นักธุรกิจไทยร้อง ภาครัฐไทยเมินเฉย หลังยื่นหนังสือถึง 'บิ๊กตู่' แก้ปัญหาลงทุนธุรกิจใน สปป.ลาว
https://www.matichon.co.th/local/news_1764453
นักธุรกิจไทยร้อง ภาครัฐไทยเมินเฉย หลังยื่นหนังสือถึง ‘บิ๊กตู่’ แก้ปัญหาลงทุนธุรกิจใน สปป.ลาว
สืบเนื่องกรณีนาย
วิมล กิจบำรุง นักธุรกิจเจ้าของโครงการแหล่งท่องเที่ยวครบวงจรน้ำตกผาส่วม อุทยานบาเจียง สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) ยื่นหนังสือร้องเรียนถึง พล.อ.
ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2562 ที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ ทำเนียบรัฐบาล เพื่อขอให้แก้ไขปัญหาข้อพิพาทระหว่างตนกับทางการ สปป.ลาว หลังจากไม่ได้รับความเป็นธรรมในการเข้าไปประกอบธุรกิจในแขวงจำปาสัก รวมถึงเข้าเจรจากับเอกอัครราชทูต ณ เวียงจันทน์ เมื่อวันที่ 22 ส.ค.62 ในเรื่องเดียวกันนั้น
ย้อนอ่าน :
นักธุรกิจฟ้องนายกฯ โวยไม่ได้รับความเป็นธรรม หลังไปลงทุนธุรกิจในประเทศลาว
https://www.matichon.co.th/politics/news_1633688
ล่าสุด เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน นาย
วิมลเปิดเผยความคืบหน้ากับ “มติชน” ว่า หลังกลับมาจากเวียงจันทน์ ได้ไปติดต่อที่สถานทูตลาว ไปพบกับท่านทูตพาณิชย์ลาว ซึ่งได้รับการช่วยเหลือดีมาก ได้แนะนำให้ตนประสานทางรัฐบาลไทยช่วยออกแรง เพราะเรื่องนี้ได้เปลี่ยนจากระดับท้องถิ่นเป็นระดับประเทศ จนตอนนี้เป็นระดับระหว่างประเทศแล้ว อีกทั้ง
พล.อ.ประยุทธ์ ยังเคยเซ็นข้อตกลงกับนายทองลุน สีสุลิด นายกรัฐมนตรีแห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เรื่องขอให้ดูแลนักลงทุนไทยที่อยู่ใน สปป.ลาวด้วย ผลปรากฏว่าก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
นาย
วิมลกล่าวว่า มั่นใจว่าหนังสือที่ส่งไปที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ไม่ถึงมือนายกรัฐมนตรีแน่นอน เพราะที่ผ่านมาไม่มีเอฟเฟกต์อะไรเกิดขึ้น นอกจากนี้ยังได้ข้อมูลจากคนในพื้นที่โครงการฯว่าสถานที่ต่างๆ ทั้งร้านอาหาร ที่พัก พิพิธภัณฑ์ ถูกรื้อทิ้งหมดแล้ว รวมทั้งสะพานเบลีย์ที่ใช้ข้ามจากฝั่งลานจอดรถก็ถูกน้ำพัดพังเสียหายหมด
“ที่มั่นใจว่าเอกสารไม่ถึงมือนายกฯเพราะที่ผ่านมาไม่มีเอฟเฟกต์อะไรเลย แผนกร้องเรียนได้ส่งเรื่องไปที่กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ เขาก็จัดการให้ แต่สุดท้ายเรื่องก็เงียบไป ผมโทรศัพท์ไปติดตามเรื่องที่ศูนย์รับเรื่อง 2-3 ครั้ง เขาแนะนำว่าให้คุยกับเลขาธิการ สำนักนายกรัฐมนตรี สุดท้ายโอนสายไปติดแผนกสถานที่ และมีแม่บ้านมารับสาย
“น่าเสียใจว่ากรมการกงสุลก็ดี กระทรวงการต่างประเทศก็ดี ทำไมถึงไม่สนใจอะไรเลย กลับเป็นทางหน่วยงาน สปป.ลาวที่ช่วยประสานให้ ทั้งยังกำชับให้ผมติดต่อฝ่ายรัฐบาลไทยให้ช่วยประสานงานเรื่องด้วย นอกจากนี้ยังทราบจากคนในพื้นที่ว่า ภายในโครงการแหล่งท่องเที่ยวถูกรื้อทิ้งหมดแล้ว ทั้งร้านอาหาร บ้านพักกว่า 10 หลัง และพิพิธภัณฑ์ที่ตั้งอยู่ตรงกลางพื้นที่ด้วย รวมทั้ง 1- 2 เดือนก่อนเกิดฝนตกใหญ่ สะพานเบลีย์ที่ใช้ข้ามจากฝั่งลานจอดรถ ยาว 33 เมตร หนักกว่า 30 ตัน โดนน้ำพัดไปหมดแล้ว จนชาวบ้านที่นั่นลือกันว่าเจ้าที่ไม่ยอม ตลอดจนเรารับทราบมาว่านักลงทุนเจ้าใหม่ที่เข้าไปพัฒนาก็ยังไม่มีใบอนุญาตลงทุน เนื่องจากทางการยังออกใบอนุญาตลงทุนไม่ได้ หากยังไม่มีการชดเชยให้ผม ทำให้การก่อสร้างถูกสั่งระงับ หยุดดำเนินการ กระทั่งไม่มีนักท่องเที่ยวเข้าไป” นายวิมลกล่าว
นาย
วิมลกล่าวว่า เรื่องการขอโครงการคืนหรือขอค่าชดเชย ซึ่งที่ผ่านมาแขวงจำปาสักประเมินต่ำกว่าความเป็นจริงนั้น ตอนนี้ได้ทำหนังสือใหม่แล้ว คาดว่าจะยื่นทาง สปป.ลาว ภายในอาทิตย์หน้า เพื่อขอความเมตตาให้มีการประเมินใหม่ด้วยความยุติธรรม อย่างไรก็ตาม หากผู้ลงทุนรายใหม่ต้องหยุดดำเนินการ หรือไม่มีความพร้อม ไม่มีความสามารถ ตนขอเรียกร้องให้คืนโครงการมา ตนมีหุ้นส่วนและทีมงานพร้อมเข้าไปลงทุนให้ดีกว่าเดิม
‘ไวพจน์ อาภรณ์รัตน์’ ส.ส.พปชร.ถือครอง ภ.บ.ท.5 ด้วย 1 แปลง
https://www.isranews.org/isranews/82780-isranews-82780.html
เจออีกราย! ‘พ.ต.ท.ไวพจน์ อาภรณ์รัตน์’ ส.ส.กำแพงเพชร พปชร. แจ้งถือครองที่ดิน ภ.บ.ท.5 รวม 1 แปลง 22 งานเศษ มูลค่า 1 แสนบาท
สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org นำเสนอข้อมูลกรณี ส.ส. หลายพรรคการเมือง แจ้งถือครองที่ดินประเภท ภ.บ.ท.5 และที่ดินประเภท ส.ป.ก. มาอย่างต่อเนื่อง โดยนาย
วรวิทย์ สุขบุญ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สั่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายตรวจสอบทรัพย์สินดำเนินการตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้นแล้วนั้น
(อ่านประกอบ :
29 พ.ย. ป.ป.ช.ลงพื้นที่ราชบุรีดูฟาร์มไก่‘ปารีณา’-ปูพรมคุ้ยนักการเมืองครอง ภ.บ.ท.5
https://www.isranews.org/isranews-news/82617-isranews_82617.html)
สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ตรวจสอบพบอีกว่า พ.ต.ท.ไวพจน์ อาภรณ์รัตน์ ส.ส.กำแพงเพชร พรรคพลังประชารัฐ แจ้งถือครองที่ดิน ภ.บ.ท. 5 ด้วย 1 แปลง มูลค่า 1 แสนบาท
พ.ต.ท.
ไวพจน์ แจ้งบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. กรณีเข้ารับตำแหน่ง ส.ส. เมื่อวันที่ 25 พ.ค. 2562 มีทรัพย์สินรวมคู่สมรส (นาง
อุดมรัตน์ อาภรณ์รัตน์) ทั้งสิ้น 19,523,997 บาท หนี้สินทั้งสิ้น 7,427,681 บาท
โดย พ.ต.ท.
ไวพจน์ ระบุว่ามีที่ดิน 1 แปลง มูลค่า 1 แสนบาท เป็นที่ดิน ภ.บ.ท.5 ไม่ระบุหมายเลข ตั้งอยู่ที่ ม.5 ต.โพธิ์ทอง อ.อ่างศิลาทอง จ.กำแพงเพชร ได้มาเมื่อปี 2544 เนื้อที่ 2 งาน 88 ตรว.
พ.ต.ท.
ไวพจน์ มีทรัพย์สิน 5,301,882 บาท เป็นเงินฝาก 982 บาท ที่ดิน 1 แสนบาท บ้าน 5 ล้านบาท และรถยนต์ 2 แสนบาท มีหนี้สิน 3,861,969 บาท แจ้งมีรายได้ (ไม่ระบุว่าต่อปี หรือระหว่างดำรงตำแหน่ง) 2.9 ล้านบาท เป็นค่าตอบแทน 1.6 ล้านบาท เกษตรกรรม 1 ล้านบาท และจำหน่ายสินค้าต่าง ๆ 3 แสนบาท มีรายจ่ายรวม 3.3 แสนบาท เป็นเงินกู้เช่าซื้อบ้าน
ส่วนนาง
อุดมรัตน์ มีทรัพย์สิน 14,222,114 บาท เป็นเงินฝาก 17,114 บาท ที่ดิน 7,805,000 บาท บ้าน 6 ล้านบาท รถยนต์ 4 แสนบาท มีหนี้สิน 3,565,712 บาท แจ้งมีรายได้ 9 แสนบาท เป็นค่าตอบแทน 4 แสนบาท เกษตรกรรม 3 แสนบาท จำหน่ายสินค้าต่าง ๆ 2 แสนบาท มีรายจ่ายรวม 4.3 แสนบาท เป็นเงินกู้เช่าซื้อบ้าน 3.3 แสนบาท และเงินกู้การเกษตร (รายปี) 1 แสนบาท
ปัจจุบัน พ.ต.ท.
ไวพจน์ ตกเป็นหนึ่งในจำเลยคดีร่วมกับกลุ่มคนเสื้อแดงบุกล้มการประชุมสุดยอดอาเซียนเมื่อปี 2552 โดยก่อนหน้านี้ศาลฎีกาพิพากษาจำคุกจำเลยทั้งหมด ต่อมา พ.ต.ท.
ไวพจน์ มิได้ไปศาลในวันพิพากษา ศาลจึงเลื่อนอ่านมาเป็นวันที่ 5 พ.ย. 2562 โดยวันดังกล่าว พ.ต.ท.
ไวพจน์ ขอกลับคำให้การจากปฏิเสธ เป็นรับสารภาพ ทำให้ศาลฎีกานัดฟังคำพิพากษาอีกครั้งในวันที่ 3 ธ.ค. 2562
(อ่านประกอบ :
ออกหมายจับ‘กี้ร์’! ฎีกานัดพิพากษาใหม่ 3 ธ.ค.‘ไวพจน์-วรชัย-สำเริง’คดีล้มประชุมอาเซียน
https://www.isranews.org/isranews-news/82047-isranewwss-82047.html)
JJNY : นักธุรกิจไทยร้อง ภาครัฐไทยเมินเฉย/ไวพจน์ ส.ส.พปชร.ถือภ.บ.ท.5/ราคาข้าวหอมมะลิดิ่ง/ชี้แบน3สาร เลิกจ้าง-ปิดโรงงาน
https://www.matichon.co.th/local/news_1764453
นักธุรกิจไทยร้อง ภาครัฐไทยเมินเฉย หลังยื่นหนังสือถึง ‘บิ๊กตู่’ แก้ปัญหาลงทุนธุรกิจใน สปป.ลาว
สืบเนื่องกรณีนายวิมล กิจบำรุง นักธุรกิจเจ้าของโครงการแหล่งท่องเที่ยวครบวงจรน้ำตกผาส่วม อุทยานบาเจียง สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) ยื่นหนังสือร้องเรียนถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2562 ที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ ทำเนียบรัฐบาล เพื่อขอให้แก้ไขปัญหาข้อพิพาทระหว่างตนกับทางการ สปป.ลาว หลังจากไม่ได้รับความเป็นธรรมในการเข้าไปประกอบธุรกิจในแขวงจำปาสัก รวมถึงเข้าเจรจากับเอกอัครราชทูต ณ เวียงจันทน์ เมื่อวันที่ 22 ส.ค.62 ในเรื่องเดียวกันนั้น
ย้อนอ่าน : นักธุรกิจฟ้องนายกฯ โวยไม่ได้รับความเป็นธรรม หลังไปลงทุนธุรกิจในประเทศลาว
https://www.matichon.co.th/politics/news_1633688
ล่าสุด เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน นายวิมลเปิดเผยความคืบหน้ากับ “มติชน” ว่า หลังกลับมาจากเวียงจันทน์ ได้ไปติดต่อที่สถานทูตลาว ไปพบกับท่านทูตพาณิชย์ลาว ซึ่งได้รับการช่วยเหลือดีมาก ได้แนะนำให้ตนประสานทางรัฐบาลไทยช่วยออกแรง เพราะเรื่องนี้ได้เปลี่ยนจากระดับท้องถิ่นเป็นระดับประเทศ จนตอนนี้เป็นระดับระหว่างประเทศแล้ว อีกทั้ง พล.อ.ประยุทธ์ ยังเคยเซ็นข้อตกลงกับนายทองลุน สีสุลิด นายกรัฐมนตรีแห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เรื่องขอให้ดูแลนักลงทุนไทยที่อยู่ใน สปป.ลาวด้วย ผลปรากฏว่าก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
นายวิมลกล่าวว่า มั่นใจว่าหนังสือที่ส่งไปที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ไม่ถึงมือนายกรัฐมนตรีแน่นอน เพราะที่ผ่านมาไม่มีเอฟเฟกต์อะไรเกิดขึ้น นอกจากนี้ยังได้ข้อมูลจากคนในพื้นที่โครงการฯว่าสถานที่ต่างๆ ทั้งร้านอาหาร ที่พัก พิพิธภัณฑ์ ถูกรื้อทิ้งหมดแล้ว รวมทั้งสะพานเบลีย์ที่ใช้ข้ามจากฝั่งลานจอดรถก็ถูกน้ำพัดพังเสียหายหมด
“ที่มั่นใจว่าเอกสารไม่ถึงมือนายกฯเพราะที่ผ่านมาไม่มีเอฟเฟกต์อะไรเลย แผนกร้องเรียนได้ส่งเรื่องไปที่กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ เขาก็จัดการให้ แต่สุดท้ายเรื่องก็เงียบไป ผมโทรศัพท์ไปติดตามเรื่องที่ศูนย์รับเรื่อง 2-3 ครั้ง เขาแนะนำว่าให้คุยกับเลขาธิการ สำนักนายกรัฐมนตรี สุดท้ายโอนสายไปติดแผนกสถานที่ และมีแม่บ้านมารับสาย
“น่าเสียใจว่ากรมการกงสุลก็ดี กระทรวงการต่างประเทศก็ดี ทำไมถึงไม่สนใจอะไรเลย กลับเป็นทางหน่วยงาน สปป.ลาวที่ช่วยประสานให้ ทั้งยังกำชับให้ผมติดต่อฝ่ายรัฐบาลไทยให้ช่วยประสานงานเรื่องด้วย นอกจากนี้ยังทราบจากคนในพื้นที่ว่า ภายในโครงการแหล่งท่องเที่ยวถูกรื้อทิ้งหมดแล้ว ทั้งร้านอาหาร บ้านพักกว่า 10 หลัง และพิพิธภัณฑ์ที่ตั้งอยู่ตรงกลางพื้นที่ด้วย รวมทั้ง 1- 2 เดือนก่อนเกิดฝนตกใหญ่ สะพานเบลีย์ที่ใช้ข้ามจากฝั่งลานจอดรถ ยาว 33 เมตร หนักกว่า 30 ตัน โดนน้ำพัดไปหมดแล้ว จนชาวบ้านที่นั่นลือกันว่าเจ้าที่ไม่ยอม ตลอดจนเรารับทราบมาว่านักลงทุนเจ้าใหม่ที่เข้าไปพัฒนาก็ยังไม่มีใบอนุญาตลงทุน เนื่องจากทางการยังออกใบอนุญาตลงทุนไม่ได้ หากยังไม่มีการชดเชยให้ผม ทำให้การก่อสร้างถูกสั่งระงับ หยุดดำเนินการ กระทั่งไม่มีนักท่องเที่ยวเข้าไป” นายวิมลกล่าว
นายวิมลกล่าวว่า เรื่องการขอโครงการคืนหรือขอค่าชดเชย ซึ่งที่ผ่านมาแขวงจำปาสักประเมินต่ำกว่าความเป็นจริงนั้น ตอนนี้ได้ทำหนังสือใหม่แล้ว คาดว่าจะยื่นทาง สปป.ลาว ภายในอาทิตย์หน้า เพื่อขอความเมตตาให้มีการประเมินใหม่ด้วยความยุติธรรม อย่างไรก็ตาม หากผู้ลงทุนรายใหม่ต้องหยุดดำเนินการ หรือไม่มีความพร้อม ไม่มีความสามารถ ตนขอเรียกร้องให้คืนโครงการมา ตนมีหุ้นส่วนและทีมงานพร้อมเข้าไปลงทุนให้ดีกว่าเดิม
‘ไวพจน์ อาภรณ์รัตน์’ ส.ส.พปชร.ถือครอง ภ.บ.ท.5 ด้วย 1 แปลง
https://www.isranews.org/isranews/82780-isranews-82780.html
เจออีกราย! ‘พ.ต.ท.ไวพจน์ อาภรณ์รัตน์’ ส.ส.กำแพงเพชร พปชร. แจ้งถือครองที่ดิน ภ.บ.ท.5 รวม 1 แปลง 22 งานเศษ มูลค่า 1 แสนบาท
สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org นำเสนอข้อมูลกรณี ส.ส. หลายพรรคการเมือง แจ้งถือครองที่ดินประเภท ภ.บ.ท.5 และที่ดินประเภท ส.ป.ก. มาอย่างต่อเนื่อง โดยนายวรวิทย์ สุขบุญ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สั่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายตรวจสอบทรัพย์สินดำเนินการตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้นแล้วนั้น
(อ่านประกอบ : 29 พ.ย. ป.ป.ช.ลงพื้นที่ราชบุรีดูฟาร์มไก่‘ปารีณา’-ปูพรมคุ้ยนักการเมืองครอง ภ.บ.ท.5
https://www.isranews.org/isranews-news/82617-isranews_82617.html)
สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ตรวจสอบพบอีกว่า พ.ต.ท.ไวพจน์ อาภรณ์รัตน์ ส.ส.กำแพงเพชร พรรคพลังประชารัฐ แจ้งถือครองที่ดิน ภ.บ.ท. 5 ด้วย 1 แปลง มูลค่า 1 แสนบาท
พ.ต.ท.ไวพจน์ แจ้งบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. กรณีเข้ารับตำแหน่ง ส.ส. เมื่อวันที่ 25 พ.ค. 2562 มีทรัพย์สินรวมคู่สมรส (นางอุดมรัตน์ อาภรณ์รัตน์) ทั้งสิ้น 19,523,997 บาท หนี้สินทั้งสิ้น 7,427,681 บาท
โดย พ.ต.ท.ไวพจน์ ระบุว่ามีที่ดิน 1 แปลง มูลค่า 1 แสนบาท เป็นที่ดิน ภ.บ.ท.5 ไม่ระบุหมายเลข ตั้งอยู่ที่ ม.5 ต.โพธิ์ทอง อ.อ่างศิลาทอง จ.กำแพงเพชร ได้มาเมื่อปี 2544 เนื้อที่ 2 งาน 88 ตรว.
พ.ต.ท.ไวพจน์ มีทรัพย์สิน 5,301,882 บาท เป็นเงินฝาก 982 บาท ที่ดิน 1 แสนบาท บ้าน 5 ล้านบาท และรถยนต์ 2 แสนบาท มีหนี้สิน 3,861,969 บาท แจ้งมีรายได้ (ไม่ระบุว่าต่อปี หรือระหว่างดำรงตำแหน่ง) 2.9 ล้านบาท เป็นค่าตอบแทน 1.6 ล้านบาท เกษตรกรรม 1 ล้านบาท และจำหน่ายสินค้าต่าง ๆ 3 แสนบาท มีรายจ่ายรวม 3.3 แสนบาท เป็นเงินกู้เช่าซื้อบ้าน
ส่วนนางอุดมรัตน์ มีทรัพย์สิน 14,222,114 บาท เป็นเงินฝาก 17,114 บาท ที่ดิน 7,805,000 บาท บ้าน 6 ล้านบาท รถยนต์ 4 แสนบาท มีหนี้สิน 3,565,712 บาท แจ้งมีรายได้ 9 แสนบาท เป็นค่าตอบแทน 4 แสนบาท เกษตรกรรม 3 แสนบาท จำหน่ายสินค้าต่าง ๆ 2 แสนบาท มีรายจ่ายรวม 4.3 แสนบาท เป็นเงินกู้เช่าซื้อบ้าน 3.3 แสนบาท และเงินกู้การเกษตร (รายปี) 1 แสนบาท
ปัจจุบัน พ.ต.ท.ไวพจน์ ตกเป็นหนึ่งในจำเลยคดีร่วมกับกลุ่มคนเสื้อแดงบุกล้มการประชุมสุดยอดอาเซียนเมื่อปี 2552 โดยก่อนหน้านี้ศาลฎีกาพิพากษาจำคุกจำเลยทั้งหมด ต่อมา พ.ต.ท.ไวพจน์ มิได้ไปศาลในวันพิพากษา ศาลจึงเลื่อนอ่านมาเป็นวันที่ 5 พ.ย. 2562 โดยวันดังกล่าว พ.ต.ท.ไวพจน์ ขอกลับคำให้การจากปฏิเสธ เป็นรับสารภาพ ทำให้ศาลฎีกานัดฟังคำพิพากษาอีกครั้งในวันที่ 3 ธ.ค. 2562
(อ่านประกอบ : ออกหมายจับ‘กี้ร์’! ฎีกานัดพิพากษาใหม่ 3 ธ.ค.‘ไวพจน์-วรชัย-สำเริง’คดีล้มประชุมอาเซียน
https://www.isranews.org/isranews-news/82047-isranewwss-82047.html)