เป็นหนี้นอกระบบ อยู่ใกล้"คุก"แค่เอื้อม

ผมจะขอแชร์ประสบการณ์ของตัวเอง การเป็นหนี้นอกระบบ อยู่ใกล้"คุก"แค่เอื้อม

อย่าให้เกิดกับใครอีกเลยครับ

ช่วยผมแชร์ต่อให้คนอื่นๆได้อ่านด้วยนะครับ เพราะเรื่องของผมอาจเป็นประสบการณ์ที่ดีให้กับผู้ที่ได้อ่าน ว่าสถานะคนที่จนหมดหนทางอย่างผม มันไม่เคยได้ความยุติธรรมจากหน่วยงานรัฐ หรือองค์กรใด ไม่ได้รับสิทธิความเป็นประชาชนคนไทย เพื่อใช้ในการต่อสู้เรียกร้องความถูกต้องและความเป็นธรรมให้กับตัวเองได้เลย

ก่อนหน้านี้ผมมีอาชีพทำธุรกิจส่วนตัว รับติดตั้งระบบเน็ตเวิร์ค กล้องวงจรปิด ระบบคีย์การ์ด รายได้เดือนหนึ่งก็หลักแสนบาท ไม่ดื่มเหล้า ไม่สูบบุหรี่ ไม่เล่นการพนัน แต่!!ผมตัดสินใจพลาด เช่าตึกเก่าแถวรามคำแหงเพื่อทำหอพัก โดยใช้เงินสดที่มีปรับปรุงตึกจนหมด เริ่มชักหน้าไม่ถึงหลัง แต่ยังไม่ทิ้ง เนื่องจากเสียดายเงินที่ลงไป เนื่องจากธุรกิจเริ่มได้ไม่นาน ผมไม่มีเครดิตกับธนาคาร เมื่อปี 2558 เลยตัดสินใจกู้เงินนอกระบบมาหลักแสน ดอกเบี้ยก็ 10% คิดว่ายังไงก็จ่ายไหว (ไม่เคยรู้จักเจ้าหนี้เป็นการส่วนตัว) ช่วงแรกก็ไม่มีปัญหาอะไร ต่อมาเจ้าหนี้ก็มาตีสนิท ขอไปดูงานที่ผมทำ ด้วยความซื่อ(บื้อ)ของผม เลยคิดว่าไม่น่ามีปัญหา ต่อมาเจ้าหนี้ผู้แสนดี อยากจะแนะนำงานติดตั้งกล้องวงจรปิดให้ผมทำ เพราะมีลูกค้าที่เป็นเพื่อน ญาติ พี่น้องของเจ้าหนี้ อยากจะติดกล้องบ้าง รวมๆ แล้วบ้านที่เจ้าหนี้แนะนำให้ 10 หลัง ด้วยความที่เงินทุนก็มีไม่มาก เจ้าหนี้ผู้แสนดีก็เสนอให้ผมกู้อีก 3 แสนกว่าบาท เพื่อซื้ออุปกรณ์ติดตั้ง แต่แล้วลูกค้าที่ทางเจ้าหนี้ผู้แสนดีแนะนำมา ติดกล้องแค่บ้าน 1 หลังครับ อุปกรณ์ที่ลงทุนซื้อมาให้ตามสเป็คแต่ละบ้านที่เสนอไว้เฉพาะ เลยนำของที่ลงทุนไว้ไม่สามารถเอาไปขายให้ลูกค้าคนอื่นได้ ผมนอนกอดอุปกรณ์นั้นไว้ พร้อมหนี้สินของเงินกู้จากเจ้าหนี้รายนี้ ด้วยความซื่อ(บื้อ)ผมก็ไม่ได้ทักท้วงอะไร ต่อมาทางเจ้าหนี้เริ่มไม่ไว้ใจเพราะหนี้เริ่มเยอะ ให้ผมไปเปิดบัญชีประเภทเดินสะพัดเพื่อขอมีสมุดเช็ค และให้เซ็นเช็คแนบกับสัญญาเงินกู้ "เพื่อค้ำประกัน" พร้อมจ่ายดอกเบี้ย 10%/เดือน หลังจากนั้นมาก็มีการกู้อีก ผมจ่ายดอกเบี้ยปกติ จนเริ่มมีปัญหา เนื่องจากผมเอาเงินก้อนโอนให้เจ้าหนี้ 200,000 บาท เจ้าหนี้บอกผมปลอมสเตทเมนท์!!! ผมซื่อบื้อขนาดนี้ ปลอมสเตทเมนท์ได้ด้วย ผมกลายเป็นหนี้ซ้ำซ้อนอีก หากโวยวายไม่จ่ายจะเอาเช็คไปฟ้อง ตั้งแต่นั้นมาก็เจอเหตุการณ์แบบนี้เรื่อยมา กู้มาจ่ายดอกเบี้ย ทบไปมา จนยอดหนี้เป็นหลักล้าน ดอกเบี้ยหลักแสน เขียนสัญญาไว้ก่อนแล้วก็ไม่จ่ายเงิน ผมไม่ได้เงินจากการกู้ ทำให้ตัวเองถูกมัดมือว่าได้ทำสัญญากู้ยืมเงินไปแล้วหากไม่ทำตามก็จะเรียกเงินคืนทั้งหมดพร้อมดอกเบี้ยในวันนั้น จนผมต้องรับสภาพหนี้ที่ไม่ถูกต้อง ไม่ได้รับความเป็นธรรม พร้อมหนี้ที่เริ่มจะจ่ายไม่ไหว ผมเริ่มมีเครดิตกับธนาคาร กดเงินสด กดบัตรเครดิต มาจ่ายหนี้นอกระบบ (ซึ่งไม่ควรทำอย่างยิ่ง) จนถึงกลางปี 2560 การเงินผมเริ่มติดขัดอีกครั้ง เพราะต้องจ่ายดอกเบี้ยแต่ละเดือน 3-4 แสนบาท ไม่ลดต้น จากนั้นผมเลยมาคำนวณว่าผมจ่ายไป 2 ปีทั้งหมดเกือบ 10 ล้านครับ อ่านไม่ผิดครับ ยอดเงินที่เขาโอนเข้าบัญชีผม 3.7 ล้าน ผมเลยคิดว่าน่าจะลดหย่อนหรือเจรจากันตัดต้นให้ผมบ้าง ผมตัดสินใจเข้าไปแจ้งเงินที่ได้ชำระเกินหนี้แล้ว นำรายการโอนเงินไปแสดง เจ้าหนี้บอกผมปลอมสเตทเมนท์!!!และเจ้าหนี้ไม่ยอมรับฟังใดใด เจ้าหนี้เริ่มแสดงความเกรี้ยวกราด ขู่ว่าไม่จ่ายจะฟ้อง โดยจะเรียกเงินต้นก้อนเดิมซ้ำอีกครั้งทั้งหมด พร้อมให้ไปเติมข้อความในสัญญา "ใช้เช็คชำระหนี้" "ได้รับเงินสดแล้ว" ให้แก้วันที่ในเช็ค (ยื่นคุกมาให้ซะแล้ว ด้วยความไม่รู้จิตใจเขา ก็เซ็น ไม่เขียนจะฟ้อง) หลังจากนั้นก็พานักเลง มาบุกบริษัทเล็กๆ ของผม ทำให้ลูกน้องผมเกือบ 20 คนและหุ้นส่วนที่ไม่รู้เรื่องกลัว พากันออกจากงานเกือบหมด พาคนบุกบ้านพ่อผม ไปประจานหนี้ในหมู่บ้าน จนขายหน้าไปหมด พากลุ่มคนอันธพาลไปตามตึกที่ทำงานของลูกค้าสถานที่ต่างๆหวังใช้กลุ่มคนไปจับตัว พร้อมกับพยายามทำลายชื่อเสียงในเรื่องเป็นหนี้สินให้ลูกค้าผมทราบทำให้ระบบการทำงานพัง ทำให้ตัวผมห่วงในเรื่องความปลอดภัยตนเองและพนักงานของผม งานผมตอนนั้นทำคอนโทรลระบบปรับอากาศในรัฐสภาใหม่ 2 ชั้น ผู้ใหญ่กำลังจะให้อีก 3 ชั้น พังลงมาต่อหน้าทันที โชคดีที่เจ้าของงานที่ผมทำค้างไว้ ไม่มีใครฟ้องร้อง เพราะผมอธิบายเหตุการณ์ทุกอย่างให้ฟัง ชีวิตผมพลิกผันทันที

ต่อนะครับ เริ่มก้าวขาเข้าคุก

จากนั้นหุ้นส่วนผมก็แจ้งความข้อหาบุกรุกยามวิกาล กับกลุ่มนักเลงที่มาบุกสำนักงาน ส่วนผมได้รับหมายศาลเนื่องจากถูกฟ้องดำเนินคดีพ.ร.บ.เช็คฯ แยกฟ้องมาครับ รวมๆ แล้วเกือบ 10 คดี มูลหนี้เกือบ 6 ล้าน ผมพร้อมสู้คดีเพราะผมมีสเตทเมนท์ที่โอนเงินให้เจ้าหนี้ที่เกินยอดหนี้ไปมากแล้ว อีกอย่างผมหมดตัวแล้ว ก็ต้องสู้เพื่อหาความยุติธรรมให้ตัวเอง ด้วยเงิน 0 บาทครับ ขายเครื่องมือทำมาหากิน เพื่อเดินทางมาศาล เกือบทุกสัปดาห์ ห่อกล้วยมากินแทนข้าวก็เคยครับ รถถูกยึด ธนาคารฟ้องตามมาอีก 10 คดี ลูกค้าที่ทำงานให้เขาไม่เสร็จเนื่องจากปัญหาโดนเจ้าหนี้คุกคามจนพนักงานลาออกไปทำงานไม่ได้ 3คดี รวมโดนคดีความทั้งหมด 23 คดีความ และที่นามรดกที่แม่ให้ไว้ก่อนตายอีก 7 ไร่ถูกธนาคารฟ้องบังคับคดี คอนโดถูกยึด พ่อ พี่น้อง พ้องเพื่อน ไม่ช่วยเหลือใดใด และไม่ต้องพูดถึงครับ ทุกคนต่างเบือนหน้าหนีผม ผมเลยไปขอความช่วยเหลือจากทนายดังๆ ที่ออกสื่อต่างๆ ไม่มีใครช่วยแม้จะขอดูข้อมูลครับ (มาทราบภายหลังว่า ต้องเป็นข่าวดังเขาถึงจะช่วย) พยายามทำงานเล็กๆน้อยหาเงินจ้างทนายท่านหนึ่งที่เป็นลูกสิทธิ์อาจารย์ทนายวันชัย ศร…(ก็ไปได้ผลประโยชน์อีกฝ่าย ไปเข้ากับฝ่ายเจ้าหนี้จนข้อมูลถึงอีกฝ่ายและไม่เคยบอกหรือแนะนำการสู้คดีเลย พยายามกล่อมให้เรายอมแพ้ให้ยอมจ่ายเงินเจ้าหนี้อีก)ผมหมดเงิน แต่ต้องหาเงินเดินหน้าสู้ต่อ ผมหอบทุกอย่างที่มีไปตามหน่วยงานรัฐต่างๆ เช่น ศูนย์รับร้องเรียนสำนักนายกฯ 1111 (ไปมา 15ครั้ง เจอเจ้าหน้าที่บอกว่า พี่ก็เป็นเจ้าหนี้นอกระบบเหมือนกัน) ศูนย์ปราบปรามการฉ้อโกงประชาชนของตำรวจ กอ.รมน. สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จเรตำรวจแห่งชาติ ศูนย์ดำรงธรรม สน.แถวๆ ม.ราม สำนักงานกองทุนยุติธรรม ปลัดกระทรวงยุติธรรม (การเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา ทวงหนี้ไม่เป็นธรรม เป็นกฎหมายใหม่ ไม่รับแจ้งความ ตำรวจยังกู้นอกระบบเลย) สภาทนายความ (บอกว่ายังไม่เป็นจำเลยไม่ต้องมาปรึกษา) มูลนิธิคุ้มครองผู้บริโภคเคยเห็นออกสื่อว่าช่วยเรื่องนี้ได้ (พอไปเจอจริงๆ ไม่มีนโยบายช่วย) ศูนย์ช่วยเหลือลูกหนี้และประชาชนที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม ดีเอสไอ (สืบสวนหาข้อมูล เกือบๆ2ปีได้แล้ว กลัวว่าผมจะหลอกลวง ทราบข้อเท็จจริงแล้ว แต่ยังนิ่งๆ เพราะผู้ใหญ่ไม่ให้แอคชั่นเยอะ กลัวของเข้าตัวมั้ง มีลูกหนี้คนอื่นมาร้องเรียนแบบผมเจ้าหนี้คนเดียวกัน แต่ยังจ่ายไม่เกินยอดหนี้แบบผม เลยช่วยอะไรไม่ได้ครับปล่อยให้ผมรอความหวังแบบไร้ทิศทาง รอให้หมดเวลาถึงคำพิพากษาศาลจบติดคุกก่อนเรื่องก็จะเงียบหาย) ได้หาทนายมาสู้คดีให้ผมก็ต้องดิ้นรนหาค่าใช้จ่ายเอง ในส่วนคดีบุกรุกหุ้นส่วนผมตามทุกสัปดาห์ ตำรวจพิมพ์คำในสำนวนผิด เป็นสิบรอบ ป่วยบ้าง อบรมบ้าง จนต้องร้องเรียนตำรวจที่ดูแลคดีอีก ถึงเวลาต้องหาเงินในการประกันตัวในการต่อสู้ก็ไปกองทุนยุติธรรมเพื่อขอเงินประกันตัว ผมหมดตัวไม่มีเงินประกันตัวมาสู้คดี (ซึ่งผมไปขอความช่วยเหลือก็เจอเจ้าหน้าที่นิติกร รับผิดชอบสำนวนแกล้งเรื่องทำสำนวนหายหลายครั้ง อ้างว่าส่งเอกสารไม่ครบ ไม่นำยื่นส่งผู้ใหญ่พิจารณาเรื่องของผม ดึงเรื่องผมไว้ให้เวลาช้าเพื่อไม่ให้การช่วยเหลือได้ทันท้วงที จนทำให้ผมต้องติดคุกเรือนจำพิเศษกรุงเทพ เกือบๆ 5เดือน) อยู่ในเรือนจำผมยังโดนคุกคามด้วยเจ้าหน้าที่เรือนจำอ้างว่าผมกระทำผิดกฎระเบียบเรือนจำเพื่อไม่สามารถให้ญาติเข้าเยี่ยม ผมอยู่ในนั้นคิดว่าทำไมไม่มีญาติติดต่อมาเยี่ยมเลย หรือไม่ให้ญาติเข้ามาติดต่อการประกันตัวได้ ญาติต้องติดต่อทนายในคดีผมมาจึงได้รับการเข้าเยี่ยม จึงทราบเรื่องราวนี้ ถ้าผมอยู่ในคุกนานเท่าไร ก็จะอันตรายต่อชีวิตเพราะพวกเขาสั่งใครมาทำอะไรผมก็ได้ตลอดเวลา เพราะเราก็อยู่ในคุกอยู่แล้วจ้างคนในคุก หรือเจ้าหน้าที่ทำอะไรเราก็ได้ ผมจึงต้องการได้รับความยุติธรรมอย่างมาก จะต้องดิ้นรนหาเงินมาเพื่อเสียเงินค่าเอกสารร้องเรียนตามหน่วยงานต่างๆ ค่าเดินทาง ก็ยอม เพราะก่อนนี้จ่ายรวมๆ กัน 2 ปีนี้น่าจะหลายหมื่น ไม่มีอะไรคืบหน้าสักหน่วยงานเลยครับ "คนจนไม่ต้องร้องไห้" ตามสโลแกนสวยหรู มันไม่มีอยู่จริงหรอกครับ เป็นคนจนต้องตายดีกว่า ทุกวันนี้ได้แต่รอครับ รอวันที่ตนเองไม่ผิดแต่ต้องติดคุก เพราะเจ้าหนี้มีเงินมีอำนาจและมีหลายกลุ่มคนหลายๆกลุ่มรวมถึงเจ้าหน้าที่ภาครัฐหนุนช่วยเพราะมีผลประโยชน์เยอะมาก มีการฟอกเงินผิดกฏหมายด้วย เจ้าหนี้ผู้แสนดีอ้างว่า ไม่เคยได้รับเงินสักบาท เงินที่ผมจ่ายไปจ่ายอื่นๆที่ไม่ใช่การจ่ายเงินที่กู้ยืมและเป็นการจ่ายปันผลกำไรด้วยความเสน่ห์หาต่อเจ้าหนี้ เกือบ10ล้านบาท (เพราะว่าเจ้าหนี้กลุ่มนี้ให้ผมกู้ยืมเงิน 3.7ล้านบาทแบบไม่ครบ ในระยะเวลา 2ปีเจ้าหนี้หวังได้รับผลประโยชน์ จากเงินที่ได้แล้ว10 ล้านบาทและพร้อมมาฟ้องเอาเงินต้นและดอกซ้ำใหม่อีกรอบ 5ล้านบาท รวมเกือบๆ 15ล้านบาท เอาเปรียบผมแบบไม่ถูกต้องและไม่เป็นธรรม และคุกคามชีวิต พังระบบการทำงาน ทำลายชื่อเสียงให้ผมตายทั้งเป็น และหวังให้ผมติดคุกเกือบ 4-5 ปี หากติดคุกไปแล้วจะฟ้องคดีแพ่งบังคับคดียึดทรัพย์สินที่ดินของผมต่อไม่ให้เหลือ เหมือนกับที่เคยทำกับลูกหนี้อื่นๆอีกมาก เฉพาะที่ศาลเดียวกันกับผมก็ไม่น้อยกว่า10ราย ศาลทั่วประเทศที่เขาฟ้องคนอื่นๆน่าจะเกิน100 คดี ผมทำอะไรเขาไม่ได้หรอก แค่สาปแช่งพวกเขาและคนที่ช่วยเขาแบบในทางที่ผิด ขอให้พวกเขา ลูกหลานเขา ครอบครัว คนที่เขารักได้พบเจอเรื่องราวที่เขาทำกับผมและคนอื่นๆ อย่าให้ได้มีความสุขตลอดทั้งชีวิตของเขาเท่านั้นพอ) ผมต้องต่อสู้เพื่อให้ตนเองได้รับความเป็นธรรม จากเจ้าหนี้ที่เอารัดเอาเปรียบคนอื่นๆ ก็ขอใช้สิทธิ์อุทธรณ์ตามกฎหมาย รอฟังคำพิพากษา ผมเคารพดุลยพินิจของศาลครับ

เตือนใจเตือนสติลูกหนี้นอกระบบทั้งหลาย

อย่าไว้ใจใครเด็ดขาดนอกจากตัวเอง อย่าโกงเจ้าหนี้ ให้จ่ายกันตามตกลงไว้ หากคิดว่าจ่ายไม่ไหวอย่ากู้ อย่าเอาหนี้อื่นมาโป๊ะหนี้นอกระบบ จะยิ้มแบบผม อย่าคาดหวังว่าตำรวจ ทหาร ทนายหน่วยวานรัฐจะช่วย หากไม่มีเงินก็จะเป็นหมาแบบผม อยู่แบบจนๆ ทำมาหากินแบบพอเพียง ไม่มีหนี้ = ความสุข

ฝากถึงเจ้าหนี้นอกระบบทั้งหลาย

อย่าโกงลูกหนี้เลยครับ จ่ายแล้วก็คือจ่าย บาปกรรมมันมีจริงครับ คุณทำคนตกนรกทั้งเป็น ทุกข์ใจ ครอบครัว ญาติพี่น้องแตกหัก อะลุ้มอล่วยกันได้ก็ควรทำครับ มันจะเป็นกุศลที่คุณได้ช่วยเขายามเดือดร้อนมากกว่าครับ

ฝากถึง "หน่วยงานรัฐเจ้าหน้าที่รัฐทั้งหลาย" 

หากมีคนถูกโกงแบบผมก็ช่วยเขาหน่อยเถอะครับ ถ้าเขาไม่ทุกข์กายทุกข์ใจ จนหาทางออกไม่ได้ เขาก็คงไม่มีใครอยากไปวุ่นวายขอความช่วยเหลือหรอกครับ การสร้างผลงานเพื่อประเมินตำแหน่งเป็นเรื่องดีครับ มีประโยชน์ทุกฝ่าย แต่การทำงานแบบผักชีโรยหน้า เอาหน้าเพื่อเอาหน้ารอด อย่าทำเลยครับ ประชาชนที่ขอความช่วยเหลือเป็นทุกข์จริง อย่าเฉยเมิน อย่าไล่เขาแบบหมูหมา หากวันหนึ่งเป็นครอบครัว เป็นญาติพี่น้องพวกท่านบ้างจะเป็นอย่างไร
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่