"ทนงศักดิ์ ศุภการ"
พลังด้านบวกฤาจะพ่ายแพ้มรสุม
ig fashion_in_memory
ทนงศักดิ์ ศุภการ เกิดเมื่อวันที่ 9 กันยายน พ.ศ.2504 มีชื่อจริงว่า "ทนงศักดิ์ ศุภทรัพย์" หรือนามสกุลเดิม "หาทรัพย์" มีชื่อเล่นว่า "โหน่ง" แต่เพื่อน ๆ มักเรียกว่า "นง" จนทำให้เขามักใช้ชื่อนี้ในการแนะนำตัวหรือเรียกขาน พื้นเพเป็นคนกรุงเทพฯ ตั้งแต่กำเนิด มารดาเป็นชาวจีนกวางตุ้งที่มาอาศัยและเติบโตในกรุงเทพฯ บิดาเป็นคนจังหวัดอุดรธานีทำอาชีพตัดเสื้อผ้า เปิดร้านตัดเย็บเสื้อผ้าแถวหัวลำโพง อีกทั้งท่านยังไม่ได้เรียนหนังสือทั้งคู่
จบการศึกษาจากโรงเรียนเกษตรวิทยา ในช่วงชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ถัดนั้นจึงศึกษาต่อในชั้นประถมศึกษาปีที่ 2-7 ในอีกโรงเรียน ก่อนจะมาศึกษาต่อในช่วงชั้น มศ.1-5 ที่โรงเรียนไตรมิตรวิทยาลัย
ชีวิตของคุณนงในช่วงเยาว์วัยเป็นอย่างเฉกเช่นเด็กปกติทั่วไป ตื่นเช้าไปโรงเรียน เล่นกีฬาที่ตนชื่นชอบ เย็นกลับบ้านอ่านหนังสือเตรียมตัวสำหรับการเรียนในวันถัดไป ชีวิตของคุณนงดำเนินไปด้วยความธรรมดา เรียบง่าย ไม่มีอะไรหวือหวา กระทั่งเมื่อเข้าสู่ช่วงวัยมัธยม ขณะที่ศึกษาอยู่ที่โรงเรียนไตรมิตรวิทยาลัย คุณนงได้ออกจากบ้านไปอาศัยอยู่กับเพื่อนที่เป็นเด็กวัดเพื่อแบ่งเบาภาระของทางบ้าน เมื่อเพื่อนคนนั้นได้ตัดสินใจกลับบ้านเพราะไม่ต้องการใช้ชีวิตอยู่กับวัด ทำให้เขาได้เข้าอาศัยอยู่ในห้องนอนของเพื่อนคนนั้นแทน คุณนงคอยปรนิบัติ ดูแลความเป็นอยู่ของพระสงฆ์ จนทำให้พระรูปหนึ่งถามถึงความต้องการที่จะอยู่อาศัยเป็นเด็กวัดของเขา จากนั้นท่านจึงส่งเสียคุณนงจนจบชั้นมศ.5
คุณนงใช้ชีวิตเป็นเด็กวัดอยู่เป็นระยะเวลานานกว่า
4 ปี ชีวิตที่ได้อาศัยอยู่กินที่วัดทำให้เขาได้พบเห็นคนหลากหลายชนชั้น ตั้งแต่คนยากไร้ที่ต้องมาขอข้าววัดเพื่อประทังชีวิตหรือแม้แต่เศรษฐีผู้มีอันจะกินที่มาสร้างโบสถ์ตึกอาคารให้แก่ทางวัด ความแตกต่างทางชนชั้นของคนในสังคมเวียนว่ายมาให้เขาพบเห็นตลอดระยะเวลาของการเป็นเด็กวัด
ig fashion_in_memory
นอกจากนี้หลังจบมศ.3 คุณนงยังได้มีโอกาสไปสอบสมัครเข้าเป็นทหารตามความฝันและความชื่นชอบในวัยเด็กที่มีความชอบในเครื่องแบบเป็นอย่างมาก แต่สุดท้ายผลการสอบที่ออกมากลับไม่เป็นดั่งหวัง และได้เข้าสอบเป็นนายร้อยเมื่อจบมศ.5 โดยผลออกมาในฐานะตัวสำรอง แต่ก็ไม่มีการเรียกตัวเขาไป ทำให้หลังจบมศ.5 คุณนงจึงได้เบนเข็มมาศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง แต่ก็ไม่ได้ลงเรียน
และอาจมีหลายท่านที่ไม่รู้ว่าคุณนงในช่วงวัยเด็กก็เคยมีความฝันที่อยากจะเป็นนักมวยถึงขนาดให้คุณพ่อพาเขาไปฝากฝังกับคุณนิวัฒน์ เหล่าสวัฒน์ โปรโมเตอร์มวยชื่อดังผู้เป็นถึงโปรโมเตอร์ของเขาทราย กาแล็คซี่ หลักเรียนคุณนงมักไปซ้อมมวยอยู่เป็นประจำ แต่เมื่อเติบโตขึ้นคุณนงกลับไม่ได้มายุ่งเกี่ยวกับแวดวงนี้อีก
จุดหักเหในการเข้าวงการของคุณนงเริ่มต้นช่วงมัธยมปลายเมื่อเขาได้ไปคลุกคลีอยู่กับเพื่อนที่กำลังเรียนด้านการถ่ายภาพอยู่วิทยาลัยเทคนิคกรุงเทพฯ ช่วงนั้นเขาค่อนข้างจะมีความเกเรอยู่บ้าง แต่ไม่ได้ก่อกวนมากนัก ณ ตอนนั้นคุณนงได้โดดเรียนไปเป็นแบบให้กับเพื่อนคนดังกล่าว การเป็นนายแบบให้กับเพื่อนทำให้คุณนงเริ่มสนใจการถ่ายภาพและเริ่มเรียนรู้ จนทำให้ได้รับความรู้ทางด้านนี้มา จากนั้นเขาได้ตัดสินใจประกอบอาชีพเป็นช่างภาพนับตั้งแต่นั้น เมื่อทำงานเป็นช่างภาพได้ช่วงระยะเวลานึงเนื่องจากในยุคนั้นช่างภาพเป็นอาชีพที่ยังหาได้ยากมากเมื่อเทียบกับยุคสมัยนี้ทำให้คุณนงสามารถหารายได้มากมายได้อย่างรวดเร็ว
เขาได้เริ่มอาชีพการช่วยถ่ายภาพให้กับคุณศักดิ์ชัย กาย เพื่อนสมัยมัธยม หลังจากนั้นเขาจึงได้ไปทำงานให้กับไรเฟนเบิร์กซึ่งเป็นการร่วมทุนระหว่างไทยและต่างชาติ โดยงานของคุณนงคือการถ่ายรูปโรงแรมตึกอาคารต่าง ๆ
ig fashion_in_memory
กระทั่งเมื่อช่วงตี 3 ในวันธรรมดาอันแสนจะเรียบง่าย คุณนงได้ขับรถเพื่อไปพบเพื่อนยังอพาร์ตเม้นท์แห่งหนึ่ง ขณะที่กำลังเคลื่อนตัวรถเข้ายังจุดจอด ได้มีรถยนต์คันหนึ่งแบ่งปันน้ำใจ เคลื่อนรถของตนเพื่อให้เขาขับรถเข้ายังจุดจอดได้อย่างสะดวก เช้าวันต่อมาคุณนงได้รับการติดต่อจากยามอพาร์ทเม้นท์ว่าได้มีผู้สร้างหนังท่านหนึ่งต้องการติดต่อทาบทามนำเขามาเป็นพระเอก โดยหารู้ไม่ว่าบุคคลผู้อยู่ในรถยนต์ที่สวนกันเมื่อคืนคือ "ศุภักษร" นักเขียนนิยายและผู้สร้างหนังแนวรักวัยรุ่นชื่อดัง ที่เดินทางมาอพาร์ทเม้นท์แห่งนี้พอดี เพราะต้องการพบกับดาวตลก "คุณจุ๋มจิ๋ม เข็มเล็ก" จนได้เจอกับคุณนงโดยบังเอิญ
จากนั้น 2 สัปดาห์ คุณนงจึงตัดสินใจเข้าไปพูดคุย โดยได้รับการนัดหมายที่ห้องของคุณจุ๋มจิ๋ม เข็มเล็ก เมื่อพบคุณศุภักษร คุณนงได้รับการชักชวนให้มาแสดงในบทบาทพระเอกภาพยนตร์ เมื่อได้รับข้อเสนอดังกล่าวคุณนงจึงตอบตกลงโดยไม่ลังเล
จุดประสงค์ของการเข้ามาในวงการการแสดงของคุณนง สำหรับเขาแล้วนี่คือการต่อยอดความก้าวหน้าของอาชีพการเป็นช่างภาพของเขา เมื่อเข้ามาในวงการการแสดง เขามีความคิดว่านี่เป็นโอกาสอันดีที่จะทำให้เขาได้ผันไปเป็นคนเบื้องหลังกองถ่าย โดยทำงานเป็น Camera Man ซึ่งผลที่ได้รับจะก่อให้เกิดผลตอบแทนและรายได้ที่ตามมาอีกมาก ณ ตอนนั้นเขาไม่มีความคิดที่จะเป็นดาราชื่อดังระดับแถวหน้าของประเทศเลยแม้แต่น้อย
เพจภาพจากหนังสือเรื่องย่อละครไทย
ผลงานการแสดงของคุณนงได้ออกสู่สายตาผู้ชมครั้งแรกในปี พ.ศ. 2525 กับผลงานภาพยนตร์โทรทัศน์ ฉายทีวี ทางช่อง 7 สำหรับประกวดรางวัลดาวเทียมทองคำ ของคุศุภักษร ในผลงานภาพยนตร์โทรทัศน์ "เธอกับฉัน" แสดงร่วมกับอนาคตนางเอกวัยรุ่นชื่อดังแห่งยุค "คุณอรพรรณ พานทอง" และในปีเดียวกันคุณนงยังได้มีผลงานแสดงภาพยนตร์เรื่องแรกร่วมกับคุณอรพรรณที่เคยร่วมงานในเรื่องเธอกับฉันอีกครั้ง ในผลงานภาพยนตร์ "กุนซืออ้วน ภาค 2"
หลังจากนั้นคุณนงจึงได้เริ่มมีผลงานแสดงในภาพยนตร์แนววัยรุ่นออกมาอย่างเรื่อยๆ เช่น "แก๊งค์ไอติม" ร่วมกับคุณอรพรรณ คุณจุ๋มจิ๋มเข็มเล็ก และวงดนตรีวัยรุ่นชื่อดังวง xyz เมื่อได้เข้ามาเป็นดารานักแสดงที่ได้ชื่อว่าเป็นคนของประชาชน ทำให้เขาได้เป็นที่รู้จักของผู้คน มีแฟนคลับวัยรุ่นที่ชื่นชอบคลั่งไคล้เขามากมายที่ส่งจดหมายเข้ามาเพื่อพูดคุยกับดาราศิลปินที่ตนชื่นชอบตามแบบยุคสมัย ชื่อเสียงเงินทองที่หลั่งไหลเข้ามาทำให้ผู้คนหลงระเริงและเสียผู้เสียคนไปนักต่อนัก จริงอยู่ที่ว่าคุณนงเองก็เคยหลงระเริงไปกับชื่อเสียงเงินทองเหล่านี้เช่นกัน แต่เขาก็ยังคงประคองสติและไม่หลงระเริงไปกับไฟมายาจนบ่อนทำลายชีวิตของตัวเอง
เพจภาพเก่าวันวาน
แม้จะมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จัก แต่ด้วยเหตุผลบางประการทำให้คุณนงตัดสินใจเฟดตัวกลับไปทำงานเบื้องหลังเป็นช่างภาพตามเดิม กระทั่งปี พ.ศ. 2532 เมื่อทางค่ายกันตนาได้นำผลงานบทประพันธ์น้ำดี "สมการวัย" มาสร้างในรูปแบบของละครโทรทัศน์ โดยให้คุณนิด อรพรรณเป็นผู้แสดงนำ ทางผู้ใหญ่จึงได้ติดต่อให้ทางคุณนงซึ่งเคยแสดงภาพยนตร์ร่วมกับคุณนิดมาร่วมแสดงกับคุณนิด คุณนงจึงได้กลับมาเฉิดฉายในวงการแห่งการแสดงอีกครั้ง
สมการวัยนับเป็นผลงานการแสดงเรื่องแรกที่คุณนงได้ใช้เสียงของตนเองจริงๆ แต่กระนั้นเขาก็ได้ถูกวิพากษ์วิจารณ์ถึงความไม่เหมาะสมกับการเล่นละคร น้ำเสียงที่ไม่เหมาะกับการร้องเพลง และรูปร่างที่ตัวเล็กเมื่อเทียบกับสถานะการเป็นพระเอกและนักแสดงบทพระเอกคนอื่น ๆ ในยุคเดียวกัน เมื่อได้รับการตอบรับเช่นนี้จากผู้คนบางส่วนทำให้เขารู้สึกไม่ดีเป็นอย่างมาก แต่คุณนงได้กระทำการแก้ปัญหาดังกล่าวในสิ่งที่แตกต่างจากคนทั่วไปโดยการได้ปรับเปลี่ยนทัศนคติ มุมมองต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
คุณนงคิดว่าทำไมเราถึงไม่ทำให้ดีในพื้นที่ของเราเสีย ทำในแบบที่เป็นตัวของเรา ทำออกมาในแบบของเรา บางทีผลที่ออกมาอาจจะได้รับคำชื่นชมกว่าแบบฉบับที่มีอยู่ก็เป็นได้ และถึงแม้เขาจะไม่ได้เป็นชายไทยที่สูงชะลูด แต่เมื่อนานไปทำให้คุณนงพบว่า เมื่อมีการเข้าฉากกับนักแสดงคนอื่นที่สูงกว่า หลายครั้งนักแสดงเหล่านั้นจำเป็นต้องก้มหัวเพื่อให้ส่วนสูงไม่ห่างจากเขาเกินไปนัก เขาคิดเช่นนั้น
เพจละครไทยในความทรงจำ
จากนั้นคุณนงได้เริ่มกลับมารับงานแสดงมากขึ้นโดยมักได้รับบทสมทบโดดเด่นควบคู่ไปกับการทำงานเป็นช่างภาพให้กับทางนิตยสารพลอยแกมเพชร นิตยสารแถวหน้าในยุคนั้น
เหมือนว่าชีวิตของคุณนงกำลังดำเนินไปอย่างราบรื่น ไม่ว่าจะทางด้านหน้าที่การงานที่มีงานเข้ามาอย่างไม่ขาดสายหรือแม้แต่ครอบครัวที่อบอุ่นพร้อมหน้าพร้อมตาไปด้วยลูก ๆ และภรรยา กระทั่งเมื่อปี พ.ศ. 2537 มรสุมชีวิตระลอกแรกก็ได้สาดซัดเข้ามาในเส้นทางชีวิตของชายหนุ่มคนนี้
วันที่ ๑ มกราคม ปีพุทธศักราช ๒๕๓๗
เพจลูกกวาดมอมแมม
วันนี้เป็นวันเทศกาลขึ้นปีใหม่สำหรับคนไทย ประชากรกว่าครึ่งค่อนประเทศใช้เวลาในวันนี้ไปกับการพักผ่อนหย่อนใจ ไม่ว่าจะเป็นการพักผ่อนที่บ้านหรือจะเป็นการไปท่องเที่ยวตามสถานที่ต่าง ๆ ก็ดี สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญทั่วทุกแห่งล้วนแน่นขนัดไปด้วยผู้คนจำนวนมาก
แต่ขณะเดียวกันก็มีผู้คนอีกไม่น้อย ที่วันนี้กลับเป็นอีกวันหนึ่งที่พวกเขาจำเป็นต้องทำงานหน้าที่ที่ตนได้รับมอบหมาย คุณนงคือหนึ่งในผู้คนจำนวนนั้น
คุณนงได้รับงานถ่ายภาพที่ Bank Of Tokyo แถวสาทร เพื่อภาพที่ออกมาสวยงามไม่โดนสายไฟบดบัง เขาจึงใช้วิธีขึ้นเครนเพื่อเก็บภาพในมุมสูงโดยหารู้ไม่ว่าอันตรายกำลังรอเขาอยู่เบื้องหน้า
ขณะถ่ายภาพคุณนงเมื่ออาการเจ็บแปลบเหมือนโดนไฟช็อต แต่เขากลับไม่คิดว่าเป็นเช่นนั้นจึงไม่ได้ทำอะไร กระทั่งคุณนงได้ทำการนำผ้าคลุมออก เมื่อสลัดผ้าไฟฟ้าได้ช็อตคุณนงอย่างเต็มแรง ร่างกายของคุณนงเกิดอาการแสบและเจ็บปวดไปทั่วเพราะกระแสไฟฟ้า นอกจากนี้คุณนงยังสวมใส่กำไลเหล็กที่ข้อมือ เมื่อเหล็กเจอกับกระแสไฟฟ้าก่อให้เกิดความร้อนที่ตัวกำไล จนทำให้เกิดการเผาไหม้บริเวณช่วงแขนที่กำไลไหลรูดลงไป
ช่วงที่ไฟฟ้าช็อต สติของเขานั้นพร่าพราง ภาพเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เคยเกิดขึ้นตั้งแต่ช่วงเยาว์วัยไหลผ่านเข้ามาอย่างระสับระส่าย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องดี เรื่องร้ายหรือเรื่องที่แม้แต่ตัวเขาเองต่างลืมเลือนมันไปจนหมดสิ้น เรื่องราวเหล่านั้นต่างพากันไหลย้อนเข้ามาให้เขาได้พบเจอมันอีกครั้ง ราวกับว่าประตูยมโลกได้เปิดอ้าคอยต้อนรับเขาอยู่อย่างไรอย่างนั้น
"ทนงศักดิ์ ศุภการ" ชีวิตคิดบวกที่ไม่พ่ายต่อมรสุม และเรื่องราวการแบ่งปันสิ่งความสุขด้วยการวิ่ง
4 ปี ชีวิตที่ได้อาศัยอยู่กินที่วัดทำให้เขาได้พบเห็นคนหลากหลายชนชั้น ตั้งแต่คนยากไร้ที่ต้องมาขอข้าววัดเพื่อประทังชีวิตหรือแม้แต่เศรษฐีผู้มีอันจะกินที่มาสร้างโบสถ์ตึกอาคารให้แก่ทางวัด ความแตกต่างทางชนชั้นของคนในสังคมเวียนว่ายมาให้เขาพบเห็นตลอดระยะเวลาของการเป็นเด็กวัด
จุดประสงค์ของการเข้ามาในวงการการแสดงของคุณนง สำหรับเขาแล้วนี่คือการต่อยอดความก้าวหน้าของอาชีพการเป็นช่างภาพของเขา เมื่อเข้ามาในวงการการแสดง เขามีความคิดว่านี่เป็นโอกาสอันดีที่จะทำให้เขาได้ผันไปเป็นคนเบื้องหลังกองถ่าย โดยทำงานเป็น Camera Man ซึ่งผลที่ได้รับจะก่อให้เกิดผลตอบแทนและรายได้ที่ตามมาอีกมาก ณ ตอนนั้นเขาไม่มีความคิดที่จะเป็นดาราชื่อดังระดับแถวหน้าของประเทศเลยแม้แต่น้อย
ขณะถ่ายภาพคุณนงเมื่ออาการเจ็บแปลบเหมือนโดนไฟช็อต แต่เขากลับไม่คิดว่าเป็นเช่นนั้นจึงไม่ได้ทำอะไร กระทั่งคุณนงได้ทำการนำผ้าคลุมออก เมื่อสลัดผ้าไฟฟ้าได้ช็อตคุณนงอย่างเต็มแรง ร่างกายของคุณนงเกิดอาการแสบและเจ็บปวดไปทั่วเพราะกระแสไฟฟ้า นอกจากนี้คุณนงยังสวมใส่กำไลเหล็กที่ข้อมือ เมื่อเหล็กเจอกับกระแสไฟฟ้าก่อให้เกิดความร้อนที่ตัวกำไล จนทำให้เกิดการเผาไหม้บริเวณช่วงแขนที่กำไลไหลรูดลงไป
ช่วงที่ไฟฟ้าช็อต สติของเขานั้นพร่าพราง ภาพเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เคยเกิดขึ้นตั้งแต่ช่วงเยาว์วัยไหลผ่านเข้ามาอย่างระสับระส่าย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องดี เรื่องร้ายหรือเรื่องที่แม้แต่ตัวเขาเองต่างลืมเลือนมันไปจนหมดสิ้น เรื่องราวเหล่านั้นต่างพากันไหลย้อนเข้ามาให้เขาได้พบเจอมันอีกครั้ง ราวกับว่าประตูยมโลกได้เปิดอ้าคอยต้อนรับเขาอยู่อย่างไรอย่างนั้น