[CR] [#Review] Ford v Ferrari ใหญ่ชนยักษ์ ซิ่งทะลุไมล์ - การต่อสู้เพื่อความฝันและยอดขาย


สัปดาห์นี้มีหนังเข้าฉายแค่สามเรื่องถ้วน ซึ่งผมเห็นจากหลายๆ ที่ว่าเรื่องที่คนดูล้นโรงหนังคือ “ตุ๊สซี่แอนด์เดอะเฟค” แต่ไม่ใช่ทางของผมแน่นอน อีกอย่าง เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ผมอยากดูมากๆ ตั้งแต่เห็นตัวอย่างหนังแล้ว แถมคำวิจารณ์ของเมืองนอก ให้ 5 ดาวเกือบทั้งหมด ซึ่งในปีนี้หนังที่ได้คะแนนเยอะขนาดนี้นี่เรียกว่าแทบไม่เห็นเลยนะ มีเรื่องนี้แหละที่หลายๆ เว็บให้ 5 ดาว หรือคะแนนสูงถึง 9 หรือ 10 เต็ม 10 


หนังเป็นการบอกเล่าเรื่องราวการแข่งขันทางธุรกิจกันของสองค่ายรถยักษ์ใหญ่ Ford และ Ferrari ผ่านตัวละครหลักสองคนคือ อดีตนักแข่งรถมือดีที่มีอาการโรคหัวใจจนต้องเลิกแข่งมาเปิดบริษัทขายรถยนต์ “แคร์รอล เชลบี้” ที่ได้รับโอกาสจากเจ้าของบริษัท “เฮนรี่ ฟอร์ด ที่ 2” ให้ออกแบบรถที่มีศักยภาพพอที่จะไปล้มแชมป์ในการแข่งขันกรังปรีต์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดอย่าง “เลอมังส์” ที่มีรถแบรนด์ Ferrari เป็นเจ้าสนามมานานหลายปี ซึ่ง “เชลบี้” ได้ไปดึงตัวสุดยอดนักแข่งรถมือเก๋าที่หาคนเทียบยากทั้งเรื่องความใจเด็ดและความรู้จักทุกอณูของตัวรถ “เคน ไมลล์” มาร่วมพัฒนา “Ford GT” ขึ้นเพื่อเป็นแชมป์ให้ได้ ซึ่งไม่มีนักขับคนไหนเหมาะสมที่จะกุมพวงมาลัยรถคันนี้ได้มากกว่า “เคน ไมลล์” อีกแล้ว


หนังอาจจะเหมือนเป็น Documentary กลายๆ ของตัวละครที่มีอยู่จริงทั้งสองคน และประวัติศาสตร์การแข่งขันกันของค่ายรถยักษ์ใหญ่ทั้งสอง แต่หนังกลับเล่าเรื่องได้อย่างเข้มข้นมาก ตั้งแต่การเปิดตัวของ “เชลบี้” การเปิดตัวของ “ไมลล์” หรือแม้แต่การเปิดตัวของสองเจ้าของค่ายรถ ที่ดูแล้วมีพลังดึงดูดคนดูให้ติดกับความเป็นตัวละครนั้นๆ ได้ไม่ยาก


หนังมันไม่ได้เล่าเรื่องเอาใจแค่คนดูที่ชอบเรื่องของรถเป็นชีวิตจิตใจเท่านั้น แต่หนังเล่าไปถึงอีกมุมเบื้องหลังของเทคนิคการขายของบริษัทรถยนต์ทั้งสองอีกด้วย ในพาร์ทของ “เชลบี้” และ “ไมลล์” หนังจะทำให้คนดูเอาใจช่วยตัวละครที่อยากพุ่งเป้าไปที่การก้าวตามความฝันแม้จะมีอุปสรรคทางเรื่องการเงินบ้าง แต่ก็ไม่มีอะไรจะมาขวางทางได้ กลับกันถ้าคนที่เป็นนักการตลาด จะชอบเรื่องราวการแข่งขันทางการตลาดของตัวละครทางฝั่งผู้บริหารและนักการวางแผน ซึ่งอาจจะไม่ใช่การเอาใจช่วยตัวละครเหล่านั้น แต่จะเป็นความเข้มข้นของความคิดที่จะเอายอดขายและการสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักเป็นตัวตั้ง จนลืมไปถึงสิ่งสำคัญหลายๆ อย่างในความเป็นนักฝันของตัวละครอีกฝั่ง


นอกจากเรื่องราวที่เข้มข้นแล้ว ต้องชมฉากแข่งรถที่หนังทำออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม ถึงฟีลลิ่งมันจะไม่ได้พุ่งทะยานหรือรุนแรงในอารมณ์เท่ากับสุดยอดหนังแข่งรถที่อยู่ในใจใครหลายๆ คนอย่าง “RUSH” เพราะมันเป็นเรื่องราวในอดีตที่เก่ากว่า Formula 1 กว่า 10 ปี ตัวรถก็ยังไม่ได้พัฒนาให้ดุดันเท่า แต่ฉากขับรถหลายๆ ฉากกลับตรึงคนดูให้หลังติดเบาะและลุ้นไปกับตัวละครได้อย่างลงตัว


สำหรับนักแสดงนำสองคนที่เป็นตัวดำเนินเรื่อง คนแรกที่ต้องพูดถึงคงหนีไม่พ้น “คริสเตียน เบล” ที่เรื่องนี้ก็ปล่อยตัวเองให้โทรม (อีกแล้ว) เพื่อให้มีคาแรคเตอร์คล้ายกับ “เคน ไมลล์” รวมถึงความกวน ความเย่อหยิ่งจองหอง แต่จริงใจ ซึ่ง “เบล” แสดงฝีมือได้แบบโดดเด่นที่สุดในเรื่องแล้ว ผิดกับ “แม็ตต์ เดม่อน” ในบท “แคร์รอลล์ เชลบี้” ซึ่งบทนี้ผมเสียดายที่มันค่อนข้างธรรมดาไปนิด บทไม่ได้สร้างความโดดเด่นให้กับนักแสดงสักเท่าไหร่ เอาจริงๆ บทนี้เอาใครมาเล่นก็ไม่น่าจะต่าง แต่ก็ถือว่าด้วยฝีมือของ “แม็ตต์ เดม่อน” ทำให้ตัวละครมันมีอะไรขึ้นมาได้มากกว่าที่มันเป็นอยู่ ตัวละครอื่นๆ ก็สำคัญ อย่างเช่นบทของ “เฮนรี่ ฟอร์ด ที่ 2” เจ้าของบริษัทรถ หรือ “ลีโอ บีบี” กรรมการบริษัทที่คอยขัดแข้งขัดขาทั้งสองพระเอกอยู่ ก็เป็นตัวขับเคลื่อนให้หนังดูสนุกเข้มข้นขึ้นจริงๆ


ต้องยอมรับว่าหนังสนุกเกินที่คาดไว้เยอะมากๆ ตอนแรกคิดว่าหนังมันยาวไปมั๊ยกับเวลาตั้ง 2 ชั่วโมงครึ่ง แต่ตอนที่นั่งดู ไม่มีช่วงไหนเลยที่หนังทำให้คนดูเบื่อได้ เพราะมันจะมีความเข้มข้นของเนื้อเรื่องแทรกเข้ามาให้คนดูได้ลุ้นอยู่ตลอดเวลา เรียกว่าแทบจะทุกนาทีในหนัง ซึ่งเรื่องนี้คนที่ชอบรถจะฟินกับอะไรหลายๆ อย่างในเรื่อง แต่คนที่ไม่ได้อินกับรถ ก็จะชอบในเรื่องราวความสนุกที่หนังใส่เข้ามาได้อย่างแน่นอน

ฝากเพจหนังเล็กๆ ด้วยนะครับ  >>> https://www.facebook.com/DooNangGunMai/
ชื่อสินค้า:   Ford v Ferrari
คะแนน:     

CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่