Diary for Herniated Nucleus Pulposus (HNP) บันทึกการรักษาของคนไข้โรคหมอนรองกระดูกสันหลังกดทับประสาท EP5

EP5 “ทำใจให้สบาย เพราะใจเป็นนาย กายเป็นบ่าว”

Diary for Herniated Nucleus Pulposus (HNP) one stop service 
บันทึกการรักษาของคนไข้โรคหมอนรองกระดูกสันหลังกดทับเส้นประสาท (ผ่านการรักษามาแล้วทุกวิธีที่หาได้ ครบจบในคนเดียว!!)
 
แต้มบุญ   เพี้ยนจริงจังทุกข์ สมุทัย นิโรจ มรรค อริยสัจ 4 ที่เพื่อนๆ คงได้เรียนกันมาทุกคน เราศึกษาธรรมะมานานหลายปี คิดว่าตัวเองเข้าใจและปฏิบัติได้ แต่พอถึงเวลามีทุกข์เข้าจริงๆ ก็เซไปพักหนึ่งเลยคะ 
การรักษาทางใจ ใน case ของเรายอมรับเลยว่าป่วยใจไปด้วย โดยเฉพาะ 1 เดือนแรก คนไข้ HNP มีระดับอาการที่หลากหลาย บางคน disc (เจลหมอนรองกระดูก) มันปลิ้นออกมานิดเดียว แค่นอนพัก กินยา ทำกายภาพสักพักก็หายปวด แต่เราเนี่ย disc มันออกมาเยอะมาก ก้อนโตและมากพอที่จะเบียด sciatica จนทำให้เราลุกเดินแค่ 5 เมตรก็ไปไม่ไหวแล้ว ก้าวขาไม่ออก เราใช้เวลานอนพักแบบ bed rest ที่บ้าน + admit รพ. รวมๆแล้วก็เกือบ 3 เดือน เราก็ดู TV ติดตามข่าว ดู series เกาหลีและจีนที่ production อลังการงานสร้างสุดๆ (ทบทวนภาษาเกาหลีที่เรียนมานานจนใกล้จะลืมหมดแล้ว 
และเพิ่มเติมคิดว่าหายแล้วจะเริ่มเรียนภาษาจีนเพื่อพัฒนา add value ให้ตัวเองไปอีก ใช้เวลาว่างสลายความมโนฟุ้งซ่านนะคะ) ดู training ต่างๆ ทั้งการ manage การเงิน, การเพิ่ม productivity ให้กับงานและตัวเองและอะไรอีกหลายอย่าง ดูเพลินดีนะคะ ฆ่าเวลาได้อย่างรวดเร็ว แต่!!! มันไม่ได้ฆ่าความทุกข์ในใจที่กดดันเพิ่มขึ้นทุกวันๆ เราก็เลยสลับฟังพระเทศน์อย่างที่เราทำเป็นประจำ
“เผชิญความป่วยไข้ ด้วยใจเป็นสุข” นี้คือ topic ที่ peak สุดๆ แบบแทงเข้าไปที่หัวใจเรา ณ ตอนนั้น เราพบใน youtube พระไพศาล วิสาโล ท่านเทศน์สอนไว้ และเป็น topic ที่ช่วยปลดล็อกความรู้สึก ความทุกข์ ความเจ็บป่วยทางใจของเรา แนะนำให้เพื่อนๆ ลองฟังนะคะ สรุปสั้นๆ แบบของเราคือ

      1)  อย่ายากหาย คำนี้แทงใจเราน้ำตาไหลพรากเต็มหน้าและปลดล็อคเราได้ดึงอารมณ์กลับขึ้นไปอยู่บนแดนสวรรค์ได้ทันที
      2)  อย่ามองกลับไปในอดีต ว่าฉันเคยมีสุขภาพแข็งแรง เคยมีงานดีๆ มีเงิน มีอะไรดีๆ แต่ตอนนี้มันเปลี่ยนไปแล้ว
      3) อย่าคิดไปถึงอนาคต สิ่งที่เลวร้ายที่สุดก็คือจินตนาการแย่ๆ ที่เกิดจากจิตเศร้าหมองของเราเองนะคะ คิดไปก่อนว่าฉันต้องทรมานจนตาย ต้องถูกทอดทิ้ง ต่างๆ   นาๆ 
     4) อย่าโทษคนอื่น ว่าเพราะคนนั้นทำกับฉันแบบนี้ ฉันถึงต้องตกอยู่ในสภาพแบบนี้
ปล่อยวางตัวตนเก่า อย่างเราเองเคยเป็นลูกที่ยอดเยี่ยม ดูแลพ่อแม่และรับผิดชอบตัวเองดีทุกอย่าง ต่อไปนี้เราเดินไปทิ้งขยะหน้าบ้านยังจะไม่ไหว เรารู้สึก failed ความเป็น tope performance, working woman หายไปหมด รู้สึกเหมือนตัวเองไม่มีค่า และเราอาจจะต้องให้พ่อมาดูแลเราแทน 
Quote ที่ประทับใจที่สุดคือ “ความทุกข์ให้อะไรกับเรามากมาย ดีกว่าความสุขเสียอีก เพราะความสุขมันทำให้เราฟุ้งเฟ้อ ล่องลอย” “ความจริงมันโหดร้าย แต่การไม่ยอมรับความจริงมันโหดร้ายยิ่งกว่า เพราะมันคือสิ่งที่ขังจิตใจเราไว้กับความทุกข์นั้น” คำแนะนำให้ปลดล็อกตัวเองนะคะ ปล่อยวางและยอมรับมันทุกๆ อย่าง;
    1) ยอมรับความจริงปัจจุบัน ว่าเราเป็น HNP แล้วและหาทางอยู่กับมันให้ได้
    2) ปล่อยวางความเป็นไป ว่าเราอาการอาจหนักขึ้นเรื่อยๆ ต้องเจอการรักษาขั้นตอนต่อไปหรือผ่าตัดในที่สุด 
    3)  ปล่อยวางและยอมรับอนาคต ว่าความสูญเสียหรือความตายคือธรรมชาติที่ทุกคนต้องเจอ เป็นสิ่งเดียวที่มีความแน่นอนในโลกนี้
และเราปลดล็อกใจตัวเอง ยอมรับความช่วยเหลือจากคนรอบข้าง ครอบครัว เพื่อนๆ ที่เขาพร้อมอยู่แลว เรายอมรับได้ว่าการเอ่ยปากขอให้เพื่อนช่วยคือธรรมชาติ คือน้ำใจที่เราก็มอบให้เพื่อนเสมอๆ เช่นกัน ไม่ได้เป็นเรื่องการเสียศักดิ์ศรีหรือเราด้อยค่าแต่อย่างใด
ทั้งหมดนี้คนไข้ควรทำ ครอบครัวและญาติๆ ด้วยนะคะ ปล่อยวางและยอมรับให้ได้กันทุกๆ คนและใช้ได้กับทุกๆ เรื่องคะ
ขออนุโมทนาล่วงหน้ากับเพื่อนๆ ที่จะเริ่มศึกษาธรรมะนะคะ สำหรับเรา HNP และความป่วยไข้คือความท้าทาย, challenge อะไรก็ตามที่จะเข้ามาในชีวิต เราจะ take it as a gift เรียนรู้จากมันและพัฒนาตัวเองให้เข้มแข็ง บารมีสูงขึ้นไปเรื่อยๆ คะ  

เพี้ยนมโน 

“ความห่วงใยคือความกดดันและทุกข์”
โดยปรกติเราโทรคุยกับพ่อทุกวัน ทุกอย่างเป็นปรกติดี เราคือลูกที่ดีของพ่อแม่ ดูแลรับผิดชอบทุกอย่างได้ และเมื่อทุกอย่างเปลี่ยนไปแบบกะทันหัน เปลี่ยนมากๆ ด้วย เราก็ไม่กล้าเล่าให้พ่อฟัง อันนี้แล้วแต่คนนะคะ บางคนไม่กังวล แต่เราเป็นห่วงพ่อ กลัวท่านจะเครียดและเป็นห่วงมาก กลัวพ่อจะรับไม่ได้ว่าลูกป่วยเยอะมากและจะยิ่งทำให้เราเครียด รู้สึกแย่ยิ่งกว่าเดิม (ชื่อโรคมันน่ากลัวมากนะ) เราเลยไม่ได้บอกความจริงทั้งหมด บอกพ่อแค่ว่าปวดหลังเพราะกล้ามเนื่อหลัง ขาอักเสบ เราต้องทำตัวให้มีพลัง สดใส ทำเสียงเป็นปรกติตอนโทรหาพ่อ และพ่อก็จะถามทุกวันว่าดีขึ้นไหม เมื่อไรจะไปทำงาน เราก็ตอบแค่ว่าค่อยๆ ดีขึ้น น่าจะไปทำงานอาทิตย์หน้า ในขณะที่ความจริงแล้วเราปวดขามากขึ้นๆ เริ่มเดินไม่ได้ อยู่คนเดียวลำบากมากและไม่รู้อนาคตตัวเองเลย และเราก็หลอกตัวเองเหมือนที่บอกพ่อคือ เดียวก็หายและกำลังจะกลับไปทำงาน จุดนี้ทุกข์หนักมากนะคะ ฉะนั้นคำแนะนำสำหรับเพื่อนหรือญาติคนไข้จากเรานะคะ อยากให้โทรหาหรือชวนคนไข้คุยในเรื่องทั่วๆ ไปเหมือนปรกติเลย เพราะยิ่งทุกๆ คนมารุมถามอาการทุกวัน ถาม-ตอบเรื่องซ้ำๆ เดิมๆ มันยิ่งทำให้เครียด จิตตก โดยเฉพาะใน case ของเรา การอนอน admit ฉีดยา ยิ่งเวลาผ่านไปแต่อาการอยู่ที่เดิม บางวันปวดมากขึ้นด้วยซ้ำ มาเจอญาติๆ ถามว่า ดีขึ้นรึยัง เดียวก็หาย เดียวก็ไปทำงานได้ สู้ๆ นะ โดยเฉพาะคำว่าสู้ๆ บอกเลยว่าไม่อยากได้ยิน มันคือการตอกย้ำว่าเราป่วย ในขณะที่เราก็ยังต้องรับผิดชอบชีวิต การงาน และยังต้องรับผิดชอบแบกรับความคาดหวังจากคนรอบข้างอีก มันเครียดมากนะคะ เพราะตอนนั้นตัวเรายังอยู่ในอาการผลักไสเจ้า HNP ไม่ยอมรับความจริง ไม่ยอมรับการป่วยไข้ ถึงทำใจยอมรับได้ก็ยังต้องใช้เวลาเพื่อวางแผนอนาคตและ เพื่อการปล่อยวางได้ในที่สุด เราแนะนำคนไข้และญาติว่าให้พูดคุย วางแผนในประเด็นหลักๆ เช่นขั้นตอนการรักษา ค่าใช้จ่าย การปรับชีวิตประจำวันต่างๆ คุยครั้งเดียวจบ จนกว่าจะมา update อาการจากแพทย์ก็ค่อยมาปรับกันใหม่ ไม่ควรมาพูดวนๆ ซ้ำซาก (จริงๆ แล้ววิธีนี้ใช้ได้กับทุกเรื่องนะคะ ไม่ใช่เฉพาะแต่เรื่องป่วยไข้) เมื่อวันที่เราปลดล็อกใจตัวเองได้และกล้าหาญโทรหาพ่อและพี่สาวเพื่อบอกความจริงทุกอย่าง ว่าเราป่วยมากๆ และอาจจะมากกว่านี้ สิ่งที่เราเคยกลัวมันไม่ใช่เลย เราโชคดีเพราะครอบครัวเราเข้าใจ รับฟังอย่างสงบนิ่งและพร้อมที่จะอยู่ข้างเราเสมอไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม นี่คือการปลดล็อกขั้นที่ 2 ของเรา มันโล่งโปร่งสบาย ที่เหลือเราไม่มีอะไรต้องทุกข์อีกแล้ว เราพร้อมที่จะเข้าผ่าตัดถ้าจำเป็น เราพร้อมที่จะปรับเปลี่ยนงาน เรื่องค่าใช้จ่ายก็ได้เต็มที่เพราะเราเตรียมตัวไว้ก่อนแล้ว ประกันสุขภาพ/ชีวิต และเงินเก็บสำรองสำคัญมากๆ นะคะ สำหรับทุกๆ คน ขอย้ำอีกครั้งด้วยความหวังดี
 
Top 5 สิ่งที่คนไข้ไม่ชอบ จาก youtube ของพระไพศาล วิสาโล;

    1) คำแนะนำ สั่งสอน ใช้สิ่งที่คุณได้ยิน ได้ฟังมาแล้วไปสอนคนไข้ด้วยความหวังดี ทั้งๆ ที่เขาอาจจะไม่พร้อมที่จะรับฟังหรือไม่เห็นด้วย
    2) เดี๋ยวก็หาย เดี๋ยวก็ดีขึ้น จากประสบการณ์ตรงเราบอกเลยว่าไม่อยากได้ยินคำนี้เช่นกัน เพราะเรารู้อยู่แล้วว่ามันไม่ง่ายและยังต้องรักษากันอีกนาน อีกหลายวิธีการและหนักหนากว่าที่ญาติๆ คิดไว้ 
    3) เข้มแข็ง สู้ๆ ปล่อยวางนะ (แหม… กว่าจะเข้าถึงและปล่อยวางได้จริงๆ มันต้องสร้างภูมิคุ้มกันในใจมาก่อนนะคะ และวางแผนอนาคตไว้รองรับด้วย เราถึงจะสบายใจและปล่อยมันได้จริงๆ เพราะชีวิต ยังต้องกินข้าว มีบ้าน ใช้เงิน...)
    4) ความขัดแย้งในครอบครัว เรื่องการรักษา ภาระค่าใช้จ่ายกับคนไข้ ยิ่งทำให้คนไข้ทุกข์ รู้สึกผิด ปวดกายก็หนักพอแล้ว ยังปวดใจอีก 
เราอาจจะสรุปได้ไม่ตรง 100% นะคะ แนะนำให้เพื่อนๆ ฟังพระท่านเอง เพราะจะได้ข้อคิดและเข้าใจมากขึ้น เราฟังพระ ฟังธรรมก็เป็นจริตส่วนตัวนะคะ เพื่อนๆ คนไหนอาจจะหาวิธีคลายเครียด หาตัวช่วยแนวอื่น ก็เอาที่สบายใจและสดชื่นคะ
 

ขอบคุณเพื่อนๆ ทุกคนที่ช่วยกัน share review นี้ออกไป เพื่อเป็นความรู้และกำลังใจ เราพบว่ามีคนรอบๆ ตัวเริ่มป่วยเป็นโรคนี้เยอะมากขึ้น ด้วยอายุที่น้อยลงเรื่อยๆ ให้กำลังใจทุกๆ คนนะคะ 
ถ้าเพื่อนๆ หรือคนไข้คนไหนสนใจอยากรู้รายละเอียดว่าเรารักษาที่ รพ. ไหนกับแพทย์คนไหนบ้าง อยากถามเพิ่มเติม ติดต่อมาได้เลย เรายินดีช่วยคะ ถ้าอยู่จังหวัดใกล้ๆ กันกับเรา ก็คงได้มาเลือก รพ. ที่นี่หรือมีแพทย์ที่ดีพร้อมที่จะช่วยเหลือคนไข้หลายคนมากคะ แต่เราว่าหมอใจดี คุณอาจจะว่าไม่ก็ได้ ขึ้นอยู่กับความเข้าใจ พอใจของแต่ละคนนะคะ ในที่นี้ไม่มีโฆษณาประกันหรือแพทย์อะไรทั้งสิ้นนะคะ ไม่มีการผิดใจกับหมอไหนทั้งสิ้นนะคะ เล่าให้ฟังเผื่อมีประโยชน์กับเพื่อนๆ ที่วางแผนการเงิน งาน สุขภาพ กับคนไข้และครอบครัวที่ต้องตัดสินใจ 
เราขอขอบคุณทีมแพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่ทุกคนที่ช่วยเหลือเราให้ผ่านช่วงเวลาการรักษาโรคไปด้วยดี ขอบคุณคะ

เพี้ยนสวัสดีวันนี้คนไข้ HNP L5-S1 Microdiscectomy ต้องขอลาไปก่อน ขอบคุณสำหรับการติดตามและพบกันใน EP ต่อไป สวัสดีคะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่