จุดเริ่มต้นมันก็มาจาก ศาสนาและวิวัฒนาการ
มันก็จะมีแนวคิดว่า สัตว์แต่ละชนิดมีเพื่อเป็นอาหาร ผมก็คิดในใจว่า ไม่มีสัตว์ชนิดไหนที่ถูกเกิดเพื่อมาเป็นอาหารหรอก ยกเว้นพยาธิและเชื้อโรค (แม้แต่ไวรัสเอง ถ้าเข้าสู้กระบวนการย่อยก็จะไม่รอด) และแน่นอนว่าพืชผัก
มันเลยเกิดคำถามว่า แล้วทำไมต้นไม้ถึงผลิตแบบมีเนื้อ(ที่เรากินกัน) แทนที่จะเป็นเมล็ดเปล่าๆ ทำไมถึงวิวัฒนาการตัวเองให้เป็นอาหาร สิ่งมีชีวิตที่ต้องพึ่งพาการถูกกินเพื่อขยายพันธุ์ด้วย
ในเชิงศาสนา พระเจ้าสร้าง ก็พออธิบายได้ว่า เพื่อเป็นอาหารและขยายพันธุ์ในเวลาเดียวกัน
แต่พอมาในเชิงวิวัฒนาการ เหตุผลไม่น่าจะใช่อันเดียวกัน มันไม่ควรจะมีใครวิวัฒตัวเองเพื่อมาเป็นอาหารฝ่ายเดียว (ถ้ามีผลแอบเปิลล่อสัตว์มากิน แล้วก็อ้าปากงับซักตัว 2 ตัว ส่วนที่รอดไปก็ถ่ายเมล็ดต่อ อันนี้โอเคนะ) เลยสงสัยว่า เนื้อของมันมีประโยชน์อะไร หากไม่ถูกกินเลย แต่สุก ตกจากต้น แล้วก็ย่อยสลายไปตามการดีดนิ้ว
ทำไมผลไม้ต้องมีเนื้อ
มันก็จะมีแนวคิดว่า สัตว์แต่ละชนิดมีเพื่อเป็นอาหาร ผมก็คิดในใจว่า ไม่มีสัตว์ชนิดไหนที่ถูกเกิดเพื่อมาเป็นอาหารหรอก ยกเว้นพยาธิและเชื้อโรค (แม้แต่ไวรัสเอง ถ้าเข้าสู้กระบวนการย่อยก็จะไม่รอด) และแน่นอนว่าพืชผัก
มันเลยเกิดคำถามว่า แล้วทำไมต้นไม้ถึงผลิตแบบมีเนื้อ(ที่เรากินกัน) แทนที่จะเป็นเมล็ดเปล่าๆ ทำไมถึงวิวัฒนาการตัวเองให้เป็นอาหาร สิ่งมีชีวิตที่ต้องพึ่งพาการถูกกินเพื่อขยายพันธุ์ด้วย
ในเชิงศาสนา พระเจ้าสร้าง ก็พออธิบายได้ว่า เพื่อเป็นอาหารและขยายพันธุ์ในเวลาเดียวกัน
แต่พอมาในเชิงวิวัฒนาการ เหตุผลไม่น่าจะใช่อันเดียวกัน มันไม่ควรจะมีใครวิวัฒตัวเองเพื่อมาเป็นอาหารฝ่ายเดียว (ถ้ามีผลแอบเปิลล่อสัตว์มากิน แล้วก็อ้าปากงับซักตัว 2 ตัว ส่วนที่รอดไปก็ถ่ายเมล็ดต่อ อันนี้โอเคนะ) เลยสงสัยว่า เนื้อของมันมีประโยชน์อะไร หากไม่ถูกกินเลย แต่สุก ตกจากต้น แล้วก็ย่อยสลายไปตามการดีดนิ้ว