และแล้วก็เหลือเรากับเขาเท่านั้น กับทริปปั่นจักรยานทัวร์ริ่งเส้นทางป่าสน เชียงใหม่-แม่ริม-สะเมิง-วัดจันทร์-ปาย (ตอนที่ 3)

ความเดิมจากตอนที่แล้ว (ตอนที่ 2) https://ppantip.com/topic/39418017
                                      (ตอนที่ 1) https://ppantip.com/topic/39417314

****** เป้าหมายวันที่สาม บ้านดงสามหมื่น – วัดจันทร์ – บ้านแพมบก (อ.ปาย)  ระยะทาง 71 กม.

 วันที่ 7 พ.ย.62 เวลา 04.30 น.วันที่ 3 ของการเดินทาง ..... ผมงัวเงียตื่นขึ้นมาท่ามกลางอากาศที่หนาวเย็น เมื่อคืนผมนอนหลับไม่ค่อยเต็มตื่นนัก เนื่องจากไม่คุ้นเคยกับการนอนในสถานที่แบบนี้เท่าไหร่นัก ผมลุกขึ้นมาเก็บสัมภาระและใช้เวลาทำกิจส่วนตัวประมาณ 06.00 น.ผมก็เข็นจักรยานออกมา ที่นอกอาคารเรียน  ผมจอดจักรยานไว้  แล้วเดินไปร่ำลาคุณครูที่บ้านพักครูซึ่งอยู่หลังอาคารเรียน.......  
พบเจอแต่คุณครูผู้ชายท่านหนึ่ง กำลังล้างรถมอเตอร์ไซด์วิบากคันหนึ่ง  ผมเข้าไปพูดคุยและร่ำลา พร้อมกล่าวขอบคุณคุณและฝากขอบคุณไปยังคุณครูไอซ์ด้วย คุณครูผู้ชายท่านนี้ยังฝากบอกมาอีกด้วยว่า “ถ้ามีโอกาสผ่านมาก็แวะเข้ามาพักได้นะครับ” น้ำใจจากครูบนดอยทุกคน ทำให้ผมต้องจดจำไปอีกนานเลยทีเดียว 

ตามข้อมูล ที่บ้านดงสามหมื่นเป็นแหล่งปลูกสตอร์เบอรี่อันดับใหญ่ต้นๆของจังหวัดเชียงใหม่ ชุมชนที่นี่ส่วนใหญ่เป็นชาวไทยภูเขาเผ่าม้งครับ

พอออกจากบ้านดงสามหมื่นก็ขึ้นงัดเนินทันที แต่ก็ไม่ชันอะไรมากมายนัก ปั่นขึ้นเนินลงเขาสลับกันมาซักพัก ระยะทางที่จะไปยังวัดจันทร์ประมาณ 19 กม.  สองข้างทางเป็นป่าสนเต็มรูปแบบ เช้าๆแบบนี้สายหมอกปกคลุมทั่วทั้งเส้นทาง ทัศนียภาพดูสวยงามเมื่อยามเห็นหมอกล่องลอย
ในป่าสน  บางช่วงที่ปั่นบนเนินจะเห็นวิวป่าสนไกลสุดลูกหูลูกตา  มองแล้วสบายตาสบายใจยิ่งนัก 

 ไม่นานผมก็ไหลยาวมาถึงบ้านแจ่มน้อย ซึ่งเป็นหมู่บ้านสุดท้าย ก่อนจะถึง  อ.กัลยาณิวัฒนา   
จากบ้านแจ่มน้อยก็งัดเนินกันอีกนิดหน่อย ปั่นสลับขึ้นเนินกับลงเขาไปเรื่อยๆ ใบหน้าผมอาบด้วยน้ำค้างจากสายหมอกที่ลอยมากระทบใบหน้าตลอดเวลา รถยนต์ที่แล่นสวนไปมา ทุกคันล้วนแต่เปิดไฟหน้ารถหรือไฟตัดหมอกกันหมด บรรยากาศเย็นสบายเหมือนปั่นในความฝันอย่างไรไม่รู้ 

ไม่นานนักประมาณ 9 โมงเช้าก็มาถึงวัดจันทร์ อ.กัลยานิวัฒนา  ผมเข้ามาพักในวัดจันทร์ ถ่ายรูปกับโบสถ์ใส่แว่นตาอันลือชื่อของที่นี่  แล้วเดินสำรวจ
ดูโน่นดูนี่ภายในวัด 

 ผมเปิดครัวเคลื่อนที่ตรงศาลาไม้ไผ่ที่อยู่ตรงข้างๆโบสถ์นี้เลยครับ  มาม่าและข้าวสวยกับผัดเผ็ดปลาดุกที่เหลือจากเมื่อคืน ถูกนำมาทำลายให้หมดเสีย
ในมื้อเช้านี้เลย  แต่....ช่วงที่ผมกำลังเอาขาตั้งคู่กลางจักรยานลง  เพื่อตั้งรถจักรยานตรงศาลานั้น  ก็ปรากฎว่าขาตั้งจักรยานหัก   "งานเข้าอีกแล้วตรู"
ไม่ต้องสงสัยเลย ก็เพราะสำภารกที่ขนมาเกินความจำเป็น มันทำให้ขาตั้งต้องรับน้ำหนักที่มากเกิน....เกินจะทานทนอยู่ "บ๊าย บายขาตั้ง" ต่อไปเวลา
จะจอดก็ต้องหาที่พิง  สร้างความลำบากเพิ่มขึ้นมาอีก ........เฮ้อ
 

หลังจากกินมื้อเช้าผมแวะร้านค้าหลังวัด ซื้อเสบียงติดมือไปกินระหว่างทางด้วย  แล้วมุ่งหน้าสู่อำเภอปายทันที สองข้างทาง มองเห็นนาข้าวเหลืองอร่ามสวยงาม แลเห็นชาวบ้านกำลังช่วยกันลงแขกเกี่ยวข้าวกันอยู่หลายที่ครับ การลงแขกเกี่ยวข้าว นับว่าเป็นความร่วมมือร่วมใจ แสดงความสามัคคี  ซึ่งสามารถพบเห็นได้ตามพื้นที่ชนบทครับ  

ไม่นานก็มาถึงองค์การอุตสาหกรรมป่าไม้วัดจันทร์ (ออป.วัดจันทร์) ซึ่งที่ผมตั้งใจไว้ว่าเมื่อคืนจะปั่นมากางเต็นท์นอนที่นี่ แต่มาไม่ถึง ผมแวะเข้าไปถ่ายรูปนิดหน่อย  ไหนๆก็ผ่านมาแล้ว ที่นี่เป็นสถานที่ที่สวยงามครับ มีลานกางเต็นท์ บ้านพัก ให้นักท่องเที่ยวได้พัก มีเส้นทางศึกษาธรรมชาติ  อ่างเก็บน้ำสวยๆ ให้นักท่องเที่ยวได้มาชื่นชมบรรยากาศกันด้วยครับ

ออกจาก ออป.วัดจันทร์  หนทางก็เริ่มขึ้นเขาสลับกับลงเขาไปเรื่อยๆครับ สองข้างทางยังเห็นป่าสนเหมือนเดิม  สายๆ แบบนี้อากาศเริ่มร้อนขึ้นเรื่อยๆ 
ผมก็ปั่นไปเรื่อยๆ เหมือนกัน แต่เวลาลงเขาที่นี่แต่ละลูกต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษครับ เพราะมันชันมาก โค้งแต่ละโค้ง  ถ้าหลุดออกไปนี่
หลับยาวเลยนะครับ ตอนนี้สองข้างทางเริ่มเปลี่ยนจากป่าสนเขาเป็นป่าดิบแล้ง พอลงที่ราบก็จะเห็นไร่นาของชาวบ้านอยู่ตามสองข้างทางเป็นระยะ ๆ 

ผมปั่นขึ้นเนินลงเขาสลับกันอยู่แบบนี้ จนรู้สึกว่าหิวข้าว อากาศที่ร้อนมากจนอยากจะพัก แสงแดดที่เริ่มส่องตรงศีรษะผมทำให้เรี่ยวแรงผมลดลงไปทุกที ผมต้องจอดพักเหนื่อยอยู่หลายครั้ง หมู่บ้านหรือชุมชนไม่มีให้เห็นเลย  ผมทนปั่นเรื่อยๆ ไม่นานผมก็มาถึงหน่วยพิทักษ์ป่าแม่สา

ฝั่งตรงข้ามกับที่ทำการหน่วยฯ เหมือนเป็นจุดพัก มีลานหญ้ากว้างพอสมควร มีศาลาเล็กๆ กับมีก๊อกน้ำต่อจากถังซีเมนต์ขนาดใหญ่ให้ใช้ และมีห้องน้ำ
ไว้บริการ บรรยากาศร่มรื่นมาก ติดลำธารแม่สา   ผมแวะพักเหนื่อยที่ศาลา ก่อนจะเปิดครัวเคลื่อนที่เพื่อต้มม่ามากิน เพิ่มพลังงานซักหน่อย หลังจากนั้น
ก็เอนกายนอนพักหลบร้อนในศาลา 

ประมาณบ่ายสอง ผมเริ่มเดินทางต่อ ออกมาไม่นาน ... มองไปตามเส้นทางข้างหน้า ที่จะมุ่งหน้าไป อ.ปาย ฟ้ามืดมาแต่ไกล ชัดเจน เจอฝนอีกแล้ว
" ครับ แน่นอน ผมกำลังปั่นเข้าหาฝน  "
 

กำลังคิดอยู่ว่าจะทำอย่างไรดี ฝนก็ลงเม็ดเปาะแปะมาพอดี ผมรีบปั่นไปข้างหน้าเพื่อหาที่หลบฝน “ให้ตายซิ ฝนตกลงเม็ดหนักขึ้นๆ มองไปทางไหนก็เห็นแต่เรือกสวนไร่นา ผมพยายามมองหาที่พักที่เป็นเพิงพักหรือทางเหนือเรียกว่า”ตูบ” แต่ก็ไม่เจอเลย  ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ตามทางที่ปั่นผ่านมาผมเห็นตลอด  ฝนตกหนัก จนผมต้องหลบเข้าข้างทาง จอดจักรยานแล้วรีบเอาถุงพลาสติกกันน้ำมาคลุมกระเป๋าท้ายรถทันที ผมอาศัยยืนหลบใต้พุ่มไม้รอให้
ฝนเบาลง พอฝนเบาลง ผมก็รีบออกมาปั่นต่อทันที เพราะไม่อยากไปถึง อ.ปาย ตอนมืด 

ผมตัดสินใจลุย ท่ามกลางสายฝนที่ตกมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งเบาและหนักสลับกัน  ปั่นออกมาไม่นานผ่านน้ำพุร้อนเหมืองแร่ เส้นทางช่วงนี้สวยงามมากครับ มองเห็นวิวทิวเขาทาง อ.ปาย สวยงามมาก มองเห็นสายหมอกลอยคลอเคลียกับแนวเขาที่เลียบกับลำน้ำปายไปเรื่อยๆ  

ผ่านบ้านเมืองแร่ มีทางแยกซ้ายมือไป อ.ปายได้ แต่ผมปั่นตรงไป เพราะไม่มีข้อมูลว่าถ้าไปทางแยกซ้ายจะลดระยะทางไป อ.ปายได้  เศษกรวดทราย
ที่ติดอยู่ตามขอบล้อ ทำให้การเบรกมีปัญหาอยู่บ้าง ผมต้องเอาน้ำในกระบอกที่เหลืออยู่น้อยนิดมาราดขอบล้อให้เศษกรวดทรายหลุดออกไป ทางบางช่วงลงเนินก็ต้องใช้ความระมัดเพิ่มขึ้น โดยการกำเบรกแบบกำแล้วปล่อย สลับกันไปเรื่อยๆ  
จนสุดท้ายก็มาเจอเขาอีกลูกซึ่งมีป้ายข้างทางบอกว่า “จุดชมวิว 1 กม.” ตรงนี้ล่ะครับพี่น้องเอ๊ย หมดแล้วซึ่งกำลังและเรี่ยวแรง  ฝนตกลงมาอย่างหนักเหมือนส่งท้าย ผมลงเข็นจักรยานขึ้นเขา เหนื่อยแทบขาดใจ ปวดแขนสะท้านไหล่เลย ฝนตกหนักขนาดจับโทรศัพท์ปัดหน้าจอไม่ไป มันลื่นไปหมด 
ผมกัดฟันเข็นจนถึงจุดสูงสุดของเขาลูกนี้ ฝนเริ่มซาเม็ดลง มองเห็นทิวทัศน์ข้างหน้าเป็นภูเขาสลับซับซ้อนสวยงามสวยงามยิ่งนัก 

พอหายเหนื่อยผมค่อยๆกำเบรคปล่อยจักรยานไหลลงมาช้าเรื่อยๆ จนมาถึงสามแยกตัดกับ ถ.1095 ตรงหน่วยป้องกันรักษาป่าที่ มส.19 (แม่ปิง) ในเวลา
ห้าโมงเย็น ผมเห็นป้อมตำรวจตระเวนชายแดนตรงสามแยก ผมปั่นเข้าไปจอดทันที ผมทักทายกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่อยู่ที่ป้อมเพื่อถามทางไปยังบ้านแพมบก เจ้าหน้าที่ก็ให้ข้อมูลมาอย่างดีครับ

ช่วงกำลังพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ พลันสายตาก็เหลือบเห็นเตาถ่านที่กำลังติดไฟของเจ้าหน้าที่ได้ก่อไว้เพื่อประกอบอาหาร ผมเลยขออนุญาตเข้าไป
ผิงไฟทันที ตอนนี้มือผมซีดไปหมดแล้ว 
   
หลังจากสร้างความอบอุ่นให้ร่างกาย ผมก็ออกปั่นต่อไปทันที มุ่งหน้าไปทาง อ.ปาย  แวะซื้ออาหารตามสั่งที่ร้านริมทางใส่กล่องติดตัวไปด้วย  
พอถึงทางเข้าไปยังบ้านแพมบก ผมเลี้ยวซ้ายตามถนนเข้าหมู่บ้านทันที จากทางเข้าน่าจะประมาณ 6 กม.เห็นจะได้ มองดูเวลาก็ประมาณเกือบทุ่ม ท้องฟ้าเริ่มมืด ปั่นมาซักพักถึงบ้านแพมกลาง คิดในใจว่าไม่น่าจะถึงบ้านแพมบกแน่นอน  และทางที่จะไปบ้านแพมบกต้องขึ้นเขาผ่านน้ำตกอีก ผมแวะพูดคุยกับชาวบ้านที่บ้านแพมกลาง  จนทราบว่ามีที่พักที่เป็นบ้านหลังเล็กๆ ซึ่งเจ้าของเปิดร้านขายของชำอยู่ในหมู่บ้านนี่เอง ผมเลยไปติดต่อเพื่อเปิดห้องพักทันที         

ที่พักอยู่บนเนินเขาเล็กๆ ซึ่งอยู่เลยจากหมู่บ้านไปนิดหน่อย ผมรีบทำธุระแล้วพักผ่อนในคืนอันเหนื่อยล้า 

ติดตามตอนที่4 ซึ่งเป็นสุดท้ายครับ https://ppantip.com/topic/39437689/comm[/
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่