ขึ้นชื่อว่าสายการบิน ทุกๆคนคงเข้าใจว่าทุกๆอย่างต้องตรงเวลา ไม่ว่าจะเวลาเช็คอิน เวลาบอร์ดดิ้ง เวลาเครื่องถอย แต่ในความเป็นจริงมันไม่สามารถที่จะตรงเวลาได้ทุกๆครั้ง เพราะสาเหตุต่างๆนาๆแล้วแต่สถานการณ์นั้นๆ ซึ่งหากสายการบินมีความล่าช้าไม่ว่าตั้งแต่ 1 นาทีขึ้นไปแต่ไม่เกิน 2 ชม. ทางสายการบินทำได้แค่กล่าวคำขออภัยจากผู้โดยสาร ซึ่งผู้โดยสารก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากยอมรับชะตากรรมแล้วก็ต้องรอ แต่หากว่าเป็นผู้โดยสารล่าช้าบ้างละ ก็ตกเครื่องไง ดังที่ได้เห็นกันอยู่บ่อยๆ
   ซึ่งในกรณีของผมก็เช่นกัน ต้องตกเครื่อง คืนเงินค่าตั๋วไม่ได้ เปลี่ยนวันเดินทางก็ไม่ได้ เงินที่ซื้อตั๋ว 3,461.16 บาท หายวับไปกับตา เพราะช้าไป 4 นาที 37 วินาที แต่ที่ขึ้นหัวข้อว่าทำไมมีประสบการณ์แย่ๆกับสายการบินVietjet เพราะผมคิดว่าสายการบินควรจะมีมนุษยธรรมมากกว่านี้ พนักงานภาคพื้นควรจะมีความกระตื้อรือร้นและมีหัวใจบริการมากกว่านี้
   ผมจองตั๋วเดินทางวันที่ 23 ก.พ. 2562 จากกระบี่-สุวรรณภูมิ 09:05-10:30 เคาเตอร์เช็คอินปิด 45 นาที ก่อนเครื่องออกซึ่งคือเวลา 08:20 อันนี้ทุกคนทราบ แต่ผมไปไม่ทัน ผมไปถึงหน้าเคาเตอร์เช็คอินเวลา 08:24 37 วินาที ช้าไป 4 นาที 37 วินาที เหลือเวลา 41 นาที 23 วินาที ก่อนเครื่องออก สิ่งที่ผมเจอคือ คอมพิวเตอร์เช็คอิน ชั้นวางต่างๆ กำลังถูกเก็บใส่กล่องโดยพนักงานขนของหรือโหลดเด้อ ไม่มีพนักงานภาคพื้นตำแหน่ง CSA เหลืออยู่สักคน (เท่าที่ผมทราบและประสบการณ์ที่ผ่านมา ไม่ว่าจะสายการบินไหนก็ตามในการ operate flight แต่ละครั้ง จะต้องมีเคาเตอร์หนึ่งตัวเสมอที่จะต้องมีพร้อมไว้จนกว่าเครื่องจะtaxiและair bourneไปแล้ว) ผมถามโหลดเด้อ ก็ได้คำตอบว่าให้ไปติดต่อที่ห้องตั๋ว ผมวิ่งถึงห้องตั๋วเวลา 08:26 ซึ่งเหลือเวลา 39 นาที ก่อนเครื่องออก พนักงานห้องตั๋วบอกว่าทำอะไรไม่ได้แล้ว ทั้งๆที่ผมมีกระเป๋าเป้ใบเดียว ซึ่งไม่ต้องโหลดใต้ท้องเครื่อง และบรรยากาศในสนามบินกระบี่ ณ เวลานั้นก็ไม่ได้แออัด คิวผ่านด่าน security checkpoint ก็โล่ง (ผมใช้บริการอยู่บ่อยครั้ง ผ่านด่านตรวจไม่น่าจะใช้เวลาเกิน3นาที เพราะผมมีเป้หนึ่งใบ กระเป๋าเงิน สายชาร์จมือถือ หูฟัง สวมเสื้อยืด กางเกงยีนส์ขาสั้น รองเท้าแตะ ซึ่งก็เหมือนทุกครั้งที่เดินทาง ซึ่งหากใครเคยใช้บริการสนามบินกระบี่ คงจะทราบดีว่าระยะทางจากหน้าเช็คอินเคาเตอร์ถึงประตูขึ้นเครื่องไม่เกิน 100 เมตรแน่นอน) ผมขอร้องให้พนักงานห้องตั๋วช่วยเรียกวอล์กกี้ทอล์คกี้ให้ถามพนักงานตำแหน่ง CSA ว่าสามารถรับผมได้อีกมั้ย สิ่งที่ตอบมาคือ ไม่มีวิทยุวอล์คกี้ทอล์คกี้ และคอมพิวเตอร์เช็คอินหน้าเคาเตอร์ก็ถูกเก็บไปแล้ว สุดท้ายก็ทำอะไรไม่ได้เลย และที่ช้ำใจกว่าคือทางสายการบินเริ่มประกาศเรียกขึ้นเครื่องเวลา 08:45

   ซึ่งจากประสบการณ์ของผมที่ต้องเดินทางด้วยการบินพานิชย์อย่างน้อย 4 เที่ยวต่อสัปดาห์ทุกๆเดือน ซึ่งแน่นอนว่าก็ต้องเคยเกือบตกเครื่องแบบฉิวเฉียด (ชนิดที่ว่าพนักงานภาคพื้นที่มีใจรักในการบริการช่วยเหลือจากเช็คอินหน้าเคาเตอร์ผ่านไปจนถึงประตูขึ้นเครื่องโดยมีเวลาแค่ 10นาที) และก็เคยตกเครื่องมาก่อนแล้วหลายครั้ง ซึ่งมันก็แฟๆเพราะเกินความสามารถของทั้งสายการบินและพนักงานที่จะช่วยเหลือ แต่กับการตกเครื่องครั้งนี้มันรู้สึกว่ารับไม่ได้จริงๆกับการบริการแบบนี้ ที่ทำเรื่องเป็นไปได้ให้เป็นไปไม่ได้ทั้งๆที่มีเวลามากพอ ผมจึงสรุปได้เลยว่าสายการบิน Vietjet สนามบินกระบี่ เป็นสายการบินที่ไร้ประสิทธิภาพในการบริการมากที่สุดเท่าที่เคยใช้บริการมาในบรรดา low cost airlines ดังนี้
1. สิ่งอำนวยความสะดวกแย่มาก ไม่มีเคาเตอร์เช็คอินถาวร ต้องใช้ชั้นวางล้อเลื่อนมาทำเป็นเคาเตอร์เช็คอิน หากเก็บของแล้วคือเก็บเลย (ไม่ทราบว่าเพราะไม่มีเงินจ่ายค่าเช่าเคาเตอร์หรือระบบเช็คอินไม่ลิ้งก์กับระบบคอมพิวเตอร์ของสนามบินกระบี่)
2. ห้องตั๋วไม่มีวิทยุวอล์คกี้ทอล์คกี้ ไม่มีเครื่องพิมพ์บัตรขึ้นเครื่อง (ลืมไปได้เลยเกี่ยวกับ last minute acception)
3. พนักงานทำได้แต่เฉพาะงานที่เจอเหมือนเดิมทุกๆวัน หากมีวันไหนเกิดเหตุฉุกเฉิน คงทำอะไรไม่เป็นเพราะไม่คิดที่จะลองทำ (ไม่แน่ใจว่าพนักงานเคยผ่านการเทรนขั้นพื้นฐานอย่างเช่น DGA หรือ FRONLINE SERVICES มาหรือเปล่า โหลดมาสเตอร์คงไม่ได้เทรนมาเหมือนกัน เพราะคิดว่าทำ LMC ในโหลดชีทไม่เป็น)
4. ที่ตลกไปกว่านั้นคือโทรไปถาม call center เพราะหมดความหวังที่จะได้รับการบริการจากเคาเตอร์ตั๋วอีกแล้ว ที่เบอร์02-089-1909 ติดต่อแผนกลูกค้าสัมพันธ์ จะเล่าเรื่องราวให้ฟัง จะขอเปลี่ยนตั๋ว จะสอบถามวิธีแก้ไข คำตอบที่ได้คือ ทำอะไรให้ไม่ได้ ซื้อตั๋วใหม่อย่างเดียว แล้วยังมาบอกอีกว่าเคาเตอร์เช็คอินปิดก่อนเครื่องออก 30 นาที (นึกในใจพนักงานบริษัทเดียวกันป่าวเนี่ย มาตรฐานอยู่ที่ไหนเนี่ย ที่สนามบินบอก 45 นาที call center บอก 30 นาที)
5. สรุปโดยส่วนตัวแล้วรวมๆไม่พร้อมทั้งพนักงานทั้งอุปกรณ์พื้นฐานในการทำงานและสิ่งอำนวยความสะดวกแก่ผู้โดยสารพื้นฐาน และเหนือสิ่งอื่นใด คือความปลอดภัยในชีวิตของผู้โดยสาร เพราะแค่สิ่งที่ต้องลงทุนในธุรกิจราคาไม่ได้แพงเท่าราคาเครื่องบินยังไม่พร้อมขนาดนี้ แล้วอย่างอื่นจะพร้อมมั้ย ถ้าในกรณีเกิดเหตุร้ายแรงที่ทางสายการบินต้องจ่ายเงินชดเชยให้ผู้โดยสารเป็นล้านบาท จะมีใครหน้าไหนออกมารับผิดชอบ ส่วนตัวขอโบกมือลาสายการบินVietjet โดยถาวร เงินที่เสียไป 3,461.16 บาท ถือว่าทำบุญ เพราะคิดว่าเดินทางบนฟ้าแวะจอดข้างทางเหมือนรถยนต์ไม่ได้เลยไม่อยากฝากชีวิตไว้กับสายการบินที่มีพนักงานไร้จิตสำนึกในการบริการ