[SR] รีวิว Huawei Mate 30 Pro เรือธงกล้องเทพ แต่เหมือนขาดอะไรไปบางอย่าง !


 
Huawei ได้ทำการเปิดตัวเรือธงประจำปลายปีในรุ่น Mate 30 Pro ไปแล้วในประเทศไทยท่ามกลางกระแสที่โดนแบนเกี่ยวกับ Google ครับและแน่นอนว่าก่อนจะไปอ่านกันต้องเข้าใจกันก่อนเลยว่าในตอนนี้ Google ยังไม่สามารถใช้งานได้นะครับแต่อนาคตไม่แน่อาจจะใช้ได้กันปกติแล้ว และในรีวิวนี้เราจะรีวิวในการใช้งานจริงๆ แบบไม่ได้รูท หรือลงอะไรพิเศษครับ คือลองกันสดๆไปเลยถ้าถ้าคนซื้อไปแบบลงอะไรไม่เป็น ได้แค่ลง APK อะไรพวกนั้นจะเป็นยังไง ส่วนในรุ่นนี้ต้องบอกว่ามันลงตัวในหลายๆเรื่องทั้งการออกแบบ กล้องหลัง รวมถึงฟีเจอร์ที่ใส่เข้ามา จะเป็นยังไงไปชมกันเลยครับ
 

 
Huawei Mate 30 Pro นั้นเปิดตัวมาด้วยจุดเด่นที่จัดเต็มไปหมดตั้งแต่การออกแบบไปจนถึงฟีเจอร์ที่ใส่เข้ามาหลายๆส่วน ทางด้าน CPU มาพร้อม Kirin 990 และ  RAM 8GB STORAGE 256  หน้าจอมาพร้อมกับ 6.53 นิ้ว OLED, Horizon Display 2,400 x 1,176 resolution รองรับการชาร์จไร้สาย 27W และ ชาร์จย้อนกลับ มาพร้อมกับความจุ 4,500mAh และ SuperCharge 40W และที่ใส่เข้ามาเป็นครั้งแรกคือ Gestures control สำหรับการควบคุมผ่านอากาศด้านหน้า ด้วยมือ แต่เรื่องกล้องนั้นยังคงจัดเต็ม และ งานวีดีโอนั้นพัฒนาขึ้น รุ่นนี้จะเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นแรกของ Huawei ที่สามารถถ่ายวิดิโอ 4K ได้ที่ 60fps และสามารถถ่าย slow-mo ได่ถึง 7,680fps ที่ 720p อีกทั้งยังถ่าย time lapse ที่ 4K ได้โดยมี HDR+ และในการถ่ายแบบแสงน้อยการถ่ายวิดีโอสามารถเปิด ISO สูงสุดได้ถึง 52,000 เยอะมากครับ กล้องภาพนิ่งนั้นจะเป็น  Super Sensing 40MP จากรุ่น P30 Pro แล้วมันยังได้เลนส์กว้าง 40MP เพิ่มขึ้นมาอีกด้วย โดยมันถูกเรียกว่า cine camera ซึ่งทั้งคู่จะใช้เซนเซอร์ ToF แบบ 3D สำหรับเรนเดอร์ bokeh ในการถ่ายวิดิโอ กล้องหลังตัวที่สามจะมีความละเอียด 8MP ที่ซูมแบบ optical ได้ 3x (ระยะโฟกัส 80mm) และซูมแบบ hybrid ได้ 5x ส่วนของกล้อง 2 ตัวที่มีความละเอียด 40MP นั้นทั้งคู่มีขนาดกล้องที่ใหญ่และรูรับแสงที่เปิดกว้าง โดยตัวหลักจะมีเซนเซอร์ 1/1.7″ (f/1.6) และตัว cine camera มีเซนเซอร์ 1/1.54″ (f/1.8)
 

 

 
Huawei Mate 30 Pro ในประเทศไทยนั้นเปิดตัวมาด้วยเป็นรุ่นรองรับ 4G ให้แรม 8GB ความจุ 256GB แถม ประกันเครื่อง 2 ปี เปิดตัว 28,990 บาท มาพร้อมสี Space Silver และ Black
 

 

 
UNBOX
 
    - ตัวเครื่อง Mate 30 Pro
    - หูฟัง USB-C
    - ที่ชาร์จรองรับ 40W
    - สายชาร์จรองรับ 40W USB-C
    - คู่มือที่จิ้มซิม
    - เคสใสแข็ง แต่ในภาพไม่มีนะครับ **
 

 
DESIGN
 
ทางด้านการออกแบบนั้นต้องบอกว่าในรุ่นนี้จากที่เห็นภาพหลุดคือไม่สวยเลย พูดกันตรงๆไม่ชอบคือการมีวงแหวนรอบๆกล้องที่ใหญ่เหมือนฝาเครื่องซักผ้าครับ แต่พอเห็นของจริงมันกลับทำได้ดีเพราะด้วยวัสดุการเล่นสีของมันเนื่องจากในภาพเรนเดอร์นั้นมันอาจจะไม่เงาสวยเล่นแสงได้ดีเท่าของจริง เลยเห็นขอจริงมันกลับลงตัวขึ้นเยอะ ส่วนความบางเบานั้นก็ถือว่ากลางๆรับได้และหน้าจอขอบโค้งสุดๆทำให้การจับถือทำได้ยากไปนิดต้องระวังตามขอบพอสมควรครับ แต่เรื่องวัสดุที่เอามาใช้งานนั้นทำได้ดีและสมมาตรในหลายๆมุมของตัวเครื่องเลย อันนี้ค่อนข้างทำได้ดี
 

 
หน้าจอนั้นเป็นหน้าจอแบบเต็มๆขอบโค้งสุดๆ แต่มันยังมีติ่งหน้าจออยู่ โดยหน้าจอนั้นมาที่ ห 6.53 นิ้วที่โค้งด้านข้างถึง 88 องศาที่ Huawei เรียกว่า Horizon Display โดยเป็นหน้าจอแบบ OLED (1,176 x 2,400px) นอกจากนี้ปุ่มด้านข้าง เพิ่มลดเสียง ยังถูกเปลี่ยนเป็นแบบ virtual เลยด้วยครับจะเป็นยังไงไปดูกันต่อ
 

 
ขอบด้านล่างนั้นทำได้บางขึ้นแต่ก็ยังไม่ได้บางสุดแบบขอบข้างๆครับ ปุ่มควบคุมนั้นใช้งานแบบ Gesture ทั้งหมดแล้ว เลยทำให้มันสุดขอบได้สบายๆครับ
 

 
ส่วนขอบหน้าจอส่วนบนนั้นจะเห็นว่าข้างๆติ่งนั้นทำได้บาง แต่ตรงตัวติ่งหน้าจอนั้นเองยังเกะกะอยู่เล็กน้อย แต่ที่ต้องมีเพราะมันต้องใส่ สแกนใบหน้าและกล้องหน้า 32MP รวมถึงตัวเซนเซอร์การจับ Gesture ควบคุมผ่านอากาศนั้นเอง ลำโพงสนทนาไม่มีเพราะเป็นการฝังเอาไว้ใต้จอครับ
 

 
ขอบเครื่องด้านขวายังคงมีปุ่ม Power อยู่ครับแต่ซ่อนไปสุดขอบมากๆสีแดงสดๆ แต่ที่หายไปคือปุ่มเพิ่มลดเสียง ซึ่งจะใช้งานแตะขอบหน้าจอแทนครับในการสั่งงานหรือแตะขอบเครื่องนั้นเองและรูดขึ้นลงได้เลยทั้ง 2 ข้างเลยนั้นเอง
 

 
ในด้านนี้จะเห็นว่าไม่มีอะไรเลย หน้าจอออกมาสุดขอบจริงๆ ปุ่มเพิ่มลดเสียง ซึ่งจะใช้งานแตะขอบหน้าจอแทนครับในการสั่งงานหรือแตะขอบเครื่องนั้นเองและรูดขึ้นลงได้เลยทั้ง 2 ข้างเลยนั้นเอง ในขอบส่วนบน หน้าจอเท่านั้นนะครับ
 

 
ในด้านล่างนั้นจะเป็นที่อยู่ของซิมแบบ DualSIM และรองรับ Nmcard ของ Huawei ในการเพิ่มความจุ และ รูไมค์ รู USB-C รวมถึงลำโพงหลักของเครื่องอยู่ในด้านล่างครับ ในรุ่นนี้จะเป็นลำโพงเดี่ยวแล้วนั้นเอง
 

 
ในด้านบนนั้นจะไม่มีรูหูฟังอะไรทั้งนั้นแต่จะเป็น รูไมค์ และ รู IR สำหรับการควบคุมเครื่องใช้ไฟฟ้านั้นเองครับ และชอบที่การออกแบบมันสมมาตรและเรียบๆ ทำให้รุ่นนี้สามารถวางเครื่องแนวตั้งได้แบบสบายๆ
 

 
กล้องหลังนั้นจะเป็นการออกแบบทรงวงกลม และวางกล้อง 4 มุม แต่ส่วนไฟแฟลชนั้นจะแยกออกไป รวมถึงตัวเซนเซอร์วัดแสงต่างๆนั้นจะไปวางข้างบน และมีเขียนระยะเลนส์ และแปะชื่อ Leica นั้นเอง ส่วนไฟแฟลชนั้นไม่ใช่ Xenon นะครับเป็นแค่แฟลชปกติเลย เสียดายมากๆ คิดว่าจะรูปทรงแบบนั้นจะได้ไฟแฟลช Xenon มาซะแล้ว กล้องหลัก Super Sensing 40MP 1/1.7″ (f/1.6)  / เลนส์กว้าง 40MP cine camera  1/1.54″ (f/1.8) ซึ่งทั้งคู่จะใช้เซนเซอร์ ToF แบบ 3D สำหรับเรนเดอร์ bokeh ในการถ่ายวิดิโอ กล้องหลังตัวที่สามจะมีความละเอียด 8MP ที่ซูมแบบ optical ได้ 3x (ระยะโฟกัส 80mm) และซูมแบบ hybrid ได้ 5x
 

 
ฝาหลังนั้นจะเห็นว่ามันมีการเล่นสีแสงที่เงาสวยงามมากๆครับและไล่เฉดเบาๆ สีเงินอมม่วง และตรงรอบกล้องนั้นจะเป็นการเล่นปัดลายวงกลมรอบกล้องก็เล่นกับแสงได้ดี วัสดุงานประกอบอะไรทำได้เนียนและสวยครับ ไม่หนาไม่หนักเกินไปด้วย ส่วนการสแกนนิ้วนั้นจะไปอยู่บนหน้าจอทั้งหมดแล้ว การวางกล้องแบบนี้แอบนึกถึงรุ่นเก่าๆแบบ Nokia
 
SPEC
 
    - หน้าจอแสดงผล Flex OLED ขนาด 6.53 นิ้ว ความละเอียด
    - 2400 x 1176 พิกเซล อัตราส่วน 18.4:9 รองรับ HDR10
    - CPU Kirin 990 Octa Core  2.86 GHz
    - GPU Mali-G76 MP16
    - RAM 8GB
    - STORAGE 256GB (UFS 3.0)
    - กล้องหลัง 4 ตัว เป็น เลนส์ Ultrawide 40 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.8 // Super Sensing  40 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.6 + OIS // Telephoto  8 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4 +OIS  /เลนส์ 3D Depth Sensing
    - ISO 409600 // ถ่ายวิดีโอ 4K 60fps รองรับ HDR+ / Slow-mo 7680fps
    - กล้องหน้า 32 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.0
    - ระบบปฏิบัติการ Android 10 ครอบทับด้วย EMUI 10
    - **ไม่มี Playstore / Google Service
    - กันน้ำกันฝุ่นมาตรฐาน IP68
    - สแกนนิ้วบนหน้าจอ + ฟีเจอร์สแกนใบหน้า
    - แบตเตอรี่ความจุ 4,500mAh รองรับ Fast Charge 40W, Fast Wireless Charge 27W + Reverse Wireless Charging
 

 
PERFORMANCE
 
ทางด้านประสิทธิภาพนั้นรุ่นนี้ต้องบอกว่าแรงอีกรุ่นที่ใช้งาน CPU Kirin 990 Octa Core  2.86 GHz +GPU Mali-G76 MP16 แน่นอนว่าเรื่องความแรงนั้นทำได้ดีอยู่แล้วทำคะแนน Geekbench ไปที่ 768 2964 และ ในด้านหน่วยความจำเป็น UFS 3.0 ทำการอ่านเขียนไปที่ 1462 / 228 ครับ เขียนจะน้อยหน่อย ส่วน Antutu ทำได้ 425416 และในด้านของความปลอดภัยอะไร Divevine ไม่มีการโชว์เลย และ ลงแอพ Netflix อะไรก็เปิดไม่ได้นะ
 

 
SYSTEM UI
 
ทางด้านหน้าตา ยังดีว่ายังใช้งาน Android 10 ครับเลยยังพอใช้งานได้ไม่เลวร้ายไปซะทีเดียว แต่ที่ชอบคือ UI หน้าตา EMUI ไม่รกแล้วแต่ตัวแอพไอคอนก็ยังแอบจีนๆอยู่บ้างครับ ไม่มีเลขมุมแอพ ไม่มี Appdrawer และ การแจ้งเตือนไม่เด้งเลยครับถ้าใช้งานพวก Facebook หรือ แอพอื่นๆที่ลงเพิ่มคือไม่เห็นแจ้งเตือนเลยไม่เด้งเลย
 

 
หน้าตา Quick setting ลากลงมา อะไรปกติครับมีการเปลี่ยนหน้าตาไอคอนที่เรียบและสวยงามขึ้น รองรับการปรับแต่งมากมาย และสามารถใช้งาน 2 หน้าจอได้ครับสามารถเลือกแอพอะไรได้ปกติเลย แบ่งหน้าจอได้เอาข้อนิ้วลากแบ่งหน้าจอ หรือ เวลากดเคลียร์แอพและกดแบ่งหน้าจอได้ครับ
 

 
คีย์บอร์ดนั้นยังคงใช้ของ SwiftKey ครับรองรับภาษาไทยปกติ เมนูไทยมีในเครื่องปกติครับ หน่วยความจำ 128GB นั้นเหลือใช้งาน 110GB ประมาณ ซึ่งตัวขายจริงจะ 256GB นะครับ**  และ RAM 8GB นั้นเหลือใช้งานประมาณ 4GB ครึ่งๆของที่ให้มาครับ
 

 
การสแกนนิ้วบนหน้าจอ สแกนใบหน้านั้นให้มาครบสามารถทำงานได้ดีทั้งคู่ แอปสามารถโคลนอะไรได้ปกติ และ Gesture รองรับเหมือนเดิมทั้งตอนปิด หรือ เปิดหน้าจอ การใช้ข้อนิ้วเคาะก็ยังมีมาให้ครบๆครับเหมือนรุ่นก่อนหน้า
 

 
Gesture ในอากาศตัวนี้มาใหม่ !! รองรับการทำงานสั่งงานด้วยมือ ทำได้ 3 อย่างหลักๆคือ แคปหน้าจอ / เลื่อนขึ้น / เลื่อนลง โดยจะใช้งานได้ตอนแสงสว่างเพียงพอ แต่ถ้ามืดๆกลางคืนนั้นหมดสิทธ์ และรองรับปากกาด้วยนะของ M-Pen ครับใช้ได้ทั้งหมดเลยเอาของ Mateก่อนหน้ามาใช้ก็ได้เช่นกัน รวมถึงตัวควบคุมก็ปรับเปลี่ยนได้3แบบครับ
 

 
แอปพื้นฐานที่ให้มาก็ทั้งควบคุมเครื่องใช้ไฟฟ้า หรือจะเป็น Notes รวมถึงการวัดแบบ AR ก็รองรับด้วยเช่นกันครับ
 

 
THEME
 
ธีมตัวนี้รองรับการเปลี่ยนปรับแต่งหลากหลายมีทั้งเสียตังค์และไม่เสียเงินปรับได้หลักๆคือ ฟอนต์ หน้าตาแอป พื้นหลัง และ Always On Display ครับซึ่งถือว่าในรุ่นก่อนๆนั้นปรับอะไรได้ไม่เยอะในหน้าจอนี้แต่ครั้งนี้ก็ปรับได้หลากหลาย
 
ชื่อสินค้า:   Huawei Mate 30 Pro
คะแนน:     

SR - Sponsored Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ SR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - ได้รับสินค้ามาใช้รีวิวฟรี โดยต้องคืนสินค้าให้เจ้าของสินค้า
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่