สารบัญ
https://ppantip.com/topic/39358562
“ตึง! ๆ ๆ ๆ ... ๆ” รองเท้าส้นสูงกระทบกับพื้นหินอ่อนเป็นจังหวะจะโคนไปเรื่อย ๆ ตามทางเดินสายยาวที่ผนังแอบบุแผ่นอาคมป้องกันการสอดแนม กระทั่งพบบันไดจึงเดินลงอย่างสบายอารมณ์ พอเหยียบถึงขั้นสุดท้ายและทอดน่องต่ออีกจนมาเยือนห้อง ๆ หนึ่งก็หยุดชะงักสักช่วงครู่
“แกร๊ก!” พร้อมกับปรากฏเสียงบิดกลอนประตูขึ้นมาแทรก
ภายในห้องอันกว้างขวางมีความหรูหราแห่งโรงแรมระดับห้าดาว การประดับประดาจึงมิบกพร่องอันใดเลย อาทิเช่น โคมไฟติดอัญมณีที่ให้แสงสว่างส่องใบหน้านี่เอง เครื่องเรือนแนววิจิตรศิลป์เรียงรายเป็นอย่างดี ภาพวาดลื่อชื่อก็ไม่ขาดแคลนสายตา จะวิวทิวทัศน์อันงดงาม ทั้งสื่อถึงนามธรรม ฤๅ ท่วงท่าต่าง ๆ ของผู้คน
“อือ! ๆ ๆ ๆ” มีสำเนียงอู้อี้ดังขึ้นเบา ๆ กึ่งกลางสถานที่ ทว่ากลับแฝงการความดิ้นรนสุดชีวิต
“... ท่านมันทรานี มีเหตุอันใดรึ? ถึงยอมลงมาถึงห้องลับ ๆ ของข้าด้วยตัวเองแบบนี้” เรลาล่าเอ่ยปากถามทันทีด้วยความแปลกใจ เมื่อพบว่ามีบุคคลอื่นเพิ่มอยู่ด้วย
“เรลาล่า ถึงเมื่อไรกันนะ? ที่เจ้าจะเลิกทำงานเป็นเลขาของข้าเนี่ย ถ้ายังต่ออีกสักปีล่ะก็ ตอนนั้นมันสมองเสื่อม ๆ ในนี้คงต้องระเบิดเป็นเสี่ยง ๆ ไปแล้วแน่นอน” มันทรานีที่ยืนหันด้านข้างให้กล่าวตอบอย่างจริงจัง มือข้างหนึ่งชี้มาที่เศียรตนเอง ถึงกับขมวดคิ้วเป็นดวงเชียวล่ะ ครั้นใช้หางตาเหลือบมองอีกฝ่าย แผ่นหลังพิงกำแพงและงอหัวเข่าซ้าย ส่วนฝ่าเท้านาบผนังห้อง
เขากำลังพินิจอะไรบางอย่างอยู่ ก่อนยกแขนขวาขึ้นจับไปป์ทรงกริฟฟอนอันคาบด้วยปาก ขณะลิ้นเดาะให้หมุนเป็นวงเวียน เพื่อดึงออกมาตรงบริเวณหน้าอก โดยเคาะของเสียทิ้งใส่ที่เก็บเฉพาะในมืออีกข้างซึ่งล้วงจากกระเป๋ากางเกง พอเสร็จสรรพ มันจึงคืนสู่ที่ควร พร้อมกับบรรจุยาเส้นใหม่ลงปล่อง ณ ปลายกระบอก
“ท่านก็รู้นี่นาว่าเรื่องที่ต้องการ มันเป็นไปไม่ได้ รวมถึงข้าด้วย คงอยู่ให้รำคาญใจอีกนานทีเดียว หรือจนกว่าจะมีคำสั่งมาจากทางเบื้องบน?” พอเรลาล่าปิดประตูลงกลอนให้เรียบร้อย จึงยิ้มและพูดขึ้นแบบชัดถ้อยชัดคำ จากนั้นย่างก้าวเข้าหามันทรานี
“เปรี้ยะ!” หัวไม้ขีดหอมซึ่งหยิบขึ้นมาจากกล่องไม้เล็ก ๆ ในกระเป๋าเสื้อเลยถูกเสียดสีแทนจนเกิดเปลวเพลิง แล้วจุดไฟต่อให้มีควันฟุ้งพอสมควร
เจ้านายคนนี้อายุประมาณ 50 ปีเศษ แต่เส้นผมและหนวดเคราล้วนขาวแล้ว ซึ่งเป็นสั้น ๆ เพราะดูแลรักษาง่าย ขอบหน้าผากซีกขวามีรอยสักปีกนก สุขภาพดี หลังตรงเต็มเปี่ยมบารมี ใบหน้ายาว คางแหลม เนตรเรียวดั่งเหยี่ยวที่หางตาเกิดตีนกาเต็มไปหมด สูง 170 เซนติเมตร ร่างกายสมส่วน กล้ามเนื้อเข้ารูปทรง เขาสวมชุดสูทสีน้ำตาลเข้ม กะเสื้อนอกดำสันปกหนาในมาดผู้บริหาร CEO
“เฮ้อ! เอาเถอะ ๆ ต่อให้ข้าจะรับไม่ได้แค่ไหน ก็ต้องทนไปเท่านั้นแหละนะ” มันทรานีพูดออกมา โดยเสียบปลายไปป์ระหว่างริมฝีปากอีกหน สองนิ้วชี้และกลางยังคีบก้านอยู่ดั่งบุหรี่หนึ่งตัว เพื่อสูบเข้าปอดเหือดใหญ่ ๆ ขณะเรลาล่าหยุดร่างลงแล้ว เธอเว้นว่างห่างจากเขาระยะสองช่วงตัว
“อือ! ๆ ๆ ๆ” เสียงประกอบฉากอันร้อนรนก็ยังร่ำร้องอยู่อีก
“ลามอซี่ บอกให้เหลือเอาไว้ด้วยใช่ไหม? ดูสิ ช่างเห็นแก่ตัวนัก ขาขวาข้างสุดท้ายก็เกือบหมดทุกนิ้วอีก แล้วข้าจะระบายความอัดอั้นที่ไหนกัน?” เรลาล่าจึงต้องหันหน้าก้มลงมามองของบุคคลที่สามในห้องแห่งนี้ ทำให้ต้องเท้าเอวและขึ้นเสียงสูง เนื่องจากหัวเสียมิใช่น้อย
“หึ ๆ ใครใช้ให้นายหญิงน้อยไปเข้าห้องน้ำนานกันล่ะ เรื่องแบบนี้น่ะ ใครดีใครได้ ฮา ๆ” อีกฝ่ายซึ่งนั่งชันเข่าขวาโชว์เธอเพียงแค่ด้านหลังได้บิดใบหน้ามาตอบแบบมีชั้นเชิง
มือซ้ายกำลังถือคีมเหล็กขึ้นสนิมด้านหนึ่ง ประมาณที่ถอนฟันน่ะ เขาบีบเข้าออกดังแกร๊บ ๆ เพื่อเน้นสภาวะจิตผิดปกติ พอยื่นลงหนีบเป้าหมายถนัดก็กระชากออกอย่างรุนแรง แล้วก็โยนทิ้งไป ข้าง ๆ กายจึงปรากฏแผ่นนูนโค้ง ๆ สีขาว ๆ เกลื่อนกลาดสามสิบกว่าอัน สภาพดีบ้างเลวบ้าง พร้อมกับคาบเลือดนองเต็มผ้ายางที่กางบนพรม
“อือ! ๆ ๆ ๆ”
“... ยังไงก็เอาเถอะ ช่วยทำความสะอาดห้องทำงานบ้างได้ไหม? ทุกครั้งที่ทำงานเสร็จ ข้าไม่อยากให้ปล่อยเอาไว้เยี่ยงนี้เลย นี่มันมักง่ายเกินไปแล้ว” มันทรานีเลยต้องส่ายหน้าซ้ายขวาสักรอบ แถมยังถือโอกาสตักเตือนเรลาล่าด้วย ดวงตาหรี่ลงแทบเป็นเส้นตรง
“นี่คือห้องทำงานของข้า ใครจะบ้ากล้าเข้ามากันเล่า นอกเหนือจากท่าน” เรลาล่าจึงโต้กลับแบบมิใส่ใจกระไรนัก สำหรับลามอซี่นั้น เมื่อรู้สึกว่าไม่เกี่ยวข้องด้วยแล้ว เขาจึงทำกิจกรรมตามความชอบดั้งเดิม
เลปพราคอนตนนี้สูงประมาณ 140 เซนติเมตร ศีรษะโต รูปหน้าหัวใจแคบ ๆ ที่มีรอยเหี่ยวย่นมาก โดยเฉพาะหว่างคิ้วกับสันดั้ง เนื้อแก้มตูม ดวงตาอสรพิษเรียว แขนขาเล็กและช่วงสั้น ผิวกายสีเขียว จมูกโต ใบหูแหลมนิดหน่อย เขาสวมใส่ชุดคล้ายพนักงานขายตั๋วพนันการแข่งม้า รองเท้าหนังขัดเงาหัวใหญ่ส้นหนา เสื้อโค้ทลายสก๊อตตาถี่ ๆ สีขาวกับน้ำตาลส้ม หมวกดำทรงสามเหลี่ยมติดขนนกอินทรีย์สองเส้น ๆ ละเฉด
“แต่ท่านน่าจะหาความสำราญในการทำงานบ้างนะ แบบข้ายังไงล่ะ” เรลาล่าได้กล่าวกับมันทรานี ระหว่างเดินไปที่โต๊ะซึ่งมีพื้นหลายระดับตัวหนึ่ง
มันคลี่ออกปานดอกไม้บาน แต่ละโซนจัดตั้งเครื่องอำนวยความสะดวกมากชนิด พิกัดถัดจากมันทรานีเข้าไปหน่อย เพื่อยกขวดไวน์แดงมารินใส่แก้ว เธอแกว่งตามเข็มนาฬิกาสามรอบให้กลิ่นของเหลวฟุ้งกระจายก่อน แล้วจิบอย่างรื่นรมย์
“เจ้าก็พูดได้สิ เมื่อมิต้องทำอะไรเองเลยนี่ รู้บ้างไหม? ณ ปีนี้มีคนที่อยากรู้อยากเห็นทะเล่อทะล่าเข้ามาในนี้สามรายแล้วนะ ข้ารีบต้องปกปิดเรื่องราวแทบไม่ทันทุกครั้งด้วย” ทำให้มันทรานีต้องอดบ่นไม่ได้ เท้าที่เคยเหยียบใส่กำแพงก็เหยียดตรงลงพื้น เขาพ่นควันออกมาจากปากยาว ๆ เล่นแก้เซ็ง เมื่อถอนไปป์ขึ้นและชี้ตรงหน้าของอีกฝ่าย
“ข้าทราบว่าท่านต้องจัดการให้ มือถึงไม่ต้องเปรอะเปื้อนอะไรเยี่ยงนี้” เรลาล่ากล่าวขึ้น ขณะรินไวน์แดงใส่แก้วใหม่ เพราะดื่มจนหมดแล้ว
“มนต์รักษาเอ๋ย! จงเยียวยาบาดแผลด้วยเถิด” จังหวะนั้นลามอซี่ร่ายคาถา ไอมนตรากำลังลามสู่เป้าหมาย
“เหมือนใหม่แล้ว มาลิ้มรสชาติกันอีกรอบเถอะ ถึงจะไม่ตรึงตาต้องใจเฉกหนแรกก็ตาม แต่ข้าทำดีที่สุดแน่ หึ ๆ ขอรับรองเลย” เขากล่าวต่อด้วยความชั่วร้าย
“หนึ่ง สอง สาม ... ห้า” คีมในมือจึงทำงานตามคำพูด เรื่อย ๆ ช้า ๆ แต่เน้น ๆ
“อือ! ๆ ๆ ๆ” การขัดจังหวะก็มาเป็นระยะ มันทรานีถึงหันความสนใจไปที่ต้นตออีกครั้ง
“เยี่ยมสุด ๆ เลยใช่ไหม? ฮา ๆ เจ้าคงไม่มีเล็บให้ตัดไปอีกนานแน่ ถ้ารอดไปได้นะ” ลามอซี่กล่าวขึ้นและหัวเราะคิกคักออกมา หลังจากแลบลิ้นเลียริมฝีปากแบบวนขวาจากบนลงล่าง ทั้งยังเอาคีมเหล็กมาตรงหน้า เพื่อบีบให้เกิดเสียงดังข่มขู่
“... แล้วครั้งนี้ได้อะไรอย่างอื่นเพิ่มอีกไหม?” มันทรานีขี้เกลียดต่อว่าแล้ว ทั้งยังรังเกียจพฤติกรรมเช่นนี้ด้วย เขาจึงเอ่ยปากถามเรลาล่าในเรื่องสำคัญ
“เหมือนเดิมทุกครา สปาย! ช่วงนี้มีแต่พวกขายชาติ เนื่องจากโดนหลอกล่อด้วยผลประโยชน์ทั้งนั้น” เลขาสาวหุ่นสะบึมเลยตอบด้วยเสียงก้าวร้าว เธอวางของที่ถืออยู่ลงเป็นโต๊ะทำงาน จากนั้นก็เดินเข้ามากึ่งกลางห้อง
“อือ! ๆ ๆ ๆ” มันคือแหล่งกำเนิดของคลื่นรบกวน ณ ตำแหน่งนี้มีผู้ชายคนหนึ่งถูกพันธนาการอย่างรัดกุม ครั้นถูกผนึกให้นั่งบนเก้าอี้ปิดตาย
โดยมีสายโซ่เหล็กรัดพันแน่น เส้นเท่าข้อมือ ฝ่ามือโดนหมุดแหลมอันโต ๆ ล็อคกับที่วางแขนซึ่งปักทะลุเนื้อจากด้านหลังถึงข้างหน้า ตามส่วนต่าง ๆ ก็มีด้วยนะ อย่างปลายเท้าซึ่งยึดติดกับพื้น รอยพกช้ำหนัก ๆ และแผลฉกรรจ์ทั่วทั้งร่าง เส้นเลือดปูมโปนมากตามผิวหนังเหมือนอัดแรงดันลงไปเพิ่ม ทุกนิ้วแดงฉาน เพราะเล็บหายทั้งหมด ดวงตาที่ถูกเครื่องถ่างบังคับให้เฝ้ามองตลอดเลยเหลือก จนสิ้นมาดความเป็นคน
กลิ่นโลหิตหึ่งจริง ๆ แทบอาบเลือดต่างน้ำ เพราะรับการทรมานเค้นความลับตั้งหลายยกแล้ว ครั้นแทบมรณาก็รักษาด้วยเวทมนต์ แล้วลงทัณฑ์ต่อทันที ชั้นวางของข้าง ๆ ปรากฏอุปกรณ์สนุนสนานหลากชนิด เช่น ค้อนสิ่วสำหรับตอก กรรไกรคมกริบที่มีเศษเนื้อติด ตอนนี้ปากคาดเอาไว้ได้ดี ใช้ตะกร้อครอบแบบ SM น่ะ ผู้เคราะห์ร้ายยังพอมีสติอยู่บ้าง จึงสามารถสื่อสารแค่เพียงเท่านี้
“อืม! อีกฝ่ายดำเนินการหวังให้แตกแยกมาตลอด แต่งวดนี้เน้นเกินไปแล้ว ... หรือว่าทางอินเนียสต้าต้องการจะเบี่ยงเบนทิศทาง จนพวกเราไขว้เขวกันเอง เพื่อปกปิดสิ่งที่ประสงค์จริง ๆ นะ” มันทรานีเปรย ๆ ออกมาอย่างครุ่นคิด มือยื่นไปป์มาแกว่งไกวขึ้นลงด้วยสองนิ้วตรงหน้าอก ควันจากปล่องจึงประทุออกทุกครั้งที่ขยับ เพราะอากาศไหลเข้าช่องเรื่อย ๆ เพิ่มความร้อนแรงของยาเส้นซึ่งถูกจุดแล้วในนั้น
“ข้าเห็นด้วยกับท่าน ... ไม่! ข้อมูลยังมิหนักแน่นพอที่จะด่วนสรุป” เรลาล่าจึงกล่าวขัดแย้งเช่นนี้ออกมา
“ทางรั้วสีขจีเป็นอย่างไรบ้าง? เขาตกลงตามข้อเสนอหรือไม่?” แล้วสอบถามในเรื่องอื่น ขณะนี้เธอกำลังยืนเอนตัวลงเท้าแขนซ้ายบนพนักเก้าอี้ทรมาน นิ้วชี้ไล่ไปตามเส้นเลือดโปร่งพองที่ลำคอ เล็บยาวเฟื๊อยที่ทาสีดำจึงจิกลงให้เกิดบาดแผลขึ้น
“อัลเฟรดยังคงเล่นตัวอยู่เช่นเดิม ขนาดข้าช่วยแฮงเกอร์ไปตั้งเยอะแล้วนะ” มันทรานีได้ประท้วงในบัดดล พอเตะมาโดนตอเข้าให้
“คิ ๆ ท่านเพิ่งมีเรื่องราวกับคนลูกซะได้นี่นา แล้วมันจะเป็นผลบวกได้อย่างไร?กัน” เรลาล่าจึงแซวเล่นอย่างขบขัน
“เจ้าหมอนี่ทำธุรกิจของข้าซะเละทะขนาดนี้ ไม่สั่งฆ่าก็ถือว่าเป็นบุญคุณเท่าไรแล้ว” มันทรานีเลยกล่าวด้วยเสียงแข็งกร้าว แววตามีรังสีอำมหิตแผ่พุ่งออกมาเสริมความแค้น
“ท่านก็ใจเย็น ๆ หน่อย พวกเราจำเป็นต้องใช้งานรั้วสีขจี เพราะตัวเลือกอื่นมีความเสี่ยงสูงมากเกินไป” เรลาล่าได้พูดทัก ระหว่างที่พยุงตัวและเดินไปที่ชั้นวางอุปกรณ์ทรมาน
“แต่พอใช้งานเสร็จแล้ว จะทิ้งขว้างอย่างไรก็มิมีใครว่ากล่าวหรอก” เธอเค้นเสียงสุดเย็นชา เมื่อวางแผนการร้าย
“ฮึ่ม! เดี๋ยว ๆ นะ เรลาล่า! นี่ท่านคิดจะลงมือจริง ๆ รึ? คิดให้ถี่ถ้วนก่อนนะ เพราะผู้เป็นมารดา เช่น นาบีทูเป็นตัวแรงใช้ได้เลย เธอรู้เรื่องราวอะไรตั้งมากมาย” ลามอซี่เลยต้องขมวดคิ้ว ทั้งยังเงยหน้าขึ้นหันมาตักเตือนด้วยความหวังดี เขากำลังเคาะคีมใส่เท้าเหยื่อแรง ๆ จนนิ้วเปลี่ยนรูปและว่าจะกระทำขึ้นไปที่หัวเข่าต่อ
นิยายแฟนตาซีเรื่อง Conflict Before The Beginning มันเกิดก่อนเริ่ม [ตอนที่ 7 ดื้อแพ่งเอง] ปรับปรุง
“ตึง! ๆ ๆ ๆ ... ๆ” รองเท้าส้นสูงกระทบกับพื้นหินอ่อนเป็นจังหวะจะโคนไปเรื่อย ๆ ตามทางเดินสายยาวที่ผนังแอบบุแผ่นอาคมป้องกันการสอดแนม กระทั่งพบบันไดจึงเดินลงอย่างสบายอารมณ์ พอเหยียบถึงขั้นสุดท้ายและทอดน่องต่ออีกจนมาเยือนห้อง ๆ หนึ่งก็หยุดชะงักสักช่วงครู่
“แกร๊ก!” พร้อมกับปรากฏเสียงบิดกลอนประตูขึ้นมาแทรก
ภายในห้องอันกว้างขวางมีความหรูหราแห่งโรงแรมระดับห้าดาว การประดับประดาจึงมิบกพร่องอันใดเลย อาทิเช่น โคมไฟติดอัญมณีที่ให้แสงสว่างส่องใบหน้านี่เอง เครื่องเรือนแนววิจิตรศิลป์เรียงรายเป็นอย่างดี ภาพวาดลื่อชื่อก็ไม่ขาดแคลนสายตา จะวิวทิวทัศน์อันงดงาม ทั้งสื่อถึงนามธรรม ฤๅ ท่วงท่าต่าง ๆ ของผู้คน
“อือ! ๆ ๆ ๆ” มีสำเนียงอู้อี้ดังขึ้นเบา ๆ กึ่งกลางสถานที่ ทว่ากลับแฝงการความดิ้นรนสุดชีวิต
“... ท่านมันทรานี มีเหตุอันใดรึ? ถึงยอมลงมาถึงห้องลับ ๆ ของข้าด้วยตัวเองแบบนี้” เรลาล่าเอ่ยปากถามทันทีด้วยความแปลกใจ เมื่อพบว่ามีบุคคลอื่นเพิ่มอยู่ด้วย
“เรลาล่า ถึงเมื่อไรกันนะ? ที่เจ้าจะเลิกทำงานเป็นเลขาของข้าเนี่ย ถ้ายังต่ออีกสักปีล่ะก็ ตอนนั้นมันสมองเสื่อม ๆ ในนี้คงต้องระเบิดเป็นเสี่ยง ๆ ไปแล้วแน่นอน” มันทรานีที่ยืนหันด้านข้างให้กล่าวตอบอย่างจริงจัง มือข้างหนึ่งชี้มาที่เศียรตนเอง ถึงกับขมวดคิ้วเป็นดวงเชียวล่ะ ครั้นใช้หางตาเหลือบมองอีกฝ่าย แผ่นหลังพิงกำแพงและงอหัวเข่าซ้าย ส่วนฝ่าเท้านาบผนังห้อง
เขากำลังพินิจอะไรบางอย่างอยู่ ก่อนยกแขนขวาขึ้นจับไปป์ทรงกริฟฟอนอันคาบด้วยปาก ขณะลิ้นเดาะให้หมุนเป็นวงเวียน เพื่อดึงออกมาตรงบริเวณหน้าอก โดยเคาะของเสียทิ้งใส่ที่เก็บเฉพาะในมืออีกข้างซึ่งล้วงจากกระเป๋ากางเกง พอเสร็จสรรพ มันจึงคืนสู่ที่ควร พร้อมกับบรรจุยาเส้นใหม่ลงปล่อง ณ ปลายกระบอก
“ท่านก็รู้นี่นาว่าเรื่องที่ต้องการ มันเป็นไปไม่ได้ รวมถึงข้าด้วย คงอยู่ให้รำคาญใจอีกนานทีเดียว หรือจนกว่าจะมีคำสั่งมาจากทางเบื้องบน?” พอเรลาล่าปิดประตูลงกลอนให้เรียบร้อย จึงยิ้มและพูดขึ้นแบบชัดถ้อยชัดคำ จากนั้นย่างก้าวเข้าหามันทรานี
“เปรี้ยะ!” หัวไม้ขีดหอมซึ่งหยิบขึ้นมาจากกล่องไม้เล็ก ๆ ในกระเป๋าเสื้อเลยถูกเสียดสีแทนจนเกิดเปลวเพลิง แล้วจุดไฟต่อให้มีควันฟุ้งพอสมควร
เจ้านายคนนี้อายุประมาณ 50 ปีเศษ แต่เส้นผมและหนวดเคราล้วนขาวแล้ว ซึ่งเป็นสั้น ๆ เพราะดูแลรักษาง่าย ขอบหน้าผากซีกขวามีรอยสักปีกนก สุขภาพดี หลังตรงเต็มเปี่ยมบารมี ใบหน้ายาว คางแหลม เนตรเรียวดั่งเหยี่ยวที่หางตาเกิดตีนกาเต็มไปหมด สูง 170 เซนติเมตร ร่างกายสมส่วน กล้ามเนื้อเข้ารูปทรง เขาสวมชุดสูทสีน้ำตาลเข้ม กะเสื้อนอกดำสันปกหนาในมาดผู้บริหาร CEO
“เฮ้อ! เอาเถอะ ๆ ต่อให้ข้าจะรับไม่ได้แค่ไหน ก็ต้องทนไปเท่านั้นแหละนะ” มันทรานีพูดออกมา โดยเสียบปลายไปป์ระหว่างริมฝีปากอีกหน สองนิ้วชี้และกลางยังคีบก้านอยู่ดั่งบุหรี่หนึ่งตัว เพื่อสูบเข้าปอดเหือดใหญ่ ๆ ขณะเรลาล่าหยุดร่างลงแล้ว เธอเว้นว่างห่างจากเขาระยะสองช่วงตัว
“อือ! ๆ ๆ ๆ” เสียงประกอบฉากอันร้อนรนก็ยังร่ำร้องอยู่อีก
“ลามอซี่ บอกให้เหลือเอาไว้ด้วยใช่ไหม? ดูสิ ช่างเห็นแก่ตัวนัก ขาขวาข้างสุดท้ายก็เกือบหมดทุกนิ้วอีก แล้วข้าจะระบายความอัดอั้นที่ไหนกัน?” เรลาล่าจึงต้องหันหน้าก้มลงมามองของบุคคลที่สามในห้องแห่งนี้ ทำให้ต้องเท้าเอวและขึ้นเสียงสูง เนื่องจากหัวเสียมิใช่น้อย
“หึ ๆ ใครใช้ให้นายหญิงน้อยไปเข้าห้องน้ำนานกันล่ะ เรื่องแบบนี้น่ะ ใครดีใครได้ ฮา ๆ” อีกฝ่ายซึ่งนั่งชันเข่าขวาโชว์เธอเพียงแค่ด้านหลังได้บิดใบหน้ามาตอบแบบมีชั้นเชิง
มือซ้ายกำลังถือคีมเหล็กขึ้นสนิมด้านหนึ่ง ประมาณที่ถอนฟันน่ะ เขาบีบเข้าออกดังแกร๊บ ๆ เพื่อเน้นสภาวะจิตผิดปกติ พอยื่นลงหนีบเป้าหมายถนัดก็กระชากออกอย่างรุนแรง แล้วก็โยนทิ้งไป ข้าง ๆ กายจึงปรากฏแผ่นนูนโค้ง ๆ สีขาว ๆ เกลื่อนกลาดสามสิบกว่าอัน สภาพดีบ้างเลวบ้าง พร้อมกับคาบเลือดนองเต็มผ้ายางที่กางบนพรม
“อือ! ๆ ๆ ๆ”
“... ยังไงก็เอาเถอะ ช่วยทำความสะอาดห้องทำงานบ้างได้ไหม? ทุกครั้งที่ทำงานเสร็จ ข้าไม่อยากให้ปล่อยเอาไว้เยี่ยงนี้เลย นี่มันมักง่ายเกินไปแล้ว” มันทรานีเลยต้องส่ายหน้าซ้ายขวาสักรอบ แถมยังถือโอกาสตักเตือนเรลาล่าด้วย ดวงตาหรี่ลงแทบเป็นเส้นตรง
“นี่คือห้องทำงานของข้า ใครจะบ้ากล้าเข้ามากันเล่า นอกเหนือจากท่าน” เรลาล่าจึงโต้กลับแบบมิใส่ใจกระไรนัก สำหรับลามอซี่นั้น เมื่อรู้สึกว่าไม่เกี่ยวข้องด้วยแล้ว เขาจึงทำกิจกรรมตามความชอบดั้งเดิม
เลปพราคอนตนนี้สูงประมาณ 140 เซนติเมตร ศีรษะโต รูปหน้าหัวใจแคบ ๆ ที่มีรอยเหี่ยวย่นมาก โดยเฉพาะหว่างคิ้วกับสันดั้ง เนื้อแก้มตูม ดวงตาอสรพิษเรียว แขนขาเล็กและช่วงสั้น ผิวกายสีเขียว จมูกโต ใบหูแหลมนิดหน่อย เขาสวมใส่ชุดคล้ายพนักงานขายตั๋วพนันการแข่งม้า รองเท้าหนังขัดเงาหัวใหญ่ส้นหนา เสื้อโค้ทลายสก๊อตตาถี่ ๆ สีขาวกับน้ำตาลส้ม หมวกดำทรงสามเหลี่ยมติดขนนกอินทรีย์สองเส้น ๆ ละเฉด
“แต่ท่านน่าจะหาความสำราญในการทำงานบ้างนะ แบบข้ายังไงล่ะ” เรลาล่าได้กล่าวกับมันทรานี ระหว่างเดินไปที่โต๊ะซึ่งมีพื้นหลายระดับตัวหนึ่ง
มันคลี่ออกปานดอกไม้บาน แต่ละโซนจัดตั้งเครื่องอำนวยความสะดวกมากชนิด พิกัดถัดจากมันทรานีเข้าไปหน่อย เพื่อยกขวดไวน์แดงมารินใส่แก้ว เธอแกว่งตามเข็มนาฬิกาสามรอบให้กลิ่นของเหลวฟุ้งกระจายก่อน แล้วจิบอย่างรื่นรมย์
“เจ้าก็พูดได้สิ เมื่อมิต้องทำอะไรเองเลยนี่ รู้บ้างไหม? ณ ปีนี้มีคนที่อยากรู้อยากเห็นทะเล่อทะล่าเข้ามาในนี้สามรายแล้วนะ ข้ารีบต้องปกปิดเรื่องราวแทบไม่ทันทุกครั้งด้วย” ทำให้มันทรานีต้องอดบ่นไม่ได้ เท้าที่เคยเหยียบใส่กำแพงก็เหยียดตรงลงพื้น เขาพ่นควันออกมาจากปากยาว ๆ เล่นแก้เซ็ง เมื่อถอนไปป์ขึ้นและชี้ตรงหน้าของอีกฝ่าย
“ข้าทราบว่าท่านต้องจัดการให้ มือถึงไม่ต้องเปรอะเปื้อนอะไรเยี่ยงนี้” เรลาล่ากล่าวขึ้น ขณะรินไวน์แดงใส่แก้วใหม่ เพราะดื่มจนหมดแล้ว
“มนต์รักษาเอ๋ย! จงเยียวยาบาดแผลด้วยเถิด” จังหวะนั้นลามอซี่ร่ายคาถา ไอมนตรากำลังลามสู่เป้าหมาย
“เหมือนใหม่แล้ว มาลิ้มรสชาติกันอีกรอบเถอะ ถึงจะไม่ตรึงตาต้องใจเฉกหนแรกก็ตาม แต่ข้าทำดีที่สุดแน่ หึ ๆ ขอรับรองเลย” เขากล่าวต่อด้วยความชั่วร้าย
“หนึ่ง สอง สาม ... ห้า” คีมในมือจึงทำงานตามคำพูด เรื่อย ๆ ช้า ๆ แต่เน้น ๆ
“อือ! ๆ ๆ ๆ” การขัดจังหวะก็มาเป็นระยะ มันทรานีถึงหันความสนใจไปที่ต้นตออีกครั้ง
“เยี่ยมสุด ๆ เลยใช่ไหม? ฮา ๆ เจ้าคงไม่มีเล็บให้ตัดไปอีกนานแน่ ถ้ารอดไปได้นะ” ลามอซี่กล่าวขึ้นและหัวเราะคิกคักออกมา หลังจากแลบลิ้นเลียริมฝีปากแบบวนขวาจากบนลงล่าง ทั้งยังเอาคีมเหล็กมาตรงหน้า เพื่อบีบให้เกิดเสียงดังข่มขู่
“... แล้วครั้งนี้ได้อะไรอย่างอื่นเพิ่มอีกไหม?” มันทรานีขี้เกลียดต่อว่าแล้ว ทั้งยังรังเกียจพฤติกรรมเช่นนี้ด้วย เขาจึงเอ่ยปากถามเรลาล่าในเรื่องสำคัญ
“เหมือนเดิมทุกครา สปาย! ช่วงนี้มีแต่พวกขายชาติ เนื่องจากโดนหลอกล่อด้วยผลประโยชน์ทั้งนั้น” เลขาสาวหุ่นสะบึมเลยตอบด้วยเสียงก้าวร้าว เธอวางของที่ถืออยู่ลงเป็นโต๊ะทำงาน จากนั้นก็เดินเข้ามากึ่งกลางห้อง
“อือ! ๆ ๆ ๆ” มันคือแหล่งกำเนิดของคลื่นรบกวน ณ ตำแหน่งนี้มีผู้ชายคนหนึ่งถูกพันธนาการอย่างรัดกุม ครั้นถูกผนึกให้นั่งบนเก้าอี้ปิดตาย
โดยมีสายโซ่เหล็กรัดพันแน่น เส้นเท่าข้อมือ ฝ่ามือโดนหมุดแหลมอันโต ๆ ล็อคกับที่วางแขนซึ่งปักทะลุเนื้อจากด้านหลังถึงข้างหน้า ตามส่วนต่าง ๆ ก็มีด้วยนะ อย่างปลายเท้าซึ่งยึดติดกับพื้น รอยพกช้ำหนัก ๆ และแผลฉกรรจ์ทั่วทั้งร่าง เส้นเลือดปูมโปนมากตามผิวหนังเหมือนอัดแรงดันลงไปเพิ่ม ทุกนิ้วแดงฉาน เพราะเล็บหายทั้งหมด ดวงตาที่ถูกเครื่องถ่างบังคับให้เฝ้ามองตลอดเลยเหลือก จนสิ้นมาดความเป็นคน
กลิ่นโลหิตหึ่งจริง ๆ แทบอาบเลือดต่างน้ำ เพราะรับการทรมานเค้นความลับตั้งหลายยกแล้ว ครั้นแทบมรณาก็รักษาด้วยเวทมนต์ แล้วลงทัณฑ์ต่อทันที ชั้นวางของข้าง ๆ ปรากฏอุปกรณ์สนุนสนานหลากชนิด เช่น ค้อนสิ่วสำหรับตอก กรรไกรคมกริบที่มีเศษเนื้อติด ตอนนี้ปากคาดเอาไว้ได้ดี ใช้ตะกร้อครอบแบบ SM น่ะ ผู้เคราะห์ร้ายยังพอมีสติอยู่บ้าง จึงสามารถสื่อสารแค่เพียงเท่านี้
“อืม! อีกฝ่ายดำเนินการหวังให้แตกแยกมาตลอด แต่งวดนี้เน้นเกินไปแล้ว ... หรือว่าทางอินเนียสต้าต้องการจะเบี่ยงเบนทิศทาง จนพวกเราไขว้เขวกันเอง เพื่อปกปิดสิ่งที่ประสงค์จริง ๆ นะ” มันทรานีเปรย ๆ ออกมาอย่างครุ่นคิด มือยื่นไปป์มาแกว่งไกวขึ้นลงด้วยสองนิ้วตรงหน้าอก ควันจากปล่องจึงประทุออกทุกครั้งที่ขยับ เพราะอากาศไหลเข้าช่องเรื่อย ๆ เพิ่มความร้อนแรงของยาเส้นซึ่งถูกจุดแล้วในนั้น
“ข้าเห็นด้วยกับท่าน ... ไม่! ข้อมูลยังมิหนักแน่นพอที่จะด่วนสรุป” เรลาล่าจึงกล่าวขัดแย้งเช่นนี้ออกมา
“ทางรั้วสีขจีเป็นอย่างไรบ้าง? เขาตกลงตามข้อเสนอหรือไม่?” แล้วสอบถามในเรื่องอื่น ขณะนี้เธอกำลังยืนเอนตัวลงเท้าแขนซ้ายบนพนักเก้าอี้ทรมาน นิ้วชี้ไล่ไปตามเส้นเลือดโปร่งพองที่ลำคอ เล็บยาวเฟื๊อยที่ทาสีดำจึงจิกลงให้เกิดบาดแผลขึ้น
“อัลเฟรดยังคงเล่นตัวอยู่เช่นเดิม ขนาดข้าช่วยแฮงเกอร์ไปตั้งเยอะแล้วนะ” มันทรานีได้ประท้วงในบัดดล พอเตะมาโดนตอเข้าให้
“คิ ๆ ท่านเพิ่งมีเรื่องราวกับคนลูกซะได้นี่นา แล้วมันจะเป็นผลบวกได้อย่างไร?กัน” เรลาล่าจึงแซวเล่นอย่างขบขัน
“เจ้าหมอนี่ทำธุรกิจของข้าซะเละทะขนาดนี้ ไม่สั่งฆ่าก็ถือว่าเป็นบุญคุณเท่าไรแล้ว” มันทรานีเลยกล่าวด้วยเสียงแข็งกร้าว แววตามีรังสีอำมหิตแผ่พุ่งออกมาเสริมความแค้น
“ท่านก็ใจเย็น ๆ หน่อย พวกเราจำเป็นต้องใช้งานรั้วสีขจี เพราะตัวเลือกอื่นมีความเสี่ยงสูงมากเกินไป” เรลาล่าได้พูดทัก ระหว่างที่พยุงตัวและเดินไปที่ชั้นวางอุปกรณ์ทรมาน
“แต่พอใช้งานเสร็จแล้ว จะทิ้งขว้างอย่างไรก็มิมีใครว่ากล่าวหรอก” เธอเค้นเสียงสุดเย็นชา เมื่อวางแผนการร้าย
“ฮึ่ม! เดี๋ยว ๆ นะ เรลาล่า! นี่ท่านคิดจะลงมือจริง ๆ รึ? คิดให้ถี่ถ้วนก่อนนะ เพราะผู้เป็นมารดา เช่น นาบีทูเป็นตัวแรงใช้ได้เลย เธอรู้เรื่องราวอะไรตั้งมากมาย” ลามอซี่เลยต้องขมวดคิ้ว ทั้งยังเงยหน้าขึ้นหันมาตักเตือนด้วยความหวังดี เขากำลังเคาะคีมใส่เท้าเหยื่อแรง ๆ จนนิ้วเปลี่ยนรูปและว่าจะกระทำขึ้นไปที่หัวเข่าต่อ