คนสมัยก่อนยังไม่มีเทคโนโลยีใช้อย่างในปัจจุบัน จึงได้นำพืชและสัตว์หลายชนิดมาใช้ในการพยากรณ์ดินฟ้าอากาศมาเนิ่นนานแล้ว เช่น ถ้าเห็นมดคนไข่ขึ้นที่สูง หรือกบเขียดร้องกันระงมทั้งๆ ที่ไม่ใช่ฤดูฝน ก็แสดงว่าฝนจะตกหนัก สิ่งมีชีวิตพวกนี้ได้ผ่านวิวัฒนาการและการปรับตัวมายาวนานต่อการเปลี่ยนแปลงของสิ่งแวดล้อม บางชนิดจึงใช้เป็นสิ่งมีชีวิตบอกเหตุในอนาคตได้
กบเป็นนักพยากรณ์อากาศ จริงหรือ (forecasting frog)
บทเพลงสมัยก่อน ที่สอนให้เราได้เข้าใจว่า ทุกสิ่งในโลกนั้นล้วนเกิดขึ้นจากเหตุปัจจัยที่ทำให้เกิดผลที่ตามมา และวนไปมาเป็นวงจรไม่สิ้นสุด ซึ่งทางพระพุทธศาสนาเรียกว่า "ปฏิจจสมุปบาท"
จากเพลงจะเห็นได้ว่าผู้แต่ง แต่งขึ้นโดยอิงจากเหตุการณ์ธรรมชาติที่พบเห็นได้ทั่วไป ซึ่งบางกรณีก็บอกไม่ได้ว่าเป็นเหตุและผลของเหตุการณ์นั้นๆจริงหรือไม่ อย่างประโยคที่ว่า "ฝนมันตกก็เพราะว่ากบมันร้อง"
เคยสังเกตหรือไม่ว่าในธรรมชาตินั้นเมื่อฝนตกมักจะมาพร้อมๆกับเสียงกบร้องแทบทุกครั้ง ซึ่ง "กบ" นั้นถือว่าเป็น 1 ในสัตว์ที่คาดว่าเป็นนักพยากรณ์อากาศหนึ่งของโลกเลยทีเดียว ถ้ามองตามแนวคิดของชารลส์ โรเบิร์ต ดาร์วิน (Charles Robert Darwin) นักธรรมชาติวิทยาชาวอังกฤษนั้น เราก็มองได้ว่ามันเป็นสัญชาตญาณของสัตว์ ที่มีกลไกในการปรับตัวตามสภาพแวดล้อมเพื่อความอยู่รอดนั่นเอง (survival mechanism) หากสัตว์ใดไม่สามารถปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไปได้ ก็จะสูญพันธ์ไปในที่สุดตามกลไกการคัดเลือกโดยธรรมชาติ Natural selection
อาจจะเคยได้ยินว่า "กบ " ที่เป็นสัตว์ครึ่งน้ำครึ่งบกชนิดที่มีเสียงดังนั้น จะร้องด้วยเสียงต่ำ ยาว และดังกว่าปกติหากสภาพอากาศแปรปรวนในชั้นขอบฟ้า เมื่อเราได้ยินเสียงกบดังขึ้นเรื่อยๆ ก็อาจจะสามารถคาดเดาได้ว่าพายุกำลังก่อตัวขึ้น
หากกบอยู่นิ่งบนต้นไม้ แสดงว่าวันนั้นท้องฟ้าจะปลอดโปร่ง เพราะว่าเมื่อท้องฟ้าโปร่งอากาศจะแห้ง แมลงจึงบินได้ค่อนข้างสูง กบจึงต้องปีนขึ้นไปเพื่อจับแมลงบนต้นไม้ แต่ถ้ากระโดดลงมาจากต้นไม้แล้วนั่งยองๆบนพื้น แสดงวันนั้นท้องฟ้าจะมืดครึ้ม
เหตุนี้ก็เพราะว่าเมื่อฝนตกความชื้นในอากาศมีมาก ปีกของแมลงจะมีหยดน้ำเกาะทำให้บินได้ไม่สูง กบจึงรอพวกแมลงอยู่ที่พื้นดิน ด้วยเหตุนี้คนจึงสามารถตัดสินสภาพอากาศได้จากการปีนขึ้นลงต้นไม้ของกบ นอกจากนั้นแล้วกบยังเปลี่ยนสีผิวตามฤดูได้ ฤดูร้อนผิวของกบจะเปลี่ยนเป็นสีอ่อน เมื่อถึงฤดูหนาวผิวจะเปลี่ยนเป็นสีเข้ม นอกจากนั้นกบยังสามารถเปลี่ยนสีผิวตามสิ่งที่มันเกาะได้อีกด้วย
ในกวีนิพนธ์ของต่างประเทศก็มีอ้างอิงถึงกบนักพยากรณ์ไว้เช่นกัน กบพยากรณ์ (green tree frog) อยู่ในโหลแก้วที่มีน้ำอยู่ครึ่งโหลและมีบันไดเล็กๆวางพาดอยู่ด้านใน เลียนแบบสภาวะธรรมชาติเพื่อเป็นการพยากรณ์อากาศในวันข้างหน้าอันใกล้
ถ้ากบเกาะบันไดที่อยู่ใต้ผิวน้ำ แสดงว่าอากาศที่แปรปรวนใกล้เข้ามา แต่ถ้าปีนขึ้นไปอยู่บนบันไดเหนือน้ำ แสดงว่าอากาศจะแจ่มใส แต่หากกบเริ่มร้องเสียงดังแล้วเมื่อไหร่ละก็หมายถึงพายุกำลังจะมาแน่ๆ
ในสภาพธรรมชาตินั้นกบจะกระโดดไปมาระหว่างกิ่งไม้เพื่อจับแมลง แต่เมื่อฤดูหนาวเข้ามาถึงกบจะลงมาอยู่ที่พื้นดินระหว่างโคลนกับใบไม้ ไม่ต่างกับเวลาที่อยู่ในขวดโหลเลย
Cr.scimath.org/
มดนักพยากรณ์
มดตัวเล็กๆ นอกจากความขยัน ความสามัคคี แล้วยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่เป็นความมหัศจรรย์ของมดที่เกิดขึ้นจากธรรมชาติสร้างไว้ให้พวกมันคือ การเป็นนักพยากรณ์ธรรมชาติ ทำไมมดรู้ แต่มนุษย์ไม่รู้
มดสามารถรับรู้ว่าฝนจะตกได้เมื่อไหร่ และถ้ามดขนไข่ขึ้นสู่ที่สูงแสดงว่าตกหนักระดับน้ำท่วมนอง เนื่องจากมดสามารถรับรู้ถึงความชื้นในอากาศและการเปลี่ยนแปลงของสารเคมีในดินได้ ก่อนฝนตกมักจะมีอากาศชื้นมดจะรับรู้ถึงความชื้นได้ดีกว่ามนุษย์กลไกการปกป้องรัง และลูกหลานจากน้ำท่วมก็คือการอพยพนั้นเอง
มดอพยพ = หนีร้อน มดเป็นสัตว์ที่ไวต่ออุณหภูมิและความชื้น ในฤดูแล้งหากเห็นหมดอพยพจากดิน ขึ้นมาอยู่ในบริเวณที่เย็น ชื้น แสดงว่าบริเวณนั้นร้อนและแห้งแล้ง เมื่อเราเข้าป่าในหน้านี้แล้วหากเห็นมดอพยพให้รีบอพยพตามมดไปเลยนะครับ เพราะอาจเกิดไฟป่าได้บริเวณใกล้เคียงเนื่องจากอากาศที่แห้งมาก
มดแตกหือลือว่าแผ่นดินไหว มดอาศัยอยู่ใต้พื้นดินจะมีสัญชาติญาณรับรู้เรื่องราวต่างๆ ในดินมากกว่ามนุษย์ หากพบมดแตกหือออกจากรังโดนไม่มีสัญญาณธรรมชาติอื่นใด ว่าจะมีฝนตก หรือน้ำท่วม ให้เดาไว้เลยว่าอาจเกิดแผ่นดินไหว
Cr.kingservice.co.th/
ไส้เดือนดินพยากรณ์
ไส้เดือนเป็นสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่บริเวณดินชั้นบน โดยความชื้นในชั้นดินจะเป็นปัจจัยหลักในการดำรงชีวิตของไส้เดือนแต่ในบางครั้งเมื่อใกล้เข้าฤดูแล้ง น้ำหรือความชื้นที่เคยอยู่ในดินอาจเหือดหายไปอย่างรวดเร็ว ไส้เดือนซึ่งอาศัยอยู่ในดินจะได้รับผลกระทบเป็นกลุ่มแรกๆ
ความชื้นที่หายไปทำให้ไส้เดือนต้องดิ้นรนอพยพไปหาพื้นดินแห่งใหม่ จึงเกิดปรากฎการณ์ที่ไส้เดือนขึ้นมาสู่ผิวดินจำนวนมาก หลายตัวที่ไม่สามารถไปหาดินแห่งใหม่ได้ทันต้องแห้งตายอยู่บนผิวดิน
จากการสังเกตการณ์ของนักวิจัยไส้เดือนพบว่าหลายปีที่ผ่านมามีการอพยพของไส้เดือนเพิ่มมากขึ้น และหลังจากเกิดปรากฏการณ์ไส้เดือนอพยพ พื้นที่บริเวณดังกล่าวจะต้องเผชิญกับภัยแล้ง ขาดแคลนน้ำ ดังนั้นการอพยพของไส้เดือนจึงเป็นเหมือนการเตือนให้มนุษย์ว่าภัยแล้งกำลังใกล้เข้ามา และหาแนวทางตั้งรับกับภัยแล้งที่จะเกิดขึ้นได้
หรือจากการศึกษาวิจัยและการเก็บข้อมูลจากชาวบ้านที่เกิดขึ้นกับพฤติกรรมของไส้เดือนดิน เช่นในทุกๆ ปี ที่บ้านป่าแป๋ อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ จะมีไส้เดือนนับล้านตัวอพยพลงมาจากบนดอยเนื่องจากอากาศหนาวจัด เป็นต้น
Cr.nstda.or.th/
แมลงปอบินต่ำ แสดงว่าฝนจะตก
ตามปกติช่วงค่ำซึ่งเป็นช่วงที่ดวงอาทิตย์ตกดินไปแล้ว อากาศเริ่มเย็น แมลงปอจะไม่บินออกมาหากิน เพราะถ้าอากาศเย็นแมลงปอจะบินไม่ขึ้น แต่ในช่วงก่อนฝนจะตกอากาศจะร้อนอบอ้าว เพราะเกิดความกดอากาศต่ำ ซึ่งอากาศที่ร้อนอบอ้าวนี้จะไปกระตุ้นให้แมลงปอบินออกมาหากิน ส่วนนกจะบินออกมาเป็นจำนวนมากเพราะว่ามีแมลงให้กินมาก ดังนั้นจึงสังเกตเห็นว่าจะมีนกและแมลงปอบินออกมาเป็นจำนวนมากในช่วงที่ฝนใกล้จะตก
อีกอย่างก็คือหากนกหรือแมลงปอบินต่ำแสดงว่าฝนกำลังจะตก เพราะก่อนฝนตกจะมีไอน้ำในอากาศเพิ่มขึ้นทำให้ปีกของแมลงปอชื้นและมีน้ำหนักมากขึ้น
ถ้าบินลงต่ำยิ่งใกล้พื้นมากเท่าไหร่ แสดงว่าความกดอากาศลดต่ำลงมาก นอกจากจะมีพายุฝนแล้วยังมีลมพัดแรงด้วย ด้วยความกดอากาศที่ต่ำลงมาอันเนื่องมาจากพายุฝนนั้นจะทำให้นกเกิดอาการรำคาญหู พวกมันจึงจะบินต่ำเพื่อบรรเทาอาการปวดหูนั้น
Cr.csdi.or.th/
วัวทำนายอากาศ
พฤติกรรมของวัวสามารถทำนายอากาศได้จริงๆ เชื่อกันว่าวัวมีเซ้นส์รับรู้เกี่ยวกับสภาพอากาศที่เลวร้าย ถ้าเห็นวัวกระสับกระส่าย หงุดหงิด และสะบัดหางหรือใช้หางตีพวกแมลงแรงๆ หรือ ออกไปนอนราบกับพื้นในที่ที่หญ้าแห้งๆ ก็เดาได้ว่าอากาศขณะนั้นไม่ดี อาจจะเกิดพายุขึ้นได้ อีกข้อสังเกตนึงคือ ถ้ามันนอนราบกับพื้นรวมกันเป็นกลุ่ม แปลได้ว่ากำลังจะเกิดสภาพอากาศเลวร้าย
Cr.dek-d.com/
พยากรณ์อากาศโดยสัตว์คล้ายตัวตุ่น
วันกราวน์ฮ็อก (Groundhog) ถือเป็นประเพณีที่เก่าแก่ของเมืองของเมืองพังซูทาวนี่ย์ (Punxsutawney) ในรัฐเพนซิลเวเนีย ถือเป็นวันสำคัญของการทำนายสภาพอากาศว่าจะดีหรือร้าย โดยจะมีการนำตัวตุ่นที่ชื่อว่า ฟิล (Phil) มาพยากรณ์อากาศต่อหน้าฝูงชนชาวเมืองนับพันคนที่มาเข้าร่วมสืบสานประเพณีอันเก่าแก่ของเมือง
สำหรับการพยากรณ์ยึดหลักว่า หากเจ้าฟิลโผล่ออกจากโพรงและทิ้งโพรงไปในทันที ทำนายว่าฤดูหนาวใกล้จะสิ้นสุดและฤดูใบไม้ผลิกำลังจะมา แต่ถ้ามันโผล่ออกมาแล้วเห็นเงาตัวเองก็แปลว่าฤดูหนาวจะยาวนานต่อไปอีก 6 สัปดาห์ ซึ่งผลการทำนายในปีนี้ปรากฎว่าเจ้าฟิลโผล่ออกมาไม่เห็นเงาของตัวเอง ซึ่งทำนายว่ากำลังจะเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิ
นอกจากที่เมืองพังซูทาวนี่ย์แล้ว ยังมีการทำนายสภาพอากาศจากตัวกราวน์ฮ็อกที่สวนสัตว์บนเกาะสแตเทน (Staten) ในนครนิวยอร์ค โดยตัวกราน์ฮ็อกที่นำมาทำนายมีชื่อว่า ชัค (Chuck) ซึ่งมันก็มองไม่เห็นเงาตัวเองเช่นกัน ทั้งนี้การทำนายสภาพอากาศจากตัวกราวน์ฮ็อกเป็นความเชื่อเก่าแก่ของชาวเยอรมัน
Cr.thaipbs.or.th/
“หว้า” ต้นไม้พยากรณ์อากาศ
ต้นหว้า เป็นต้นไม้ที่บอกว่า ปีไหนฝนฟ้าจะแล้งหรือน้ำจะมาก
ชมพูทวีป หมายถึง ประเทศอินเดียในปัจจุบัน สมัยพุทธกาลเรียกดินแดนแถบนี้ว่า ชมพูทวีป ชมพู แปลว่า ไม้หว้า
ชมพูทวีปคือ ดินแดนแห่งไม้หว้า ปีไหนลูกหว้าออกลูกดก แสดงว่าปีนั้นฝนดี ปีไหนลูกหว้าไม่ดก แสดงว่าปีนั้นแล้ง คนอินเดียใช้ “ต้นหว้า” ในการพยากรณ์ฝนฟ้าเรื่องการเพาะปลูกมาแต่ครั้งพุทธกาล
ประโยชน์อื่น เนื้อไม้ใช้ทำสิ่งปลูกสร้างที่อยู่ในร่ม เครื่องเรือนและเครื่องมือการเกษตร ผลสุก น้ำจากผลหว้า เป็น 1 ใน 8 น้ำปานะ ที่พระพุทธองค์ทรงมีพุทธานุญาตแก่พระภิกษุ ส่วนผลสุกรับประทานได้ ใช้ทำเครื่องดื่ม ทำไวน์ ยอดอ่อนรับประทานเป็นผัก
Cr.technologychaoban.com/
ยางนาพยากรณ์
“ยางนาเป็นเจ้าแห่งลมและฝนเพราะต้องใช้ลมพัดพาเมล็ดไปตกที่ไกลๆ และผลต้องงอกภาย 3 วัน หรือหากโดนแดด 3 วันผลยางนาจะเสีย ต้นยางนาจึงเป็นต้นไม้พยากรณ์พายุฝนที่แม่นยำที่สุด ในวันที่ฝนตกอาจไม่มีเมล็ดต้นไม้วงศ์ยางนาแก่ก็ได้ แต่หากเมล็ดไม้วงศ์ยางนาแก่จะมีพายุลมฝนเสมอ” อาจารย์นพพรนนทภา นักวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนเเก่น กล่าว
ต้นไม้สามารถรับรู้มวลอากาศล่วงหน้าได้ แล้ววางแผนออกดอกเพื่อให้ผลแก่จัดและร่วงจากต้นพอดิบพอดีกับวันฝนตก น้ำหลาก หรือพายุลมแรง ดังนั้นหากอยากรู้ว่าฝนจะตกมากหรือน้อย หรือมีพายุฝนเมื่อใด ก็สามารถดูจากได้ช่วงออกดอกจนถึงผลแก่จัดของต้นไม้ หากต้นไม้รู้ในโอกาสต่อมาว่าฝนจะไม่ตก ต้นไม้จะไม่ทิ้งดอกหรือผลไปโดยไม่ให้มีผลแก่บนต้น ต้นยางนาจึงบ่งบอกว่าปริมาณน้ำจะมากกว่าปกติ หรือภาวะเอลนีโญ
ในขณะที่ต้นเต็งเป็นต้นไม้ที่บอกภาวะลานิญา หรือภาวะแห้งแล้งได้ ต้นเต็งอยู่ในเขตป่าแล้ง หากเมล็ดได้รับความชื้นมากเกินไป เช่น เกิน 1 วันจะเกิดเชื้อราไม่สามารถสืบพันธุ์ได้ ดังนั้นหากเห็นต้นเต็งออกดอกหมายถึงฤดูแล้งจะมาเยือน
Cr.greenworld.or.th/
เชิญชมผลงานผู้กำกับ District 9 หนังสั้นเหนือจินตนาการ
Rakka ผลงานชิ้นใหม่ของNeill Blomkamp ในเรื่องเป็นเหตุการณ์ที่เกิดในรัฐเท็กซัสปี 2020 ซึ่งเป็นช่วงที่มีกลุ่มเอเลี่ยนไม่ทราบสายพันธุ์เข้ามาบุกยึดโลกไปเป็นของตัวเอง เปลี่ยนแปลงสภาพอากาศของโลกให้เข้ากับพวกมัน
Cr.
https://www.catdumb.com/rakka-from-neill-blomkamp-044/
สัตว์-ต้นไม้ นักพยากรณ์อากาศ
กบเป็นนักพยากรณ์อากาศ จริงหรือ (forecasting frog)
บทเพลงสมัยก่อน ที่สอนให้เราได้เข้าใจว่า ทุกสิ่งในโลกนั้นล้วนเกิดขึ้นจากเหตุปัจจัยที่ทำให้เกิดผลที่ตามมา และวนไปมาเป็นวงจรไม่สิ้นสุด ซึ่งทางพระพุทธศาสนาเรียกว่า "ปฏิจจสมุปบาท"
จากเพลงจะเห็นได้ว่าผู้แต่ง แต่งขึ้นโดยอิงจากเหตุการณ์ธรรมชาติที่พบเห็นได้ทั่วไป ซึ่งบางกรณีก็บอกไม่ได้ว่าเป็นเหตุและผลของเหตุการณ์นั้นๆจริงหรือไม่ อย่างประโยคที่ว่า "ฝนมันตกก็เพราะว่ากบมันร้อง"
เคยสังเกตหรือไม่ว่าในธรรมชาตินั้นเมื่อฝนตกมักจะมาพร้อมๆกับเสียงกบร้องแทบทุกครั้ง ซึ่ง "กบ" นั้นถือว่าเป็น 1 ในสัตว์ที่คาดว่าเป็นนักพยากรณ์อากาศหนึ่งของโลกเลยทีเดียว ถ้ามองตามแนวคิดของชารลส์ โรเบิร์ต ดาร์วิน (Charles Robert Darwin) นักธรรมชาติวิทยาชาวอังกฤษนั้น เราก็มองได้ว่ามันเป็นสัญชาตญาณของสัตว์ ที่มีกลไกในการปรับตัวตามสภาพแวดล้อมเพื่อความอยู่รอดนั่นเอง (survival mechanism) หากสัตว์ใดไม่สามารถปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไปได้ ก็จะสูญพันธ์ไปในที่สุดตามกลไกการคัดเลือกโดยธรรมชาติ Natural selection
อาจจะเคยได้ยินว่า "กบ " ที่เป็นสัตว์ครึ่งน้ำครึ่งบกชนิดที่มีเสียงดังนั้น จะร้องด้วยเสียงต่ำ ยาว และดังกว่าปกติหากสภาพอากาศแปรปรวนในชั้นขอบฟ้า เมื่อเราได้ยินเสียงกบดังขึ้นเรื่อยๆ ก็อาจจะสามารถคาดเดาได้ว่าพายุกำลังก่อตัวขึ้น
หากกบอยู่นิ่งบนต้นไม้ แสดงว่าวันนั้นท้องฟ้าจะปลอดโปร่ง เพราะว่าเมื่อท้องฟ้าโปร่งอากาศจะแห้ง แมลงจึงบินได้ค่อนข้างสูง กบจึงต้องปีนขึ้นไปเพื่อจับแมลงบนต้นไม้ แต่ถ้ากระโดดลงมาจากต้นไม้แล้วนั่งยองๆบนพื้น แสดงวันนั้นท้องฟ้าจะมืดครึ้ม
เหตุนี้ก็เพราะว่าเมื่อฝนตกความชื้นในอากาศมีมาก ปีกของแมลงจะมีหยดน้ำเกาะทำให้บินได้ไม่สูง กบจึงรอพวกแมลงอยู่ที่พื้นดิน ด้วยเหตุนี้คนจึงสามารถตัดสินสภาพอากาศได้จากการปีนขึ้นลงต้นไม้ของกบ นอกจากนั้นแล้วกบยังเปลี่ยนสีผิวตามฤดูได้ ฤดูร้อนผิวของกบจะเปลี่ยนเป็นสีอ่อน เมื่อถึงฤดูหนาวผิวจะเปลี่ยนเป็นสีเข้ม นอกจากนั้นกบยังสามารถเปลี่ยนสีผิวตามสิ่งที่มันเกาะได้อีกด้วย
ในกวีนิพนธ์ของต่างประเทศก็มีอ้างอิงถึงกบนักพยากรณ์ไว้เช่นกัน กบพยากรณ์ (green tree frog) อยู่ในโหลแก้วที่มีน้ำอยู่ครึ่งโหลและมีบันไดเล็กๆวางพาดอยู่ด้านใน เลียนแบบสภาวะธรรมชาติเพื่อเป็นการพยากรณ์อากาศในวันข้างหน้าอันใกล้
ถ้ากบเกาะบันไดที่อยู่ใต้ผิวน้ำ แสดงว่าอากาศที่แปรปรวนใกล้เข้ามา แต่ถ้าปีนขึ้นไปอยู่บนบันไดเหนือน้ำ แสดงว่าอากาศจะแจ่มใส แต่หากกบเริ่มร้องเสียงดังแล้วเมื่อไหร่ละก็หมายถึงพายุกำลังจะมาแน่ๆ
ในสภาพธรรมชาตินั้นกบจะกระโดดไปมาระหว่างกิ่งไม้เพื่อจับแมลง แต่เมื่อฤดูหนาวเข้ามาถึงกบจะลงมาอยู่ที่พื้นดินระหว่างโคลนกับใบไม้ ไม่ต่างกับเวลาที่อยู่ในขวดโหลเลย
Cr.scimath.org/
มดนักพยากรณ์
มดตัวเล็กๆ นอกจากความขยัน ความสามัคคี แล้วยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่เป็นความมหัศจรรย์ของมดที่เกิดขึ้นจากธรรมชาติสร้างไว้ให้พวกมันคือ การเป็นนักพยากรณ์ธรรมชาติ ทำไมมดรู้ แต่มนุษย์ไม่รู้
มดสามารถรับรู้ว่าฝนจะตกได้เมื่อไหร่ และถ้ามดขนไข่ขึ้นสู่ที่สูงแสดงว่าตกหนักระดับน้ำท่วมนอง เนื่องจากมดสามารถรับรู้ถึงความชื้นในอากาศและการเปลี่ยนแปลงของสารเคมีในดินได้ ก่อนฝนตกมักจะมีอากาศชื้นมดจะรับรู้ถึงความชื้นได้ดีกว่ามนุษย์กลไกการปกป้องรัง และลูกหลานจากน้ำท่วมก็คือการอพยพนั้นเอง
มดอพยพ = หนีร้อน มดเป็นสัตว์ที่ไวต่ออุณหภูมิและความชื้น ในฤดูแล้งหากเห็นหมดอพยพจากดิน ขึ้นมาอยู่ในบริเวณที่เย็น ชื้น แสดงว่าบริเวณนั้นร้อนและแห้งแล้ง เมื่อเราเข้าป่าในหน้านี้แล้วหากเห็นมดอพยพให้รีบอพยพตามมดไปเลยนะครับ เพราะอาจเกิดไฟป่าได้บริเวณใกล้เคียงเนื่องจากอากาศที่แห้งมาก
มดแตกหือลือว่าแผ่นดินไหว มดอาศัยอยู่ใต้พื้นดินจะมีสัญชาติญาณรับรู้เรื่องราวต่างๆ ในดินมากกว่ามนุษย์ หากพบมดแตกหือออกจากรังโดนไม่มีสัญญาณธรรมชาติอื่นใด ว่าจะมีฝนตก หรือน้ำท่วม ให้เดาไว้เลยว่าอาจเกิดแผ่นดินไหว
Cr.kingservice.co.th/
ไส้เดือนดินพยากรณ์
ไส้เดือนเป็นสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่บริเวณดินชั้นบน โดยความชื้นในชั้นดินจะเป็นปัจจัยหลักในการดำรงชีวิตของไส้เดือนแต่ในบางครั้งเมื่อใกล้เข้าฤดูแล้ง น้ำหรือความชื้นที่เคยอยู่ในดินอาจเหือดหายไปอย่างรวดเร็ว ไส้เดือนซึ่งอาศัยอยู่ในดินจะได้รับผลกระทบเป็นกลุ่มแรกๆ
ความชื้นที่หายไปทำให้ไส้เดือนต้องดิ้นรนอพยพไปหาพื้นดินแห่งใหม่ จึงเกิดปรากฎการณ์ที่ไส้เดือนขึ้นมาสู่ผิวดินจำนวนมาก หลายตัวที่ไม่สามารถไปหาดินแห่งใหม่ได้ทันต้องแห้งตายอยู่บนผิวดิน
จากการสังเกตการณ์ของนักวิจัยไส้เดือนพบว่าหลายปีที่ผ่านมามีการอพยพของไส้เดือนเพิ่มมากขึ้น และหลังจากเกิดปรากฏการณ์ไส้เดือนอพยพ พื้นที่บริเวณดังกล่าวจะต้องเผชิญกับภัยแล้ง ขาดแคลนน้ำ ดังนั้นการอพยพของไส้เดือนจึงเป็นเหมือนการเตือนให้มนุษย์ว่าภัยแล้งกำลังใกล้เข้ามา และหาแนวทางตั้งรับกับภัยแล้งที่จะเกิดขึ้นได้
หรือจากการศึกษาวิจัยและการเก็บข้อมูลจากชาวบ้านที่เกิดขึ้นกับพฤติกรรมของไส้เดือนดิน เช่นในทุกๆ ปี ที่บ้านป่าแป๋ อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ จะมีไส้เดือนนับล้านตัวอพยพลงมาจากบนดอยเนื่องจากอากาศหนาวจัด เป็นต้น
Cr.nstda.or.th/
แมลงปอบินต่ำ แสดงว่าฝนจะตก
ตามปกติช่วงค่ำซึ่งเป็นช่วงที่ดวงอาทิตย์ตกดินไปแล้ว อากาศเริ่มเย็น แมลงปอจะไม่บินออกมาหากิน เพราะถ้าอากาศเย็นแมลงปอจะบินไม่ขึ้น แต่ในช่วงก่อนฝนจะตกอากาศจะร้อนอบอ้าว เพราะเกิดความกดอากาศต่ำ ซึ่งอากาศที่ร้อนอบอ้าวนี้จะไปกระตุ้นให้แมลงปอบินออกมาหากิน ส่วนนกจะบินออกมาเป็นจำนวนมากเพราะว่ามีแมลงให้กินมาก ดังนั้นจึงสังเกตเห็นว่าจะมีนกและแมลงปอบินออกมาเป็นจำนวนมากในช่วงที่ฝนใกล้จะตก
อีกอย่างก็คือหากนกหรือแมลงปอบินต่ำแสดงว่าฝนกำลังจะตก เพราะก่อนฝนตกจะมีไอน้ำในอากาศเพิ่มขึ้นทำให้ปีกของแมลงปอชื้นและมีน้ำหนักมากขึ้น
ถ้าบินลงต่ำยิ่งใกล้พื้นมากเท่าไหร่ แสดงว่าความกดอากาศลดต่ำลงมาก นอกจากจะมีพายุฝนแล้วยังมีลมพัดแรงด้วย ด้วยความกดอากาศที่ต่ำลงมาอันเนื่องมาจากพายุฝนนั้นจะทำให้นกเกิดอาการรำคาญหู พวกมันจึงจะบินต่ำเพื่อบรรเทาอาการปวดหูนั้น
Cr.csdi.or.th/
วัวทำนายอากาศ
พฤติกรรมของวัวสามารถทำนายอากาศได้จริงๆ เชื่อกันว่าวัวมีเซ้นส์รับรู้เกี่ยวกับสภาพอากาศที่เลวร้าย ถ้าเห็นวัวกระสับกระส่าย หงุดหงิด และสะบัดหางหรือใช้หางตีพวกแมลงแรงๆ หรือ ออกไปนอนราบกับพื้นในที่ที่หญ้าแห้งๆ ก็เดาได้ว่าอากาศขณะนั้นไม่ดี อาจจะเกิดพายุขึ้นได้ อีกข้อสังเกตนึงคือ ถ้ามันนอนราบกับพื้นรวมกันเป็นกลุ่ม แปลได้ว่ากำลังจะเกิดสภาพอากาศเลวร้าย
Cr.dek-d.com/
พยากรณ์อากาศโดยสัตว์คล้ายตัวตุ่น
วันกราวน์ฮ็อก (Groundhog) ถือเป็นประเพณีที่เก่าแก่ของเมืองของเมืองพังซูทาวนี่ย์ (Punxsutawney) ในรัฐเพนซิลเวเนีย ถือเป็นวันสำคัญของการทำนายสภาพอากาศว่าจะดีหรือร้าย โดยจะมีการนำตัวตุ่นที่ชื่อว่า ฟิล (Phil) มาพยากรณ์อากาศต่อหน้าฝูงชนชาวเมืองนับพันคนที่มาเข้าร่วมสืบสานประเพณีอันเก่าแก่ของเมือง
สำหรับการพยากรณ์ยึดหลักว่า หากเจ้าฟิลโผล่ออกจากโพรงและทิ้งโพรงไปในทันที ทำนายว่าฤดูหนาวใกล้จะสิ้นสุดและฤดูใบไม้ผลิกำลังจะมา แต่ถ้ามันโผล่ออกมาแล้วเห็นเงาตัวเองก็แปลว่าฤดูหนาวจะยาวนานต่อไปอีก 6 สัปดาห์ ซึ่งผลการทำนายในปีนี้ปรากฎว่าเจ้าฟิลโผล่ออกมาไม่เห็นเงาของตัวเอง ซึ่งทำนายว่ากำลังจะเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิ
นอกจากที่เมืองพังซูทาวนี่ย์แล้ว ยังมีการทำนายสภาพอากาศจากตัวกราวน์ฮ็อกที่สวนสัตว์บนเกาะสแตเทน (Staten) ในนครนิวยอร์ค โดยตัวกราน์ฮ็อกที่นำมาทำนายมีชื่อว่า ชัค (Chuck) ซึ่งมันก็มองไม่เห็นเงาตัวเองเช่นกัน ทั้งนี้การทำนายสภาพอากาศจากตัวกราวน์ฮ็อกเป็นความเชื่อเก่าแก่ของชาวเยอรมัน
Cr.thaipbs.or.th/
“หว้า” ต้นไม้พยากรณ์อากาศ
ต้นหว้า เป็นต้นไม้ที่บอกว่า ปีไหนฝนฟ้าจะแล้งหรือน้ำจะมาก
ชมพูทวีป หมายถึง ประเทศอินเดียในปัจจุบัน สมัยพุทธกาลเรียกดินแดนแถบนี้ว่า ชมพูทวีป ชมพู แปลว่า ไม้หว้า
ชมพูทวีปคือ ดินแดนแห่งไม้หว้า ปีไหนลูกหว้าออกลูกดก แสดงว่าปีนั้นฝนดี ปีไหนลูกหว้าไม่ดก แสดงว่าปีนั้นแล้ง คนอินเดียใช้ “ต้นหว้า” ในการพยากรณ์ฝนฟ้าเรื่องการเพาะปลูกมาแต่ครั้งพุทธกาล
ประโยชน์อื่น เนื้อไม้ใช้ทำสิ่งปลูกสร้างที่อยู่ในร่ม เครื่องเรือนและเครื่องมือการเกษตร ผลสุก น้ำจากผลหว้า เป็น 1 ใน 8 น้ำปานะ ที่พระพุทธองค์ทรงมีพุทธานุญาตแก่พระภิกษุ ส่วนผลสุกรับประทานได้ ใช้ทำเครื่องดื่ม ทำไวน์ ยอดอ่อนรับประทานเป็นผัก
Cr.technologychaoban.com/
ยางนาพยากรณ์
“ยางนาเป็นเจ้าแห่งลมและฝนเพราะต้องใช้ลมพัดพาเมล็ดไปตกที่ไกลๆ และผลต้องงอกภาย 3 วัน หรือหากโดนแดด 3 วันผลยางนาจะเสีย ต้นยางนาจึงเป็นต้นไม้พยากรณ์พายุฝนที่แม่นยำที่สุด ในวันที่ฝนตกอาจไม่มีเมล็ดต้นไม้วงศ์ยางนาแก่ก็ได้ แต่หากเมล็ดไม้วงศ์ยางนาแก่จะมีพายุลมฝนเสมอ” อาจารย์นพพรนนทภา นักวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนเเก่น กล่าว
ต้นไม้สามารถรับรู้มวลอากาศล่วงหน้าได้ แล้ววางแผนออกดอกเพื่อให้ผลแก่จัดและร่วงจากต้นพอดิบพอดีกับวันฝนตก น้ำหลาก หรือพายุลมแรง ดังนั้นหากอยากรู้ว่าฝนจะตกมากหรือน้อย หรือมีพายุฝนเมื่อใด ก็สามารถดูจากได้ช่วงออกดอกจนถึงผลแก่จัดของต้นไม้ หากต้นไม้รู้ในโอกาสต่อมาว่าฝนจะไม่ตก ต้นไม้จะไม่ทิ้งดอกหรือผลไปโดยไม่ให้มีผลแก่บนต้น ต้นยางนาจึงบ่งบอกว่าปริมาณน้ำจะมากกว่าปกติ หรือภาวะเอลนีโญ
ในขณะที่ต้นเต็งเป็นต้นไม้ที่บอกภาวะลานิญา หรือภาวะแห้งแล้งได้ ต้นเต็งอยู่ในเขตป่าแล้ง หากเมล็ดได้รับความชื้นมากเกินไป เช่น เกิน 1 วันจะเกิดเชื้อราไม่สามารถสืบพันธุ์ได้ ดังนั้นหากเห็นต้นเต็งออกดอกหมายถึงฤดูแล้งจะมาเยือน
Cr.greenworld.or.th/
เชิญชมผลงานผู้กำกับ District 9 หนังสั้นเหนือจินตนาการ
Rakka ผลงานชิ้นใหม่ของNeill Blomkamp ในเรื่องเป็นเหตุการณ์ที่เกิดในรัฐเท็กซัสปี 2020 ซึ่งเป็นช่วงที่มีกลุ่มเอเลี่ยนไม่ทราบสายพันธุ์เข้ามาบุกยึดโลกไปเป็นของตัวเอง เปลี่ยนแปลงสภาพอากาศของโลกให้เข้ากับพวกมัน
Cr. https://www.catdumb.com/rakka-from-neill-blomkamp-044/