แปร...คนเดียว เที่ยวดาด ๆ เบลอ ๆ

(อันที่จริงก็มีเพื่อนแว้นนำทางนิดหน่อยค่ะ แต่ตั้งชื่อตามทู้เก่าเฉยๆ)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

บันทึกการเดินทาง ไปเมืองแปร (พม่าออกเสียง ปยี) รอบนี้  ก็ไปคนเดียวอีกเช่นเคยค่ะ 
และก็ยังคงคอนเซ็ปเที่ยวดาด ๆ เบลอ ๆ ตามอารมณ์...เหมือนเดิม 555
....
เริ่มจากที่ปีก่อนๆ เราไปมันดะเล-พุกาม รู้สึกหลงเสน่ห์เจดีย์ที่อิฐดูเก่าๆ ชอบมาก
เพื่อนชาวพม่าที่รู้จักกันจากเว็บ couchsurfing 
ที่พาเราแว้นเที่ยวดูรอบๆกำแพงพาเลซยามค่ำ เมื่อคราวที่แล้ว เลยนำเหนอ "เมืองแปร" ซึ่งเป็นบ้านเกิดเค้าเอง
เมืองแปรนี้เป็นที่ตั้งของอาณาจักรโบราณ ชื่ออาณาจักรศรีเกษตร ฮีบอก ถ้ายูไปดู ยูต้องชอบแน่ แล้วเค้าก็เคลมว่า
อาณาจักรนี้ ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก แห่งแรกของพม่า เมื่อปี 2014 อีกด้วย (พุกามขึ้นทะเบียนปีนี้ 2019)
พอตั้งเป้าว่าจะไปก็ โอเค หาข้อมูลเดินทางซึ่งเพื่อนบอกว่า ยูไม่ต้องไรมาก เดี๋ยวไปด้วยกัน 
เราก็จองตั๋วโปร ไปกลับ ดอนเมือง-ย่างกุ้งเอาไว้ (2,400 บาท) ของถูกก็รอนานหน่อยค่ะ 4 เดือนกว่า ๆ
แล้วเมื่อเดือนตุลา เพื่อนบอกว่าไม่ว่าง  ติดงานไปด้วยไม่ได้จริงๆ แต่ยูไม่ต้องห่วง เดี๋ยวฝากเพื่อนช่วยเทคแคร์นะ
เพื่อนไอชื่อ Scott ...จุดนี้เราปิ๊งหลอดไฟในหัวทันที เพราะชื่อเดียวกันกับคุณไกด์ ในกระทู้ที่เราเคยอ่านรีวิว
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
และแน่นอนค่ะ ในความ โลกกลมนั้น-- สก็อตต์เดียวกันจ้าาาา 
โดยปกติ สก็อตต์ เค้าขายโยเกิร์ตนะคะ ทำเอง ขายเอง ปกติเราไม่กินโยเกิร์ตรสธรรมชาตินะ แต่เราชิมแล้ว หอมนม อร่อยดีแฮะ
แบบหวานเค้าก็ใส่น้ำผึ้ง ซึ่งมันโอเคมากเลยค่ะ นอกจากขายโยเกิร์ตแล้ว สก็อตต์ก็เป็นโลคอล ไกด์ 
เรทราคาสำหรับพาเที่ยว 1 วัน สก็อตต์ คิดที่ 40$ แต่เรานี่ยืมมอไซค์มาแว้นค่ะ สก็อตต์คิดเป็นสตรอเบอรี่อบแห้งดอยคำแทน 555
นอกจากกระทู้ของคุณ 2831497 ซึ่งละเอียดมากก ก็มีกระทู้ของคุณ Neffertitii ที่อ่านสนุก อรรถรสมาก
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ทั้ง 2 ทู้นี้นำทางเราไปแปร และช่วยให้ชีวิตเราง่ายขึ้นมากเลยค่ะ

วันแรก
ขอนแก่น --> ดอนเมือง
ดอนเมือง--> ย่างกุ้ง ถึงสนามบินย่างกุ้ง 5โมงเย็นหน่อยๆ เรารีบค่ะ ไม่อยากเสียเวลา
ก็แลกตังค์/ซื้อซิม เราซื้อซิมใหม่เลยนะคะ รวมค่าแพ็ค สำหรับ 7 วัน โทรฟรีได้ 50 นาที ราคา 6,000 จั๊ต
แล้วก็หาแท็กซี่ไปท่ารถ อ่อง มิงกะลา มีแท็กซี่เดินมาเสนอราคา 12,000 จั๊ต เว่อร์จริงพ่อเอ๊ย เพราะเราเช็คใน แกร๊บ มันแค่ 8,000 จั๊ต
(เรทเงิน 10,000 จั๊ต เป็นเงินไทยประมาณ 200 บาทค่ะ)
สรุปมาได้แท็กซี่ที่โบกถามหน้าสนามบิน เพราะพี่แกบอก 7,000 จั๊ต เราบอกแกเลยว่า รถไปแปร เอเชีย เอ็กเพรส
โชคดีที่รถไม่ติดมาก มาถึงท่ารถก่อน 6 โมงเย็น นิดหน่อย เลยได้ตั๋วรอบ 6โมงเย็น ราคา 6,000 จั๊ตค่ะ

รถใหม่ดีนะคะ กลิ่นสะอาด เบาะแข็งไปนิด แต่ก็โอเค ดูวิวข้างทางที่เริ่มมืดแล้วง่วงๆ
ตื่น รู้สึกตัว อีกทีเพราะคนข้างๆสะกิดเรียก บอกจอดพักรถ 30 นาที เราดูเวลาประมาณ 3 ทุ่ม ก็ทำธุระ เข้าห้องน้ำ บางคนกินข้าว เดินไปซื้อหมาก บลาๆๆๆ

ร้านอาหารที่เป็นจุดพักรถแบบนี้ จะมีห้องน้ำด้านหลังนะคะ


อันห่อๆนี้เรานึกว่าขนม แต่ถามเพื่อนแล้วเค้าบอกเป็นปลาส้มค่ะ มีแบบปลาล้วน แบบผสมกุ้ง ว่างั้น



และก็มาถึงท่ารถเมืองแปร เที่ยงคืนพอดี ระยะเวลา เดินทาง 6 ชม.เป๊ะ 
ที่ท่ารถเมืองแปรจะมีมอไซค์รับจ้าง สามล้อรับจ้าง รออยู่นะคะ 
โรงแรม เกษตรา ที่พักที่เราจองไว้ ก็อยู่ไม่ไกลจากท่ารถเท่าไร 

ห้องก็โอเคนะคะ กว้างพอดี ห้องน้ำโอเค สะอาดสะอ้านดี
แต่ราคาแอบแพงอยู่ 38,000 จั๊ต (จริงๆแพงมากเมื่อเทียบกับเวลาเช็คอิน เที่ยงคืนกว่า )


วันที่สอง
ทานอาหารเช้าที่ รร. พร้อมเก็บของเช็คเอ้าท์ โดยเราขอฝากถุงปุ๋ยสัมภาระเอาไว้ก่อน
โดยหมายของเราในการมาเมืองแปรครั้งนี้ ไม่มีที่ไหนเลยค่ะ มีแค่ศรีเกษตรเท่านั้น 555
เกือบ 9โมง ก็เริ่มเดินทางด้วยการแว้นมอไซค์ อากาศไม่ร้อนมาก ลมผ่านเย็นสบายดี
เริ่มแว้นสำรวจเมืองโบราณ อาณาจักรโบราณ ที่ชื่อศรีเกษตรกัน
อาณาจักรศรีเกษตร (พม่าออกเสียง ตยี เคตตะยา) เป็นอาณาจักรของชาวปยู ซึ่งเป็นชนชาติแรกที่มีอารยธรรมบนแผ่นดินพม่านี้
มีตัวอักษร มีภาษาของตัวเอง ศรัทธาในศาสนาทั้งพุทธ และพราหมณ์ฮินดู และฉลองศรัทธาด้วยการสร้างเจดีย์ รูปสลักเพื่อเคารพบูชามากมาย

เริ่มจาก รร. Ksetra Hotel มาตามถนนหมายเลข 2 เส้นสีเขียวที่เราลากมาเนี่ยเลยค่ะ
ตามทางก็ผ่านสถานีตำรวจ ผ่านวิทยาลัย โรงเรียน สถานที่ราชการต่างๆ

เจดีย์แรกที่ไปถึง เจดีย์ พญาจี เจดีย์ทรงลอมฟาง ที่เกิดก่อนเพื่อน เป็นทรงต้นแบบของเจดีย์ทั้งมวลบนแผ่นดินพม่านี้เลย

จากเจดีย์ พญาจี ตรงไปตามทางก็จะถึงประตูเข้าเมือง Gate นี้ ชื่อ เกท นากาตุ้น แปลว่านาคสะดุ้ง นาคสะบัด ประมาณนี้ล่ะค่ะ
ซึ่งเค้ามีเรื่องเล่าเป็นตำนายการสยบนาคของคิงด้วยนิดหน่อย
ลักษณะเกทก็จะเป็นทางกว้างแล้วก็ค่อยๆแคบลง นัยว่าช่วยในการคอนโทรลคนเข้าออก
เกทนี้เป็นเหมือนส่วน PR ต้อนรับผู้ชม เพราะว่ามีป้ายมรดกโลกตั้งอยู่ข้างหน้าเกทล่ะค่ะ

(วันที่ไปคือ 29 พ.ย. พระอาทิตย์ทำงานแข็งขันจนน่าตกใจ แสบร้อนแต่เช้าเลย)

อิฐที่เห็นเป็นก้อน 4 เหลี่ยมนั่นคือส่วนที่ก่อขึ้นใหม่ที่คาดว่าในสมัยโบราณจะมีลักษณะประมาณนี้ล่ะ ก็สันนิษฐานจากการขุดค้นแนวเกทเดิมล่ะนะคะ แต่ไม่ใช่ของเก่าทั้งหมด อิฐของเก่าจะก้อนใหญ่ๆ หนาๆ รูปทรงไม่เหลี่ยมเป๊ะเท่าไร
อาจจะเทคโนโลยีสมัยนั้นและด้วยการกัดกร่อน จากสภาพอากาศอย่างยาวนาน
ออกจากเกทนากาตุ้น ผ่านหนุ่มๆแถวคลองชลประทาน มีการแซววิ้ดวิ่วนิดหน่อย คงสงสัย ยัยป้านี่จะไปไหน ป้าจะไปพญามาจ้าาาา

มาถึงแล้วค่ะ เจดีย์พญามา

เค้าก็มีเรื่องเล่าอีกว่า เป็นเจดีย์พี่น้องกับพญาจีย์ ว่าแข่งกันสร้าง ใครจะเสร็จก่อนกันไรงี้ แต่น้องชายที่สร้างพญามา
เอาไม้ไผ่สร้างเป็นโครงเฉยๆ เลยเสร็จก่อน เลยได้ครองเมืองก่อนพี่ชาย
พอได้ครองราชย์ก็เลยลงมือสร้างต่อเป็นพุทธบูชา จนแล้วเสร็จ ประมาณนี้
จากเจดีย์พญามา ผ่านหนุ่มๆที่คลองชลประทานอีกรอบ แล้วเรากลับมาที่นากาตุ้นอีกรอบ
คือเริ่มเคว้งคว้างแล้วค่ะ แดดก็แร๊ง แรง  ไปเองไม่ถูก พอดีเพื่อนเสร็จธุระเลยมาช่วนแว้นนำทางให้
และก็มาที่เกทอีกเกท ชื่อนัตเปาก์ เป็นทางเข้าหมู่บ้านที่ตั้งอยู่ในพื้นที่อาณาจักรโบราณนี้ด้วย เอาจริงๆเค้าอาจจะเป็นลูกหลานชาวปยูนี่ล่ะเนาะ
เหน้าเกทนี้มีถนนหลวงตัดพาดผ่านไปเลยค่ะ 


ชาวบ้านก็ดำเนินชีวิตตามวิถีเดิมๆ ยานพาหนะที่บ้านเราคงไม่ใช้กันแล้วอย่างเกวียนเทียมวัว เค้าก็ยังใช้กันอยู่เป็นปกตินะคะ
อย่างเท่ เสียงเอี๊ยดอ๊าดเป็นจังหวะ ชอบมากค่ะ ยืนดูตั้งนาน
เยื้องๆกับเกทนี้จะมีศาลเจ้าที่ที่คอยปกปักรักษาผู้คนในหมู่บ้านและดูแลพืชพันธุ์การเกษตร ด้วยค่ะ ซึ่งจุดนี้ไม่แน่ใจว่ามีมานานแค่ไหนเพราะความเชื่อเรื่องนัตต์นี่ของชาวพม่าเนาะ ก็น่าจะหลายร้อยปีอยู่ ดูต้นไม้ต้นนี้ก็ไม่น่าจะต่ำกว่าร้อยปีเอ้า

หน้าศาลมีป้ายทางเข้าอาณาจักรโบราณ

มีรูปของ แแดนเซอร์ ดรัมเมอร์ คนถือเครื่องดนตรีอะไรอีกต่างๆ คุณพี่ 5 ท่านนี้เป็นซิมโบลของที่นี่เลยนะคะ
เข้าไปตามทางไกลพอสมควร ก็มาถึงมิวเซี่ยมค่ะ มีค่าเข้า 5,000 จั๊ตนะคะ

ในมิวเซี่ยมมีสิ่งต่างๆที่ขุค้นได้ นำมาจัดแสดง บางส่วนได้รับบริจาค บางส่วนเป็นของทำขึ้นแทน
เนื่องจากของจริงถูกนำไปเก็บรักษาไว้ที่ เนชั่นนัล มิวเซี่ยมในย่างกุ้ง
เราใช้เวลาในนี้นานมากกก ดูทุกอย่าง เหมือนศึกษาภาคทฤษฎีมาจากรายการเปิดตำนานของอาจารย์เผ่าทอง ทองเจือ
แล้วมาศึกษาภาคปฏิบัติด้วยตัวเอง


ชาวปยูเค้าเก่งนะคะ เป็นอารยชน มีเทคโนโลยีพอสมควร ถลุงแร่ต่างๆใช้ได้แล้ว มีสิ่งประดิษฐ์มากมายเลย 
ซึ่งส่วนใหญ่เป็นข้าวของเครื่องใช้ในชีวิตประจำวัน และอีกส่วนก็เป็นการบูชาในศาสนาตามความเชื่อ
ที่มีทั้งพุทธมหายาน พุทธเถรวาท พราหมณ์ฮินดู  ในภาพจะเห็น รูปหล่อโลหะ น้อย ๆ ของคุณพี่ทั้ง 5 ท่านนั้น
ซึ่งเป็นชิ้นจำลองลดขนาดลงมานะคะ ของจริงเค้าว่าเก็บไว้ที่มิวเซี่ยมในย่างกุ้ง
ซึ่งอันนี้เป้นการทำจำลองรอบที่ 2 เพราะรอบแรกถูกขโมยไป แป่ว!!
ส่วนชิ้นนี้เป็นประติมากรรม แสดงตอนพระพุทธเจ้าแสดงปฐมเทศนา

มีพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร ของพุทธมหายาน

แล้วก็มีชิ้นที่สร้าง บูชา ตามความเชื่อศาสนาพราหมณ์ ฮินดู โดยเชื่อว่านิกายที่ศรัทธากันก็คือไวษณพ บูชาพระวิษณุ ล่ะค่ะ
อย่างชิ้นนี้เป็น นารายณ์บรรทมสินธุ์ แล้วมีดอกบัวบานสามดอกเกิดจากพระนาภี(สะดือ) 
โดยมีเทพที่พระทับบนดอกบัวบานคือพระพรหม ซึ่งเป็นพระผู้สร้าง พระศิวะ สัญลักษณ์แทนการดับสิ้นทำลายล้าง
และพระวิษณุ ผู้ดูแลรักษา

และก็ยังมีงาน ชิ้นอื่นอีกมากมายก่ายกอง พระแท่นที่มีสลักลายนูนต่ำ นี่ตั้งแสดงด้านหน้าเป็นไฮไลต์เลยนะคะ

ออกจากพิพิธภัณฑ์ ก็มาต่อที่กำแพงชั้นใน และส่วนที่เป็นทาวเว่อร์ในพระราชวัง
ทางเข้าพระราชวังชั้นในค่ะ


ใช่ค่ะที่เรียงสวยเหลี่ยมเป๊ะคืออิฐจากการรีโนเวทใหม่ อิฐเก่าของเดิมจะไม่เหลี่ยมเป๊ะ และจะมีรอยซีเมนต์ปะๆเอาไว้
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่