Frozen 2
สู่ดินแดนเสียงเพรียกหา

ภาคแรกสร้างกระแสดังระเบิดระเบ้อขนาดนั้น ภาคสองก็ต้องมีสิน่า ผ่านไป 6 ปี ในที่สุดเรื่องราวของราชินีน้ำแข็ง เอลซ่า ก็กลับมาให้แฟนๆที่ตั้งตารอกันอย่างใจจดใจจ่อได้ชมกันเสียที แต่จะปังแบบครั้งที่แล้วหรือไม่นี่สิ เพราะทั้งทางผู้สร้างและคนดูต่างก็คาดหวังกับหนังไว้สูงมาก

ตัวละครที่คนดูคุ้นเคยกลับมาครบชุด ไม่ว่าจะเป็น เอลซ่า ราชินีแห่งอาณาจักรอาเรนเดลล์ เจ้าหญิงอันนา คริสตอฟฟ์ ที่ต้องมาพร้อม สเฟน กวางเรนเดียร์คู่ใจ และ โอลาฟ ตุ๊กตาหิมะสุดป่วนที่ในภาคนี้มีซีนเยอะมาก เนื้อเรื่องในภาคนี้พูดถึงเหตุการณ์ในอดีตสมัยที่ปู่ของทั้งสองสาวเป็นกษัตริย์ ส่วนพ่อก็เป็นเพียงเจ้าชาย ทั้งคู่เดินทางไปผูกสัมพันธไมตรีกับชนเผ่าที่อยู่ในป่า แต่กลายเป็นว่าเหตุการณ์ครั้งนั้นจบลงไม่สวย หลายปีผ่านไป เอลซ่า ผู้เป็นราชินีแห่งอาณาจักรได้ยินเสียงปริศนาพร้อมกับเหตุการณ์ประหลาดที่เกิดขึ้น เธอจึงต้องออกเดินทางเพื่อหาคำตอบและแก้ไขความผิดพลาดบางอย่างที่เกิดขึ้นในอดีต

ถามว่ายังสนุกเหมือนภาคแรกอยู่หรือไม่ ก็ต้องบอกว่า สนุก แต่ไม่เข้มข้นเหมือนภาคแรกเพราะดูเหมือนเนื้อเรื่องในภาคนี้จะไม่ค่อยมีอะไรลึกซึ้งมากนักอย่างที่ในภาคแรกได้ทำไว้ กล่าวคือเหมือนว่าหนังจะทำได้แค่เพียงสร้างความเพลิดเพลินในระดับหนึ่งให้กับคนดูได้เท่านั้นเอง ส่วนเพลงที่ใส่เข้ามาในหนังก็เยอะมากอย่างกับหนังเพลงแต่ไม่รู้สึกติดหูสักเพลงเดียว ขนาดเพลงหลักอย่าง Into the unknown ก็ยังทำได้ดีไม่ถึงครึ่งของเพลงดังในภาคแรก Let it go หรือเพลงของตัวละคร คริสตอฟฟ์ เพลง Lost in the woods ที่ทำออกมาโดดจากเรื่องจนอดที่จะรู้สึกแปลกใจไม่ได้ 

ในบรรดาตัวละครใหม่ที่เพิ่มเข้ามา เราชอบน้อง บรูนี่ ที่สุด (น้องรูปร่างเหมือนสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ ตัวเล็ก สีออกฟ้า ติดไฟง่าย สร้างความได้ แต่ถ้าเข้าอกเข้าใจน้อง ทุกอย่างก็จะเรียบร้อยดี) และบรรดาตัวละครใหม่ที่เพิ่มเข้ามานี่เองที่ช่วยสร้างสีสันให้กับหนังได้เยอะมาก เดาไม่ยากเลยว่าดิสนีย์จะต้องเพิ่มสินค้าตัวละครใหม่จากหนัง Frozen 2 แน่ยิ่งกว่าแช่แป้งอยู่แล้ว

งานภาพที่ทำออกมาได้สวยมากๆ เป็นอีกส่วนหนึ่งที่หนังทำได้ดีไม่มีตก หรือจะเป็นมุกน่ารักชวนใจละลายก็ทำได้ดีเช่นกัน จุดที่อ่อนที่สุดคือเรื่องบทที่ไม่ใช่ว่าย่ำแย่อะไร แต่ดูออกว่ามีความพยายามทำให้เรื่องราวดูมีอะไรๆแต่ดูมันเหมือนจะไม่มีอะไรให้น่าติดตามอย่างจริงจังก็เท่านั้นเอง
 
ขบเคี้ยวหนัง