สวัสดีค่ะ วันนี้เราจะมารีวิวการดูดไขมัน ซึ่งใน pantip มีรีวิวน้อยมากๆ แต่เชื่อว่าหลายๆคนอยากจะรู้ อยากอ่านรีวิวเยอะๆก่อนตัดสินใจทำ แต่ก็เป็นอันรู้กันว่าใครจะรีวิวก็ต้องเตรียมใจยอมรับคอมเม้นต่างๆที่ไม่เห็นด้วย เพราะถ้าอยากมีหุ่นดี การดูดไขมันไม่ควรเป็นทางเลือกแรกแน่ๆ โดยเฉพาะกับคนอ้วนหรือรูปร่างใหญ่ทั้งตัว ควรลดความอ้วนโดยการควบคุมอาหารและออกกำลังกายควบคู่กันไปก่อน
เราสูง153 น้ำหนัก40 ดูเป็นคนตัวเล็กแต่ขาไม่เล็กมาตั้งแต่จำความได้ ซึ่งน้ำหนักเราอยู่ที่36-40 ไม่เคยเกินนี้เลยค่ะ ไม่เคยควบคุมอาหารแต่เป็นคนทานไม่เยอะและไม่ค่อยทานขนมค่ะ ออกกำลังกายสม่ำเสมอแต่ไม่ได้ออกหนักค่ะ หลักๆเล่นเวท ต่อยมวย โยคะ สัปดาห์ละ 2-3ชม. เราเป็นคนชอบแต่งตัวมากๆ พอตัวเตี้ยก็ต้องใส่สั้นหน่อยเพื่อให้ดูตัวสูงขึ้น แต่ส่วนที่เราไม่มั่นใจคือต้นขาค่ะ เราเป็นคนมีสะโพกด้วยเลยยิ่งทำให้ช่วงล่างดูใหญ่ ตัวช่วงบนก็เล็กและไม่มีหน้าอกอีกต่างหาก ทำให้ยิ่งดูไม่สมส่วนสุดๆ เหมือนทุกอย่างมากองกันตรงสะโพกและต้นขา อันนี้เราเชื่อว่าผู้หญิงหลายๆคนน่าจะเข้าใจเพราะบางทีไม่ต้องผอมแต่สมส่วนก็ดูดีกว่าคนผอมแต่ขาใหญ่หรือมีพุง เราเคยคิดจะเสริมหน้าอกแทน แต่พอมาคิดๆดู มันไม่ค่อยตรงกับไลฟ์สไตล์ของเราเท่าไรค่ะ
ขานอกจะผายออกมามากค่ะ ส่วนหนึ่งเพราะเป็นคนมีสะโพกด้วย เราคิดว่าปกติตรงที่กว้างที่สุดควรจะเป็นสะโพกแล้วต้นขาต้องแคบเข้ามาเรื่อยๆจนถึงเข่า แต่เราคือต้นขากว้างพอๆกับสะโพก ทำให้เหมือนจุดกว้างสุดอยู่ต่ำเกินควร ยิ่งดูเอวยาวแต่ขาสั้น
ส่วนขาในก็เป็นปล้องๆ 2 ปล้องค่ะ ตรงเข่าดูปูดๆแต่ไม่ได้เกิดจากไขมันค่ะ เป็นกระดูก จุดนี้ต้องทำใจ
ส่วนข้างล่างนี้ขาในฝันค่ะ555 ชอบขาเรียวๆตรงๆไม่มีcurveค่ะ (แต่การดูดไขมันไม่สามารถเปลี่ยนโครงสร้างเดิมของเราได้นะคะ อันนี้ต้องทำใจ ไม่ใช่ว่ามีตังดูดแล้วจะกลายเป็นขาเรียวตรงแบบนี้ได้กันหมด เพราะขาไม่ได้มีแค่ไขมัน แต่ยังมีผิวหนัง กล้ามเนื้อ และกระดูกด้วยค่ะ)
เราคิดเรื่องดูดไขมันมาประมาณ 5 ปี ปรึกษาไปทั้งหมด 4 คลินิก ไป reconsult 2-3 รอบก็ยังคงตัดสินใจไม่ได้ โดยมีปรึกษากับคลินิกเกาหลีด้วยค่ะ โดยหลักๆที่เราใช้ตัดสินใจคือ
1.ความเข้าใจที่ตรงกันว่าส่วนไหนจะเล็กลงได้หรือไม่ได้ ส่วนไหนที่จำเป็นหรือไม่จำเป็นต้องดูด
2.ความคุ้มค่าเพราะการดูดไขมันในสถานพยาบาลที่ปลอดภัยราคาค่อนข้างสูงมากค่ะ
โดย4คลินิกนี้คิดราคาต้นขาเราตั้งแต่ 80,000-120,000 ค่ะ บางที่เหมาทั้งขา บางที่คิดเป็นจุดค่ะ ที่ที่อธิบายดี ให้ปรึกษาจนเข้าใจตรงกันก็ดันเป็นที่ที่แพงที่สุด บางที่ก็ hard sale พูดคลุมเครือให้งง (ถ้าเราศึกษามาไม่ดีเราอาจหลงเชื่อ) พอตัดสินใจว่ายังไม่ทำ เซลก็มารุมพูดจามารยาทแย่ ไม่ยอมให้ออกจากร้าน ถามเราว่ามีงบเท่าไร จะให้เราจ่ายให้ได้ อย่างน้อยต้องมัดจำ แต่จ่ายไปคือไม่รู้จะได้ทำอะไรนะคะ อาจจะไม่ใช่การดูดไขมัน ไม่มีมาตรฐานเลย น่ากลัวมาก นัดหมอนึงไว้ แต่พอเจอ ได้เจอหมอไหนก็ไม่รู้ มั่วไปหมด หมอที่ได้เจอก็ไม่เหมือนหมอ พูดจาวกไปวนมา ถามเรื่องนึงตอบอีกเรื่องเฉไฉไปมา ไม่ยอมบอกราคาสุทธิ ทั้งที่ก็เอาตัวไปให้ประเมินแล้ว อันนี้เป็นที่ที่ดังมาก เสิร์ชว่าดูดไขมันมักจะเจอชื่อแรกๆ หมอเจ้าของชอบทำท่าทางเว่อๆกอดพุงกอดขาคนไข้ โฆษณาการตลาดแรงมากแต่ไม่ได้ดูดเองซักเคส เป็นแค่พรีเซ็นเตอร์ งงมะ เราเป็นสายเข้าคลินิกเสริมความงามตลอด บอกเลยว่าคลินิกนี้แย่สุดในชีวิตเลยค่า
จนเราเกือบจะถอดใจแล้วเพราะไม่เจอที่ที่เราพอใจซักที จนวันหนึ่งเพื่อนเราจะไปปรึกษาทำจมูกที่ Pmed clinic ให้เราไปเป็นเพื่อนเฉยๆ โดยคลินิกนี้ดังเรื่องจมูกและฉีดไขมันหน้าค่ะ เราก็เลยปรึกษาเรื่องการดูดไขมันต้นขาด้วยเล่นๆเพราะไหนๆก็ไปอยู่แล้ว คุณหมอประเมินราคาขาเรา 27,600 เท่านั้น การอธิบายดูจริงใจเข้าใจง่าย ตรงไปตรงมา อธิบายชัดเจนว่าส่วนไหนที่ดูดได้ ส่วนไหนไม่ต้องดูด เปิดแผลกี่จุด โดยคุณหมอที่จะเป็นคนทำจบเฉพาะทางศัลยกรรมตกแต่งด้วย เราก็ยิ่งมั่นใจค่ะ แต่พอดีคุณหมอที่เราปรึกษาเป็นคนละท่านกัน เราจึงยังไม่ตัดสินใจทำนะคะ นัดมาปรึกษาท่านที่จะเป็นคนทำอีกรอบ ปรากฏว่าพูดตรงกันทุกประการ เราเตรียมคำถามมาเยอะก็ตอบเคลียร์ทั้งหมด จนเราหมดคำถามเลยค่า ก็มัดจำ นัดวันทำค่ะ
ก่อนถึงวันทำต้องเตรียมชุดกระชับสำหรับใส่หลังดูดไขมัน นอกจากนั้น เราเตรียมผ้ารองฉี่เด็กไว้มารองเตียงเพราะมักมีน้ำเกลือกับเลือดไหลจากแผลได้ในวันแรกๆค่ะ ถามเพื่อนที่เคยดูดไขมันมาละเอียดยิบและอ่านทุกกระทู้เลยค่ะ555
เตรียมใจเจ็บเต็มที่ ลางานเรียบร้อย 1 สัปดาห์ค่ะ แต่เพื่อนเราสตรองบอกว่าทำงานและขับรถวันถัดมาได้เลย แต่เราไม่อยากเสี่ยงค่ะ คุณหมอก็แนะนำให้หยุดซัก 2-3 วัน
มาถึงวันทำจริง เราขอคุณหมอไม่ดมยาสลบเพราะคิดว่าไม่กลัวมากและไม่อยากดมยาสลบด้วยเหตุผลส่วนตัวค่ะ ยาชาเฉพาะที่น่าจะเพียงพอ แต่คุณหมอให้กินยานอนหลับร่วมด้วยค่ะ กินยาไปแปบเดียวก็หลับจำอะไรหลังจากนั้นไม่ค่อยได้เลยค่ะ ระหว่างทำใกล้ๆจะเสร็จ เราตื่นขึ้นมาที่นึงค่ะ จำได้ว่าเจ็บๆแต่งัวเงียค่ะเหมือนฝันอยู่ค่ะ555 (แต่ถ้าใครกลัวก็ดมยานะคะ) ตื่นมาอีกทีก็เสร็จแล้ว พี่พยาบาลจะพันรัดขาเราด้วยผ้ายืดค่ะ (เห็นบางคลินิกอาจให้ใส่กางเกงกระชับที่เตรียมมาเลยนะคะ) รอหายง่วงก็กลับได้ค่ะ เราให้คนมารับค่ะ เดินได้แต่เดินช้าหน่อยเพราะจะรู้สึกโหวงๆที่ขานะคะ แต่ไม่เจ็บค่ะ
กลับมาบ้านครบ 24 ชม.หลังดูดไขมันต้องแกะผ้าพันขาออกและทำแผลค่ะ สามารถทำเองได้เลย ตอนเราเอาผ้าพันขาออกครั้งแรก งงมาก ขาเราช้ำนิดเดียวเอง ไม่บวมอีกต่างหาก แค่วันนั้นก็เห็นแล้วว่าไขมันหายไป จากนั้นให้ใส่กางเกงกระชับที่เตรียมไว้ค่ะ กางเกงเราแน่นมากๆ เรากะผิดไซส์ค่ะ T T (มีความมั่นหน้านึกว่าตัวเองคือไซส์ s) ใส่ยากมากทรมานสุดๆ แนะนำให้ซื้อแบบที่มีซิปข้าง เพื่อนบอกว่าดีมาก ใส่ง่าย ไม่ต้องพยายามดึงขึ้นดึงลงแต่ราคาค่อนข้างแพงค่ะ ของเราเป็นแบบตะขอค่ะ ไม่แพงมากแต่ใส่ยากจริงจัง ใส่กกน.ข้างนอกนะคะ ชุดกระชับสำหรับดูไขมันจะเว้นช่องให้ทำธุระระหว่างวัน ไม่ต้องถอดบ่อย เราสามารถเดินได้ตั้งแต่วันแรกแต่เดินช้าหน่อยค่ะ ไม่เจ็บเลยถ้าไม่ได้ไปเดินชนกระแทกอะไร แต่ถ้าถอดกางเกงกระชับ เราเดินแทบไม่ได้ค่ะ มันจะรู้สึกโหวงๆในขาเสียวๆขา โดยเราเข้าใจว่าเป็นเพราะไขมันหายไปมีช่องว่างระหว่างกล้ามเนื้อกับผิวหนังด้านนอก เราเลยพยายามใส่กางเกงกระชับตลอด เราเลือกถอดพักตอนกลางคืนค่ะ หลายคนบอกว่าอึดอัดมากแต่เราไม่อึดอัดเท่าไรนะคะตอนใส่อยู่ ที่ทรมานคือตอนถอดใส่มากกว่า กว่าจะดึงขึ้น ไม่ได้เจ็บนะคะแต่ลำบากจริงจัง
เรากินน้ำใบบัวบกมาล่วงหน้า 1 สัปดาห์ และหลังทำกินต่ออีก 1 สัปดาห์ด้วยค่ะ บวมช้ำน้อยมาก
พอครบ 1 สัปดาห์ก็ไปตัดไหมและ follow up ค่ะ เราไปทำงาน ขับรถเองได้ งานของเราไม่ต้องยืนหรือเดินเยอะค่ะ คล้ายๆขับรถค่ะ นั่งใช้ขาเหยียบๆ ก็สามารถทำงานได้ปกติ พอผ่านไป 2 สัปดาห์คือทั้งอาการเจ็บและรอยช้ำหายจนปกติหมดเลย เหลือแค่รอยแผล 4 จุด ขนาดประมาณ 3 มม.เท่านั้น คือไม่เหมือนที่เตรียมใจไว้เลย นึกว่าจะช้ำเหมือนโดนซ้อม แต่เพื่อนเราอาจสตรองเกินที่บอกว่าขับรถได้เลย ของเรายังไงก็ขอซัก 5 วันค่อยขับดีกว่านะคะ เซฟๆ ขยันใส่ชุดกระชับ ผิวด้านนอกก็จะแนบกับข้างในขา ก็จะกระชับ ตอนนี้ก็ผ่านมา 5 เดือนแล้ว ยังใส่ชุดกระชับบ้า งเราพอใจมากๆค่ะ น้ำหนักเท่าเดิม กินเหมือนเดิม ออกกำลังกายเหมือนเดิม แต่ดูสมส่วนขึ้นมาก ไม่มีพังผืดหรือไตแข็งๆแบบที่คนอื่นชอบเป็น ขาเรียบเนียนไม่ย้วย ไม่เป็นคลื่น ตอนแรกก็กังวลเพราะเห็นคนเป็นเยอะ เลยถามคุณหมอว่าเราต้องไปนวดหรือเลเซอร์ยกกระชับอะไรไหม คุณหมอบอกว่าเคสเราไม่จำเป็นเลย ส่วนรอยแผลเป็นก็ดีขึ้นเรื่อยๆ ไม่ปูดและจางลงทุกวัน อย่าลืมทายาลดรอยแผลเป็นสม่ำเสมอนะคะ
หลังดูดไขมัน 1 เดือนครึ่งค่ะ(รูปอาจจะคนละมุมกันนิดนึงนะคะ ถ่ายไม่ค่อยเป็นค่ะ แต่น่าจะพอดูออกว่าดูสมส่วนขึ้นจ้า)
ปัจจุบัน 5 เดือนหลังดูดไขมันค่ะ
[CR] รีวิว ดูดไขมันต้นขา ของ สาวไซส์มินิแต่ขาใหญ่ ไม่สมส่วน
เราสูง153 น้ำหนัก40 ดูเป็นคนตัวเล็กแต่ขาไม่เล็กมาตั้งแต่จำความได้ ซึ่งน้ำหนักเราอยู่ที่36-40 ไม่เคยเกินนี้เลยค่ะ ไม่เคยควบคุมอาหารแต่เป็นคนทานไม่เยอะและไม่ค่อยทานขนมค่ะ ออกกำลังกายสม่ำเสมอแต่ไม่ได้ออกหนักค่ะ หลักๆเล่นเวท ต่อยมวย โยคะ สัปดาห์ละ 2-3ชม. เราเป็นคนชอบแต่งตัวมากๆ พอตัวเตี้ยก็ต้องใส่สั้นหน่อยเพื่อให้ดูตัวสูงขึ้น แต่ส่วนที่เราไม่มั่นใจคือต้นขาค่ะ เราเป็นคนมีสะโพกด้วยเลยยิ่งทำให้ช่วงล่างดูใหญ่ ตัวช่วงบนก็เล็กและไม่มีหน้าอกอีกต่างหาก ทำให้ยิ่งดูไม่สมส่วนสุดๆ เหมือนทุกอย่างมากองกันตรงสะโพกและต้นขา อันนี้เราเชื่อว่าผู้หญิงหลายๆคนน่าจะเข้าใจเพราะบางทีไม่ต้องผอมแต่สมส่วนก็ดูดีกว่าคนผอมแต่ขาใหญ่หรือมีพุง เราเคยคิดจะเสริมหน้าอกแทน แต่พอมาคิดๆดู มันไม่ค่อยตรงกับไลฟ์สไตล์ของเราเท่าไรค่ะ
ขานอกจะผายออกมามากค่ะ ส่วนหนึ่งเพราะเป็นคนมีสะโพกด้วย เราคิดว่าปกติตรงที่กว้างที่สุดควรจะเป็นสะโพกแล้วต้นขาต้องแคบเข้ามาเรื่อยๆจนถึงเข่า แต่เราคือต้นขากว้างพอๆกับสะโพก ทำให้เหมือนจุดกว้างสุดอยู่ต่ำเกินควร ยิ่งดูเอวยาวแต่ขาสั้น
ส่วนขาในก็เป็นปล้องๆ 2 ปล้องค่ะ ตรงเข่าดูปูดๆแต่ไม่ได้เกิดจากไขมันค่ะ เป็นกระดูก จุดนี้ต้องทำใจ
ส่วนข้างล่างนี้ขาในฝันค่ะ555 ชอบขาเรียวๆตรงๆไม่มีcurveค่ะ (แต่การดูดไขมันไม่สามารถเปลี่ยนโครงสร้างเดิมของเราได้นะคะ อันนี้ต้องทำใจ ไม่ใช่ว่ามีตังดูดแล้วจะกลายเป็นขาเรียวตรงแบบนี้ได้กันหมด เพราะขาไม่ได้มีแค่ไขมัน แต่ยังมีผิวหนัง กล้ามเนื้อ และกระดูกด้วยค่ะ)
เราคิดเรื่องดูดไขมันมาประมาณ 5 ปี ปรึกษาไปทั้งหมด 4 คลินิก ไป reconsult 2-3 รอบก็ยังคงตัดสินใจไม่ได้ โดยมีปรึกษากับคลินิกเกาหลีด้วยค่ะ โดยหลักๆที่เราใช้ตัดสินใจคือ
1.ความเข้าใจที่ตรงกันว่าส่วนไหนจะเล็กลงได้หรือไม่ได้ ส่วนไหนที่จำเป็นหรือไม่จำเป็นต้องดูด
2.ความคุ้มค่าเพราะการดูดไขมันในสถานพยาบาลที่ปลอดภัยราคาค่อนข้างสูงมากค่ะ
โดย4คลินิกนี้คิดราคาต้นขาเราตั้งแต่ 80,000-120,000 ค่ะ บางที่เหมาทั้งขา บางที่คิดเป็นจุดค่ะ ที่ที่อธิบายดี ให้ปรึกษาจนเข้าใจตรงกันก็ดันเป็นที่ที่แพงที่สุด บางที่ก็ hard sale พูดคลุมเครือให้งง (ถ้าเราศึกษามาไม่ดีเราอาจหลงเชื่อ) พอตัดสินใจว่ายังไม่ทำ เซลก็มารุมพูดจามารยาทแย่ ไม่ยอมให้ออกจากร้าน ถามเราว่ามีงบเท่าไร จะให้เราจ่ายให้ได้ อย่างน้อยต้องมัดจำ แต่จ่ายไปคือไม่รู้จะได้ทำอะไรนะคะ อาจจะไม่ใช่การดูดไขมัน ไม่มีมาตรฐานเลย น่ากลัวมาก นัดหมอนึงไว้ แต่พอเจอ ได้เจอหมอไหนก็ไม่รู้ มั่วไปหมด หมอที่ได้เจอก็ไม่เหมือนหมอ พูดจาวกไปวนมา ถามเรื่องนึงตอบอีกเรื่องเฉไฉไปมา ไม่ยอมบอกราคาสุทธิ ทั้งที่ก็เอาตัวไปให้ประเมินแล้ว อันนี้เป็นที่ที่ดังมาก เสิร์ชว่าดูดไขมันมักจะเจอชื่อแรกๆ หมอเจ้าของชอบทำท่าทางเว่อๆกอดพุงกอดขาคนไข้ โฆษณาการตลาดแรงมากแต่ไม่ได้ดูดเองซักเคส เป็นแค่พรีเซ็นเตอร์ งงมะ เราเป็นสายเข้าคลินิกเสริมความงามตลอด บอกเลยว่าคลินิกนี้แย่สุดในชีวิตเลยค่า
จนเราเกือบจะถอดใจแล้วเพราะไม่เจอที่ที่เราพอใจซักที จนวันหนึ่งเพื่อนเราจะไปปรึกษาทำจมูกที่ Pmed clinic ให้เราไปเป็นเพื่อนเฉยๆ โดยคลินิกนี้ดังเรื่องจมูกและฉีดไขมันหน้าค่ะ เราก็เลยปรึกษาเรื่องการดูดไขมันต้นขาด้วยเล่นๆเพราะไหนๆก็ไปอยู่แล้ว คุณหมอประเมินราคาขาเรา 27,600 เท่านั้น การอธิบายดูจริงใจเข้าใจง่าย ตรงไปตรงมา อธิบายชัดเจนว่าส่วนไหนที่ดูดได้ ส่วนไหนไม่ต้องดูด เปิดแผลกี่จุด โดยคุณหมอที่จะเป็นคนทำจบเฉพาะทางศัลยกรรมตกแต่งด้วย เราก็ยิ่งมั่นใจค่ะ แต่พอดีคุณหมอที่เราปรึกษาเป็นคนละท่านกัน เราจึงยังไม่ตัดสินใจทำนะคะ นัดมาปรึกษาท่านที่จะเป็นคนทำอีกรอบ ปรากฏว่าพูดตรงกันทุกประการ เราเตรียมคำถามมาเยอะก็ตอบเคลียร์ทั้งหมด จนเราหมดคำถามเลยค่า ก็มัดจำ นัดวันทำค่ะ
ก่อนถึงวันทำต้องเตรียมชุดกระชับสำหรับใส่หลังดูดไขมัน นอกจากนั้น เราเตรียมผ้ารองฉี่เด็กไว้มารองเตียงเพราะมักมีน้ำเกลือกับเลือดไหลจากแผลได้ในวันแรกๆค่ะ ถามเพื่อนที่เคยดูดไขมันมาละเอียดยิบและอ่านทุกกระทู้เลยค่ะ555
เตรียมใจเจ็บเต็มที่ ลางานเรียบร้อย 1 สัปดาห์ค่ะ แต่เพื่อนเราสตรองบอกว่าทำงานและขับรถวันถัดมาได้เลย แต่เราไม่อยากเสี่ยงค่ะ คุณหมอก็แนะนำให้หยุดซัก 2-3 วัน
มาถึงวันทำจริง เราขอคุณหมอไม่ดมยาสลบเพราะคิดว่าไม่กลัวมากและไม่อยากดมยาสลบด้วยเหตุผลส่วนตัวค่ะ ยาชาเฉพาะที่น่าจะเพียงพอ แต่คุณหมอให้กินยานอนหลับร่วมด้วยค่ะ กินยาไปแปบเดียวก็หลับจำอะไรหลังจากนั้นไม่ค่อยได้เลยค่ะ ระหว่างทำใกล้ๆจะเสร็จ เราตื่นขึ้นมาที่นึงค่ะ จำได้ว่าเจ็บๆแต่งัวเงียค่ะเหมือนฝันอยู่ค่ะ555 (แต่ถ้าใครกลัวก็ดมยานะคะ) ตื่นมาอีกทีก็เสร็จแล้ว พี่พยาบาลจะพันรัดขาเราด้วยผ้ายืดค่ะ (เห็นบางคลินิกอาจให้ใส่กางเกงกระชับที่เตรียมมาเลยนะคะ) รอหายง่วงก็กลับได้ค่ะ เราให้คนมารับค่ะ เดินได้แต่เดินช้าหน่อยเพราะจะรู้สึกโหวงๆที่ขานะคะ แต่ไม่เจ็บค่ะ
กลับมาบ้านครบ 24 ชม.หลังดูดไขมันต้องแกะผ้าพันขาออกและทำแผลค่ะ สามารถทำเองได้เลย ตอนเราเอาผ้าพันขาออกครั้งแรก งงมาก ขาเราช้ำนิดเดียวเอง ไม่บวมอีกต่างหาก แค่วันนั้นก็เห็นแล้วว่าไขมันหายไป จากนั้นให้ใส่กางเกงกระชับที่เตรียมไว้ค่ะ กางเกงเราแน่นมากๆ เรากะผิดไซส์ค่ะ T T (มีความมั่นหน้านึกว่าตัวเองคือไซส์ s) ใส่ยากมากทรมานสุดๆ แนะนำให้ซื้อแบบที่มีซิปข้าง เพื่อนบอกว่าดีมาก ใส่ง่าย ไม่ต้องพยายามดึงขึ้นดึงลงแต่ราคาค่อนข้างแพงค่ะ ของเราเป็นแบบตะขอค่ะ ไม่แพงมากแต่ใส่ยากจริงจัง ใส่กกน.ข้างนอกนะคะ ชุดกระชับสำหรับดูไขมันจะเว้นช่องให้ทำธุระระหว่างวัน ไม่ต้องถอดบ่อย เราสามารถเดินได้ตั้งแต่วันแรกแต่เดินช้าหน่อยค่ะ ไม่เจ็บเลยถ้าไม่ได้ไปเดินชนกระแทกอะไร แต่ถ้าถอดกางเกงกระชับ เราเดินแทบไม่ได้ค่ะ มันจะรู้สึกโหวงๆในขาเสียวๆขา โดยเราเข้าใจว่าเป็นเพราะไขมันหายไปมีช่องว่างระหว่างกล้ามเนื้อกับผิวหนังด้านนอก เราเลยพยายามใส่กางเกงกระชับตลอด เราเลือกถอดพักตอนกลางคืนค่ะ หลายคนบอกว่าอึดอัดมากแต่เราไม่อึดอัดเท่าไรนะคะตอนใส่อยู่ ที่ทรมานคือตอนถอดใส่มากกว่า กว่าจะดึงขึ้น ไม่ได้เจ็บนะคะแต่ลำบากจริงจัง
เรากินน้ำใบบัวบกมาล่วงหน้า 1 สัปดาห์ และหลังทำกินต่ออีก 1 สัปดาห์ด้วยค่ะ บวมช้ำน้อยมาก
พอครบ 1 สัปดาห์ก็ไปตัดไหมและ follow up ค่ะ เราไปทำงาน ขับรถเองได้ งานของเราไม่ต้องยืนหรือเดินเยอะค่ะ คล้ายๆขับรถค่ะ นั่งใช้ขาเหยียบๆ ก็สามารถทำงานได้ปกติ พอผ่านไป 2 สัปดาห์คือทั้งอาการเจ็บและรอยช้ำหายจนปกติหมดเลย เหลือแค่รอยแผล 4 จุด ขนาดประมาณ 3 มม.เท่านั้น คือไม่เหมือนที่เตรียมใจไว้เลย นึกว่าจะช้ำเหมือนโดนซ้อม แต่เพื่อนเราอาจสตรองเกินที่บอกว่าขับรถได้เลย ของเรายังไงก็ขอซัก 5 วันค่อยขับดีกว่านะคะ เซฟๆ ขยันใส่ชุดกระชับ ผิวด้านนอกก็จะแนบกับข้างในขา ก็จะกระชับ ตอนนี้ก็ผ่านมา 5 เดือนแล้ว ยังใส่ชุดกระชับบ้า งเราพอใจมากๆค่ะ น้ำหนักเท่าเดิม กินเหมือนเดิม ออกกำลังกายเหมือนเดิม แต่ดูสมส่วนขึ้นมาก ไม่มีพังผืดหรือไตแข็งๆแบบที่คนอื่นชอบเป็น ขาเรียบเนียนไม่ย้วย ไม่เป็นคลื่น ตอนแรกก็กังวลเพราะเห็นคนเป็นเยอะ เลยถามคุณหมอว่าเราต้องไปนวดหรือเลเซอร์ยกกระชับอะไรไหม คุณหมอบอกว่าเคสเราไม่จำเป็นเลย ส่วนรอยแผลเป็นก็ดีขึ้นเรื่อยๆ ไม่ปูดและจางลงทุกวัน อย่าลืมทายาลดรอยแผลเป็นสม่ำเสมอนะคะ
หลังดูดไขมัน 1 เดือนครึ่งค่ะ(รูปอาจจะคนละมุมกันนิดนึงนะคะ ถ่ายไม่ค่อยเป็นค่ะ แต่น่าจะพอดูออกว่าดูสมส่วนขึ้นจ้า)
ปัจจุบัน 5 เดือนหลังดูดไขมันค่ะ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้
ข้อมูลเพิ่มเติม