2 กรณี นี้ ต่างกันมาก
ถึงบิดาผู้ก่อเหตุจะแสดงให้สังคมเห็นว่า ได้บรรเทาความเสียหายเท่าที่ทรัพย์หรือความสามารถที่ตนมี อาทิ ไปหาญาติผู้เสียชีวิตทันทีที่ทราบ ให่เงินปลอบขวัญ มอบทุนการศึกษา แก่บุตรผู้เสียชีวิต ทำสัญญาให้ค่าเลี้ยงดู เป็นรายเดือน ตลอดอายุขับ เสมือนว่า ผู้ตายยังหาเลี้ยงชีพให้ครอบครัวต่อไปได้ หรือใดๆก็ตามแต่ ที่พึงกระทำได้

ถ้าพฤติการณ์แห่งคดี เป็นการ ชน โดนอุบัติเหตุ หรือ ไม่มีหลักฐานภาพcctv แต่สืบทราบจนได้ข้อสรุปว่า เป็นอุบัติเหตุที่เกิดจากความประมาท  และมีการบรรเทาความเสียหายให้แก่ญาติผู้เสียชีวิต เต็มศักยภาพที่ตนมี มีฎีกาให้เห็นเยอะ ไม่ติดคุก อย่างเด่นๆเลยก็เคส เสี่ยเบ้น ที่ออกมารับผิดโดยไว และ แสดงเจตนาชัดแจ้ง รับผิดทุกข้อ ให้เงินเยียวยา ศาลท่านก็ปราณี

ซึ่งต่างกับเคสนี้


เคส ในช่วง21 ม.ค. 2568  เคสนี้  ข้อแรกคือ เจตนาชน
สองคือ มีหลักฐานเป็นภาพเคลื่อนไหว
สามคือ คนกระทำไม่ออกมางานศพ ให้ตัวแทนออกมา แถมเป็นบิดา แสดงให้เห็นอะไรหลายอย่าง แค่เริ่มก็ติดลบ
ข้อสี่ สำคัญที่สุด คือชนแล้วมีพฤติกรรมหลบหนี

ข้อสาม หลายคนอาจมองว่า น้ำหนักเบา แต่ในกระบวนการพิจารณา มีผลมาก

ชนคนตาย ถ้าเคสประมาท พอชนเสร็จแล้วช็อค ไม่กล้าออกสื่อ เออ ไอนี้พอเข้าใจ คนมันไม่ได้ตั้งใจ วันที่ 2 3 ค่อยจัดการตัวเองได้ค่อยมางานศพ เข้าใจได้
แต่ไอนี้ ตั้งใจขน ชนเสร็จ หนี
แล้วเขาตาย ช็อคอะไรก่อนครับ คุณตั้งใจชนเขา คุณช็อคอะไร
ใครเคยผ่านเคสแบบนี้ จะรู้ ว่าข่วงนี้คือช่วงเวลาทอง ที่ต้องรีบออกมาแสดงความรับผิดชอบ(ด้วยตนเอง) ไม่ว่าเหตุที่เกิดก่อนหน้าจะแย่ซักแค่ไหนก็ต้องออกมา มันย้อนเวลาไม่ได้ แต่เราแก้ไขอนาคตได้ ไม่ใช่เก็บตัว คุณไปชนเขา คุณช็อคอะไร แล้วให้พ่อออกมาพูดแทน สุด!!

ขอแสดงความเสียใจให้กับญาติผู้เสียชีวิตด้วยครับ ไม่มีใครอยากให้เกิด แต่เมื่อมันเกิดแล้ว คนเป็นก็ต้องเดินหน้ากันต่อ