อีกสองเดือนผมจะตาย Ep.1

กระทู้สนทนา
จั่วหัวเรียกแขกไปงั้นแหละครับ ไม่รู้จะตั้งชื่อเรื่องว่าอะไรดี และผมก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะตายจริงๆรึเปล่า แต่มันก็มีความเป็นไปได้ค่อนข้างมากเท่านั้นเอง ...“ตาย” “ถูกกำจัด” “ถูกทำให้หายไป”  ไม่แน่ใจว่าจะใช้คำไหนดี เอาเป็นว่า ตาย ก็แล้วกันนะครับ เข้าใจง่ายดี ถึงจะชอบเข้ามาอ่านงานเขียนของคนอื่น และแก้คำผิดให้นิยายบางเรื่องอยู่บ่อยๆ แต่ผมก็ไม่ใช่นักเขียน นี่เป็นเรื่องแรก และอาจจะเป็นเรื่องสุดท้ายนะครับ  ถ้าสำนวนไม่ดี ผิดหลักการงานประพันธ์ไปบ้าง ผมต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยครับ

นี่ไม่ใช่จดหมายลาตาย แค่อยากฝากเรื่องราวบางส่วนไว้บนโลกออนไลน์บ้าง เพราะผมมีตัวตนอยู่แค่ในนี้เท่านั้น ผมไม่มีเพื่อน ไม่มีญาติ ไม่มีคนรู้จัก ไม่มีเฟซบุ๊ค ไม่มีไลน์ ก็ไม่ได้อยากจะทำตัวโดดเดี่ยวน่าสงสาร รึไม่มีใครคบหรอกครับ ที่ชีวิตผมเป็นแบบนี้ก็เพราะเรื่องที่จะเล่านี่แหละ หากมีความเป็นไปได้ที่จะเปลี่ยนจุดจบในอีกสองเดือนข้างหน้าได้ ก็หวังว่าจะเปลี่ยนมันได้เหมือนกัน ผมก็ยังไม่อยากตายนักหรอก บอกตรงๆ

คิดอยู่นานว่าจะเริ่มเล่าจากตรงไหน รึจะเล่ายังไงดี มันมีทั้งเรื่องที่ไม่น่าเชื่อ และเรื่องที่เปิดเผยไม่ได้อยู่ด้วย เอาเป็นว่าผมจะเล่าทั้งหมดที่นึกออกแล้วกัน ใครไม่เชื่อผมคงห้ามไม่ได้ ส่วนเรื่องที่เปิดเผยไม่ได้น่ะ อีกไม่นานผมก็ไม่ได้อยู่ที่จะรับรู้อยู่แล้ว ขอบอกไว้ตรงนี้เลยก็แล้วกัน...ผมไม่แคร์

ก่อนที่จะไปถึงเรื่องราวสาเหตุที่ผมจะต้องตาย เริ่มจากเรื่องตัวตน และความสามารถของผมก่อนดีกว่า  เชื่อเถอะว่าคนสติดีๆทั่วไปไม่คิดว่าจะมีคนแบบผมอยู่จริงๆบนโลกใบนี้หรอก ผมมีความสามารถ “ลบความทรงจำ” ของใครก็ได้    ใครก็ได้ หมายถึงทุกคนที่ผมได้เจอต่อหน้านะครับ ไม่มีผลกับตัวหนังสือที่ผมเขียน เพราะฉะนั้นสบายใจได้ ผมลบความจำคุณไม่ได้หรอก ถ้าไม่ได้เจอตัวจริงๆ เหมือนพวกคนกลายพันธุ์เลยใช่มั้ย ล้ำกว่า Men in Black ด้วย ผมไม่ต้องใช้ไอ้แท่งลบความจำอะไรนั่นให้เสียเวลา ไม่ใช่แค่ลบความจำนะ ผมฝังความจำไปแทนได้ด้วย เหมือนเรื่อง Inception เลยหละ แต่ผมเก่งกว่าพระเอกอีกนะ ไม่ต้องใช้ยานอนหลับเข้าไปฝังความเชื่อในความฝันด้วย แค่เจอหน้ากัน คุยกันเฉยๆนี่แหละ ผมจำไม่ได้แล้วว่ามันเริ่มได้ยังไง รู้ตัวอีกทีก็ทำเรื่องแบบนี้ได้แล้ว

เมื่อตอนเด็กๆเคยฝันกลางวันว่าจะมีใครเอาพลังพิเศษมามอบให้ แบบพวกเข็มขัดแปลงร่างได้ รึพลังพิเศษเหมือนขบวนการมนุษย์ไฟฟ้า คงเจ๋งน่าดู อาจจะมีใครซักคนมาชวนเข้ากลุ่มพิทักษ์โลก ได้สู้กับสัตว์ประหลาดบางตัว แล้วก็ต้องปิดบังตัวตนไม่ให้คนอื่นรู้ ตอนป.4 ผมเคยออกแบบหน้ากากกับชุดไว้ด้วยนะ ไม่เอาผ้าคลุม มันเกะกะ หาคนทำชุดเกราะที่เบาๆดีๆให้ เคยคิดชื่อเจ๋งๆไว้หลายชื่อด้วย ... แต่ให้ตายเถอะ เรื่องจริงมันไม่เห็นเจ๋งเหมือนในหนังเลย บินก็ไม่ได้ พลังก็ไม่มี น่าจะเป็นคำสาปซะมากกว่า ถ้าผมเป็นพวกกลายพันธุ์จริง ก็หวังว่าซักวันจะได้เจอ ชาร์ลส์ เซเวียร์ มาแนะนำผมเข้าโรงเรียนบ้าง

แต่ใครจะเชื่อว่ามีคนใช้ประโยชน์จากความสามารถนี้ทำเงิน สร้างผลประโยชน์ได้มหาศาล หมดยุคใช้มือปืนไปปิดปากคู่อริแล้วนะครับคุณ ตำรวจสมัยนี้เก่ง เทคโนโลยีการสืบสวนก็ก้าวหน้ากว่าเมื่อก่อนเยอะ สาวถึงผู้จ้างวานไม่ยาก ไม่ต้องฆ่าแกงกัน แค่ส่งผมไปคุย ก็จัดการได้ทุกปัญหา ไม่ว่าจะขัดผลประโยชน์เรื่องอะไร ผมเปลี่ยนความจำให้เชื่อเรื่องที่กำหนดไว้ได้ อยากให้ใครโอนหุ้นให้ก็ง่ายๆ อยากให้บริษัทฝ่ายตรงข้ามเปลี่ยนนโยบายเหรอ สบายๆ อยากให้นักการเมืองย้ายพรรค ยากตรงไหน ผมจัดการให้เกิดพวกงูเห่ามากี่คนแล้ว บางคนไม่ได้อยากย้ายหรอก บอกเลยว่าผมนี่แหละ เลวกว่าเยอะ เห็นรึยังว่ามันเกี่ยวกับผลประโยชน์มหาศาลแค่ไหน ถ้ารู้จักใช้คนอย่างผมทำงานให้ และผมก็ต้องกลายเป็นทาสที่ปฏิเสธไม่ได้ 
ผมไม่ได้เป็นคนคิดเรื่องพวกนี้เองหรอก และผมเชื่อว่าคนพวกนี้นี่แหละที่เอาความสามารถนี้มาให้ผม จะเป็นองค์กรลับเหมือนในหนังรึเปล่าก็ไม่รู้ มีกี่คนผมก็เดาไม่ออก แต่ที่รู้ๆคือ ความสามารถนี้คงไม่ได้มีแค่ผมคนเดียวแน่ๆ เพราะผมจำรายละเอียดเกี่ยวกับงานที่ผมทำไม่ได้เลย เหลือไว้แต่แฟ้มไฟล์รายการว่าผมทำอะไรไปบ้าง ซึ่งก็ไม่อยากเปิดดูหรอก ไม่อยากคิดว่าผมทำความเสียหายให้คนที่เสียผลประโยชน์ไปมากเท่าไหร่ บอกได้แค่ว่าเยอะมากก็แล้วกัน ถามว่าขัดขืน ไม่ยอมทำได้มั้ย นั่นเป็นเรื่องที่ผมพยายามหาทางอยู่ แต่เกินสติปัญญาจริงๆ ผมว่าผมเคยลองหลายทีแล้วหละ แต่ก็ลืมไปแล้วว่าลองทำอะไรบ้าง บทสรุปก็จะเจอแต่รายการงานที่ผมทำเสร็จเรียบร้อยแล้วอยู่ดี

ทุกเดือนจะมีเงินโอนเข้ามาในบัญชีผม เดือนละ 300,000 ตามด้วยไฟล์สรุปรายการว่าผมทำอะไรไปบ้าง ( จริงๆไม่ต้องสรุปมาบอกก็ได้ป่าวว้าา ยังไงก็จำรายละเอียดไม่ได้อยู่ดี เหมือนจะอยากให้ผมรู้สึกผิดรึไงไม่รู้ รึมันเป็นขั้นตอนมาตรฐานของพวกองค์กรนี้ )  คนที่มีความสามารถแบบผมอีกคนนึงคงจะเป็นคนจัดการเรื่องพวกนี้  ทำไมมันไม่ทำเองคนเดียวไปเลยนะ เดาว่าเพื่อลดความเสี่ยงที่จะสาวมาถึงตัวได้ ผมทำงาน งานเสร็จ ให้อีกคนจัดการให้ผมลืมทุกอย่าง อย่างน้อยก็ได้เงินมาใช้ แต่เดือนละสามแสนนี่ก็เกินจำเป็นไปเยอะเหมือนกัน ( หน่วยเป็นดอลล่าร์นะครับ ไม่ใช่บาท )  ซึ่งก็ไม่รู้จะเอาเงินไปใช้ทำอะไร ได้ไปเที่ยวต่างประเทศบ้างรึเปล่าก็ไม่รู้ หมายถึงไปเที่ยวพักผ่อนจริงๆนะครับ แต่เช็คดูจากพาสปอร์ตแล้ว ผมไปมาแล้ว 47 ประเทศทั่วโลก คงไปทำงานลบความจำนี่แหละ เสียดายจำไม่ได้ เหมือนคนไม่เคยได้ไปไหนเลย เป็นแบบนี้มาเกือบ 5 ปีแล้ว คิดแล้วก็เศร้า แต่อย่างน้อยก็ยังดีนิดนึง ตรงที่ถ้าเป็นเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับงานลบความจำ หรือไปไหนที่ไม่ต้องมีการเดินทางโดยเครื่องบิน หรือรถทัวร์ รถไฟ ผมยังเก็บความทรงจำพวกนั้นไว้ได้ ยังได้ขับรถไปเที่ยวไหนได้บ้าง ยังถือว่ามีความปราณีต่อทาสคนนี้อยู่

อ้อ นอกจากงานลบความจำแล้ว ผมเป็นสถาปนิกด้วย ผมออกแบบห้องลับ ทางหนีใต้ดิน ให้คนพวกนี้ด้วย แน่นอนว่าส่วนใหญ่จำไม่ได้หรอกว่าเจ้าของเป็นใครบ้าง เหลือไว้แต่สรุปรายการว่าเป็นงานที่ไหน ใครเป็นผู้รับเหมา คุณนึกไม่ถึงหรอกว่าแค่ในกรุงเทพฯนี่มีบ้าน รึอาคารที่มีห้องลับเยอะแค่ไหน ไม่ต้องแปลกใจที่คดีบางคดี ตำรวจไปค้นแล้วไม่เจออะไร ไม่ได้จะอวดนะ ผมว่าผมออกแบบเก่งพอสมควร พอผมออกแบบเสร็จ สร้างเสร็จ ต้องมีการจัดงานเลี้ยงขอบคุณพวกช่าง ผู้รับเหมา “ทุกคน” ผมต้องไปงานนี้ เพื่อเช็คว่ามากันครบรึเปล่า ใครไม่มาตามชื่อที่บอกไว้ ก็ต้องตามไป “เก็บให้หมด” พองานเสร็จก็มีเงินเข้าบัญชีผมอีกส่วนต่างหาก

ฟังดูเหมือนจะดีใช่มั้ยครับ รวยนี่ เรียกว่าเศรษฐีก็ได้ มีเงินใช้สบายๆ แต่ แต่ แต่ ใครอยากได้ชีวิตแบบนี้ เชิญมาแลกกับผมได้เลย ถ้ารู้วิธีส่งผ่านความสามารถนะ ไม่รู้ว่าเหมือนกระสือรึเปล่า มาแลกน้ำลายกันได้ ผมยินดี ถ้าได้กลับไปมีชีวิตแบบเดิม ซึ่งไอ้ชีวิตแบบเดิมนี่เป็นยังไงก็ยังไม่รู้เลย แต่คงดีว่าตอนนี้นะ เกือบ 5 ปีแล้วที่ผมไม่รู้จักใครเลย ในชีวิตจริงเวลาผมเจอใคร ไม่นานเค้าก็ลืม ไม่มีใครจำผมได้ ไม่ได้ตั้งใจจะลบความจำนะครับ มันคงเป็นส่วนนึงของคำสาปด้วยมั้ง ผมเลยเจอใครไม่ได้ คบใครไม่ได้ อยู่ตัวคนเดียว 

แน่นอนว่าผมหาวิธีที่จะหนีจากขีวิตแบบนี้ ที่ไม่ใช่การฆ่าตัวตาย แต่เบาะแสที่มีก็น้อยเหลือเกิน ผมไม่รู้ชื่อเดิมของตัวเอง ชื่อ-นามสกุลในบัตรต่างๆ ก็น่าจะเป็นชื่อปลอมอยู่แล้ว เบาะแสเดียวคือ มีกระดาษโน้ตอยู่ในกระเป๋าตังค์เขียนว่า “ T I P A R A N “ แค่นี้เลย เป็นคำใบ้อะไรรึเปล่าก็ไม่รู้



จะว่าเป็นชื่อผมก็ฟังดูแปลกไปหน่อย รหัสลับก็ไม่น่าจะใช่ ชีวิตผมจากนั้นก็มีแค่ตัวอักษร 7 ตัวนี้ และผมก็พยายามถอดรหัสตั้งแต่นั้นมา หวังว่ามันจะเป็นเบาะแส รึมีอะไรที่เชื่อมโยงไปถึงตัวตนเก่าของผมได้บ้าง 

อาจจะมีใครพอเดาได้บ้างแล้ว ชื่อล็อคอินของผม ไม่ใช่ชื่อจริงหรอกครับ ผมนึกถึงลอร์ดโวลเดอร์มอร์ ในตอนห้องแห่งความลับ ที่สลับตัวอักษรจาก Tom Marvolo Riddle เป็น I am Lord Voldemort ผมก็เลยเอาตัวอักษร 7 ตัวนี้ มาสลับเป็นชื่อ ApitarN ใช้เป็นชื่อล็อคอิน เพราะจะใช้ TIPARAN ก็ไม่รู้จะเป็นการเปิดเผยตัวตนให้พวกนั้นรู้รึเปล่า จะมีผลอะไรมั้ยก็ไม่รู้  แต่ตอนนี้คุณรู้แล้วสินะ แต่อย่างที่บอก ผมไม่แคร์

พอจะรู้แล้วนะครับว่าผมเป็นใคร ทำอะไรได้บ้าง ชีวิตผมเป็นแบบนี้มาเกือบ 5 ปี จนเรื่องมันมาเกิดเมื่อเดือนก่อน สาเหตุที่ทำให้ผมเชื่อว่าผมจะถูกจัดการในอีกสองเดือนข้างหน้า จะขอเล่าในตอนต่อไปครับ 
 
ปล. ใครอยากลองแลกน้ำลาย หลังไมค์มาได้นะครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่