สวัสดีค่า รีวิวนี้จะมาแชร์ประสบการณ์เที่ยวญี่ปุ่นล่าสุดที่เพิ่งไปมาเมื่อวันที่ 6-13 ตุลาคม 2562 นะคะ
ทริปนี้จะเป็นทริปที่เน้นสถานที่ธรรมชาติ สงบ เงียบ ชิวๆไม่เร่งรีบมากนะคะ
ซึ่งการเดินทางครั้งนี้เราได้เช่ารถขับกันเกือบทั้งทริป เพราะว่าสะดวกในการขนย้ายกระเป๋า
และสถานที่ที่แพลนไว้ก็อยู่กันคนละทิศคนละทางไม่มีพาสรถไฟเฉพาะจุดที่จะไปเลยค่ะ
ถ้าจะซื้อพาสเลยอาจจะต้องเป็น JR PASS ซึ่งรวมๆแล้วก็ราคาสูง
ที่สำคัญอีกอย่างก็คือการเช่ารถขับเราไม่ต้องห่วงเรื่องเวลามากนักค่ะ พร้อมแล้วค่อยเดินทาง ^^
(แต่ต้องขับอย่างระมัดระวังมากๆด้วยนะ)
ก่อนที่จะเล่าต่อ ขออนุญาตฝากรีวิวเก่าและเพจ (ในสปอยนะคะ)
คำเตือนก่อนอ่าน เนื้อหายาวมากกกกค่ะ แต่จะทำให้จบในกระทู้เดียวนะคะ ><
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้Facebook Fanpage :Jubpa The Traveller Fanpage
กระทู้เก่าๆ :
Last Winter in Japan :: หน้าหนาวที่แล้วในญี่ปุ่น [Nagoya.Takayama.Shirakawa-go.Gokayama.Takaoka.Kanazawa.Kyoto]
:: Hong Kong :: Best Place to Check-in !
HONG KONG : The Review of Cityscape.
แผนการเดินทาง
เส้นทางในการเดินทางของเราครั้งนี้ คือเริ่มจากตั๋วเครื่องบินก่อนคะ เนื่องจากทริปนี้ขาไปและขากลับของเรา อยู่คนละสนามบินค่ะ คือนั่งไปลงที่โตเกียว สนามบินนาริตะ (NRT) และขากลับที่นาโงย่า สนามบินจูบุ (NGO) ซึ่งหมายความว่าเราไม่ย้อนกลับทางเดิมค่ะ หลังจากนั้นก็คือเริ่มหาเส้นทางการท่องเที่ยวที่จะลัดเลาะจากโตเกียวมายังนาโงย่า จึงเลือกจากเส้นทางที่ไม่เข้าโตเกียวเลยค่ะ (ถ้าดูจากแผนที่คือเราอ้อมโตเกียวออกมาเลย ฮ่าๆ) และ Route การเดินทางทั้ง 8 วันของเราเป็นดังนี้ค่ะ
วันแรก – เป็นวันเดินทางจากสนามบินสุวรรณภูมิค่ะ
วันที่สอง – เราแวะกันที่เมืองคาวาโกเอะ จังหวัดไซตามะ และเดินทางต่อไปยังทาคารากาวะ ออนเซ็นในจังหวัดกุนมะ ที่เป็นแหล่งออนเซ็นที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น
วันที่สาม – แวะไปฟาร์มวาซาบิที่เมืองอะซุมิโนะ จังหวัดนากาโน่ ซึ่งเป็นฟาร์มวาซาบิที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น และเข้าสู่เมืองมัตสึโมโต้ จังหวัดนากาโน่
วันที่สี่ – ไปเดินป่าคามิโคจิ ดูวิว Japan Alps ในช่วงฤดูใกล้ใบไม้เปลี่ยนสี
วันที่ห้า – เที่ยวกระเช้า Komagatake Ropeway ซึ่งเป็นกระเช้าแห่งแรกของญี่ปุ่น และสูงที่สุดในญี่ปุ่นด้วยล่ะค่ะ และเดินทางไปค้างที่หมู่บ้าน Narai
วันที่หก - เที่ยวหมู่บ้าน Narai และเดินทางต่อไปที่เมืองนาโยง่า
วันที่เจ็ด – (แพลนไว้ว่าจะ) เที่ยวในเมืองนาโงย่า (แต่วันนี้พายุไต้ฝุ่นฮากิบิสเข้าญี่ปุ่นค่า!!)
วันที่แปด – เดินทางกลับบ้าน
ซึ่งจากแพลนก็จะเป็นการลัดเลาะมาเรื่อยๆจนถึงเมืองนาโงย่าค่ะ เน้นสถานที่ธรรมชาติ วิวสวยๆ นอกจากนั้นที่เซอรไพร์สุดๆคือพายุไต้ฝุ่นฮากิบีสค่ะ! พายุเข้าญี่ปุ่นตอนวันที่เจ็ดของการเที่ยว (วันที่ 12 ตุลาคม) ของเราพอดีเลยค่ะ ก็เลยทำให้แพลนที่จะเที่ยวในเมืองนาโงย่าสั่นคลอนอย่างรุนแรง 55555 และเครื่องบินขากลับเราถูกเลื่อนออกไปประมาณ 11 ชั่วโมงค่ะ แต่ไม่เป็นไรเนื่องจากเป็นเรื่องความปลอดภัยค่ะ
ตั๋วเครื่องบิน
ทริปนี้เดินทางกับสายการบินไทยค่ะ ขาไปลงที่สนามบินนาริตะ (อาคารผู้โดยสาร 1) TG642
เครื่องบินแบบ Airbus A330 ออกเวลา 23.50 น. ค่ะ หลับไปประมาณ 5 ชั่วโมงก็ถึงแล้ว
ส่วนขากลับจากสนามบินจูบุ นาโงย่า TG647 เป็นเครื่องบินรุ่น Boeing 787-8 (Dreamliner)
จากไฟต์เดิมที่ออกประมาณ 00.30 น.เลื่อนเวลาออกเดินทางเป็น 11.00 น.แทน เนื่องจากพายุไต้ฝุ่นฮากิบิสค่ะ
รถเช่า
การขับรถที่ประเทศญี่ปุ่นคือต้องมีใบขับขี่สากลค่ะ ไปทำได้ที่สำนักงานขนส่งนะคะ ในกระทู้นี้อาจไม่ได้กล่าวถึงวิธีการทำใบขับขี่สากลอย่างละเอียดนัก แต่ข้อมูลสามารถหาได้ Link นี้เลยค่ะ
สำนักงานขนส่ง นอกจากนี้ก็ยังต้องเตรียมใบขับขี่ตัวจริง และหนังสือเดินทาง เพื่อรับรถเช่ามาขับนะคะ
บริษัทที่เลือกเช่ารถคือ Toyota Rent A Car ค่ะ จองผ่านเว็บไซต์เลย
https://rent.toyota.co.jp/th เสร็จแล้วก็ปริ้นเอกสารยืนยัน เราเลือกรับรถที่อาคารผู้โดยสาร 1 ของสนามบินนาริตะเลยค่ะ การเช่าแนะนำให้เลือกซื้อประกันแบบเต็มเหนี่ยวเลยนะคะจะได้ปลอดภัยสุดๆเพราะค่าซ่อมต่างๆที่ญี่ปุ่นแพงมากๆเลยค่ะ หลังจากเคลียร์เอกสารรับรถแล้ว พนักงานจะบอกให้เราไปขึ้น Shuttle bus ของบริษัท Toyota rent a car ที่ป้ายรถบัสหมายเลข 20 ค่ะ เพื่อไปรับรถที่บริษัทค่ะ (นั่งรถประมาณ 10 นาทีก็ถึงแล้วค่ะ)
การเช่ารถเลือกเช่าบัตร ETC ด้วยนะคะ เป็นบัตรทางด่วนเหมือน easy pass จะติดมาให้ในรถเลยค่ะ เวลาขับเข้าทางด่วนก็เข้าช่อง ETC (สีม่วง) ด้วยความเร็วประมาณ 20km./hr. เลยค่ะ แล้วค่อยมาเคลียร์ค่าทางด่วนทั้งหมดตอนคืนรถที่บริษัทคืนรถจะได้ไม่ต้องควักเงินสดจ่ายก่อนค่ะ
การขับรถที่ญี่ปุ่นไม่ยากค่ะ ขับความเร็วตามที่ป้ายระบุอย่างเคร่งครัดมากๆ หยุดที่ทางม้าลาย และถ้าจะเลี้ยวซ้ายต้องดูไฟเขียวไฟแดงเสมอค่ะ ห้ามเลี้ยวซ้ายผ่านตลอดนะ
นอกจากนั้นการเตรียมตัวเดินทางก็ควรจด Mapcode ของสถานที่ ดูได้จากเว็บไซต์
https://japanmapcode.com/en หรือจดเบอร์โทรศัพท์ของสถานที่เพื่อกรอกที่ GPS Navigator ของรถด้วยนะคะ ดังนั้นเวลาเช่ารถแนะนำให้เลือกแบบที่มี GPS Navigator นะคะ เพราะเจ้าตัว GPS นี้จะพาเราไปจอดตรงที่จอดรถของสถานที่ที่เราจะไปเลยค่ะ ทั้งบอกตำแหน่งปั๊มน้ำมัน จุดแวะพักระหว่างทาง สะดวกมากๆเลยล่ะค่ะ
แต่อีกเรื่องคือ เนื่องจากเราจองไปกลับคนละสนามบิน การเช่ารถก็เลยเช่าแบบขาเดียวไม่ได้ขับกลับไปคืนที่สนามบินนาริตะ แต่เราต้องเอารถขับไปคืนที่นาโงย่าค่ะ โดยเลือกสถานที่คืนรถที่ JR Nagoya Tower ใจกลางเมืองนาโงย่าเลยค่ะ โดยคืนรถในวันที่ 6 ของการเดินทางของเราค่ะ และวันสุดท้ายก็จะใช้ขนส่งสาธารณะเอา เพราะนาโงย่าเป็นเมืองใหญ่ เกรงว่าจะหาที่จอดยากค่ะ ด้วยเหตุนี้ ทำให้การเช่ารถของเราจะต้องเสียค่าชาร์จในการขับรถกลับของพนักงานอีกค่ะ ซึ่งเป็นราคาค่อนข้างสูงเลย คือแพงกว่าราคาค่าเช่ารถทั้ง 6 วัน 5555555 ค่าเช่ารถประมาณ 30,000 เยนค่ะ แต่ค่าชาร์จขับรถกลับไปโตเกียวประมาณ 30,000 กว่าๆเยน ฮืออ
ก่อนคืนรถให้แวะหาปั๊มน้ำมันเติมให้เต็มถังนะคะ รถญี่ปุ่นส่วนใหญ่จะเติมน้ำมันแบบ Regular นะคะ ปั๊มแถวนี้ที่เจอส่วนใหญ่จะมีพนักงานบริการให้ค่ะ
สถานที่คืนรถของเราที่ JR Nagoya Tower หาค่อนข้างยากมากค่ะ 55555 เพราะว่าตึกแถวนั้นใหญ่มากและรถก็เยอะมากๆ ทางเข้าที่คืนรถที่นี่จะต้องเข้าทางโรงแรม Nagoya Marriott Associa นะคะ อยู่ชั้นใต้ดิน 2 (B2) ค่ะ โดยเข้าจากทางเข้าหลังอาคาร Meitetsu Nagoya และตรงไปเข้าที่ทางเข้าที่จอดรถของโรงแรม Nagoya Marriott ค่ะ
เริ่มต้นทริปกันดีกว่า
แผนที่การเดินทางในวันแรกและวันที่สองของทริปค่ะ !
DAY 1: วันแรกของการเดินทางออกเดินทางด้วยสายการบินไทยตอนเวลา 23.50 น. ก็หลับไปเครื่องบินกันไปค่ะ
DAY 2: วันที่สองของการเดินทาง แอร์ปลุกมาทานอาหารตอนตี 4 ของไทย นั่งไม่นาน เราก็ถึงสนามบินนาริตะประมาณ 8 โมงเช้า มาถึงแล้วก็รับรถที่อาคารผู้โดยสาร 1 กันเลย วันนี้แพลนหลวมๆค่ะ ขับรถออกมาเรื่อยๆ ก็ตกลงแวะกันที่เมืองคาวาโกเอะ (Kawagoe) ในจังหวัดไซตามะ ซึ่งจริงๆแล้วไม่ได้อยู่ในแพลนแต่แรกค่ะ ด้วยความที่เป็นทางผ่านประมาณครึ่งทางในการเดินทางของวันนี้พอดี ประกอบกับที่เคยมาเที่ยวคาวาโกเอะแล้วครั้งนึงก็รู้สึกว่าหาของกินเล่นได้ง่ายและหลากหลายดีค่ะ
ที่ Kawage ก็จะมีสถาปัตยกรรมเก่าๆที่น่าสนใจ และเป็นย่านค้าขายที่มีอะไรให้ชิมเยอะแยะค่ะ จุดแวะพักของเราคือ Kurazukuri Street ซึ่งเป็นถนนที่เต็มไปด้วยร้านค้า ร้านขนม มีอาคารหอระฆังโบราณด้วยค่ะ และก็มีร้าน Starbuck ที่ออกแบบให้กลมกลืนกับสภาพแวดล้อม สถาปัตยกรรมรอบๆก็สวยงามค่ะ เป็นอาคารไม้ อาคารบางหลังก็มีวงกบหน้าต่างหนาและใหญ่มากๆ
เราก็แวะกินข้าวเติมพลังด้วย Matcha Soba ที่ร้าน Chasoba Kotobuki-an Kuranomachi Store (ภาพหน้าร้านคือภาพด้านล่างซ้ายมือค่ะ)
ในเมนูก็จะมีเส้นให้เลือกว่าจะเป็นเส้นปกติหรือเส้น Matcha แล้วก็มีหลากหลายเมนูให้ลองชิมค่ะ ของเราลองสั่ง Soba แบบที่เป็นชั้นๆเหมือนปิ่นโต ทั้งหมด 3 ชั้น เป็นเส้น Matcha Soba นะคะ เสิร์ฟมาพร้อมกับเทมปุระ ซุป ไข่ดิบ และน้อง Grated Yam สีขาวๆ
(ซึ่งเราไม่ค่อยจะถูกโฉลกกับน้องขาวๆนี่เท่าไหร่ น้องเหนียวๆหนืดๆ 55) วิธีกินก็ผสมเส้นกับ Topping ต่างๆ แล้วจุ่มกินกับซุปนะคะ
วิธีการเดินทางมา Kawagoe
หากนำรถยนต์มาเอง ที่จอดรถส่วนใหญ่จะเป็นที่จอดรถแบบเสียเงินนะคะ บริเวณใกล้ๆนั้นมีหลายที่มากค่ะ จะเป็นช่องจอดที่มีที่กั้นที่พื้นเวลาเอารถเข้าไปจอดซักพัก ที่กั้นมันก็จะเด้งขึ้นมา หลังจากที่เอารถเข้าไปจอดแล้วให้จำเลขเบอร์จอดไว้ พอจะออกค่อยมากดเลขเบอร์จอดที่ตู้อัตโนมัติ จะขึ้นราคาค่าจอดให้เราจ่ายค่ะแล้วที่กั้นก็จะลงให้ เราก็สามารถเอารถออกได้ค่ะ
ส่วนวิธีการเดินทางจากโตเกียวนั้นก็สะดวกมากๆเลย ถ้าไม่ได้ขับรถมาเองก็มีรถไฟจากโตเกียวมาถึงเลยค่ะ ใช้เวลาเดินทางจากโตเกียวแค่ประมาณครึ่งชั่วโมงเท่านั้น และสามารถต่อรถบัสภายในเมืองคาวาโกเอะมาลงบริเวณถนนค้าขายนี้ได้ค่ะ แต่ขออนุญาตไม่ลงรายละเอียดส่วนนี้มากนะคะ : )
เนื้อหาต่อที่ด้านล่างเลยนะคะ
[CR] JAPAN Road Trip : 8DAYS 956 KM. เดินเขา เข้าป่า เจอพายุ
วันที่สอง – เราแวะกันที่เมืองคาวาโกเอะ จังหวัดไซตามะ และเดินทางต่อไปยังทาคารากาวะ ออนเซ็นในจังหวัดกุนมะ ที่เป็นแหล่งออนเซ็นที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น
วันที่สาม – แวะไปฟาร์มวาซาบิที่เมืองอะซุมิโนะ จังหวัดนากาโน่ ซึ่งเป็นฟาร์มวาซาบิที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น และเข้าสู่เมืองมัตสึโมโต้ จังหวัดนากาโน่
วันที่สี่ – ไปเดินป่าคามิโคจิ ดูวิว Japan Alps ในช่วงฤดูใกล้ใบไม้เปลี่ยนสี
วันที่ห้า – เที่ยวกระเช้า Komagatake Ropeway ซึ่งเป็นกระเช้าแห่งแรกของญี่ปุ่น และสูงที่สุดในญี่ปุ่นด้วยล่ะค่ะ และเดินทางไปค้างที่หมู่บ้าน Narai
วันที่หก - เที่ยวหมู่บ้าน Narai และเดินทางต่อไปที่เมืองนาโยง่า
วันที่เจ็ด – (แพลนไว้ว่าจะ) เที่ยวในเมืองนาโงย่า (แต่วันนี้พายุไต้ฝุ่นฮากิบิสเข้าญี่ปุ่นค่า!!)
วันที่แปด – เดินทางกลับบ้าน
การขับรถที่ประเทศญี่ปุ่นคือต้องมีใบขับขี่สากลค่ะ ไปทำได้ที่สำนักงานขนส่งนะคะ ในกระทู้นี้อาจไม่ได้กล่าวถึงวิธีการทำใบขับขี่สากลอย่างละเอียดนัก แต่ข้อมูลสามารถหาได้ Link นี้เลยค่ะ สำนักงานขนส่ง นอกจากนี้ก็ยังต้องเตรียมใบขับขี่ตัวจริง และหนังสือเดินทาง เพื่อรับรถเช่ามาขับนะคะ
บริษัทที่เลือกเช่ารถคือ Toyota Rent A Car ค่ะ จองผ่านเว็บไซต์เลย https://rent.toyota.co.jp/th เสร็จแล้วก็ปริ้นเอกสารยืนยัน เราเลือกรับรถที่อาคารผู้โดยสาร 1 ของสนามบินนาริตะเลยค่ะ การเช่าแนะนำให้เลือกซื้อประกันแบบเต็มเหนี่ยวเลยนะคะจะได้ปลอดภัยสุดๆเพราะค่าซ่อมต่างๆที่ญี่ปุ่นแพงมากๆเลยค่ะ หลังจากเคลียร์เอกสารรับรถแล้ว พนักงานจะบอกให้เราไปขึ้น Shuttle bus ของบริษัท Toyota rent a car ที่ป้ายรถบัสหมายเลข 20 ค่ะ เพื่อไปรับรถที่บริษัทค่ะ (นั่งรถประมาณ 10 นาทีก็ถึงแล้วค่ะ)
การเช่ารถเลือกเช่าบัตร ETC ด้วยนะคะ เป็นบัตรทางด่วนเหมือน easy pass จะติดมาให้ในรถเลยค่ะ เวลาขับเข้าทางด่วนก็เข้าช่อง ETC (สีม่วง) ด้วยความเร็วประมาณ 20km./hr. เลยค่ะ แล้วค่อยมาเคลียร์ค่าทางด่วนทั้งหมดตอนคืนรถที่บริษัทคืนรถจะได้ไม่ต้องควักเงินสดจ่ายก่อนค่ะ
การขับรถที่ญี่ปุ่นไม่ยากค่ะ ขับความเร็วตามที่ป้ายระบุอย่างเคร่งครัดมากๆ หยุดที่ทางม้าลาย และถ้าจะเลี้ยวซ้ายต้องดูไฟเขียวไฟแดงเสมอค่ะ ห้ามเลี้ยวซ้ายผ่านตลอดนะ
นอกจากนั้นการเตรียมตัวเดินทางก็ควรจด Mapcode ของสถานที่ ดูได้จากเว็บไซต์ https://japanmapcode.com/en หรือจดเบอร์โทรศัพท์ของสถานที่เพื่อกรอกที่ GPS Navigator ของรถด้วยนะคะ ดังนั้นเวลาเช่ารถแนะนำให้เลือกแบบที่มี GPS Navigator นะคะ เพราะเจ้าตัว GPS นี้จะพาเราไปจอดตรงที่จอดรถของสถานที่ที่เราจะไปเลยค่ะ ทั้งบอกตำแหน่งปั๊มน้ำมัน จุดแวะพักระหว่างทาง สะดวกมากๆเลยล่ะค่ะ
แต่อีกเรื่องคือ เนื่องจากเราจองไปกลับคนละสนามบิน การเช่ารถก็เลยเช่าแบบขาเดียวไม่ได้ขับกลับไปคืนที่สนามบินนาริตะ แต่เราต้องเอารถขับไปคืนที่นาโงย่าค่ะ โดยเลือกสถานที่คืนรถที่ JR Nagoya Tower ใจกลางเมืองนาโงย่าเลยค่ะ โดยคืนรถในวันที่ 6 ของการเดินทางของเราค่ะ และวันสุดท้ายก็จะใช้ขนส่งสาธารณะเอา เพราะนาโงย่าเป็นเมืองใหญ่ เกรงว่าจะหาที่จอดยากค่ะ ด้วยเหตุนี้ ทำให้การเช่ารถของเราจะต้องเสียค่าชาร์จในการขับรถกลับของพนักงานอีกค่ะ ซึ่งเป็นราคาค่อนข้างสูงเลย คือแพงกว่าราคาค่าเช่ารถทั้ง 6 วัน 5555555 ค่าเช่ารถประมาณ 30,000 เยนค่ะ แต่ค่าชาร์จขับรถกลับไปโตเกียวประมาณ 30,000 กว่าๆเยน ฮืออ
ก่อนคืนรถให้แวะหาปั๊มน้ำมันเติมให้เต็มถังนะคะ รถญี่ปุ่นส่วนใหญ่จะเติมน้ำมันแบบ Regular นะคะ ปั๊มแถวนี้ที่เจอส่วนใหญ่จะมีพนักงานบริการให้ค่ะ
สถานที่คืนรถของเราที่ JR Nagoya Tower หาค่อนข้างยากมากค่ะ 55555 เพราะว่าตึกแถวนั้นใหญ่มากและรถก็เยอะมากๆ ทางเข้าที่คืนรถที่นี่จะต้องเข้าทางโรงแรม Nagoya Marriott Associa นะคะ อยู่ชั้นใต้ดิน 2 (B2) ค่ะ โดยเข้าจากทางเข้าหลังอาคาร Meitetsu Nagoya และตรงไปเข้าที่ทางเข้าที่จอดรถของโรงแรม Nagoya Marriott ค่ะ
DAY 2: วันที่สองของการเดินทาง แอร์ปลุกมาทานอาหารตอนตี 4 ของไทย นั่งไม่นาน เราก็ถึงสนามบินนาริตะประมาณ 8 โมงเช้า มาถึงแล้วก็รับรถที่อาคารผู้โดยสาร 1 กันเลย วันนี้แพลนหลวมๆค่ะ ขับรถออกมาเรื่อยๆ ก็ตกลงแวะกันที่เมืองคาวาโกเอะ (Kawagoe) ในจังหวัดไซตามะ ซึ่งจริงๆแล้วไม่ได้อยู่ในแพลนแต่แรกค่ะ ด้วยความที่เป็นทางผ่านประมาณครึ่งทางในการเดินทางของวันนี้พอดี ประกอบกับที่เคยมาเที่ยวคาวาโกเอะแล้วครั้งนึงก็รู้สึกว่าหาของกินเล่นได้ง่ายและหลากหลายดีค่ะ
หากนำรถยนต์มาเอง ที่จอดรถส่วนใหญ่จะเป็นที่จอดรถแบบเสียเงินนะคะ บริเวณใกล้ๆนั้นมีหลายที่มากค่ะ จะเป็นช่องจอดที่มีที่กั้นที่พื้นเวลาเอารถเข้าไปจอดซักพัก ที่กั้นมันก็จะเด้งขึ้นมา หลังจากที่เอารถเข้าไปจอดแล้วให้จำเลขเบอร์จอดไว้ พอจะออกค่อยมากดเลขเบอร์จอดที่ตู้อัตโนมัติ จะขึ้นราคาค่าจอดให้เราจ่ายค่ะแล้วที่กั้นก็จะลงให้ เราก็สามารถเอารถออกได้ค่ะ
ส่วนวิธีการเดินทางจากโตเกียวนั้นก็สะดวกมากๆเลย ถ้าไม่ได้ขับรถมาเองก็มีรถไฟจากโตเกียวมาถึงเลยค่ะ ใช้เวลาเดินทางจากโตเกียวแค่ประมาณครึ่งชั่วโมงเท่านั้น และสามารถต่อรถบัสภายในเมืองคาวาโกเอะมาลงบริเวณถนนค้าขายนี้ได้ค่ะ แต่ขออนุญาตไม่ลงรายละเอียดส่วนนี้มากนะคะ : )
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้