[SR] รีวิว HUAWEI MATE 40 PRO จอ 90HZ จัดเต็ม KIRIN 9000 กล้องหลัง 50MP คุณภาพสูง !


 
HUAWEI นั้นยังคงเดินหน้าผลิต KIRIN 9000 ตัวล่าสุดที่มาพร้อมกับ 5nm ในสถาปัตยกรรมที่ต้องบอกว่าล้ำหน้าพอสมควร และ โดดเด่นในเรื่องของการรองรับ 5G การจัดการพลังงานของตัวเครื่องที่ยังคงโดดเด่นกว่าตัวอื่นๆ อีกทั้งยังทำประสิทธิภาพได้ดีในการใช้งานทั่วไปรวมถึงเล่นเกมก็ทำได้ดีเลยทีเดียว ส่วนเรื่องของกล้องนั้นค่ายนี้ยังคงพัฒนาต่อเนื่องร่วมกันกับทาง LEICA ในรุ่น Pro นี้จะใช้งานเลนส์หลักที่ 50MP พัฒนาขึ้นจาก RYYB ตัวเดิม รองรับการใช้งาน OIS และ เลนส์มุมกว้าง รวมถึง เทเลที่ยังคงทำได้ดี  Periscope Telephoto Camera ที่ซูมแบบออปติคัลได้ที่ 7x และซูมแบบดิจิทัลได้สูงสุดถึง 50x  และ มาพร้อมฟีเจอร์การถ่ายที่เยอะขึ้นจากเดิมทั้งภาพนิ่ง และ วีดีโอ ส่วนลำโพงอะไรก็พัฒนาขึ้นด้วยเช่นกัน ในรุ่น MATE40 PRO ครั้งนี้ และงานออกแบบนั้นก็สานต่อจากรุ่นเดิม  ตอกย้ำเอกลักษณ์ของ HUAWEI Mate Series ด้วยการวางกล้องเป็นวงกลมแบบ Space Ring Design ที่ได้แรงบันดาลใจจากการอยู่ท่ามกลางจักรวาลและดวงดาว และ หน้าจอ OLED แบบ HUAWEI Horizon Display โค้งทำมุม 88 องศา ทำให้จอแสดงผลเสมือนไร้ขอบ รับชมภาพเต็มตาสมจริง ที่ 90Hz
 

 
HUAWEI MATE 40 PRO นั้นจะมาพร้อมกับ KIRIN 9000 5nm รองรับการใช้งาน 5G พร้อมกับ RAM 8GB STORAGE 256GB มาพร้อมหน้าขอ OLED ขอบโค้งขนาด 6.76 นิ้ว (ขอบโค้ง88องศา) ความละเอียด FHD+ , มีรีเฟรชเรท 90Hz และความถี่การตอบสนอง 240Hz ส่วนภายในตัวเครื่องมาพร้อมชิปประมวลผล Kirin 9000 5G 5nm  กล้องหลังของ Mate40 Pro มีจำนวน 3 ตัว ประกอบด้วย กล้อง 50MP ที่รองรับ OIS + กล้องทรงโคน (Cine) 20MP ที่ลดความบิดเบี้ยวในการถ่ายภาพมุมกว้างลง + กล้องเทเล 12MP ที่สามารถซูมแบบ opticalได้ 5x ส่วนทางด้านกล้องหน้านั้นให้มาที่ 13MP F2.4 พร้อมกับการรองรับเลนส์มุมกว้างในตัว ส่วนทางด้าน แบตเตอรี่ 4,400mAh ที่รองรับชาร์จเร็ว HUAWEI SuperCharge 66W, ชาร์จไร้สาย 50W และสามารถกระจายไร้สายให้เครื่องอื่นได้เหมือนเดิม แน่นอนว่ายังคงกันน้ำ IP68 เช่นเดิม  และ งานออกแบบนั้นยังคงเด่นกว่าตัวอื่นๆ สานต่อจากรุ่นเดิม ได้ดี ส่วนทางด้านระบบนั้นยังคงใช้งาน Android 10 แต่ยังไม่มี GMS นะ
 

 

 
HUAWEI MATE 40 PRO เปิดราคาในไทยมาพร้อมกับ RAM 8GB STORAGE 128GB ที่ 34,990 บาท  รองรับใช้งาน 5G  มาในสี BLACK และ MYSTIC SILVER
 

 

 

 
UNBOX
 
อุปกรณ์นั้นยังคงจัดเต็มให้มาในกล่องไม่ว่าจะเป็น ตัวเครื่อง Adaptor การชาร์จไว รวมถึง เคสใส และ ฟิล์มกันรอยไม่ได้ตัดออกไปไหน รวมถึง หูฟังแบบ USB-C ก็ยังคงแถมมาให้ครับถือว่าเป็นค่ายที่ยังคงใจดีแถมมาให้พร้อมใช้
 
- ตัวเครื่อง HUAWEI MATE 40 PRO
- หูฟัง USB-C
- สายชาร์จ USB-C
- Adaptor ชาร์จไฟ 66W
- เคสใส TPU
- ฟิล์มกันรอยติดมาให้บนตัวเครื่อง
- คู่มือ ที่จิ้มซิม
 

 

 
ตัวเครื่องของทาง HUAWEI นั้นถือว่ายังคงใจดีแถมเคสมาให้ใช้งานกัน เป็นเคสแบบนิ่มขนาดกำลังดีไม่ได้หนาและไม่ได้บางมากเกินไปเมื่อเทียบกับตัวเครื่อง รองรับการคลุมทั้งหน้าจอโค้งและเลนส์กล้องด้านหลังได้ในการใช้งาน ตัวเคสนั้นไม่ได้เพิ่มความหนามามากแต่อย่างใด และไม่ได้ทำให้ตัวเครื่องหนักขึ้นด้วยเช่นกัน แต่ถ้าใครเน้นเรื่องของการกันกระแทกมากๆอาจจะไม่ได้ตอบโจทย์เพราะว่าด้วยการออกแบบหน้าจอโค้งอาจจะปกป้องได้ยาก ถ้าใช้งานแก้ขัดในช่วงแรกไปก็ยังถือว่าดีและยังคงให้มาในตัวกล่อง เป็นสีใสพร้อมกับวัสดุเคสแบบนิ่มพอสมควร
 

 

 

 
DESIGN
 
งานออกแบบของทาง HUAWEI MATE 40 PRO รอบนี้มีการอิงดีไซน์ที่ค่อนข้างเป็นเอกลักษณ์ของตัวเองแน่นอนว่าทางด้าน MATE จะเน้นความสมมาตรมาโดยตลอด ในรุ่นก่อนหน้านี้จะเป็นวงกลมถือว่าสวยงาม และในรุ่นนี้ยังคงเป็นวงกลมแต่มีการออกแบบตรงกลางเป็นสีเดียวกับตัวเครื่องทำให้รูปทรงนั้นเหมือนวงแหวนนั้นเองจนแอบนึกถึงiPod ยุคแรกๆ แน่นอนว่าไม่ค่อยไปอิงดีไซน์ตามคนอื่นและมีความโดดเด่นชัดเจนครับ วัสดุงานประกอบเนียนแน่นพร้อมกับ ฝาหลังแบบด้านเล่นแสงสีสวยงามมากๆ มาพร้อมกับขนาดน้ำหนักที่แอบมากกว่าเดิมนิดหน่อยในตัวนี้
 

 
ทางด้านหน้าจอนั้นต้องบอกว่ารุ่นนี้ยังคงมีความโค้ง 88 องศาแบบรุ่นก่อนหน้า แต่ข้อดีคือไม่มีความโค้งส่วนขอบบนและขอบล่างแบบP40 PROทำให้การจับถือ การติดฟิล์มนั้นง่ายกว่ามาก มาพร้อมกับ  หน้าจอ OLED ขนาด 6.76 นิ้ว (2,772 x 1,344 พิกเซล) FHD+, มีรีเฟรชเรท 90Hz ที่สเปกนั้นจะใกล้เคียงกับ P40 Pro ก่อนหน้า
 

 
ทางด้านหน้าจอส่วนบนนั้นเราจะเห็นว่างานออกแบบจะใกล้เคียงกับ P40 PRO ก่อนหน้านี้แต่จะมาพร้อมกับ กล้องเซลฟี่ความละเอียด 13MP พิกเซล 1.22 ไมครอน รองรับการปรับมุมภาพ มุมกว้างพิเศษ และ มีเซนเซอร์ IR คอยจับการเคลื่อนไหว การควบคุมผ่านอากาศได้ทั้งหมด และมาพร้อมกับการรองรับสแกนใบหน้าแบบ 3 มิติ
 

 
ส่วนทางด้านขอบล่างหน้าจอนั้นจะเป็นการควบคุมที่สามารถปรับตั้งค่าได้ว่าจะเป็นการใช้งานแบบเต็มหน้าจอ Gesture ปกติหรือจะเป็นปุ่มควบคุมปกติครับ ทำให้การใช้งานขอบหน้าจอนั้นเต็มตามากขึ้น แต่ขอบล่างก็ถือว่ามีความบางพอสมควรเมื่อเทียบกับรุ่นก่อน แต่ก็ยังแอบหนากว่าด้านบนอยู่เช่นกัน แต่ไม่ได้ต่างกันมากนัก
 

 
ขอบเครื่องด้านล่างนั้นจะเห็นว่ามาพร้อมกับถาดซิม Dual Sim รองรับการใช้งาน 5G และ รู USB-C สำหรับการชาร์จ รวมถึง ลำโพงหลักของเครื่อง และในรุ่นนี้มีการใส่ลำโพงมาให้เป็นลำโพงคู่แล้วเช่นกัน ส่วนขอบนั้นเป็นสีเงินโครเมี่ยมสวยงาม พร้อมกับรูปทรงหน้าหลังนั้น สมมาตรกันทั้งหมดโค้ง 88 องศาทั้งส่วนบนและล่างเช่นกัน
 

 
ขอบเครื่องทางด้านขวานั้น เป็นการปรับมาของปุ่มเพิ่ม ลด เสียงแบบปกติ หลังจากที่ไปใช้งานระบบสัมผัสในรุ่นก่อนหน้านี้แน่นอนว่าจะเห็นว่าขอบหน้าจอโค้งเหมือนเดิม แต่ถ้าใครติดใจการปรับเสียงแบบสัมผัสนั้นก็ยังคงเปิดใช้งานได้เช่นกันทั้งขอบซ้ายและขวา แต่แทรกปุ่มเข้ามาเพิ่มเติมครับเล็กๆบางๆแต่ก็ใช้งานได้ปกติสำหรับคนที่ไม่ชิน
 

 
ส่วนขอบเครื่องด้านซ้ายนั้นเราจะเห็นเลยว่าการที่ขอบหน้าจอโค้งมาแบบนี้ทำให้ตัวเครื่องดูบางสวยงามมากๆ และมีระบบป้องกันเวลาจับถือจะไม่ลั่นด้วยเช่นกัน และฝั่งนี้จะไม่มีปุ่มอะไรถือว่าเป็นงานออกแบบที่สวยและลงตัวมาก
 

 
ขอบเครื่องในส่วนบนนั้นเราจะเห็นว่ายังคงมี ไมค์ตัดเสียงมาให้ พร้อมกับ รู Infared สำหรับการควบคุมเครื่องใช้ไฟฟ้า และแน่นอนว่าเป็นการใส่ลำโพงหลักตัวที่ 2 เข้ามาให้ในขอบด้านบนทำให้รองรับการใช้งานลำโพงได้ดีมาก
 

 
ฝาหลังในรุ่นนี้มาพร้อมกับการออกแบบที่อิงกับการออกแบบแบบเดิมแต่จะเปลี่ยนดีไซน์ให้เป็นวงแหวนมากขึ้นและการวางกล้องหลัง 3 ตัวพร้อมกับเซนเซอร์ Laser เข้ามา 4 มุมพร้อมกับเขียน LEICA เช่นเดิมตรงวงกลาง ส่วนฝาหลังนั้นเป็นวัสดุกระจกแบบด้านพร้อมกับเล่นแสงสีสวยงามสะท้อนแสงไล่เฉดสีสวยงามมากเวลาเจอแสงอาทิตย์ ส่วนความหนาบาง นั้นแอบรู้สึกว่ามีน้ำหนัก หนากว่าเดิมนิดหน่อยอาจจะด้วยเลนส์และเทคโนโลยีการถ่ายต่างๆนั้นเอง
 

 
ทางด้านกล้องหลังเราจะเห็นว่ามีทั้งหมด 4 ตัว แต่จริงๆนั้นในส่วนของเลนส์ตัวที่ 4 นั้นจะเป็น  Laser Sensor สำหรับจับโฟกัสต่างๆ นั้นเอง ส่วนตัวเลนส์หลักนั้นจัดเต็มพัฒนามากขึ้นเป็น 50MP Ultra Vision 50MP (f/1.9), เซนเซอร์ขนาด 1/1.28 นิ้ว, RYYB ส่วนกล้องมุมกว้างนั้นมาให้ที่ กล้อง Ultra Wide Cine 20MP (f/1.8), ทางยาวโฟกัส 18 มม 102 องศา . และมุมซ้ายบนนั้นจะเป็น กล้อง Telephoto 5x แบบ Periscope 12MP (f/3.4), OIS, ทางยาวโฟกัส 125 มม. และสุดท้ายนั้นจะเป็น Laser Sensor นั้นเอง
 

 
SPEC
 
- หน้าจอ OLED ขนาด 6.76 นิ้ว (2,772 x 1,344 พิกเซล) FHD+, มีรีเฟรชเรท 90Hz
- ชิปประมวลผล HUAWEI Kirin 9000 5G ที่ใช้การ์ดจอ ARM Mali-G78 MP24 + NPUs
- RAM 8 GB
- Storage 256GB UFS 3.1
- Android 10 ที่ครอบด้วย EMUI 11
- กล้อง RYYB Ultra Vision 50MP (f/1.9), รองรับ OIS + กล้อง Cine ultra-wide 20MP (f/1.8) + กล้องเทเล 12MP ที่สามารถซูม optical ได้ 5x, LED flash
- กล้องหน้า 13MP (f/2.4) + เซ็นเซอร์ตรวจจับความลึก ToF 3D
- เซนเซอร์สแกนนิ้วใต้หน้าจอ
- ใช้พอร์ตหูฟัง USB Type-C
- ตัวเครื่องกันน้ำมาตรฐาน IP68
- ขนาดตัวเครื่อง :162.9×74.5×9.1mm(บอดี้กระจก) / 9.5mm (บอดี้หนัง); น้ำหนัก: 212กรัม
- รองรับ 5G SA/NSA, Dual 4G VoLTE, Wi-Fi 802.11 ax (2.4GHz and 5GHz),
- Bluetooth 5.2 LE, GPS (L1 + L5 dual-band), NavIC, NFC,
- รองรับการใช้งาน Smart Gesture Control
- ใช้พอร์ต USB 3.1 Type-C (GEN1)
- แบตเตอรี่ 4,400mAh ที่รองรับชาร์จเร็ว HUAWEI SuperCharge 66W, ชาร์จไร้สาย 50W
 

 
PERFORMANCE
 
ประสิทธิภาพในตัวเครื่อง HUAWEI MATE 40 PRO นั้นต้องบอกว่า มาพร้อมกับ Kirin 9000 ตัวใหม่ล่าสุดที่รองรับการใช้งาน 5G  ในการผลิตเทคโนโลยีที่ 5nm ที่ใช้การ์ดจอ ARM Mali-G78 MP24 + NPUs แน่นอนว่าเรื่องของประสิทธิภาพรุ่นนี้ก็ยังคงเป็นค่ายที่พัฒนาเรื่องของ CPU มาอย่างต่อเนื่องและเด่นๆเรื่องของประสิทธิภาพและการจัดการพลังงานของระบบต่างๆทางด้านประสิทธิภาพ สามารถทำคะแนน Antutu ไปได้ที่ 721462 คะแนน และ Netflix แน่นอนว่ารุ่นนี้การรองรับนั้นไม่สามารถดูความละเอียดสูงได้ครับ ส่วนการอ่านเขียน Androbench ในหน่วยความจำถือว่าสูงพอสมควร ทำไปได้ ในการอ่าน 2000 MB/s และ เขียนไปได้ที่ 1223 MB/s  โหดมาก
 
ชื่อสินค้า:   HUAWEI MATE 40 PRO
คะแนน:     

SR - Sponsored Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ SR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - ได้รับสินค้ามาใช้รีวิวฟรี โดยต้องคืนสินค้าให้เจ้าของสินค้า
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่