องไปเรียน
3.ดอยแบบไม่รู้อนาคต อันนี้คนจะดอยเยอะ เพราะไม่รู้อนาคตว่าเป็นอย่างไรก็เลยถือลุ้นต่อแบบมีความหวังตีแตกตามคอนเซฟอาจารย์เต่าVI
เช่น น้องสวย สาหร่ายเทพ เครื่องสำอางค์ต่างๆ ที่เมื่อสองปีที่แล้ว พลานุภาพ พลิกโลก ใครมีพอร์ทเขียวปี๋
ตอนนี้ใครไม่โดดลงดอยก่อนก็แดงทั้งพอร์ท รายต่อไปจะเป็นโรงไฟฟ้าไหมหนอ
>>> หลักการลงดอย อย่าอยู่บนดอยนาน เอาผลประกอบการ ยอดขาย กำไร วัดถ้าลดลงสัก 3 ไตรมาสติดกัน
ให้รีบลงอย่าช้า โดยเฉพาะหุ้นเล็ก หุ้นจิ๋ว หุ้นดาวรุ่งพุ่งแรง ถ้ายอดขาย กำไร ลดก็ให้รีบลง จะค่อยเดินลง
หรือ โดดลงรักษาชีวิตไว้ก่อน พี่แจ้ก็ชอบหุ้นต่ำสิบ โดดลงมาขาหักหลายๆตัว เพราะโดดช้าคิดว่ามันจะกลับมา
ได้แค่2ตัวจากการหัดทนดอยมา10ปี ดอยมีไว้ให้เม่าที่ชอบความสูงเอาไว้เสพ 555
สรุป การซื้อหุ้นทีละน้อยๆแล้วดอย...ถือว่าโชคดีในการเล่นหุ้น เราจะได้เสพความรู้สึกในการติดดอยแล้วหาทางลงดอยโดยไม่เจ็บตัว
ถ้าซื้อหุ้นครั้งแรกแล้วได้กำไร ถึงแม้จะเล็กน้อยเราจะฮึกเหิมคิดว่าเราโคตรเก่ง เราจะโลภลงทุนเพิ่มไปอีกแบบหมดหน้าตัก
พอตลาดมันขาลงหุ้นเราถือก็ลง เราก็คิดว่ามันจะกลับมาในอีกไม่ช้า ถัวตลอดทาง เพราะธรรมชาติของหุ้นมันจะลงยาวๆ ขึ้นสั้นๆ
ยกเว้นหุ้นปั่น หุ้นเจ้า หุ้นเม่านิยม ราคาก็ขึ้นลงรายวันทันใจคนที่เข้าตะลุมบอล หุ้นปกติมันจะลงหรือSW อยู่เป็นปีกว่าจะเด้ง
>>> สำหรับการลงทุน ติดดอยไม่ใช่เวรกรรม แต่ เป็นการกระทำที่ไม่มีใครรู้ล่วงหน้า น่ะนะ <<<
แบบนี้พี่แจ้เชื่อว่าหนุ่มๆสินธรอยากติดดอยตลอดชีวิต
สบายดี.....
### ที่สุดของ...ดอย #### ศาสตร์ของการติดและลงดอย
แต่ทุกคนที่เล่นหุ้น ลงทุน หลีกหนีการติดดอยไม่พ้น
เหมือนมีกลางวันและกลางคืน(ดอย) ตอนนี้ตลาดหุ้นไทยมืดมากกว่าสว่าง
ใครที่เพิ่งซื้อหุ้นตอนต้นปีและถือยาวไม่ยอมคัทลอส ยกเว้นหุ้นไฟฟ้าส่วนใหญ่จะดอยครับ
รวมทั้งพี่แจ้หุ้นบางตัวที่ทนถือ ก็ดอยระดับเอฟเวอร์เรสกันเลยทีเดียว
อาการดอยมี 3 แบบ
1.ดอยแบบมีความหวัง เอาตัวรอดได้แต่ต้องรอนานมากกว่าจะได้ลงดอย อาศัยเสบียงยังชีพรอหน่วยกู้ภัย
ดอยแบบนี้ต้องพึ่งหน่วยกู้ชีพนานาชาติเอา ฮ.มารับถึงจะลงได้ ถ้าโดดลงดอยเอง อาจคอหักตาย
2.ดอยแบบหลงป่า ต้องหาอาหารยังชีพเอง อันนี้พี่แจ้อยากลองเอง ใครห้ามก็ไม่ฟังครับ ....ปรากฎว่าดอยสมใจนึกบางลำพู
โดนทั้ง U-w1 และ ตัวนี้น่าจะโดนอีก555 สรุปค่าเล่าเรียน U1+U4 = 6,580 บาท/คอร์ส ไม่ถูกและไม่แพงแบบ...อยากรู้ไม่ต้องไปเรียน
3.ดอยแบบไม่รู้อนาคต อันนี้คนจะดอยเยอะ เพราะไม่รู้อนาคตว่าเป็นอย่างไรก็เลยถือลุ้นต่อแบบมีความหวังตีแตกตามคอนเซฟอาจารย์เต่าVI
เช่น น้องสวย สาหร่ายเทพ เครื่องสำอางค์ต่างๆ ที่เมื่อสองปีที่แล้ว พลานุภาพ พลิกโลก ใครมีพอร์ทเขียวปี๋
ตอนนี้ใครไม่โดดลงดอยก่อนก็แดงทั้งพอร์ท รายต่อไปจะเป็นโรงไฟฟ้าไหมหนอ
>>> หลักการลงดอย อย่าอยู่บนดอยนาน เอาผลประกอบการ ยอดขาย กำไร วัดถ้าลดลงสัก 3 ไตรมาสติดกัน
ให้รีบลงอย่าช้า โดยเฉพาะหุ้นเล็ก หุ้นจิ๋ว หุ้นดาวรุ่งพุ่งแรง ถ้ายอดขาย กำไร ลดก็ให้รีบลง จะค่อยเดินลง
หรือ โดดลงรักษาชีวิตไว้ก่อน พี่แจ้ก็ชอบหุ้นต่ำสิบ โดดลงมาขาหักหลายๆตัว เพราะโดดช้าคิดว่ามันจะกลับมา
ได้แค่2ตัวจากการหัดทนดอยมา10ปี ดอยมีไว้ให้เม่าที่ชอบความสูงเอาไว้เสพ 555
สรุป การซื้อหุ้นทีละน้อยๆแล้วดอย...ถือว่าโชคดีในการเล่นหุ้น เราจะได้เสพความรู้สึกในการติดดอยแล้วหาทางลงดอยโดยไม่เจ็บตัว
ถ้าซื้อหุ้นครั้งแรกแล้วได้กำไร ถึงแม้จะเล็กน้อยเราจะฮึกเหิมคิดว่าเราโคตรเก่ง เราจะโลภลงทุนเพิ่มไปอีกแบบหมดหน้าตัก
พอตลาดมันขาลงหุ้นเราถือก็ลง เราก็คิดว่ามันจะกลับมาในอีกไม่ช้า ถัวตลอดทาง เพราะธรรมชาติของหุ้นมันจะลงยาวๆ ขึ้นสั้นๆ
ยกเว้นหุ้นปั่น หุ้นเจ้า หุ้นเม่านิยม ราคาก็ขึ้นลงรายวันทันใจคนที่เข้าตะลุมบอล หุ้นปกติมันจะลงหรือSW อยู่เป็นปีกว่าจะเด้ง
>>> สำหรับการลงทุน ติดดอยไม่ใช่เวรกรรม แต่ เป็นการกระทำที่ไม่มีใครรู้ล่วงหน้า น่ะนะ <<<
แบบนี้พี่แจ้เชื่อว่าหนุ่มๆสินธรอยากติดดอยตลอดชีวิต
สบายดี.....