🇺🇲Boston + จิตสุดท้าย
วันนี้ทำไฟท์มาboston เป็นไฟท์แรกที่ทำหลังจากกลับมาจากผักผ่อนยาว6 วัน แน่นอนว่ายังเป็นโฮมซิคและยังไม่อยากจะทำงาน แต่ไฟท์นี้เราขอเองทุกเดือนเพราะว่าชอบเมือง/คน/อาหารที่นี่
วันนี้มีกัปตัน4คนทำไฟท์ มี3คนเป็นกัปตัน(มี4บั้งที่ไหล่)และอีก1คนเป็นfirst officer(ที่2บั้งที่ไหล่) กัปตันเข้ามาทักทายในห้อง briefing แล้วบอกว่าไม่มีอะไรที่ต้องกังวลตามปรกติเหมือนทุกครั้ง
วันนี้ตำแหน่งงานของเราR1 คือเป็นตำแหน่งครัวหน้าและต้องดูแลกัปตัน ซึ่งวันนี้ลูกเรือทุกคนก็ทำงานปกติมีทีมเวิร์คที่ดีและช่วยเหลือกัน บนไฟท์นี้ลูกเรือจะได้พักในBunk(ที่พักของลูกเรือ) วันนี้ลูกเรือทุกคนจะได้พักผ่อนเป็นเวลา 3 ชั่วโมงครึ่งและแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม ซึ่งเราอยู่ในกลุ่มที่ 2 พอลูกเรือเซตแรกไปพักผ่อน เราก็เริ่มเตรียมงานให้ลูกเรือกลุ่มต่อไป เพราะจะเป็นช่วงเวลาที่ผู้โดยสารเริ่มตื่น และมีลูกเหลือแค่ครึ่งลำที่จะให้บริการผู้โดยสารทั้งหมด ไฟท์ก็สมูทดี ปกติมากไม่มีผู้โดยสารป่วยหรือปัญหาอะไร
จนลูกเรือกลุ่มแรกกลับมาเราก็ต้องมอบหมายงานให้ลูกเรือก่อนจะไปพักผ่อนพอเสร็จแล้วเราก็ขึ้นไปพักบนเครื่องซึ่งวันนี้เรานอนมาเยอะเลยไม่ค่อยง่วงเท่าไหร่นอนคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย ปรากฏว่าผ่านไปได้สักพักเครื่องเริ่มสั่น กัปตันทำประกาศว่าลูกเรือนั่งบนจั้มซีท(เก้าอี้พับของลูกเรือ) ซึ่งปกติแล้วก็เป็นเรื่องธรรมดาที่เครื่องสั่นและถ้าลูกเรือรู้สึกว่าไม่ปลอดภัยในการทำงานเราสามารถโทรบอกกับตันได้ เพราะปกติแล้วลูกเรือที่อยู่ท้ายลำจะรู้สึกมากกว่าที่อยู่ข้างหน้า หลังจากที่กัปตันประกาศเราก็ยังนอนไม่หลับอยู่ดีแล้วก็ยังไม่คาดเข็มขัดซึ่งมีให้ในBunk (อันนี้เป็นสิ่งที่ไม่ควรทำนะคะ) พอผ่านไปได้ชั่วโมงกว่าคราวนี้เครื่องเริ่มสั่นกว่าตอนแรกที่เรารู้สึก เพราะที่พักผ่อนของเราอยู่ท้ายลำและที่นอนของเราเป็นเตียงนอนลาดยาว เรารู้สึกได้ว่าเครื่องสั่นมาก...สั่นกว่าปกติ ตั้งแต่ทำงานมาเกือบ7ปีครั้งนี้เป็นครั้งที่รู้สึกได้ว่าสั่นจริงๆ เพราะว่าถ้านอนยังรู้สึกขนาดนี้คนที่นั่ง/ยืนอยู่คงรู้สึกมากกว่าเราแน่ๆ สักพักได้ยินเสียงลูกเรืออยู่ข้างล่างกรี๊ดร้องลั่น และบวกกับเสียงที่เครื่องบินกำลังบินผ่าน jetstreamที่อยู่ข้างนอก ก็รู้สึกว่าครั้งนี้น่าจะหนักเอาการอยู่
ตอนนั้นคิดในใจว่าถ้าเราต้องไปจริงๆ จิตสุดท้ายของเราคือ กังวลในเรื่องของคนอื่นมากเกินไป กลัวทุกคนนินทาและมองหาสิ่งที่ตัวเองไม่มีมากเกินไปจนลืมสิ่งที่เรามีอยู่ จนทำให้คิดได้ว่าถ้าเราอยากจะไปที่ดีๆภูมิที่ดีเราไม่อยากเอาจิตสุดท้ายแบบนี้ไปด้วย พยายามเตือนตัวเองเสมอมาว่าสิ่งที่มี/สิ่งที่เป็น/สิ่งที่ทำอยู่ก็ทำเพื่อคนในครอบครัวรักคนที่เรารักเท่านั้น คนที่เขาไม่รัก ไม่แคร์เรา วิพากษ์วิจารณ์และนินทาเราเป็นคนที่เขาไม่ได้หวังดีอะไรกับเรา เราก็อย่าไปให้ราคากับของ/คนที่มันไม่จำเป็นในชีวิต ชีวิตเราสั้นอย่าไปให้ราคาแล้วเสียเวลากับคน/ของที่ไม่จำเป็นเลยค่ะ
ความสุขของเรามัน...อยู่ที่เราจะเอาไปผูกติดยึดมั่นกับใครคงเป็นไปไม่ได้ ความสุขของเรา...เราต้องเป็นคนกำหนดเอง ใช้เวลาให้กับคนที่เรารักและครอบครัวดีกว่า ขอบคุณนะคะที่อ่านจนมาถึงตรงนี้หวังว่าเพื่อนๆจะได้ประโยชน์กันไปมากก็น้อยนะคะ
ปล.คุยกับกับตัน กัปตันบอกว่านี้เป็นclear-air turbulence ซึ่งจะไม่มีสัญญาณเตือนบนเรดาร์หรือระบบ เพราะเราคาดการณ์ไม่ได้ และอันตรายยิ่งกว่า เพราะฉะนั้นเวลาที่เดินทางถึงได้มีประกาศเสมอว่าให้คาดเข็มขัดไว้ตลอดนะคะ เพื่อความปลอดภัยค่ะ
❤️❤️❤️
❤️❤️❤️
พี่แพรว
Facebook:
https://bit.ly/2ZRHIrx
Tiktok: @PraewVoyager
Youtube:
https://bit.ly/2TDXTEI
Boston +จิตสุดท้าย
🇺🇲Boston + จิตสุดท้าย
วันนี้ทำไฟท์มาboston เป็นไฟท์แรกที่ทำหลังจากกลับมาจากผักผ่อนยาว6 วัน แน่นอนว่ายังเป็นโฮมซิคและยังไม่อยากจะทำงาน แต่ไฟท์นี้เราขอเองทุกเดือนเพราะว่าชอบเมือง/คน/อาหารที่นี่
วันนี้มีกัปตัน4คนทำไฟท์ มี3คนเป็นกัปตัน(มี4บั้งที่ไหล่)และอีก1คนเป็นfirst officer(ที่2บั้งที่ไหล่) กัปตันเข้ามาทักทายในห้อง briefing แล้วบอกว่าไม่มีอะไรที่ต้องกังวลตามปรกติเหมือนทุกครั้ง
วันนี้ตำแหน่งงานของเราR1 คือเป็นตำแหน่งครัวหน้าและต้องดูแลกัปตัน ซึ่งวันนี้ลูกเรือทุกคนก็ทำงานปกติมีทีมเวิร์คที่ดีและช่วยเหลือกัน บนไฟท์นี้ลูกเรือจะได้พักในBunk(ที่พักของลูกเรือ) วันนี้ลูกเรือทุกคนจะได้พักผ่อนเป็นเวลา 3 ชั่วโมงครึ่งและแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม ซึ่งเราอยู่ในกลุ่มที่ 2 พอลูกเรือเซตแรกไปพักผ่อน เราก็เริ่มเตรียมงานให้ลูกเรือกลุ่มต่อไป เพราะจะเป็นช่วงเวลาที่ผู้โดยสารเริ่มตื่น และมีลูกเหลือแค่ครึ่งลำที่จะให้บริการผู้โดยสารทั้งหมด ไฟท์ก็สมูทดี ปกติมากไม่มีผู้โดยสารป่วยหรือปัญหาอะไร
จนลูกเรือกลุ่มแรกกลับมาเราก็ต้องมอบหมายงานให้ลูกเรือก่อนจะไปพักผ่อนพอเสร็จแล้วเราก็ขึ้นไปพักบนเครื่องซึ่งวันนี้เรานอนมาเยอะเลยไม่ค่อยง่วงเท่าไหร่นอนคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย ปรากฏว่าผ่านไปได้สักพักเครื่องเริ่มสั่น กัปตันทำประกาศว่าลูกเรือนั่งบนจั้มซีท(เก้าอี้พับของลูกเรือ) ซึ่งปกติแล้วก็เป็นเรื่องธรรมดาที่เครื่องสั่นและถ้าลูกเรือรู้สึกว่าไม่ปลอดภัยในการทำงานเราสามารถโทรบอกกับตันได้ เพราะปกติแล้วลูกเรือที่อยู่ท้ายลำจะรู้สึกมากกว่าที่อยู่ข้างหน้า หลังจากที่กัปตันประกาศเราก็ยังนอนไม่หลับอยู่ดีแล้วก็ยังไม่คาดเข็มขัดซึ่งมีให้ในBunk (อันนี้เป็นสิ่งที่ไม่ควรทำนะคะ) พอผ่านไปได้ชั่วโมงกว่าคราวนี้เครื่องเริ่มสั่นกว่าตอนแรกที่เรารู้สึก เพราะที่พักผ่อนของเราอยู่ท้ายลำและที่นอนของเราเป็นเตียงนอนลาดยาว เรารู้สึกได้ว่าเครื่องสั่นมาก...สั่นกว่าปกติ ตั้งแต่ทำงานมาเกือบ7ปีครั้งนี้เป็นครั้งที่รู้สึกได้ว่าสั่นจริงๆ เพราะว่าถ้านอนยังรู้สึกขนาดนี้คนที่นั่ง/ยืนอยู่คงรู้สึกมากกว่าเราแน่ๆ สักพักได้ยินเสียงลูกเรืออยู่ข้างล่างกรี๊ดร้องลั่น และบวกกับเสียงที่เครื่องบินกำลังบินผ่าน jetstreamที่อยู่ข้างนอก ก็รู้สึกว่าครั้งนี้น่าจะหนักเอาการอยู่
ตอนนั้นคิดในใจว่าถ้าเราต้องไปจริงๆ จิตสุดท้ายของเราคือ กังวลในเรื่องของคนอื่นมากเกินไป กลัวทุกคนนินทาและมองหาสิ่งที่ตัวเองไม่มีมากเกินไปจนลืมสิ่งที่เรามีอยู่ จนทำให้คิดได้ว่าถ้าเราอยากจะไปที่ดีๆภูมิที่ดีเราไม่อยากเอาจิตสุดท้ายแบบนี้ไปด้วย พยายามเตือนตัวเองเสมอมาว่าสิ่งที่มี/สิ่งที่เป็น/สิ่งที่ทำอยู่ก็ทำเพื่อคนในครอบครัวรักคนที่เรารักเท่านั้น คนที่เขาไม่รัก ไม่แคร์เรา วิพากษ์วิจารณ์และนินทาเราเป็นคนที่เขาไม่ได้หวังดีอะไรกับเรา เราก็อย่าไปให้ราคากับของ/คนที่มันไม่จำเป็นในชีวิต ชีวิตเราสั้นอย่าไปให้ราคาแล้วเสียเวลากับคน/ของที่ไม่จำเป็นเลยค่ะ
ความสุขของเรามัน...อยู่ที่เราจะเอาไปผูกติดยึดมั่นกับใครคงเป็นไปไม่ได้ ความสุขของเรา...เราต้องเป็นคนกำหนดเอง ใช้เวลาให้กับคนที่เรารักและครอบครัวดีกว่า ขอบคุณนะคะที่อ่านจนมาถึงตรงนี้หวังว่าเพื่อนๆจะได้ประโยชน์กันไปมากก็น้อยนะคะ
ปล.คุยกับกับตัน กัปตันบอกว่านี้เป็นclear-air turbulence ซึ่งจะไม่มีสัญญาณเตือนบนเรดาร์หรือระบบ เพราะเราคาดการณ์ไม่ได้ และอันตรายยิ่งกว่า เพราะฉะนั้นเวลาที่เดินทางถึงได้มีประกาศเสมอว่าให้คาดเข็มขัดไว้ตลอดนะคะ เพื่อความปลอดภัยค่ะ
❤️❤️❤️
❤️❤️❤️
พี่แพรว
Facebook: https://bit.ly/2ZRHIrx
Tiktok: @PraewVoyager
Youtube: https://bit.ly/2TDXTEI