สัตว์โลกธรรมชาติที่สุดพิเศษ

BOBBIT WORM นักล่าสุดโหด แห่งก้นทะเล



หนอนปีศาจที่มีขนาดตัวยาวกว่า 3 – 5 เมตร    มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Eunice aphroditois สิ่งมีชีวิตที่ซ่อนตัวอยู่ใต้ผืนทรายของก้นทะเล เจ้าหนอนชนิดนี้ถูกจัดให้อยู่ในประเภทของไส้เดือนทะเล 
ที่สามารถพบได้ในเขตน้ำทะเลอุ่นที่ความลึกประมาณ 150 เมตร อีกทั้งยังเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีกลยุทธ์ในการจัดการกับเหยื่ออย่างหลากหลาย โดยเขี้ยวของมันสามารถตัดเหยื่อขาดเป็นสองท่อนได้ แถมยังสามารถพ่นพิษใส่เหยื่อให้กลายเป็นอัมพาตได้ทันทีด้วย ซึ่งมันจะอาศัยอยู่ใต้ก้นทะเลที่มีลักษณะเป็นทราย
มันจะฝังลำตัวอยู่ในทรายและจะโผล่แค่หัวขึ้นมาเพียงเท่านั้น เมื่อเสาอากาศของมันตรวจจับบางสิ่งบางอย่างแหวกว่ายเข้าในพื้นที่จู่โจมมันเมื่อไหร่ ทันจะใช้ความเร็วพุ่งงับเหยื่อทันที และลากมันลงไปในทราย อาวุธขากรรไกรอันแหลมคมของมันสามารถตัดร่างเหยื่อขาดเป็นท่อนอย่างง่าย อีกทั้งมันกินได้เกือบทุกอย่างขอให้เป็นเนื้อ
Cr.zeromanman.blogspot.com/



เซลล์พิเศษใน ตุ่นไร้ขนที่อาจทำให้มนุษย์อายุยืนได้มากถึง 200 ปี



Naked Mole-Rats ตุ่นหนูไร้ขน ชื่อวิทยาศาสตร์ Heterocephalus glaber อาศัยอยู่ในแถบแอฟริกา มีหน้าตา อัปลักษณ์ ผิวหนังหย่อนยาน มีฟันหน้าสองซี่ยาวเฟื้อย เป็นญาติกับเม่นและหนูตะเภา มีฟันมหึมาสำหรับใช้ในการขุดอุโมงค์ โดยมีหนวดสีขาวๆบนหน้าเป็นตัวรับสัมผัสคอยจับทิศทางในการขุด รวมถึงนิ้วเท้าที่มีขนซึ่งช่วยกวาดดินไปทางด้านหลังคล้ายกับไม้กวาด
ตุ่นไร้ขน มีอายุขัยที่ยืนยาวมากหากเทียบกับพวกหนูด้วยกัน โดยสามารถดำรงชีวิตได้ยาวนานถึง 30 ปี ด้วยสภาพแวดล้อมที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา จะร้อนสุดๆหรือหนาวสุดๆก็อยู่ได้ สามารถมีเพศสัมพันธ์กันตลอดชั่วอายุขัย สามารถทานอาหารที่มีพิษ ไม่เป็นมะเร็ง

การปรับตัวของตุ่นไร้ขนทำให้มีสารต่อต้านมะเร็งในตัวของมัน นอกจากนี้ ตุ่นไร้ขนยังรักษาระบบภายใน ทั้งระบบเลือดและหัวใจที่แข็งแรงแม้จะมีอายุมากแล้วก็ตาม
 ทีมวิจัยค้นพบสารโมเลกุลพิเศษ ที่เรียกว่า Hyaluronan หรือเรียกสั้นๆว่า Super Sugar ในตุ่นไร้ขน ที่สัตว์ประเภทฟันแทะชนิดอื่นไม่มี ซึ่งทำหน้าที่แยกเซลล์ในร่างกายไม่ให้รวมตัวกันจนกลายเป็นเนื้องอกได้ หากเราได้ศึกษาวิจัยตุ่นไร้ขนเพิ่มเติม ที่ลงลึกไปถึงกระบวนการจัดระบบเซลล์ในร่างกาย ทั้งระบบชีวเคมีและสรีรวิทยาของสัตว์ชนิดนี้ อาจช่วยไขความลับในการป้องกันการเกิดเนื้องอกที่เป็นสาเหตุหนึ่งของโรคมะเร็งได้

ตอนนี้นักวิทยาศาสตร์กำลังคิดค้นวิธีการเพิ่มศักยภาพทางร่างกายมนุษย์ ให้สามารถผลิตสารประเภท Super Sugar เหมือนกับตุ่นไร้ขน เพื่อให้เป็นแนวทางในการลดความเสี่ยงการเกิดโรคมะเร็ง ซึ่งอาจเป็นการพลิกโฉมวงการแพทย์เพื่อการป้องกันโรคมะเร็งในมนุษย์ได้ในอนาคต
 Cr.flagfrog.com



ดวงตาที่น่าทึ่งกว่า 200 ดวง ของหอยเชลล์



นักวิทยาศาสตร์ได้ค้นพบ มานานแล้วว่าหอยเชลล์มีดวงตากว่า 200 ดวง แถมยังมีประสิทธิภาพการทำงานที่น่าทึ่งแบบเดียวกับกล้องโทรทรรศน์ที่มนุษย์ใช้ในปัจจุบันอีกด้วย

การศึกษาล่าสุดจากนักวิจัยแห่งสถาบันวิทยาศาสตร์ไวซ์แมนน์ ในประเทศอิสราเอลและนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยลุนด์ในประเทศสวีเดนเผยว่า ส่วนใหญ่นั้นดวงตาของสัตว์จะมีเลนส์ที่เน้นแสง แต่หอยเชลล์กลับมีกระจกเว้าที่ด้านหลังของดวงตา ซึ่งรูปทรงของดวงตาคล้ายกับลูกปัดสีฟ้าเรียงรายอยู่บริเวณเนื้อเยื่อตรงขอบเปลือกหอย ดวงตาแต่ละดวงมีความกว้าง 1 มิลลิเมตรและมีโครงสร้างของผลึกใสหรือคริสตัลรูปทรงสี่เหลี่ยม ซึ่งทำหน้าที่สะท้อนแสงเข้าสู่เรตินาหรือจอตาทำให้ได้ภาพที่ชัดเจนยิ่งขึ้น
อันที่จริงแล้วดวงตาเหล่านี้มีจำนวนไม่คงที่ เพราะธรรมดาสำหรับหอยประเภทนี้ที่จะงอกตาใหม่เพิ่ม ทั้งยังงอกใหม่เวลาบาดเจ็บได้ด้วย หากมันสูญเสียดวงตาทั้งหมด มันจะกลับมาเหมือนเดิมภายในสองเดือน
ชื่อสามัญของหอยเชลล์ในในภาษาอังกฤษคือ “scallop” (สแกลล็อป) แผลงมาจากภาษาฝรั่งเศสเก่า “escalope” หมายถึง “เปลือก”

นักวิจัยเผยว่าการมองเห็นของหอยเชลล์ผ่านดวงตานับร้อยๆ ดวงจะช่วยในการควบคุมการเคลื่อนไหวของตัวมันขณะที่กำลังว่ายน้ำ ทำให้หอยสามารถประเมินสิ่งต่างๆ โดยรอบได้อย่างแม่นยำ ซึ่งนักวิจัยมองว่าการสร้างระบบภาพที่ซับซ้อนของหอยเชลล์ อาจเป็นหนทางในการศึกษาพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ สร้างเป็นอุปกรณ์ทางชีววิทยาที่ใช้งานด้านภาพและการตรวจจับสัญญาณในอนาคตข้างหน้า.
Cr.zeromanman.blogspot.com/



 
ชีวิตที่ลึกลับและเหลือเชื่อของพลับพลึงทะเลกับดาวขนนก
 
 

มันเป็นสัตว์ที่เคยคิดว่าสูญพันธุ์ไปแล้ว มันเป็นญาติกับดาวทะเลและเม่นทะเลที่ไม่ค่อยมีคนรู้จัก มันคือส่วนหนึ่งของสิ่งมีชีวิตที่สวยที่สุดในมหาสมุทร
 
เป็นสัตว์ประเภทไครนอยด์ ซึ่งจัดอยู่ในตระกูลเอคไคโนเดิร์ม เหมือนกับปลาดาวและเม่นทะเล แต่ไม่ค่อยเป็นที่รู้จัก สัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังที่อาศัยอยู่ในทะเลพวกนี้มีอยู่ราวๆ 600 สายพันธุ์ ทั้งหมดมีลักษณะพื้นฐานของสัตว์ตระกูลนี้คือมีรูปสมมาตรทรงรัศมีห้าแฉก 
 
 ย้อนหลังกลับไปยังช่วงเวลาของยุคออร์โดวิเชียน ระหว่าง 485.4 และ 443.8 ล้านปีที่ผ่านมา พวกมันมีอยู่อย่างอุดมสมบูรณ์ โดยดูจากซากฟอสซิลของพวกมันที่มีอย่างมากมาย ชั้นหินปูนจากช่วงกลางถึงปลายยุคพาลีโอโซอิกจะประกอบด้วยสัตว์พวกนี้เกือบทั้งหมด และถูกสันนิษฐานว่าสูญพันธุ์จนกระทั่งมีการค้นพบพวกมันที่ยังมีชีวิตอยู่
 ไครนอยด์แตกต่างจากสัตว์ในตระกูลเอคไคโนเดิร์มอื่นๆตรงที่ไครนอยด์จะยึดตัวที่สวยงามของพวกมันกับพื้นทะเล สายพันธุ์ที่มีก้านยาวเรียกว่าพลับพลึงทะเล อีกสายพันธุ์ก้านจะหายไปเมื่อโตเต็มวัย สามารถว่ายน้ำและลอยตัวติดอยู่กับขาเล็กๆ พวกนี้เป็นดาวขนนก
 
แต่สิ่งที่แตกต่างจากสัตว์ในตระกูลเดียวกันจริงๆก็คืออวัยวะที่มีลักษณะเหมือนกับขนนกของพวกมัน พวกมันมีขาเป็นหลอดเล็กๆพร้อมกับแขนติดพู่ห้อยซึ่งใช้ในการจับแพลงก์ตอนและอาหารอื่นๆที่ลอยมากับน้ำ พวกมัเป็นสัตว์แปลกใหม่เหมือนดอกไม้ที่มาใช้ชีวิตอยู่ในทะเล 
Cr.zeromanman.blogspot.com/
 
 

 กั้งที่โหดร้ายกับเหยื่อ มีส่วนช่วยให้มนุษย์ตรวจพบมะเร็ง



หลายคนชอบกินเนื้อและไข่ของกั้งที่หวานมันอร่อยมากๆ แต่อาจจะไม่รู้ว่ากั้งเป็นสัตว์ที่ดุร้ายมาก มันมีอาวุธทรงพลังใช้โจมตีเหยื่อด้วยความเร็วเท่ากระสุนปืนขนาด .22 กั้งมีสองพวก พวกหนึ่งเรียกว่า “นักทุบ” (Smasher) อีกพวกเรียกว่า “นักแทง” (Spearer) 

พวกนักทุบจะล่าหอยและปู มันจะใช้ขาหรือก้ามลักษณะคล้ายค้อนทุบเปลือกหอยอย่างแรงจนแตก แล้วหยิบเอาเนื้อหอยเข้าปาก ส่วนพวกนักแทงจะล่าปลาและม้าน้ำ มันจะฝังตัวในผืนทรายโผล่แต่ลูกตารอให้ปลาว่ายมาใกล้ พอได้ระยะมันจะพุ่งออกจากทรายและใช้ขาหรือก้ามลักษณะคล้ายดาบฟันเลื่อยแทงปลาด้วยความเร็วที่เกือบมองไม่เห็น แล้วเกี่ยวเอาปลาลากลงใต้ผืนทราย

ไม่เพียงแค่มีอาวุธที่แปลกและทรงพลังยิ่งเท่านั้น กั้งยังมีดวงตาที่พิเศษมาก มันมีตาดำ 6 ลูก และตัวรับสี 12 ตัว ขณะที่มนุษย์มีตาดำ 2 และ ตัวรับสีแค่ 3 เท่านั้น ที่สำคัญคือมันสามารถมองเห็นแสงโพราไลซ์ (Polarized Light) ที่มนุษย์มองไม่เห็น แถมยังเป็นชนิดพิเศษที่เรียกว่าโพลาไรเซชั่นแบบวงกลม (Circular Polarization) กั้งจะใช้แสงโพราไลซ์ในการสื่อสารระหว่างกั้งด้วยกัน เช่น ใช้ในการหาคู่ หรือใช้แสดงอาณาเขต

ความสามารถพิเศษของดวงตากั้งได้สร้างแรงบันดาลใจให้นักวิทยาศาสตร์กลุ่มหนึ่งร่วมมือกันสร้างกล้องโพราไลซ์ (Polarization Camera) เพื่อใช้ในการตรวจหามะเร็ง โดยอาศัยลักษณะของสัญญาณโพราไลซ์ที่แตกต่างกันระหว่างเนื้อเยื่อปกติกับเนื้อเยื่อมะเร็ง
Cr.https://www.takieng.com



สัตว์ประหลาดกินได้แห่ง Muriwai


มีรายงานพบกับวัตถุแปลกประหลาดที่ชายหาด Muriwai ในประเทศนิวซีแลนด์  ตรวจสอบแล้วก็พบว่ามันเป็นสิ่งมีชีวิตประหลาดหน้าตาคล้ายกับสัตว์ประหลาด Cthulhu (อสุรกายจากงานประพันธ์ของ H. P. Lovecraft) ก็เลยถูกเรียกว่าเป็นสัตว์ประหลาดแห่ง Muriwai

จากการตรวจสอบของนักวิจัยจากศูนย์วิทยาศาสตร์เกี่ยวกับโลกใต้น้ำของประเทศนิวซีแลนด์พบว่ามันคือ Lepas anatifera เป็นอีกสปีชีส์หนึ่งของตัว ‘เพรียงคอห่าน’
เหล่าสัตว์น้ำที่มีเปลือกแข็งชนิดนี้อาศัยอยู่ใต้ทะเลลึกโดยอาศัยเกาะอยู่ตามโขกหินหรือวัตถุต่างๆ อาศัยอยู่รวมกันเป็นจำนวนมาก และคอยดักกรองน้ำเพื่อหาจำพวกไรน้ำเป็นอาหาร  ส่วนลำตัวของมันที่มีลักษณะเหมือนหางยาวๆ นั้นสามารถยาวได้มากถึง 80 เซนติเมตร
ที่สำคัญสามารถนำมาทำอาหารทานได้ เพราะมันก็เป็นสัตว์จำพวกเดียวกับหอยนางรม
Cr.zeromanman.blogspot.com/



กิ้งก่ามหัศจรรย์วิ่งได้ด้วยขาหลังเพียง 2 ขา



กิ้งก่าแผงคอ (Frill-necked ) มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Chlamydosaurus kingii เป็นกิ้งก่าเพียงชนิดเดียวในสกุล Chlamydosaurus 
มีรูปร่างเหมือนกิ้งก่าทั่วไป สีลำตัวเป็นสีน้ำตาลเขียว มีจุดเด่นก็คือ มีแผงคอที่สามารถแผ่ออกได้กว้างครอบหัวเวลาตกใจหรือขู่ศัตรู อีกทั้งยังสามารถวิ่งได้ด้วยขาหลังเพียง 2 ขาด้วยความเร็ว เมื่อหนีศัตรู มีนิ้วทั้งหมด 5 นิ้ว มีเล็บแหลมคม หางเรียวยาว โดยปกติจะอาศัยและหากินอยู่ตามต้นไม้
 
มีความยาวประมาณ 25 เซนติเมตร โตเต็มที่ในธรรมชาติ 35 เซนติเมตร พบกระจายพันธุ์อยู่ในทะเลทรายทางตอนเหนือของประเทศออสเตรเลีย, ปาปัวนิวกินี กินแมลงและสัตว์ขนาดเล็กต่าง ๆ เป็นอาหาร
จัดเป็นกิ้งก่าชนิดหนึ่งที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่น่าสนใจ จึงนิยมเลี้ยงเป็นสัตว์เลี้ยง รวมทั้งเคยมีการสร้างเป็นตัวละครในภาพยนตร์ต่าง ๆ ด้วย เช่น กิ้งก่ากายสิทธิ์ ในภาพยนตร์ไทยเรื่อง "กิ้งก่ากายสิทธิ์" เมื่อปี พ.ศ. 2528 จากการสร้างสรรค์ของ สมโพธิ แสงเดือนฉาย หรือ ไดโนเสาร์ชนิด ไดโลโฟซอรัส (Dilophosaurus) ในเรื่อง จูราสสิค พาร์ค เมื่อปี พ.ศ. 2536 ที่สามารถแผ่แผงคอและพ่นพิษได้ใส่เหยื่อ
รวมทั้งเป็นหนึ่งในแมสคอทประจำการแข่งขันกีฬาพาราลิมปิก 2000 ที่จัดภายหลังโอลิมปิก 2000 ที่ออสเตรเลียด้วย โดยแมสคอทตัวนี้มีชื่อว่า "ลิซซี่" (Lizzie) 
Cr.board.postjung.com



Bumblebeeผึ้งพันธุ์โหดที่ต่อยได้เร็วราวกับปืนกล



ปกติแล้วเราคุ้นเคยกับชื่อของ Bumblebee จากหนังเรื่อง Transformers ในฐานะของหุ่นยนต์ตัวสีเหลืองคาดดำเหมือนผึ้ง ซึ่งก็อาจจะทำให้หลายๆ คนคิดว่า Bumblebee ที่เป็นแมลงมันก็คือผึ้งทั่วๆ ไป ที่บินเก็บน้ำหวานตามดอกไม้

ความจริงแล้ว Bumblebee นั้นแตกต่างจากผึ้งธรรมดาที่เรารู้จักกันเป็นอย่างมาก โดยผึ้งธรรมดาที่เราคุ้นเคยกับพฤติกรรมการบินเก็บน้ำหวานมาผลิตเป็นน้ำผึ้งนั้น จะเรียกว่า Honeybee 
แต่ Bumblebee นั้นจะแตกต่างจาก Honeybee ตรงที่พวกมันไม่ได้ผลิตน้ำหวานและไม่ได้สร้างรังบนต้นไม้ Bumblebee จะมีขนาดตัวที่ใหญ่กว่า Honeybee พวกมันสร้างรังอยู่ใต้ดินเหมือนกับตัวต่อ จุดเด่นอีกหนึ่งอย่างของพวกมันคือเสียงบินที่ดังหึ่งๆ มาแต่ไกล 

สามารถที่จะต่อยและฝังเข็มพิษเข้าเป้าหมายได้หลายครั้งเหมือนกับปืนกล ซึ่งผึ้ง Honeybee นั้นสามารถต่อยได้เพียงครั้งเดียวแล้วก็จะตาย
Cr.zeromanman.blogspot.com/




ภาพยนตร์เรื่อง Jurassic world ซึ่งมีที่มาจากนิยายวิทยาศาสตร์เรื่อง จูราสสิคพาร์ค ประพันธ์โดย ไมเคิล ไครชตัน (Michael Crichton) ตีพิมพ์ในปี ค.ศ. 1991 (พ.ศ. 2534) และถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์โดย สตีเว่น สปีลเบิร์ก (Steven Spielberg) ผู้กำกับชื่อดัง 

Cr.komkid.com
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่