Namaste Nepal ตอนที่ 1 (...เนปาล...ยินดีต้อนรับ...ชิมดิน..เนปาล...)
การเขียนบันทึกครั้งนี้ เราได้เขียนหลังจากกลับจากเนปาล 1 สัปดาห์ ความจริงอยากเขียนตั้งแต่กลับมา แต่ก็มีเหตุการณ์หลายอย่างเช่นกลับไปบ้านต่างจังหวัด(อุทัยธานี) ที่บ้านไม่มี Internet ใช้ Notebook เชื่อมต่อกับ Hotspot ก็ไม่รับ จะนำ NoteBook ไปใช้ที่ทำงานก็ไม่ได้เพราะไม่มีเวลาต้องสอนถึง 4 คาบ จากเวลาทั้งหมด 7 คาบ เลยโอเอ้ จนถีงกลับมาบ้านอยุธยาจึงได้ลงมือ เขียน เนปาลเป็นประเทศที่ใฝ่ฝันมานานมากแล้วว่าต้องไปเหยียบแผ่นดินเนปาลสักครั้งในชีวิต ทำไมถึงอยากไปเนปาล ก็ตอบไม่ได้ รู้แต่ว่าอยากไป อยากเห็น รู้จักเนปาลจากการอ่าน การดูซึรีย์ ( 9 Times time Travel ลิขิตรักข้ามเวลา) ความจริงซีรีย์เรื่องนี้ก็ไม่ค่อยสนุกเท่าไร ( ความเห็นส่วนตัว ) แต่มีการย้อนเวลาไปที่เนปาล ทำให้อยากไปเนปาลเพิ่มขึ้นอีกระดับหนึ่ง เพื่อน (รุจา) จะพูดล้อเสมอว่าได้ไปเนปาลสมปรารถนาแล้ว เพราะอยากไปเนปาลมานานมากแล้ว
และแล้วก็วางแผนเดินทางไปเนปาลกัน พวกเราทั้งหมด 10 คน ไปเนปาล ระหว่างวันที่ 12 - 17 พฤศจิกายน 2562 ก่อนหน้านี้ พี่หมูได้โทรมาถามว่าไปเที่ยวเนปาลไหม เราตอบว่าอยากไปอยู่ แล้วถามว่าไปอย่างไร ก็ตอบว่าจะให้ลูกสาว (น้องฉ๋อม) วางแผนพาไปให้ เราเลยตอบว่าถ้าไปเราไปกับทัวร์ดีกว่าเพราะมีภาระหลายอย่างเช่นรถรับส่ง ที่พัก การเดินทาง กระเป๋าสัมภาระ ผลสรุปใช้บริการทัวร์ดีกว่า เมื่อตกลงเรียบร้อยเริ่มเดินทางไปเนปาล
ประเทศเนปาล (เนปาล: नेपाल) หรือชื่ออย่างเป็นทางการว่า สหพันธ์สาธารณรัฐประชาธิปไตยเนปาล (อังกฤษ: Federal Democratic Republic of Nepal; เนปาล: सङ्घीय लोकतान्त्रिक गणतन्त्र नेपाल "สงฺฆีย โลกตานฺตฺริก คณตนฺตฺร เนปาล") เป็นประเทศที่ไม่มีทางออกสู่ทะเลในเอเชียใต้ มีพื้นที่ 147,181 ตารางกิโลเมตร และประชากรประมาณ 27 ล้านคน ประเทศเนปาลเป็นประเทศที่ตั้งอยู่ในเทือกเขาหิมาลัย มีพรมแดนทิศเหนือติดสาธารณรัฐประชาชนจีน ทิศใต้ ตะวันออกและตะวันตกติดสาธารณรัฐอินเดีย ประเทศเนปาลแยกจากประเทศบังกลาเทศด้วยฉนวนศิลิกูริ (Siliguri Corridor) เส้นขอบแคบ ๆ ในประเทศอินเดีย และแยกจากประเทศภูฏานด้วยรัฐสิกขิมของอินเดีย กรุงกาฐมาณฑุเป็นเมืองหลวง
ภาคเหนือของประเทศเนปาลเต็มไปด้วยเทือกเขาและเนปาลมียอดภูเขาแปดจากสิบภูเขาที่สูงสุดในโลก รวมยอดเขาเอเวอร์เรสต์เป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในโลก (สูง 8,848 m or 29,029 ft คนทั่วโลกอยากไปพิชิตเอฟเวอร์เรสต์ คนที่มีความพร้อมเท่านั้นจึงจะทำได้ เพราะต้องผ่าน death zone ในความสูง 26,000 ft ) ยอดเขาในเนปาล กว่า 240 แห่งซึ่งสูงเกิน 6,096 เมตร (20,000 ft) ส่วนภาคใต้มีพื้นที่อุดมสมบูรณ์และชื้น ชาวเนปาลประมาณ 81.3% นับถือศาสนาฮินดู ศาสนาพุทธ 9% ตามด้วยศาสนาอิสลาม 4.4% Kiratism 3.1% ศาสนาคริสต์ 1.4% และวิญญาณนิยม 0.4% ประชากรสัดส่วนใหญ่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภูมิภาคภูเขา ระบุว่าเป็นทั้งฮินดูและพุทธ
ประเทศเนปาลปกครองด้วยระบอบราชาธิปไตยมาตลอดประวัติศาสตร์โดยราชวงศ์ศาหะปกครองประเทศตั้งแต่ปี 2311 และ เมื่อ วันที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2544 ได้เกิดเหตุการณ์สังหารหมู่พระราชวงศ์แห่งเนปาลขึ้นภายในพระราชวังในกรุงกาฐมาณฑุ เกิดจากอุบัติเหตุพระแสงปืนลั่นโดยมกุฎราชกุมารดิเพนทรา (Dipentra) เป็นผู้ทำพระแสงปืนลั่นในขณะที่สมาชิกพระราชวงศ์กำลังร่วมเสวยพระกระยาหารค่ำ ก่อนที่องค์มกุฎราชกุมารจะทำพระแสงปืนลั่นถูกพระองค์เองเป็นผลให้กษัตริย์พิเรนทรพีรพิกรมศาหเทวะ (Birendra Bir Bikram Shah Dev) และสมเด็จพระราชินีไอศวรรยาราชยลักษมีเทวีศาหะ (Aiswarya) เสด็จสวรรคต พร้อมด้วยสมาชิกพระราชวงศ์อีก 7 พระองค์ ซึ่งล้วนแต่เป็นสมาชิกองค์สำคัญในราชวงศ์เนปาลทั้งสิ้น เหตุการณ์นี้ทำให้ชาวโลกตื่นตะลึง และยังความเศร้าโศกโกลาหลให้แก่ชาวเนปาลอย่างมหันต์ หลังจากนั้นในวันที่ 3 มิถุนายน ทางการเนปาลก็ได้อัญเชิญให้มกุฎราชกุมาร ดิเพนทรา ขึ้นครองราชย์ต่อจากพระราชบิดา แต่ในวันเดียวกัน พระองค์ก็สวรรคตลงอีกพระองค์หนึ่ง ทำให้ทางการเนปาลต้องถวายการแต่งตั้งให้เจ้าชายชญาเนนทร (Gyanendra) พระอนุชาของกษัตริย์พิเรนทรา ซึ่งมิได้ประทับในกาฐมาณฑุขณะเกิดโศกนาฏกรรมขึ้นเป็นกษัตริย์
ต่อมาทรงสละราชสมบัติอย่างเป็นทางการในวันที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2551 เนื่องจากสภาร่างรัฐธรรมนูญแห่งเนปาล (Constituent Assembly of Nepal) ได้ลงมติเป็นเอกฉันท์ให้มีการเปลี่ยนแปลงการปกครองของประเทศจากรูปแบบราชอาณาจักรมาเป็นสาธารณรัฐประชาธิปไตย
ประเทศเนปาลเป็นประเทศกำลังพัฒนาโดยมีเศรษฐกิจรายได้ต่ำ อยู่ในอันดับที่ 145 จาก 187 ประเทศ ในดัชนีการพัฒนามนุษย์ในปี 2557 ประเทศเนปาลยังเผชิญกับความหิวและความยากจนระดับสูง แม้ความท้าทายเหล่านี้ ทำให้เนปาลยังคงมีพัฒนาการอย่างต่อเนื่อง โดยรัฐบาลผูกมัดยกระดับประเทศจากสถานภาพประเทศด้อยพัฒนาภายในปี 2565 ประเทศก็เหมือนครอบครัว บางครั้งก็มีเรื่องเศร้าสลด บันทึกไว้ด้วยความเจ็บปวด เพื่อให้เราทุกคนต้องก้าวผ่านพ้นความทุกข์ยากออกไปให้ได้ แต่เนปาลก็ยังมีทุกข์ซ้ำอีกครั้งในปี 2015 ; 25 เมษายน เวลา 11.56 น. เกิดแผ่นดินไหวขนาด 7.8 Mw มีความลึกเพียง 15 km ความรุนแรงอยู่ในระดับ 9 จาก 10 บริเวณศาสนสถานพังทลาย รวมทั้งจัตุรัสกาฐมาณฑุดูบาร์ มีผู้เสียชีวิตถึง 8,786 ราย ผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 22,304 ราย บนยอดเขาเอฟเวอร์เรสเกิดหิมะถล่ม นักปีนเขาเสียชีวิตถึง 17 ราย รวมคนไทยซึ่งเป็นผู้ช่วยแพทย์ของคณะด้วยนับว่าเป็นโศกนาฏกรรม ที่ทั่วโลกต้องให้ความช่วยเหลือ
ธงชาติ ตราแผ่นดิน
รู้จักประเทศเนปาลมาพอควรแล้ว เรามาเริ่มการเดินทางไปเนปาลกันเลย พวกเรา 7 คน ( พี่เขียว พี่หนุ่ย พี่สุ พี่แดง พี่หมู รุจาและเรา )เดินทางออกจากหมู่บ้านกรุงศรีธานี อยุธยา ไปสนามบินดอนเมือง นัดกับอีก 3 คน คือแจ๊ว จิน ผู้การ ( คุณสมพงษ์ สามี จิน) พบกันที่สนามบิน แจ๊วมาถึงก่อน เรานัดกันที่ประตู 6 ระหว่างประเทศ อีก 2 คนกำลังเดินทางมา พอมาพร้อมกันหลายคนไปซื้อ sim 2 fly เพราะใช้ net ต่างประเทศได้ เมื่อ กลางเดือนตุลา เราเดินทางไปเวียตนาม พอไปถึงเปิด flight mode ใช้ wifi โรงแรม กลับมาโดนเรียกเก็บการใช้ oversea ไปหลายร้อยเลย ไม่คุ้ม ( สาเหตุ ลืมปิด roaming ประสบการณ์นี้ก็เคย ครั้งที่แล้วไปจีน ไม่เข็ด... ลืม)
เมื่อสมาชิกเรา 10 คน ครบแล้ว เราก็บอกให้ไป check in ที่เคาน์เตอร์สายการบิน lion Air (พิกัดน้ำหนัก 20 kg ) เที่ยวบิน SL 220 ได้เลยเพราะคนน้อยอยู่เจอกับหัวหน้าไกด์ทัวร์แล้ว คุณไก่ต๊อก รออยู่ เราไปคุยแล้ว กรุ๊ปเรามีทั้งหมด 17 คน รวม ไกด์เป็น 18 คน ถือว่าพอดี ไม่มาก เกินไป พวก พี่ ๆ ไป check in เรารออยู่ เพราะจินกับสามี ไปแลกเงิน พอเราไป check in ปรากฏว่าเกิดปัญหา passport ของจินกับสามีไม่ผ่าน ยุ่งละที่นี้ เจ้าหน้าถามว่าติดคดีอะไรหรือเปล่า check ไปมาจึงรู้ว่า passport ที่นำมาถูกยกเลิกและทำใหม่แล้ว ทำงัยดี เรารู้ทันที เพราะมีประสบการณ์แล้วครั้งก่อนไปมาเลย์ พี่หมูก็เคยหยิบpassport ผิดไม่ได้เดินทาง มีทางเดียวคือไปหา passport ให้เจอแล้วเปลี่ยนตั๋วเดินทางไปสมทบ พรุ่งนี้เจอกัน ต๊อกกับอู๋ช่วยประสานกับ land ที่เนปาล ช่วยรับที่สนามบินแล้วขึ้นรถตามไปที่เป้าหมาย Bundipur สรุปแล้ว เรา 15 คนเดินทางล่วงหน้าไปก่อน ใช้เวลาในการเดินทางจาก bangkok to kathmandu 3 h บนเครื่อง มีอาหารเพียง ขนมปังไส้ mushroom creammy กับน้ำเปล่า 1 ขวด แต่สั่งอาหารได้ ใช้เวลาในการเดินทาง 3.30 h
เมื่อผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองแล้ว ทุกคนลากกระเป๋าไปที่รถบัสที่มารับยังลานจอดรถ ในขณะที่ลากกระเป๋ามานั้นเกิดการ accident ขึ้นกับเราเอง ขณะลากกระเป๋า 4 ล้อมาด้วยความเร็วของล้อกระเป๋ามีเพื่อนในกรุ๊ปลากกระเป๋าตามมา 2 ใบ ( คนเดียวลากกระเป๋า 2 ใบ ) บังเอิญกระเป๋าใบหนึ่งเขาหลุดมือ เคลื่อนออกมาที่เรา เราเลยปล่อยมือที่กระเป๋าตัวเองไปช่วยเขาแล้ว หันมาจับกระเป๋าตัวเอง ด้วยความเร็วของกระเป๋าและทางไม่เรียบขาสะดุดกระเป๋าตัวเอง หกล้มไป 2 ตลบ หน้าจิ้มดิน ประมาณตีแปลงยาว (Namaste Nepal สวัสดีเนปาล) ได้ชิมดินเนปาลแล้ว โชคดีไม่เป็นอะไรเลย ไม่มีแผลที่ใด นอกจากด้านในริมฝีปากบนมีการกระทบกับฟันนิดหน่อยเลือดออกซิป ๆ ฟันไม่หัก พอเงยหน้าขึ้นมาคนเต็มหมด ( ... เพราะเป็นที่ยืนรอรถเมล์...) ยืนเรียงแถวมองคนหกล้มหน้าจิ้มดินกันอย่างตกตะลึง (...อายแทบแทรกแผ่นดินหนี... ) มีผู้ชาย 2 คน เข้ามาช่วยถามว่าเป็นอะไรหรือเปล่า เราบอกไม่มีอะไร แหม !!.. เนปาลต้อนรับ แรงจัง ไม่คิดไม่ฝันว่าจะมีเหตุการณ์แรงแบบนี้เลย เสียดายไม่มีคนถ่ายรูปไว้ มัวแต่ตะลึงกัน ว่าเกิดได้อย่างไร ถ้ามีรูปคงตลกพิลึกแน่... ( ตอนหลังมีคนในกลุ่ม พยายาม มาถามว่าเราแพ้ความสูงหรือเปล่า เราเริ่มหงุดหงิดเลยบอกว่า ไปทิเบตมาแล้ว ไม่เห็นเป็นอะไรเลย เขาเลยรีบออกไป ) การหกล้มครั้งนี้ทำให้ความเชื่อมั่นของเราลดลงไปเลย เมื่อต้นปี ( ความจริง เราเคยประสบอุบัติเหตุ ไม่คาดฝันอย่างนี้มาครั้งหนึ่งแล้วเมื่อต้นปี ตอนที่พาพวกพี่ ๆ ไปเดินสำรวจถ้ำที่หุบป่าตาด ที่จริงการเดินถ้ำจะมีไกด์และเจ้าหน้าที่นำ มีไฟฉายให้ทุกคนแต่วันนั้น ไฟฉายไม่ครบคน เราเลยไม่มีไฟ พอเข้าไปในถ้ำซึ่งมืดสนิท เราเดินริมขวา ไม่รู้อะไร พรึบ ๆ ตกลงไปในหลุม 2 ตลบ ขึ้นมาได้ มองไม่เห็นอะไรเลยมืดมิด ทุกคนบอกลางไม่ดี ยุติ เราสังหรณ์มากวันหลังต้องไปดูให้ได้ว่าหลุมที่ตกลึกหรือเปล่า หากตกไปแล้ว หาไม่เจอ คงเศร้าแน่ ..)เพราะสังเกตว่าหลายคน พยายามช่วยเหลือเราตลอดเลย...อย่างงัยกั้นนี่...เมื่อขึ้นรถเรียบร้อยแล้วบรรยากาศรู้สึกแปร่ง ๆ ( หรือจะเป็นความรู้สึกของตัวเอง...) แต่ไกด์ก็แก้สถานการณ์โดยไม่พูดถึงอุบัติเหตุ แนะนำไกด์ท้องถิ่น ชาวเนปาลี ชื่อ มาโนช ( มีนัส) คนขับรถ และ ผู้ช่วย จำชื่อไม่ได้ เวลาของเนปาลช้ากว่าไทย 1.15 h ขับรถเข้าไปในเมือง เริ่มไปชมวัดปศุปฏินารถ ( Pashupatinath Temple ) ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก เมื่อปี 1979 เป็นวัดของศาสนาฮินดูที่สร้างเมื่อปี 1696 เพื่อถวายแด่พระศิวะ วัดนี้ตั้งอยู่ริมแม่น้ำบัค มาติ ( Bagmati River ) ในฤดูฝนน้ำคงหลากเต็มฝั่ง เราไปช่วงนี้น้ำค่อนข้างน้อย ซึ่งมีความศักดิ์สิทธิ์เปรียบเทียบเสมือนแม่น้ำคงคาแห่งเมืองพาราณสี ประเทศอินเดีย เพราะแม่น้ำสายนี้จะไหลไปรวมกับแม่น้ำคงคานั้นเอง ดังนั้นวัดนี้จึงเป็นวัดที่ทำการเผาศพ แล้ว โกยเถ้าถ่านลงแม่น้ำเพื่อให้ไหลรวมกับแม่น้ำคงคาทำให้ผู้ตายสู่สรวงสวรรค์ นอกจากนี้ยังเป็นศูนย์กลางของการแสวงบุญประจำปีของชาวฮินดู “มหาศิวะราตรี”
ชีวิตมนุษย์ก็มีเท่านี้ เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับสิ้น เป็นไปตามหลักพระพุทธศาสนา อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา กฏไตรลักษณ์ [img]
https://f.ptcdn.info/035/067/000/q1irs1msdVsUFDy8E
Namaste Nepal สวัสดีเนปาล
การเขียนบันทึกครั้งนี้ เราได้เขียนหลังจากกลับจากเนปาล 1 สัปดาห์ ความจริงอยากเขียนตั้งแต่กลับมา แต่ก็มีเหตุการณ์หลายอย่างเช่นกลับไปบ้านต่างจังหวัด(อุทัยธานี) ที่บ้านไม่มี Internet ใช้ Notebook เชื่อมต่อกับ Hotspot ก็ไม่รับ จะนำ NoteBook ไปใช้ที่ทำงานก็ไม่ได้เพราะไม่มีเวลาต้องสอนถึง 4 คาบ จากเวลาทั้งหมด 7 คาบ เลยโอเอ้ จนถีงกลับมาบ้านอยุธยาจึงได้ลงมือ เขียน เนปาลเป็นประเทศที่ใฝ่ฝันมานานมากแล้วว่าต้องไปเหยียบแผ่นดินเนปาลสักครั้งในชีวิต ทำไมถึงอยากไปเนปาล ก็ตอบไม่ได้ รู้แต่ว่าอยากไป อยากเห็น รู้จักเนปาลจากการอ่าน การดูซึรีย์ ( 9 Times time Travel ลิขิตรักข้ามเวลา) ความจริงซีรีย์เรื่องนี้ก็ไม่ค่อยสนุกเท่าไร ( ความเห็นส่วนตัว ) แต่มีการย้อนเวลาไปที่เนปาล ทำให้อยากไปเนปาลเพิ่มขึ้นอีกระดับหนึ่ง เพื่อน (รุจา) จะพูดล้อเสมอว่าได้ไปเนปาลสมปรารถนาแล้ว เพราะอยากไปเนปาลมานานมากแล้ว
และแล้วก็วางแผนเดินทางไปเนปาลกัน พวกเราทั้งหมด 10 คน ไปเนปาล ระหว่างวันที่ 12 - 17 พฤศจิกายน 2562 ก่อนหน้านี้ พี่หมูได้โทรมาถามว่าไปเที่ยวเนปาลไหม เราตอบว่าอยากไปอยู่ แล้วถามว่าไปอย่างไร ก็ตอบว่าจะให้ลูกสาว (น้องฉ๋อม) วางแผนพาไปให้ เราเลยตอบว่าถ้าไปเราไปกับทัวร์ดีกว่าเพราะมีภาระหลายอย่างเช่นรถรับส่ง ที่พัก การเดินทาง กระเป๋าสัมภาระ ผลสรุปใช้บริการทัวร์ดีกว่า เมื่อตกลงเรียบร้อยเริ่มเดินทางไปเนปาล
ประเทศเนปาล (เนปาล: नेपाल) หรือชื่ออย่างเป็นทางการว่า สหพันธ์สาธารณรัฐประชาธิปไตยเนปาล (อังกฤษ: Federal Democratic Republic of Nepal; เนปาล: सङ्घीय लोकतान्त्रिक गणतन्त्र नेपाल "สงฺฆีย โลกตานฺตฺริก คณตนฺตฺร เนปาล") เป็นประเทศที่ไม่มีทางออกสู่ทะเลในเอเชียใต้ มีพื้นที่ 147,181 ตารางกิโลเมตร และประชากรประมาณ 27 ล้านคน ประเทศเนปาลเป็นประเทศที่ตั้งอยู่ในเทือกเขาหิมาลัย มีพรมแดนทิศเหนือติดสาธารณรัฐประชาชนจีน ทิศใต้ ตะวันออกและตะวันตกติดสาธารณรัฐอินเดีย ประเทศเนปาลแยกจากประเทศบังกลาเทศด้วยฉนวนศิลิกูริ (Siliguri Corridor) เส้นขอบแคบ ๆ ในประเทศอินเดีย และแยกจากประเทศภูฏานด้วยรัฐสิกขิมของอินเดีย กรุงกาฐมาณฑุเป็นเมืองหลวง
ภาคเหนือของประเทศเนปาลเต็มไปด้วยเทือกเขาและเนปาลมียอดภูเขาแปดจากสิบภูเขาที่สูงสุดในโลก รวมยอดเขาเอเวอร์เรสต์เป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในโลก (สูง 8,848 m or 29,029 ft คนทั่วโลกอยากไปพิชิตเอฟเวอร์เรสต์ คนที่มีความพร้อมเท่านั้นจึงจะทำได้ เพราะต้องผ่าน death zone ในความสูง 26,000 ft ) ยอดเขาในเนปาล กว่า 240 แห่งซึ่งสูงเกิน 6,096 เมตร (20,000 ft) ส่วนภาคใต้มีพื้นที่อุดมสมบูรณ์และชื้น ชาวเนปาลประมาณ 81.3% นับถือศาสนาฮินดู ศาสนาพุทธ 9% ตามด้วยศาสนาอิสลาม 4.4% Kiratism 3.1% ศาสนาคริสต์ 1.4% และวิญญาณนิยม 0.4% ประชากรสัดส่วนใหญ่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภูมิภาคภูเขา ระบุว่าเป็นทั้งฮินดูและพุทธ
ประเทศเนปาลปกครองด้วยระบอบราชาธิปไตยมาตลอดประวัติศาสตร์โดยราชวงศ์ศาหะปกครองประเทศตั้งแต่ปี 2311 และ เมื่อ วันที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2544 ได้เกิดเหตุการณ์สังหารหมู่พระราชวงศ์แห่งเนปาลขึ้นภายในพระราชวังในกรุงกาฐมาณฑุ เกิดจากอุบัติเหตุพระแสงปืนลั่นโดยมกุฎราชกุมารดิเพนทรา (Dipentra) เป็นผู้ทำพระแสงปืนลั่นในขณะที่สมาชิกพระราชวงศ์กำลังร่วมเสวยพระกระยาหารค่ำ ก่อนที่องค์มกุฎราชกุมารจะทำพระแสงปืนลั่นถูกพระองค์เองเป็นผลให้กษัตริย์พิเรนทรพีรพิกรมศาหเทวะ (Birendra Bir Bikram Shah Dev) และสมเด็จพระราชินีไอศวรรยาราชยลักษมีเทวีศาหะ (Aiswarya) เสด็จสวรรคต พร้อมด้วยสมาชิกพระราชวงศ์อีก 7 พระองค์ ซึ่งล้วนแต่เป็นสมาชิกองค์สำคัญในราชวงศ์เนปาลทั้งสิ้น เหตุการณ์นี้ทำให้ชาวโลกตื่นตะลึง และยังความเศร้าโศกโกลาหลให้แก่ชาวเนปาลอย่างมหันต์ หลังจากนั้นในวันที่ 3 มิถุนายน ทางการเนปาลก็ได้อัญเชิญให้มกุฎราชกุมาร ดิเพนทรา ขึ้นครองราชย์ต่อจากพระราชบิดา แต่ในวันเดียวกัน พระองค์ก็สวรรคตลงอีกพระองค์หนึ่ง ทำให้ทางการเนปาลต้องถวายการแต่งตั้งให้เจ้าชายชญาเนนทร (Gyanendra) พระอนุชาของกษัตริย์พิเรนทรา ซึ่งมิได้ประทับในกาฐมาณฑุขณะเกิดโศกนาฏกรรมขึ้นเป็นกษัตริย์
ต่อมาทรงสละราชสมบัติอย่างเป็นทางการในวันที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2551 เนื่องจากสภาร่างรัฐธรรมนูญแห่งเนปาล (Constituent Assembly of Nepal) ได้ลงมติเป็นเอกฉันท์ให้มีการเปลี่ยนแปลงการปกครองของประเทศจากรูปแบบราชอาณาจักรมาเป็นสาธารณรัฐประชาธิปไตย
ประเทศเนปาลเป็นประเทศกำลังพัฒนาโดยมีเศรษฐกิจรายได้ต่ำ อยู่ในอันดับที่ 145 จาก 187 ประเทศ ในดัชนีการพัฒนามนุษย์ในปี 2557 ประเทศเนปาลยังเผชิญกับความหิวและความยากจนระดับสูง แม้ความท้าทายเหล่านี้ ทำให้เนปาลยังคงมีพัฒนาการอย่างต่อเนื่อง โดยรัฐบาลผูกมัดยกระดับประเทศจากสถานภาพประเทศด้อยพัฒนาภายในปี 2565 ประเทศก็เหมือนครอบครัว บางครั้งก็มีเรื่องเศร้าสลด บันทึกไว้ด้วยความเจ็บปวด เพื่อให้เราทุกคนต้องก้าวผ่านพ้นความทุกข์ยากออกไปให้ได้ แต่เนปาลก็ยังมีทุกข์ซ้ำอีกครั้งในปี 2015 ; 25 เมษายน เวลา 11.56 น. เกิดแผ่นดินไหวขนาด 7.8 Mw มีความลึกเพียง 15 km ความรุนแรงอยู่ในระดับ 9 จาก 10 บริเวณศาสนสถานพังทลาย รวมทั้งจัตุรัสกาฐมาณฑุดูบาร์ มีผู้เสียชีวิตถึง 8,786 ราย ผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 22,304 ราย บนยอดเขาเอฟเวอร์เรสเกิดหิมะถล่ม นักปีนเขาเสียชีวิตถึง 17 ราย รวมคนไทยซึ่งเป็นผู้ช่วยแพทย์ของคณะด้วยนับว่าเป็นโศกนาฏกรรม ที่ทั่วโลกต้องให้ความช่วยเหลือ
ธงชาติ ตราแผ่นดิน
รู้จักประเทศเนปาลมาพอควรแล้ว เรามาเริ่มการเดินทางไปเนปาลกันเลย พวกเรา 7 คน ( พี่เขียว พี่หนุ่ย พี่สุ พี่แดง พี่หมู รุจาและเรา )เดินทางออกจากหมู่บ้านกรุงศรีธานี อยุธยา ไปสนามบินดอนเมือง นัดกับอีก 3 คน คือแจ๊ว จิน ผู้การ ( คุณสมพงษ์ สามี จิน) พบกันที่สนามบิน แจ๊วมาถึงก่อน เรานัดกันที่ประตู 6 ระหว่างประเทศ อีก 2 คนกำลังเดินทางมา พอมาพร้อมกันหลายคนไปซื้อ sim 2 fly เพราะใช้ net ต่างประเทศได้ เมื่อ กลางเดือนตุลา เราเดินทางไปเวียตนาม พอไปถึงเปิด flight mode ใช้ wifi โรงแรม กลับมาโดนเรียกเก็บการใช้ oversea ไปหลายร้อยเลย ไม่คุ้ม ( สาเหตุ ลืมปิด roaming ประสบการณ์นี้ก็เคย ครั้งที่แล้วไปจีน ไม่เข็ด... ลืม)
เมื่อสมาชิกเรา 10 คน ครบแล้ว เราก็บอกให้ไป check in ที่เคาน์เตอร์สายการบิน lion Air (พิกัดน้ำหนัก 20 kg ) เที่ยวบิน SL 220 ได้เลยเพราะคนน้อยอยู่เจอกับหัวหน้าไกด์ทัวร์แล้ว คุณไก่ต๊อก รออยู่ เราไปคุยแล้ว กรุ๊ปเรามีทั้งหมด 17 คน รวม ไกด์เป็น 18 คน ถือว่าพอดี ไม่มาก เกินไป พวก พี่ ๆ ไป check in เรารออยู่ เพราะจินกับสามี ไปแลกเงิน พอเราไป check in ปรากฏว่าเกิดปัญหา passport ของจินกับสามีไม่ผ่าน ยุ่งละที่นี้ เจ้าหน้าถามว่าติดคดีอะไรหรือเปล่า check ไปมาจึงรู้ว่า passport ที่นำมาถูกยกเลิกและทำใหม่แล้ว ทำงัยดี เรารู้ทันที เพราะมีประสบการณ์แล้วครั้งก่อนไปมาเลย์ พี่หมูก็เคยหยิบpassport ผิดไม่ได้เดินทาง มีทางเดียวคือไปหา passport ให้เจอแล้วเปลี่ยนตั๋วเดินทางไปสมทบ พรุ่งนี้เจอกัน ต๊อกกับอู๋ช่วยประสานกับ land ที่เนปาล ช่วยรับที่สนามบินแล้วขึ้นรถตามไปที่เป้าหมาย Bundipur สรุปแล้ว เรา 15 คนเดินทางล่วงหน้าไปก่อน ใช้เวลาในการเดินทางจาก bangkok to kathmandu 3 h บนเครื่อง มีอาหารเพียง ขนมปังไส้ mushroom creammy กับน้ำเปล่า 1 ขวด แต่สั่งอาหารได้ ใช้เวลาในการเดินทาง 3.30 h
เมื่อผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองแล้ว ทุกคนลากกระเป๋าไปที่รถบัสที่มารับยังลานจอดรถ ในขณะที่ลากกระเป๋ามานั้นเกิดการ accident ขึ้นกับเราเอง ขณะลากกระเป๋า 4 ล้อมาด้วยความเร็วของล้อกระเป๋ามีเพื่อนในกรุ๊ปลากกระเป๋าตามมา 2 ใบ ( คนเดียวลากกระเป๋า 2 ใบ ) บังเอิญกระเป๋าใบหนึ่งเขาหลุดมือ เคลื่อนออกมาที่เรา เราเลยปล่อยมือที่กระเป๋าตัวเองไปช่วยเขาแล้ว หันมาจับกระเป๋าตัวเอง ด้วยความเร็วของกระเป๋าและทางไม่เรียบขาสะดุดกระเป๋าตัวเอง หกล้มไป 2 ตลบ หน้าจิ้มดิน ประมาณตีแปลงยาว (Namaste Nepal สวัสดีเนปาล) ได้ชิมดินเนปาลแล้ว โชคดีไม่เป็นอะไรเลย ไม่มีแผลที่ใด นอกจากด้านในริมฝีปากบนมีการกระทบกับฟันนิดหน่อยเลือดออกซิป ๆ ฟันไม่หัก พอเงยหน้าขึ้นมาคนเต็มหมด ( ... เพราะเป็นที่ยืนรอรถเมล์...) ยืนเรียงแถวมองคนหกล้มหน้าจิ้มดินกันอย่างตกตะลึง (...อายแทบแทรกแผ่นดินหนี... ) มีผู้ชาย 2 คน เข้ามาช่วยถามว่าเป็นอะไรหรือเปล่า เราบอกไม่มีอะไร แหม !!.. เนปาลต้อนรับ แรงจัง ไม่คิดไม่ฝันว่าจะมีเหตุการณ์แรงแบบนี้เลย เสียดายไม่มีคนถ่ายรูปไว้ มัวแต่ตะลึงกัน ว่าเกิดได้อย่างไร ถ้ามีรูปคงตลกพิลึกแน่... ( ตอนหลังมีคนในกลุ่ม พยายาม มาถามว่าเราแพ้ความสูงหรือเปล่า เราเริ่มหงุดหงิดเลยบอกว่า ไปทิเบตมาแล้ว ไม่เห็นเป็นอะไรเลย เขาเลยรีบออกไป ) การหกล้มครั้งนี้ทำให้ความเชื่อมั่นของเราลดลงไปเลย เมื่อต้นปี ( ความจริง เราเคยประสบอุบัติเหตุ ไม่คาดฝันอย่างนี้มาครั้งหนึ่งแล้วเมื่อต้นปี ตอนที่พาพวกพี่ ๆ ไปเดินสำรวจถ้ำที่หุบป่าตาด ที่จริงการเดินถ้ำจะมีไกด์และเจ้าหน้าที่นำ มีไฟฉายให้ทุกคนแต่วันนั้น ไฟฉายไม่ครบคน เราเลยไม่มีไฟ พอเข้าไปในถ้ำซึ่งมืดสนิท เราเดินริมขวา ไม่รู้อะไร พรึบ ๆ ตกลงไปในหลุม 2 ตลบ ขึ้นมาได้ มองไม่เห็นอะไรเลยมืดมิด ทุกคนบอกลางไม่ดี ยุติ เราสังหรณ์มากวันหลังต้องไปดูให้ได้ว่าหลุมที่ตกลึกหรือเปล่า หากตกไปแล้ว หาไม่เจอ คงเศร้าแน่ ..)เพราะสังเกตว่าหลายคน พยายามช่วยเหลือเราตลอดเลย...อย่างงัยกั้นนี่...เมื่อขึ้นรถเรียบร้อยแล้วบรรยากาศรู้สึกแปร่ง ๆ ( หรือจะเป็นความรู้สึกของตัวเอง...) แต่ไกด์ก็แก้สถานการณ์โดยไม่พูดถึงอุบัติเหตุ แนะนำไกด์ท้องถิ่น ชาวเนปาลี ชื่อ มาโนช ( มีนัส) คนขับรถ และ ผู้ช่วย จำชื่อไม่ได้ เวลาของเนปาลช้ากว่าไทย 1.15 h ขับรถเข้าไปในเมือง เริ่มไปชมวัดปศุปฏินารถ ( Pashupatinath Temple ) ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก เมื่อปี 1979 เป็นวัดของศาสนาฮินดูที่สร้างเมื่อปี 1696 เพื่อถวายแด่พระศิวะ วัดนี้ตั้งอยู่ริมแม่น้ำบัค มาติ ( Bagmati River ) ในฤดูฝนน้ำคงหลากเต็มฝั่ง เราไปช่วงนี้น้ำค่อนข้างน้อย ซึ่งมีความศักดิ์สิทธิ์เปรียบเทียบเสมือนแม่น้ำคงคาแห่งเมืองพาราณสี ประเทศอินเดีย เพราะแม่น้ำสายนี้จะไหลไปรวมกับแม่น้ำคงคานั้นเอง ดังนั้นวัดนี้จึงเป็นวัดที่ทำการเผาศพ แล้ว โกยเถ้าถ่านลงแม่น้ำเพื่อให้ไหลรวมกับแม่น้ำคงคาทำให้ผู้ตายสู่สรวงสวรรค์ นอกจากนี้ยังเป็นศูนย์กลางของการแสวงบุญประจำปีของชาวฮินดู “มหาศิวะราตรี”
ชีวิตมนุษย์ก็มีเท่านี้ เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับสิ้น เป็นไปตามหลักพระพุทธศาสนา อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา กฏไตรลักษณ์ [img]https://f.ptcdn.info/035/067/000/q1irs1msdVsUFDy8E