นี่คือการจ้างโฆษณาที่แปลกที่สุด ตั้งแต่เปิดเพจมาเลยทีเดียวครับ คือตามปกติเวลาลูกค้าอยากลงโฆษณากับเพจ ก็มักจะมีโจทย์ มีกรอบ ทำการบรีฟข้อมูลให้ เพื่อให้เราเขียนไปในทิศทางที่แบรนด์อยากนำเสนอ
แต่กับเคสของ KBank ครั้งนี้ พวกเขาบอกสั้นๆกับแอดมินเพียงประโยคเดียวว่า "อยากรู้ว่าคนทั่วไปมองดีลนี้อย่างไร ทำไม KBank ถึงเลือก BLACKPINK เป็นพรีเซ็นเตอร์คนล่าสุด"
ซึ่งผมก็ยินดีอย่างยิ่งครับ ที่จะอธิบายในมุมของตัวเองว่า สุดท้ายทำไมต้องเป็น KBank x BLACKPINK
------------------------------------------
[ ทำไมไม่ใช่แค่ลิซ่า ]
ก่อนอื่นเลย สงสัยไหมครับว่าทำไมเคสนี้ กสิกรไทยเลือกจ้าง BLACKPINK ทั้งวง ไม่ใช่จ้างลิซ่า ซึ่งเป็นสมาชิกที่คนไทยน่าจะคุ้นเคยมากที่สุด
คือในแง่การเป็นพรีเซ็นเตอร์แล้ว การออกอีเวนต์ หรือ การนัดคิวถ่ายโฆษณา ถ้าหากจ้างคนเดียว น่าจะมีความคล่องตัวกว่าเยอะเลย
มีข่าวลือในทวิตเตอร์เยอะว่า อ๋อ จ้างลิซ่าคนเดียว แพงกว่านะอะไรแบบนี้ แต่ผมมั่นใจว่า มันเป็นไปไม่ได้หรอก ดีล BLACKPINK ทั้งวงย่อมต้องแพงกว่าอยู่แล้ว
แต่นั่นล่ะ แพงกว่าก็ต้องยอม เพราะนี่เป็นอะไรที่ KBank วางแผนและตั้งใจเอาไว้แล้ว ว่าต้องเป็น "ทั้งวง" เท่านั้น
ผมมองด้วยเหตุผลง่ายๆคือ KBank ต้องการสร้างภาพของแบรนด์ให้ยกระดับขึ้นจากธนาคารเบอร์ 1 ระดับประเทศ แต่ก้าวไปสู่ ธนาคารระดับโลก ดังนั้นการใช้พรีเซ็นเตอร์ที่แข็งแรงในเวทีโลก ไม่ใช่ ลิซ่าที่ดูเสมือนเป็นตัวแทนของคนไทย ก็ย่อมตอบโจทย์มากกว่า
ในรอบ 1 ปีที่ผ่านมา เป็นปีทองของ BLACKPINK ที่ทำให้คนรู้จัก 4 สาว ไปทั้งโลก ไม่ว่าจะเป็นการบุกตลาดอเมริกาได้สำเร็จ เป็นเกิร์ลกรุ๊ปวงแรกในรอบ 9 ปี ที่มีเพลงติดชาร์ทบิลบอร์ด ฮอต 100
ตามด้วยได้รับเชิญให้แสดงใน หนึ่งในมหกรรมดนตรี ที่ใหญ่ที่สุดในโลกอย่างโคเชลล่า และได้รับเชิญให้สัมภาษณ์ ในรายการโชว์ดังๆทั่วโลก ทั้งเจมส์ คอร์เด้น , สตีเฟน โคลแบร์ และ Good Morning America ของช่อง ABC
นี่คือสัญลักษณ์ของวง K-Pop ที่เริ่มต้นจากในประเทศ แต่ค่อยๆพัฒนาตัวเองก้าวไปสู่ระดับโลกอย่างแข็งแกร่ง ซึ่งมันสามารถเป็นตัวแทนที่ดีของ KBank ได้
ธนาคารกสิกรไทย ก่อตั้งในปี พ.ศ.2488 จุดเริ่มต้นขององค์กร ก็ตามชื่อเลย คือมุ่งเน้นลูกค้ารายย่อยไปที่เกษตรกรไทย แต่เวลาผ่านไป พวกเขาก็เปลี่ยนแปลงตัวเองมาเรื่อยๆ จาก Local ก้าวไปสู่ Global จากกสิกรไทย ก็รีแบรนด์มาเป็น KBank และเริ่มเป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติ
ผมเชื่อว่า ถ้าคุณอยากบอกคนอื่นว่าแบรนด์เรานั้นจะก้าวไปสู่ระดับโลก พรีเซ็นเตอร์ก็ต้องระดับโลกเช่นกัน ดังนั้นดีลนี้ KBank จงใจเอา BLACKPINK ทั้งวงแต่แรกอยู่แล้ว
และเพื่อเป็นการโชว์ให้เห็นเลยว่า สิ่งที่แบรนด์ไทยยังไม่เคยมีใครทำได้มาก่อน นั่นคือจ้าง BLACKPINK ทั้งวง เฮ้ย เราทำได้นะ
นอกจากนี้อยากให้สังเกตกิมมิคเล็กๆ คำว่า Bank ตัวหน้าและตัวสุดท้ายคือ B กับ K เหมือนกับ BLACKPINK เลย มีความเข้ากันอย่างประหลาดดีนะ
------------------------------------------
[ Empower Your Belief ]
ดีลนี้ของ KBank ไม่ใช่แค่เอา BLACKPINK มาถ่ายรูป ถ่ายวีดีโอสวยๆ แค่นั้น แต่ยังมีการแต่งเพลงใหม่ และมีการสร้างสโลแกนขึ้นมาด้วยว่า Empower Your Belief โดยใช้ภาษาไทยว่า "แค่เชื่อก็เป็นได้"
ตามปกติแล้วโฆษณาตัวอื่นๆของ BLACKPINK ก็แทบไม่มีเลย ที่ต้องมาแต่งเพลงใหม่ การใช้เพลงที่ "มีอยู่แล้ว" น่าจะเข้าถึงคนได้ง่ายกว่าด้วยซ้ำ
เดือนเมษายนที่ผ่านมา BLACKPINK ไปเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้ Woori Bank ธนาคารของเกาหลีใต้ ซึ่งในตัวโฆษณาก็เลือกใช้เพลง Kill This Love ที่ดังระดับโลก ซึ่งก็ไม่แปลกที่จะเป็นแบบนั้น
แต่กับ KBank พวกเขาจงใจใช้เพลงใหม่ คือ "Empower You" นั่นเพราะต้องการส่ง "สาร" ที่ชัดเจนไปถึงลูกค้ากลุ่มเป้าหมายของธนาคาร
ในประเทศไทยเวลานี้ มีกลุ่ม "นิวเจน" คือคนอายุ 15-25 ปี อยู่ราว 10 ล้านคน โดยคนกลุ่มนี้คือวัยรุ่น ที่มีช่องทางในการทำธุรกิจใหม่ๆในโลกยุคดิจิตอลอย่างเต็มที่
ผมคิดว่า หมากเกมนี้ KBank ต้องการเข้าไปอยู่ในใจของเด็กกลุ่มนี้ ในเรื่องการเงิน โดยใส่ Message บอกวัยรุ่นว่า ถ้าพวกคุณมีแผนเรื่องการใช้เงิน อย่างเช่นการกู้เงินมาลงทุนธุรกิจอะไรสักอย่าง ทาง KBank จะยินดีรับฟังแน่นอน
ในยุคดิจิตอล ที่มีธุรกิจใหม่ๆเกิดขึ้นมากมาย บางคนอาจมองว่าบางไอเดียเป็นเรื่องไร้สาระ แต่ KBank เน้นใช้คำว่า "แค่เชื่อก็เป็นได้" เพื่อสื่อถึงว่า ถ้าคุณมั่นใจในไอเดียของคุณ อยากให้ลองมาคุยกับเราก่อน เราจะช่วยให้มันเป็นไปได้แน่นอน
BLACKPINK เป็นตัวแทนของกลุ่มเด็กสาว 4 คน ที่เต็มไปด้วยความฝัน จากจุดเริ่มต้นเป็นเด็กฝึกในค่าย YG เธอซ้อมหนัก ปีแล้วปีเล่า ด้วยความเชื่อในใจว่า สักวันพวกเธอจะทำได้ จะก้าวมาสู่การเป็นศิลปินที่ได้รับการยอมรับในวงการ
และผลลัพธ์ก็คือ ทั้ง 4 สาว จีซู ลิซ่า เจนนี่ โรเซ่ ทำได้จริงๆ ดังนั้น ความฝันไม่ว่าอะไรก็ตาม มันเกิดขึ้นได้ทั้งนั้น ขอแค่มีความเชื่อเอาไว้ แล้วลงมือทำมันอย่างจริงจัง ซึ่ง KBank ก็อยากจะย้ำสารตรงนี้ล่ะ ว่าถ้าคุณเชื่อ KBank ก็พร้อมจะเชื่อ และช่วยลงมือทำไปพร้อมกับคุณเหมือนกันนะ
------------------------------------------
[ ได้ทั้งเงิน ได้ทั้งใจ จากฐานแฟนคลับ ]
ด้วยความที่ BLACKPINK มีคนไทยอยู่ด้วย นั่นทำให้พวกเธอเป็นเกิร์ลกรุ๊ปที่มีพลังมากที่สุดในประเทศไทย ณ เวลานี้
เพจ BLACKPINK Thailand มีคนฟอลโลว์มากถึง 6 แสนคน ส่วนเพจ BLACKPINK YG Thailand มีคนฟอลโลว์มากในระดับเดียวกัน คือสองเพจรวมกันนี่ก็ล้านไลค์แล้ว
นอกจากนั้น ในไทยยังมีแยกย่อยเป็นแฟนคลับของศิลปินแต่ละคนอีกต่างหาก ทั้งลิซ่า จีซู เจนนี่ และ โรเซ่ แต่ละคนมีกลุ่มแฟนที่หนาแน่นมากๆ
กลุ่มแฟนของ BLACKPINK จำนวนไม่น้อย ยินดีที่จะสนับสนุนศิลปินด้วยการใช้สินค้าที่ทางวงไปโฆษณา เพราะรู้ว่า จะนำมาซึ่งรายได้ทางอ้อมเข้าสู่ตัวศิลปินเอง
ดังนั้นเมื่อ KBank ออกมาจับมือกับ BLACKPINK แบบนี้ ไม่แปลกเลยที่แฟนคลับจะหันมาเลือกกสิกรไทย ลองคิดดูในแง่ว่า ถ้าธนาคารไหนก็มีฟังค์ชั่นคล้ายๆกัน แล้วทำไมเราไม่เลือกสนับสนุน ธนาคารที่ซัพพอร์ตศิลปินที่เรารักล่ะ
KBank จะเปิดตัวบัตรเดบิต ลาย BLACKPINK ในวันที่ 21 พฤศจิกายน (วันนี้) สามารถสมัครทาง K Plus ขณะที่ตามสาขาจะมีบัตรเดบิต ตั้งแต่วันที่ 25 พฤศจิกายนเป็นต้นไป โดยมีราคาใบละ 750 บาท
ใน 750 บาทนั้น อาจดูสูงนิดนึง แต่ก็ไม่ใช่ว่าคุณจะได้บัตร BLACKPINK มาโดดๆแค่ใบเดียวนะ ยังได้สมุดบัญชีออมทรัพย์ กระเป๋า และ COde สำหรับโหลดธีม K Plus สไตล์ BLACKPINK อีกต่างหาก
ไม่เพียงแค่นั้น ยังมีสิทธิโปรโมชั่นที่ KBank เขาเตรียมไว้แล้ว เช่น
- ส่วนลด Grab 50 บาท
- ส่วนลด Grab Food 100 บาท
- ส่วนลด ตั๋วหนังเมเจอร์ 100 บาท
- ส่วนลด Lazada 20%
- ส่วนลด Expedia 8%
- ส่วนลด Agoda 5%
- ส่วนลด แบรนด์กีฬา Ari 5%
- คูปองเงินสด ALAND 100 บาท 6 ใบ
- คูปองเงินสด Jung Saem Mool 100 บาท 6 ใบ
- JOOX VIP ฟรี 1 เดือน
- 10 แคนดี้ สำหรับแอพพลิเคชั่น Joylada
ดังนั้นว่ากันตรงๆ ราคา 750 บาท ถามว่าแพงไหม ก็แพงนั่นแหละ คือสูงกว่าบัตรเดบิตปกติ แต่ก็เข้าใจได้อยู่ เพราะมีสิทธิประโยชน์รองรับเพียบเหมือนกัน
เป้าหมายของ KBank คือขายบัตรเดบิตให้ได้ 1 ล้านใบ ซึ่งเป็นเป้าหมายที่ดูเยอะมากๆ แต่เราจะประเมิน BLACKPINK ต่ำไปไม่ได้เลย จากกระแสในทวิตเตอร์ตอนเปิดตัวโฆษณาที่ขึ้นเทรนด์ประเทศไทยทั้งกระดาน ดังนั้นจับพลัดจับผลูมีสิทธิไปถึงได้จริงๆ
ลองคิดเลขกลมๆ 750 บาท คูณ 1 ล้าน แค่ทำบัตรเดบิตอย่างเดียว กสิกรไทย จะฟันเงินไปแล้ว 750 ล้านบาท เอาไปหักลบค่าตัวที่ต้องจ่ายให้ YG Entertainment จ่ายค่าโฆษณา ทำโปรดักชั่น ทุกสิ่งทุกอย่างแล้ว ยังมีกำไรมากกว่าร้อยล้านด้วยซ้ำ
ดีลนี้ KBank เหมือนจะจ่ายหนักตอนแรก ในการดึง BLACKPINK เข้ามา แต่ถ้าพวกเขาทำได้ดี มันจะเป็นการสร้างกำไรในระยะยาว
ธุรกิจก็ได้ ภาพลักษณ์ก็ได้ เอาจริงๆ Kbank ได้ทุกทางเลยนะ
------------------------------------------
[ ความยากในการร่วมงานกับ BLACKPINK ]
สิ่งที่ยากที่สุด ในโปรเจ็กต์ KBank x BLACKPINK คือเรื่องของความคาดหวัง เพราะอย่างที่ทราบกันว่า 4 สาว มีฐานแฟนที่แข็งแกร่งทั่วโลก ดังนั้นการถ่ายทำโฆษณา และโปรโมท จำเป็นต้องเนี้ยบที่สุด
การร่วมงานกับ BLACKPINK ถ้าทำได้ดี ใช่ มันจะปัง และไปไกลมาก แต่ถ้าทำได้ไม่ถึงมาตรฐานล่ะก็ แบรนด์จะโดนด่าเละเทะ เผลอๆ จะเป็นตราบาปไปเลย ว่ามีฝีมือแค่นี้ ทำไมมากล้าจ้างพรีเซ็นเตอร์เลเวลนี้
แต่แน่นอน ดู KBank ทำการบ้านได้ดีระดับหนึ่ง ซึ่งผลลัพธ์ที่ออกมา จนถึงล่าสุดชั่วโมงนี้ ก็ยังไม่โดนตำหนิในแง่ของโปรดักชั่น กระแสค่อนไปทางบวกด้วย
ตัวอย่างเช่น ที่คนพูดถึงกันเยอะในทวิตเตอร์ คือเรื่องของสีเขียวสด ที่เป็นสีหลักของธนาคาร ที่ตามปกติกสิกรไทยจะจัดเต็มสีเขียวแบบนั้นในงานโฆษณาทั่วไป แต่กับโปรเจ็กต์นี้ ก็เลือกใช้สีเขียวเข้มๆแบบน้ำทะเล ดูแนบเนียนไปกับวง ไม่จำเป็นต้องเอาสีเขียวสดของตัวเองมาฮาร์ดเซลล์
ขณะที่เสื้อผ้าหน้าผม ยังคงคอนเซ็ปต์ของ BLACKPINK ได้อย่างดีเยี่ยม ไม่หลุดธีมของวง
จุดนี้ผมคิดว่าสำคัญมากครับ เพราะอย่างที่บอกไปตอนแรก ทาง KBank ต้องการ "ส่งสาร" ถึงกลุ่มนิวเจน กลุ่มคนรุ่นใหม่ ที่จะเป็นลูกค้ากลุ่มต่อไปของธนาคาร
คนรุ่นใหม่นั้น เรารู้กันอยู่แล้ว ไม่ชอบโดนบังคับให้ทำตามคำสั่ง โดยไม่มีเหตุผลที่เพียงพอ วิธีการที่จะเข้าหาคนรุ่นใหม่ คือคุณต้อง Respect เขา
Respect คือให้เกียรติในสิ่งที่เขาเชื่อ และเคารพในสิ่งที่เขาเลือกจะเป็น อย่าบังคับว่าต้องเดินมาตามกรอบที่ผู้ใหญ่กำหนดไว้ให้ ในทางที่เขาไม่ได้เป็น
ลองคิดภาพดูว่า ถ้าตัวแทนเด็กรุ่นใหม่อย่าง BLACKPINK ที่มีสไตล์โดดเด่น และมีความมั่นใจในตัวเอง แต่กลับต้องมาอยู่ในธีม สีเขียวสด ของกสิกรไทย คือมันก็เห็นๆกันอยู่ว่า ไม่เข้ากันเลย ซึ่งถ้าบังคับกันแบบนั้น มันก็เหมือนจับเอาวัยรุ่น มาอยู่ในกรอบที่ไม่ได้เป็นตัวตนของพวกเขานั่นแหละ
และมันก็ย่อมผิดคอนเซ็ปต์ Empower you คือคุณไม่ได้ให้พลัง ให้ความเชื่อมั่นในตัวพวกเขาเลย แต่คุณแค่เอาเขามา Empower Me ต่างหาก
ดังนั้น ธีม และโทน ของโฆษณา จึงออกมาในรูปแบบนี้ คงความสมดุลเอาไว้ ให้มีความเป็น BLACKPINK มากที่สุด แม้จะฉีกจากแนวเดิมๆที่กสิกรไทย เคยโฆษณามาก็ตามที
------------------------------------------
บทสรุปคือ ดีลนี้ มันเป็นความกล้าที่จะไปดึงเอาศิลปินระดับ BLACKPINK เข้ามาร่วมงานด้วย
ซึ่งถ้าทำออกมาได้ดี มันจะส่งทุกอย่างเป็นแรงบวก ทั้งในแง่ของกระแสความนิยม แง่ของภาพลักษณ์ที่ดูโกลบอลมากขึ้น และในแง่ของยอดขายที่จะเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล
เราไม่รู้ว่าสินค้าที่กสิกรไทยจะปล่อยออกมา ที่เกี่ยวข้องกับ BLACKPINK จะมีอะไรอีกบ้าง นอกเหนือจากบัตรเดบิต ซึ่งแฟนๆก็จะตามไปสนับสนุนจนสุดทางนั่นล่ะ
ที่สำคัญการดึงพรีเซ็นเตอร์ระดับโลกเข้ามาทั้งวงแบบนี้ ใช่ มันคือการเล่นใหญ่ คือมอง Step Further ก้าวไปอีกขั้นเลย
BLACKPINK ณ เวลานี้ ไม่ใช่แค่ศิลปินเกาหลีเท่านั้น แต่พวกเขาคือ Icon ของเด็กวัยรุ่นทั่วโลก
แม้แต่นิตยสาร Time ยังยกให้ BLACKPINK เป็น Time 100 Next หรือสุดยอด 100 บุคคลแห่งยุคสมัยต่อไป
ดังนั้นการที่ KBank ใช้พลังทั้งหมดไปเจรจาคว้าตัว BLACKPINK มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ได้ มันคืออ่านเกมได้อย่างถูกต้องแล้ว
และถ้าพวกเขาไม่ตกม้าตายไปกับเรื่องเล็กๆน้อยๆล่ะก็ สุดท้าย KBank จะเป็นผู้ชนะอย่างสมบูรณ์แบบในดีลนี้
#KBankxBLACKPINK
#แค่เชื่อก็เป็นได้
#EmpowerYourBelief
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
CR :
https://www.facebook.com/1763193370562572/posts/2375394999342403?d=n&sfns=mo
👑 บทความวิเคราะห์ทำไมถึงต้อง KbankXBlackpink จากเพจ วิเคราะห์บอลจริงจัง
แต่กับเคสของ KBank ครั้งนี้ พวกเขาบอกสั้นๆกับแอดมินเพียงประโยคเดียวว่า "อยากรู้ว่าคนทั่วไปมองดีลนี้อย่างไร ทำไม KBank ถึงเลือก BLACKPINK เป็นพรีเซ็นเตอร์คนล่าสุด"
ซึ่งผมก็ยินดีอย่างยิ่งครับ ที่จะอธิบายในมุมของตัวเองว่า สุดท้ายทำไมต้องเป็น KBank x BLACKPINK
------------------------------------------
[ ทำไมไม่ใช่แค่ลิซ่า ]
ก่อนอื่นเลย สงสัยไหมครับว่าทำไมเคสนี้ กสิกรไทยเลือกจ้าง BLACKPINK ทั้งวง ไม่ใช่จ้างลิซ่า ซึ่งเป็นสมาชิกที่คนไทยน่าจะคุ้นเคยมากที่สุด
คือในแง่การเป็นพรีเซ็นเตอร์แล้ว การออกอีเวนต์ หรือ การนัดคิวถ่ายโฆษณา ถ้าหากจ้างคนเดียว น่าจะมีความคล่องตัวกว่าเยอะเลย
มีข่าวลือในทวิตเตอร์เยอะว่า อ๋อ จ้างลิซ่าคนเดียว แพงกว่านะอะไรแบบนี้ แต่ผมมั่นใจว่า มันเป็นไปไม่ได้หรอก ดีล BLACKPINK ทั้งวงย่อมต้องแพงกว่าอยู่แล้ว
แต่นั่นล่ะ แพงกว่าก็ต้องยอม เพราะนี่เป็นอะไรที่ KBank วางแผนและตั้งใจเอาไว้แล้ว ว่าต้องเป็น "ทั้งวง" เท่านั้น
ผมมองด้วยเหตุผลง่ายๆคือ KBank ต้องการสร้างภาพของแบรนด์ให้ยกระดับขึ้นจากธนาคารเบอร์ 1 ระดับประเทศ แต่ก้าวไปสู่ ธนาคารระดับโลก ดังนั้นการใช้พรีเซ็นเตอร์ที่แข็งแรงในเวทีโลก ไม่ใช่ ลิซ่าที่ดูเสมือนเป็นตัวแทนของคนไทย ก็ย่อมตอบโจทย์มากกว่า
ในรอบ 1 ปีที่ผ่านมา เป็นปีทองของ BLACKPINK ที่ทำให้คนรู้จัก 4 สาว ไปทั้งโลก ไม่ว่าจะเป็นการบุกตลาดอเมริกาได้สำเร็จ เป็นเกิร์ลกรุ๊ปวงแรกในรอบ 9 ปี ที่มีเพลงติดชาร์ทบิลบอร์ด ฮอต 100
ตามด้วยได้รับเชิญให้แสดงใน หนึ่งในมหกรรมดนตรี ที่ใหญ่ที่สุดในโลกอย่างโคเชลล่า และได้รับเชิญให้สัมภาษณ์ ในรายการโชว์ดังๆทั่วโลก ทั้งเจมส์ คอร์เด้น , สตีเฟน โคลแบร์ และ Good Morning America ของช่อง ABC
นี่คือสัญลักษณ์ของวง K-Pop ที่เริ่มต้นจากในประเทศ แต่ค่อยๆพัฒนาตัวเองก้าวไปสู่ระดับโลกอย่างแข็งแกร่ง ซึ่งมันสามารถเป็นตัวแทนที่ดีของ KBank ได้
ธนาคารกสิกรไทย ก่อตั้งในปี พ.ศ.2488 จุดเริ่มต้นขององค์กร ก็ตามชื่อเลย คือมุ่งเน้นลูกค้ารายย่อยไปที่เกษตรกรไทย แต่เวลาผ่านไป พวกเขาก็เปลี่ยนแปลงตัวเองมาเรื่อยๆ จาก Local ก้าวไปสู่ Global จากกสิกรไทย ก็รีแบรนด์มาเป็น KBank และเริ่มเป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติ
ผมเชื่อว่า ถ้าคุณอยากบอกคนอื่นว่าแบรนด์เรานั้นจะก้าวไปสู่ระดับโลก พรีเซ็นเตอร์ก็ต้องระดับโลกเช่นกัน ดังนั้นดีลนี้ KBank จงใจเอา BLACKPINK ทั้งวงแต่แรกอยู่แล้ว
และเพื่อเป็นการโชว์ให้เห็นเลยว่า สิ่งที่แบรนด์ไทยยังไม่เคยมีใครทำได้มาก่อน นั่นคือจ้าง BLACKPINK ทั้งวง เฮ้ย เราทำได้นะ
นอกจากนี้อยากให้สังเกตกิมมิคเล็กๆ คำว่า Bank ตัวหน้าและตัวสุดท้ายคือ B กับ K เหมือนกับ BLACKPINK เลย มีความเข้ากันอย่างประหลาดดีนะ
------------------------------------------
[ Empower Your Belief ]
ดีลนี้ของ KBank ไม่ใช่แค่เอา BLACKPINK มาถ่ายรูป ถ่ายวีดีโอสวยๆ แค่นั้น แต่ยังมีการแต่งเพลงใหม่ และมีการสร้างสโลแกนขึ้นมาด้วยว่า Empower Your Belief โดยใช้ภาษาไทยว่า "แค่เชื่อก็เป็นได้"
ตามปกติแล้วโฆษณาตัวอื่นๆของ BLACKPINK ก็แทบไม่มีเลย ที่ต้องมาแต่งเพลงใหม่ การใช้เพลงที่ "มีอยู่แล้ว" น่าจะเข้าถึงคนได้ง่ายกว่าด้วยซ้ำ
เดือนเมษายนที่ผ่านมา BLACKPINK ไปเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้ Woori Bank ธนาคารของเกาหลีใต้ ซึ่งในตัวโฆษณาก็เลือกใช้เพลง Kill This Love ที่ดังระดับโลก ซึ่งก็ไม่แปลกที่จะเป็นแบบนั้น
แต่กับ KBank พวกเขาจงใจใช้เพลงใหม่ คือ "Empower You" นั่นเพราะต้องการส่ง "สาร" ที่ชัดเจนไปถึงลูกค้ากลุ่มเป้าหมายของธนาคาร
ในประเทศไทยเวลานี้ มีกลุ่ม "นิวเจน" คือคนอายุ 15-25 ปี อยู่ราว 10 ล้านคน โดยคนกลุ่มนี้คือวัยรุ่น ที่มีช่องทางในการทำธุรกิจใหม่ๆในโลกยุคดิจิตอลอย่างเต็มที่
ผมคิดว่า หมากเกมนี้ KBank ต้องการเข้าไปอยู่ในใจของเด็กกลุ่มนี้ ในเรื่องการเงิน โดยใส่ Message บอกวัยรุ่นว่า ถ้าพวกคุณมีแผนเรื่องการใช้เงิน อย่างเช่นการกู้เงินมาลงทุนธุรกิจอะไรสักอย่าง ทาง KBank จะยินดีรับฟังแน่นอน
ในยุคดิจิตอล ที่มีธุรกิจใหม่ๆเกิดขึ้นมากมาย บางคนอาจมองว่าบางไอเดียเป็นเรื่องไร้สาระ แต่ KBank เน้นใช้คำว่า "แค่เชื่อก็เป็นได้" เพื่อสื่อถึงว่า ถ้าคุณมั่นใจในไอเดียของคุณ อยากให้ลองมาคุยกับเราก่อน เราจะช่วยให้มันเป็นไปได้แน่นอน
BLACKPINK เป็นตัวแทนของกลุ่มเด็กสาว 4 คน ที่เต็มไปด้วยความฝัน จากจุดเริ่มต้นเป็นเด็กฝึกในค่าย YG เธอซ้อมหนัก ปีแล้วปีเล่า ด้วยความเชื่อในใจว่า สักวันพวกเธอจะทำได้ จะก้าวมาสู่การเป็นศิลปินที่ได้รับการยอมรับในวงการ
และผลลัพธ์ก็คือ ทั้ง 4 สาว จีซู ลิซ่า เจนนี่ โรเซ่ ทำได้จริงๆ ดังนั้น ความฝันไม่ว่าอะไรก็ตาม มันเกิดขึ้นได้ทั้งนั้น ขอแค่มีความเชื่อเอาไว้ แล้วลงมือทำมันอย่างจริงจัง ซึ่ง KBank ก็อยากจะย้ำสารตรงนี้ล่ะ ว่าถ้าคุณเชื่อ KBank ก็พร้อมจะเชื่อ และช่วยลงมือทำไปพร้อมกับคุณเหมือนกันนะ
------------------------------------------
[ ได้ทั้งเงิน ได้ทั้งใจ จากฐานแฟนคลับ ]
ด้วยความที่ BLACKPINK มีคนไทยอยู่ด้วย นั่นทำให้พวกเธอเป็นเกิร์ลกรุ๊ปที่มีพลังมากที่สุดในประเทศไทย ณ เวลานี้
เพจ BLACKPINK Thailand มีคนฟอลโลว์มากถึง 6 แสนคน ส่วนเพจ BLACKPINK YG Thailand มีคนฟอลโลว์มากในระดับเดียวกัน คือสองเพจรวมกันนี่ก็ล้านไลค์แล้ว
นอกจากนั้น ในไทยยังมีแยกย่อยเป็นแฟนคลับของศิลปินแต่ละคนอีกต่างหาก ทั้งลิซ่า จีซู เจนนี่ และ โรเซ่ แต่ละคนมีกลุ่มแฟนที่หนาแน่นมากๆ
กลุ่มแฟนของ BLACKPINK จำนวนไม่น้อย ยินดีที่จะสนับสนุนศิลปินด้วยการใช้สินค้าที่ทางวงไปโฆษณา เพราะรู้ว่า จะนำมาซึ่งรายได้ทางอ้อมเข้าสู่ตัวศิลปินเอง
ดังนั้นเมื่อ KBank ออกมาจับมือกับ BLACKPINK แบบนี้ ไม่แปลกเลยที่แฟนคลับจะหันมาเลือกกสิกรไทย ลองคิดดูในแง่ว่า ถ้าธนาคารไหนก็มีฟังค์ชั่นคล้ายๆกัน แล้วทำไมเราไม่เลือกสนับสนุน ธนาคารที่ซัพพอร์ตศิลปินที่เรารักล่ะ
KBank จะเปิดตัวบัตรเดบิต ลาย BLACKPINK ในวันที่ 21 พฤศจิกายน (วันนี้) สามารถสมัครทาง K Plus ขณะที่ตามสาขาจะมีบัตรเดบิต ตั้งแต่วันที่ 25 พฤศจิกายนเป็นต้นไป โดยมีราคาใบละ 750 บาท
ใน 750 บาทนั้น อาจดูสูงนิดนึง แต่ก็ไม่ใช่ว่าคุณจะได้บัตร BLACKPINK มาโดดๆแค่ใบเดียวนะ ยังได้สมุดบัญชีออมทรัพย์ กระเป๋า และ COde สำหรับโหลดธีม K Plus สไตล์ BLACKPINK อีกต่างหาก
ไม่เพียงแค่นั้น ยังมีสิทธิโปรโมชั่นที่ KBank เขาเตรียมไว้แล้ว เช่น
- ส่วนลด Grab 50 บาท
- ส่วนลด Grab Food 100 บาท
- ส่วนลด ตั๋วหนังเมเจอร์ 100 บาท
- ส่วนลด Lazada 20%
- ส่วนลด Expedia 8%
- ส่วนลด Agoda 5%
- ส่วนลด แบรนด์กีฬา Ari 5%
- คูปองเงินสด ALAND 100 บาท 6 ใบ
- คูปองเงินสด Jung Saem Mool 100 บาท 6 ใบ
- JOOX VIP ฟรี 1 เดือน
- 10 แคนดี้ สำหรับแอพพลิเคชั่น Joylada
ดังนั้นว่ากันตรงๆ ราคา 750 บาท ถามว่าแพงไหม ก็แพงนั่นแหละ คือสูงกว่าบัตรเดบิตปกติ แต่ก็เข้าใจได้อยู่ เพราะมีสิทธิประโยชน์รองรับเพียบเหมือนกัน
เป้าหมายของ KBank คือขายบัตรเดบิตให้ได้ 1 ล้านใบ ซึ่งเป็นเป้าหมายที่ดูเยอะมากๆ แต่เราจะประเมิน BLACKPINK ต่ำไปไม่ได้เลย จากกระแสในทวิตเตอร์ตอนเปิดตัวโฆษณาที่ขึ้นเทรนด์ประเทศไทยทั้งกระดาน ดังนั้นจับพลัดจับผลูมีสิทธิไปถึงได้จริงๆ
ลองคิดเลขกลมๆ 750 บาท คูณ 1 ล้าน แค่ทำบัตรเดบิตอย่างเดียว กสิกรไทย จะฟันเงินไปแล้ว 750 ล้านบาท เอาไปหักลบค่าตัวที่ต้องจ่ายให้ YG Entertainment จ่ายค่าโฆษณา ทำโปรดักชั่น ทุกสิ่งทุกอย่างแล้ว ยังมีกำไรมากกว่าร้อยล้านด้วยซ้ำ
ดีลนี้ KBank เหมือนจะจ่ายหนักตอนแรก ในการดึง BLACKPINK เข้ามา แต่ถ้าพวกเขาทำได้ดี มันจะเป็นการสร้างกำไรในระยะยาว
ธุรกิจก็ได้ ภาพลักษณ์ก็ได้ เอาจริงๆ Kbank ได้ทุกทางเลยนะ
------------------------------------------
[ ความยากในการร่วมงานกับ BLACKPINK ]
สิ่งที่ยากที่สุด ในโปรเจ็กต์ KBank x BLACKPINK คือเรื่องของความคาดหวัง เพราะอย่างที่ทราบกันว่า 4 สาว มีฐานแฟนที่แข็งแกร่งทั่วโลก ดังนั้นการถ่ายทำโฆษณา และโปรโมท จำเป็นต้องเนี้ยบที่สุด
การร่วมงานกับ BLACKPINK ถ้าทำได้ดี ใช่ มันจะปัง และไปไกลมาก แต่ถ้าทำได้ไม่ถึงมาตรฐานล่ะก็ แบรนด์จะโดนด่าเละเทะ เผลอๆ จะเป็นตราบาปไปเลย ว่ามีฝีมือแค่นี้ ทำไมมากล้าจ้างพรีเซ็นเตอร์เลเวลนี้
แต่แน่นอน ดู KBank ทำการบ้านได้ดีระดับหนึ่ง ซึ่งผลลัพธ์ที่ออกมา จนถึงล่าสุดชั่วโมงนี้ ก็ยังไม่โดนตำหนิในแง่ของโปรดักชั่น กระแสค่อนไปทางบวกด้วย
ตัวอย่างเช่น ที่คนพูดถึงกันเยอะในทวิตเตอร์ คือเรื่องของสีเขียวสด ที่เป็นสีหลักของธนาคาร ที่ตามปกติกสิกรไทยจะจัดเต็มสีเขียวแบบนั้นในงานโฆษณาทั่วไป แต่กับโปรเจ็กต์นี้ ก็เลือกใช้สีเขียวเข้มๆแบบน้ำทะเล ดูแนบเนียนไปกับวง ไม่จำเป็นต้องเอาสีเขียวสดของตัวเองมาฮาร์ดเซลล์
ขณะที่เสื้อผ้าหน้าผม ยังคงคอนเซ็ปต์ของ BLACKPINK ได้อย่างดีเยี่ยม ไม่หลุดธีมของวง
จุดนี้ผมคิดว่าสำคัญมากครับ เพราะอย่างที่บอกไปตอนแรก ทาง KBank ต้องการ "ส่งสาร" ถึงกลุ่มนิวเจน กลุ่มคนรุ่นใหม่ ที่จะเป็นลูกค้ากลุ่มต่อไปของธนาคาร
คนรุ่นใหม่นั้น เรารู้กันอยู่แล้ว ไม่ชอบโดนบังคับให้ทำตามคำสั่ง โดยไม่มีเหตุผลที่เพียงพอ วิธีการที่จะเข้าหาคนรุ่นใหม่ คือคุณต้อง Respect เขา
Respect คือให้เกียรติในสิ่งที่เขาเชื่อ และเคารพในสิ่งที่เขาเลือกจะเป็น อย่าบังคับว่าต้องเดินมาตามกรอบที่ผู้ใหญ่กำหนดไว้ให้ ในทางที่เขาไม่ได้เป็น
ลองคิดภาพดูว่า ถ้าตัวแทนเด็กรุ่นใหม่อย่าง BLACKPINK ที่มีสไตล์โดดเด่น และมีความมั่นใจในตัวเอง แต่กลับต้องมาอยู่ในธีม สีเขียวสด ของกสิกรไทย คือมันก็เห็นๆกันอยู่ว่า ไม่เข้ากันเลย ซึ่งถ้าบังคับกันแบบนั้น มันก็เหมือนจับเอาวัยรุ่น มาอยู่ในกรอบที่ไม่ได้เป็นตัวตนของพวกเขานั่นแหละ
และมันก็ย่อมผิดคอนเซ็ปต์ Empower you คือคุณไม่ได้ให้พลัง ให้ความเชื่อมั่นในตัวพวกเขาเลย แต่คุณแค่เอาเขามา Empower Me ต่างหาก
ดังนั้น ธีม และโทน ของโฆษณา จึงออกมาในรูปแบบนี้ คงความสมดุลเอาไว้ ให้มีความเป็น BLACKPINK มากที่สุด แม้จะฉีกจากแนวเดิมๆที่กสิกรไทย เคยโฆษณามาก็ตามที
------------------------------------------
บทสรุปคือ ดีลนี้ มันเป็นความกล้าที่จะไปดึงเอาศิลปินระดับ BLACKPINK เข้ามาร่วมงานด้วย
ซึ่งถ้าทำออกมาได้ดี มันจะส่งทุกอย่างเป็นแรงบวก ทั้งในแง่ของกระแสความนิยม แง่ของภาพลักษณ์ที่ดูโกลบอลมากขึ้น และในแง่ของยอดขายที่จะเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล
เราไม่รู้ว่าสินค้าที่กสิกรไทยจะปล่อยออกมา ที่เกี่ยวข้องกับ BLACKPINK จะมีอะไรอีกบ้าง นอกเหนือจากบัตรเดบิต ซึ่งแฟนๆก็จะตามไปสนับสนุนจนสุดทางนั่นล่ะ
ที่สำคัญการดึงพรีเซ็นเตอร์ระดับโลกเข้ามาทั้งวงแบบนี้ ใช่ มันคือการเล่นใหญ่ คือมอง Step Further ก้าวไปอีกขั้นเลย
BLACKPINK ณ เวลานี้ ไม่ใช่แค่ศิลปินเกาหลีเท่านั้น แต่พวกเขาคือ Icon ของเด็กวัยรุ่นทั่วโลก
แม้แต่นิตยสาร Time ยังยกให้ BLACKPINK เป็น Time 100 Next หรือสุดยอด 100 บุคคลแห่งยุคสมัยต่อไป
ดังนั้นการที่ KBank ใช้พลังทั้งหมดไปเจรจาคว้าตัว BLACKPINK มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ได้ มันคืออ่านเกมได้อย่างถูกต้องแล้ว
และถ้าพวกเขาไม่ตกม้าตายไปกับเรื่องเล็กๆน้อยๆล่ะก็ สุดท้าย KBank จะเป็นผู้ชนะอย่างสมบูรณ์แบบในดีลนี้
#KBankxBLACKPINK
#แค่เชื่อก็เป็นได้
#EmpowerYourBelief
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
CR : https://www.facebook.com/1763193370562572/posts/2375394999342403?d=n&sfns=mo