อนึ่ง รีวิวอันนี้เขียนไว้ได้ซักพักแล้ว แต่ไม่แน่ใจว่าจะเหมาะสมหรือไม่ในการลงรีวิวในระหว่างที่ประเทศฮ่องกงยังเกิดเหตุการณ์ความไม่สงบอยู่ ยังไงท่านไหนคิดว่ายังไม่ใช่เวลาอันสมควรขอให้แจ้งไว้ เจ้าของมู้จะดำเนินการลบออกไปด้วยความเร็วแสง กราบขอบพระคุณลงที่หน้าตัก
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
หมู : เธอๆ จำตั๋วเครื่องบินไปฮ่องกงที่เราจองไว้ตอนต้นปีได้ปะ
ผม : จำได้ดิ ทำไมหรอ
ผมตอบกลับไปโดยที่ตากับมือข้างนึงยังรูดปรื๊ดๆอยู่บนมือถือพร้อมกับยื่นมืออีกข้างที่ว่างอยู่ไปรับโทรศัพท์ที่เจ้าหมูยื่นมาให้
ผมกวาดตามองแบบผ่านๆและส่งมือถือกลับไป
ผม : อือ ประท้วงกับปิดสนามบินเอง ไม่เห็นมีอะไรเลย………………
ว๊อทเดอะฟรุ๊ค!!
ไม่มีอะไรเลยก็บ้าแล้วววววว
บากะน่ะ แต่เดี๋ยวทิ้งช่วงไปสถานการณ์คงเพลาๆไปเองแหละ ผมพูดปลอบใจเจ้าหมูกับปลอบใจตัวเองทั้งที่จิตวิญญาณข้างในนี่เหงื่อแตกพลั้กๆยิ่งกว่าน้ำตกเขื่อนแตก
จนเวลาผ่านไปจนถึงหนึ่งอาทิตย์ก่อนเดินทาง
บร้ะ! ซาไปจริงๆด้วย เป็นไงล่ะ ข้ารู้ข้าเห็น นี่คำนวนเอาไว้หมดแล้ว โว๊ะ ไม่เห็นน่ากลัว
ความมั่นใจกับความปิติยินดีของผมมันเปี่ยมล้นจนแทบจะทะลักอแกมาทางลูกกะตาจนกระทั่ง
หมู : ตัวๆ เห็นไอ้นี่ยัง
ผมรับมือถือเจ้าหมูมาแบบชิลจัดๆ ฟ้าดลใจให้ได้ไปเที่ยวขนาดนี้แล้ว พญาช้างก็หยุดตูสองคนไม่ได้ล่ะเฟ้ย
.
.
.
.
.
ที่ฮ่องกงตำรวจใช้กระสุนจริงกันแล้วโว้ยยยยยยยยย
18 กันยายน 2562 - 21 กันยายน 2562
การเตรียมตัวก่อนไป
นี่ก็ดื้อจัง ยังจะไปอี๊กกก
1.เวลาของฮ่องกงจะเร็วกว่าไทย 1 ชม.
2.ตอนผมไปเรทค่าเงินอยู่ที่ 1HKD = 3.97 บาทถ้าคิดถ้วนๆก็คือคูณ 4 เข้าไปโต้งๆนี่เลยแหละ
3.เจ้าของมู้ไปช่วงกลางเดือนกันยายน……… ยังกับทำบาปมาเยอะ แดดนี่ยังกับอยู่ในนรก พ่อเอ๊ยยย
4. ฯลฯ……………….. และอื่นๆนี่คืออะไรฟะ
เอาเป็นว่านึกอะไรออกจะแทรกเข้ามาให้เรื่อยๆครั่บ
ทำไมมันชุ่ยจังโง้ยยยย
วันที่ 1 [18 กันยายน 2562]
เดินลงเครื่องมาแบบยิ้มแห้งๆ ลงเครื่องมาที่สนามบินนานาชาติด้วยหลักร้อย หรือถ้าพูดอีกทีก็คือหลักหมื่น
A : โหพี่ ความมั่นใจหลักหมื่น แสดงว่าหาข้อมูลมาอย่างดี แบบว่าพุ่งซ้าย หลบขวา การชุมนุมไม่เป็นอุปสรรคจนมั่นใจเต็มเปี่ยมขึ้นหลักหมื่น สุดยอดแห่งนักวางแผนแห่งทีมยุคจริมๆ
ซะที่ไหนล่ะโว้ยยยย หลักหมื่นนี่คือเหงื่อในมือตูที่กำพาสปอร์ตอยู่นี่แหละโง้ยยยยยยยยย ก้าวขาเข้าประเทศเข้าด้วยความเลิ้กลั้กๆเลเวลร้อย ชนิดที่ว่าถ้ามีคนตะโกนโพล่งขึ้นมานี่คือจะควักพินัยกรรมที่เขียนเตรียมจากไทยไว้ขึ้นมากอดแนบอกทันที คือต้องบอกว่าผมค่อนข้างมั่นใจว่ามนุษย์เพศผู้ส่วนใหญ่ในตู้เสื้อผ้าโง่ๆของเผ่าพันธุ์นี่ ร้อยละ 80 มันมีแต่สีขาวกับสีดำ ซึ่ง……………..ไอ้สองสีนี้ผู้ประท้วงก็นัดใส่ไปชุมนุมกันอย่างกับสวรรค์แกล้ง หลอนจัดๆมิใช่น้อย วางแผนเที่ยวครึ่งชั่วโมง หาเสื้อใส่อยู่ 2 วัน ไอ้บ้าเอ๊ย
การเดินทางจากสนามบินเข้าตัวเมือง
รถไฟ
ท่านสามารถนั่งรถไฟสายสีเขียวจากสนามบินเข้าตัวเมืองได้อย่างสะดวกโยธิน เนื่องจากฮ่องกงเป็นประเทศเล็กๆฉะนั้นการเดินทางนี่ไม่น่าเป็นปัญหาเท่าไหร่นัก เรียกได้ว่าทั่งประเทศนี่แนวรางรถไฟครอบครัวและทั่วถึงเกือบทุกอณู แต่ผมไม่ได้เดินทางเข้าเมืองด้วยวิธีนี้จึง…………..ตัดจบมันแบบห้วนๆอย่างนี้แหละ ไปหาข้อมูลเอาเองไป๊
รถบัส
บ๊ะ เนื่องจากที่พักคืนแรกของผมนั้นพักอยู่ที่กลาง จิมซาจุ่ย ซึ่งเท่าที่หาข้อมูลมานั้น การเดินทางจากสนามบินมานั่งรถบัสง่ายกว่าอย่างมากโขเมื่อเทียบกับรถไฟ แถมบนรถบัสยังมีเสียงพร้อมจอ LED บอกสถานีต่อไปอย่างชัดเจน บ้าเอ๊ย ใครมันจะไปนั่งรถไฟกันฟะ เลอะเทอะ มา ตามข้าพเจ้ามา!!!
แต่ด้วยความชาญฉลาดเข้าขั้นแม็กซิมั่มของผม ทำให้รู้มาว่าในประเทศฮ่องกง การเดินทางหรือการใช้ชีวิตรอดส่วนใหญ่มีไอเท็มชิ่นหนึ่งที่สามารถอำนวยความสะดวกได้อย่างชั้นสุดอยู่ชิ้นหนึ่ง ซึ่งไอเท็มที่ว่านั่นก็คืออออออออออออออออ
บัตร Octopus
บัตรน้องหมึกแทนเงินสดที่แทนได้ทุกอย่างจริงๆตั้งแต่ซื้อของในมินิมาร์ท ค่ารถไฟ ค่ารถบัส ยันดาวเทียมทหารบนวงโคจร(เว่อร์ป๊ายยยย) และหากท่านกำลังประสบปัญหาไม่รู้ค่ารถไฟ หรือค่ารถบัสในการเดินทางใช่หรือไม่ บัตรนี้คือคำตอบ!!!!!! ขอแค่ท่านมีบัตรนี้
เวลาจะขึ้นรถไฟก็เอาบัตรไปแตะตรงทางกั้น
หรือต้องการจะขึ้นรถเมล์ก็เอาไปแตะทางทางขึ้น
ซื้อเบียร์ในมินิมาร์ทแต่ลืมดูราคาก็เอาไปแตะตรงที่แสกนที่แคชเชียร์
ทุกอย่างก็จะผ่านไปได้แบบเดินสวยๆออกมากอย่างงดงามในกรณีที่มีเงินในบัตรพอ
นี่มันสายใช้เงินแก้ปัญหาชัดๆ! สมองนุ่มนิ่มแต่เงินในบัตรเราแน่นนะแจ๊ะ
สรุปแล้วบัตรน้องหมึกนั้นคือบัตรแทนเงินสดที่สามารถใช้จ่ายได้เกือบทุกอย่างในประเทศฮ่องกงนี้ ส่วนเวลาจะเติมเงินนั้นถ้ารู้สึกว่า ไม่อยากคุยกับพนักงาน ก็สามารถเติมเงินลงบัตรผ่านเครื่องเติมเงินอัตโนมัติตามสถานีรถไฟทั่วไปได้อย่างง่ายดาย
อังกฤษไม่แกร่งก็ใช้เงินแก้ปัญหาไปสิฟะ!!!!
ปัญหาแรกเลยก็คือซื้อบัตรนี้ที่ไหน?
หมู : ตัวๆ เค้าว่าถามคนแถวนี้ดีกว่ามั้ย ว่าต้องไปซื้อบัตรที่ไหนอะ
บะเฮ้ยยยยยย อย่าดูถูกกกกกกกกกก ก่อนมาคนเค้าศึกษา ถงถามอะไร ไร้สาระ มันคือเสียศักดิ์ศรีของมนุษยชาติชาวไทย จงเชื่อมั่นและตามข้าพเจ้ามา นั่นไง ตู้ขายบัตรอัตโนมัติ ตรงก่อนประตูทางออกจากสนามบิน เนี่ยยยย เราไม่ยอมศึกษาอะ ต้องให้สอนตลอดดดด ใช้เทคโนโลยีให้เป็นประโยชน์ดิ๊
เดินไปที่หน้าตู้กดราคาบัตรและวงเงินที่ต้องการจะซื้อ กด Next รัวๆแบบโบ๊ะบ๊ะๆๆ แล้วสุดท้ายก็คือแสกน QRCODE เพื่อจ่ายเงินไง๊
QR CODE
เอ๊อะ
โค้ด
โค้ด
CODE อาร๊ายยยยยยยยยยยย
วิ่งหนีออกมาตั้งหลักแป๊ป
สุดท้ายแล้วสำหรับผู้ใดที่ต้องการซื้อบัตร Octopus ด้วยเงินสดจะมีเคาท์เตอร์ขาดบัตรอยู่ตรงหลังจากออกมาจาก GATE อยู่ฮะ เลือกสรรตามอัธยาศัย โดยในส่วนที่ผมกับเจ้าหมูเลือกนั้นคือ บัตรราคา 150 HKD โดยจะประกอบไปด้วยเงินในบัตรมูลค่า 100 HKD และค่าเช่าบัตร 50 HKD ซึ่งจะสามารถแลกบัตรเะื่อเอาเงินคืนได้ในภายหลัง
ปัญหาแรกเคลียแล้ว ปัญหาต่อมาก็คือป้ายรถเมล์ โดยการเดินไปยังป้ายรถเมลล์นั้นหาได้ง่ายแบบจัดๆ แค่เดินออกมาจากตัวสนามบินก็จะเจอป้ายบอกทางเลย ก็ให้เราเดินตามป้ายมาเรื่อยๆ โดยการหาข้อมูลมาจากไทยนั้น จุดที่ใกล้ที่พักที่สุดก็คือสถานี …………… ว่าแล้วก็มุ่งหน้าไปยังท่ารถเมล์สาย A 21 ลูกหมู่ทั้งหลาย ตามข้าพเจ้ามา!!
การขึ้นรถเมลล์ของที่ฮ่องกงนั้นให้ยึดหลักที่ว่า ให้ขึ้นทางประตูหน้าและลงตรงประตูกลาง โดยทันทีที่ขึ้นมาปั๊ปสังเกตุตรงหน้าคนขับผู้หน้าบึ้งเป็นตูดเหมือนพึ่งทะเลาะกับเมียที่บ้านมาให้ดี จะมีแท่นหน้าตาแปลกๆที่หาดูที่บ้านเราไม่ได้ นั่นก็คือเครื่องตรื๊ดบัตรน้องหมึกของเรานี่เอง วิธีการนั้นก็ให้ทำการเอาบัตรน้องหมึกของเราไปแตะและก็เดินเฉิดฉายขึ้นไปหาที่นั่งได้ โดยสำหรับรถเมลล์สายนี้นั้นราคาอยู่ที่ 33 HKDตลอดสายหรือตีเป็นเงินไทยก็ประมาณ………..142 บาท……….
142 บาท…………..
รถเมล์ 142 บาทเลยนะเฮ๊ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
และสำหรับใครที่นำกระเป๋าใบใหญ่มาหลังจากที่ตรื๊ดน้องหมึกไปแล้วก็จะมีช่องสำหรับวางสัมภาระอยู่ ก็สามารถนำไปวางทิ้งเอาไว้ได้เลย และสำหรับคนที่อยากจะนั่งชั้นสองของรถเมลล์แต่กังวลเหลือเกินว่ากระเป๋าของเราที่วางไว้ข้างล่างนั้นอาจจะโดนหิ้วลักพาตัวหายไปซะดื้อๆบรรลัยตั้งแต่ช่วงแรกของทริปก็ไม่ต้องเป็นห่วงไป เพราะบริเวณชั้นสองนั้นจะมีจอจากกล้องวงจรปิดจับภาพของช่องเก็บสัมภาระให้ดูอยู่ตลอดครับ
เลิ้กลั้กๆ
สำหรับมนุษย์ดื้อหนีสังคมที่มาเที่ยวแล้วไม่ยอมซื้อซิมอินเตอร์เน็ตแบบผม ไม่ต้องกังวลว่าเราจะรู้ได้ยังไงว่าตอนนี้ถึงสถานีไหนแล้ว สมควรกดลงหรือยัง เพราะบริเวณหน้ารถจะมีจอ LED แสดงให้เราดูว่าป้ายหน้านั้นคือสถานีอะไร ถ้าต้องการจะลงก็แค่กดปุ่มที่อยู่เหนือหัวด้านข้างๆเราเพื่อแสดงเจตจำนงล่วงหน้าแค่นั้นเป็นอันจบพิธี
ปัญหาต่อมา เอ๊าาาา แล้วเราจะรู้ได้ยังไงว่าต้องลงสถานีไหนฟะ!! หลังกกหูไม่ได้ฝัง Module GPS เอาไว้นะโง้ยยยย จะได้กางเสาสัญญาณบนหัวเพื่อหาตำแหน่งปัจจุบันได้ แต่ช้าก่อนสหายข้า!!! ความกังวลหายไปเป็นปลิดทิ้งเมื่อได้เห็นป้ายแปะอยู่หลังเบาะคนข้างหน้าว่าฟรี WIFI ว่ะเฮ้ย บาก่ะน่ะ ของฟรีไม่มีอยู่จริงบนโลกนี้หรอก หรือถึงฟรีจริงมันคงใช้ยากจัดๆแบบต้องลงทะเบียนนู่นนี่นั่น อย่ามาหลอกซะให้ยาก ไม่เชื่อคนง่ายหรอกเฟ้ย ไหนลองต่อดิ๊
บ๊ะ ภาษาอังกฤษ มีความเป็นมิตรกับชาวต่างชาติ
บ๊ะ ไม่ต้องใช้ PASSWORD มีความเป็นมิตรกับผู้โดยสาร
.
.
.
เอ๊า ต่อได้เฉย
บ๊ะ เน็ตมันแรงกว่าเน็ตที่บ้านอีกว่ะเฮ้ย เจ็บใจจังโว้ยยยยย
สำหรับรถเมลล์จากสนามบินเข้าตัวเมืองเอาไปสามกระโหลก!!!!
หลังจากตัวรถพาเราวิ่งดุ่ยๆบนถนนกลางทะเลมาได้ซักพักก็จะเริ่มเข้าสู่ตัวเมืองซึ่งสามารถพูดได้เต็มปากเลยว่าเมืองแห่งนี้นั้นสว่างไสวและเจิดจ้าจนตาแทบบอด นี่ขนาดเกือบๆสามทุ่มย่านนี้คนยังแน่น แต่ก่อนอื่นเลยที่จะไปหาอะไรกินกันก็ต้องเอากระเป๋าไปเช็คอินที่พักในคืนนี้กันก่อน
PP PLACE
ห้องพักที่จองจากอโกด้ามาตั้งแต่อยู่เมืองไทยด้วยราคา 700 กว่าบาทต่อคืน ซึ่งหารสองกันไปก็ตกคนละ 350 กว่าบาท เจอราคาขนาดนี้ไม่เอาได้ยังไงล่ะเฮ้ยยย โดยหลังจากที่คุณจ่ายเงินกับจองไปแล้ว ทางโรงแรมจะส่งเมลล์ที่บอกรหัสสำหรับผ่านประตูล็อคดิจิตัลมาให้ทางเมลล์ภายหลัง ซึ่งในเมลล์เอ็งมันใช้ชื่อที่พักเป็นชื่ออื่น (bee packer) ตอนนั้นเหวอไปเลยจ้า แบบใครแฮ็ก ID ตูไปจองที่พักรึเปล่าฟะ?
ข้อดี
1. ตั้งมันอยู่กลางดง จิม ซา จุ่ย ชนิดที่จุ่มลงไปเลย
2. ราคาถูกจัดๆ เมื่อเทียบกับทำเล
3. มีน้ำเปล่าให้ด้วยนะเออ
ข้อเสีย
1. ลิฟต์น่ากลัวชิบผาย ยังกับหลุดออกมาจากหนังสยอง
2. ห้องแคบจัดๆ เตียงหนึ่งเตียงกับทีวีก็เต็มพื้นที่ห้องไปเรียบร้อย
3. ห้องนอนว่าแคบแล้ว ห้องน้ำแคบกว่าอี๊ก ขยับตัวแต่ละทีนี่แทบจะลื่นหัวทิ่มลงชักโครกทุกฝีเก้า
4. Wifi แย่จัดๆชนิดที่ผมต้องไปยืนเอาหัวจุ่มประตูถึงจะมีสัญญาณขึ้นมาขีดนึง
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
5. จงนิยามคำว่าห้องน้ำแยก 10 คะแนน ปฏิบัติ ติกตอกๆๆๆ สำหรับที่นี่ห้องน้ำแยกก็คือห้องน้ำไม่ต้องไปใช้รวมกับแขกคนอื่น.............แต่ต้องไปใช้รวมกับผู้ดูแลหอพักผู้ซึ่งป้าแกบอกว่า ป้าก็ไม่ได้ใช้บ่อยหรอก แต่ยังไงก็ฟังเสียงน้ำไว้หน่อยละกันนะ ว่าป้าใช้อยู่รึเปล่า == นี่คืออาร๊ายยย
[CR] Hong kong 4 วัน 4 คืน แบกเป้แบบมนุษย์เงินเดือนไถๆด้วยใจสั่น ภายในงบหมื่นเหลือเงินกลับบ้าน
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
หมู : เธอๆ จำตั๋วเครื่องบินไปฮ่องกงที่เราจองไว้ตอนต้นปีได้ปะ
ผม : จำได้ดิ ทำไมหรอ
ผมตอบกลับไปโดยที่ตากับมือข้างนึงยังรูดปรื๊ดๆอยู่บนมือถือพร้อมกับยื่นมืออีกข้างที่ว่างอยู่ไปรับโทรศัพท์ที่เจ้าหมูยื่นมาให้
ผมกวาดตามองแบบผ่านๆและส่งมือถือกลับไป
ผม : อือ ประท้วงกับปิดสนามบินเอง ไม่เห็นมีอะไรเลย………………
ว๊อทเดอะฟรุ๊ค!!
ไม่มีอะไรเลยก็บ้าแล้วววววว
บากะน่ะ แต่เดี๋ยวทิ้งช่วงไปสถานการณ์คงเพลาๆไปเองแหละ ผมพูดปลอบใจเจ้าหมูกับปลอบใจตัวเองทั้งที่จิตวิญญาณข้างในนี่เหงื่อแตกพลั้กๆยิ่งกว่าน้ำตกเขื่อนแตก
จนเวลาผ่านไปจนถึงหนึ่งอาทิตย์ก่อนเดินทาง
บร้ะ! ซาไปจริงๆด้วย เป็นไงล่ะ ข้ารู้ข้าเห็น นี่คำนวนเอาไว้หมดแล้ว โว๊ะ ไม่เห็นน่ากลัว
ความมั่นใจกับความปิติยินดีของผมมันเปี่ยมล้นจนแทบจะทะลักอแกมาทางลูกกะตาจนกระทั่ง
หมู : ตัวๆ เห็นไอ้นี่ยัง
ผมรับมือถือเจ้าหมูมาแบบชิลจัดๆ ฟ้าดลใจให้ได้ไปเที่ยวขนาดนี้แล้ว พญาช้างก็หยุดตูสองคนไม่ได้ล่ะเฟ้ย
.
.
.
.
.
ที่ฮ่องกงตำรวจใช้กระสุนจริงกันแล้วโว้ยยยยยยยยย
18 กันยายน 2562 - 21 กันยายน 2562
1.เวลาของฮ่องกงจะเร็วกว่าไทย 1 ชม.
2.ตอนผมไปเรทค่าเงินอยู่ที่ 1HKD = 3.97 บาทถ้าคิดถ้วนๆก็คือคูณ 4 เข้าไปโต้งๆนี่เลยแหละ
3.เจ้าของมู้ไปช่วงกลางเดือนกันยายน……… ยังกับทำบาปมาเยอะ แดดนี่ยังกับอยู่ในนรก พ่อเอ๊ยยย
4. ฯลฯ……………….. และอื่นๆนี่คืออะไรฟะ
เอาเป็นว่านึกอะไรออกจะแทรกเข้ามาให้เรื่อยๆครั่บ
ทำไมมันชุ่ยจังโง้ยยยย
A : โหพี่ ความมั่นใจหลักหมื่น แสดงว่าหาข้อมูลมาอย่างดี แบบว่าพุ่งซ้าย หลบขวา การชุมนุมไม่เป็นอุปสรรคจนมั่นใจเต็มเปี่ยมขึ้นหลักหมื่น สุดยอดแห่งนักวางแผนแห่งทีมยุคจริมๆ
ซะที่ไหนล่ะโว้ยยยย หลักหมื่นนี่คือเหงื่อในมือตูที่กำพาสปอร์ตอยู่นี่แหละโง้ยยยยยยยยย ก้าวขาเข้าประเทศเข้าด้วยความเลิ้กลั้กๆเลเวลร้อย ชนิดที่ว่าถ้ามีคนตะโกนโพล่งขึ้นมานี่คือจะควักพินัยกรรมที่เขียนเตรียมจากไทยไว้ขึ้นมากอดแนบอกทันที คือต้องบอกว่าผมค่อนข้างมั่นใจว่ามนุษย์เพศผู้ส่วนใหญ่ในตู้เสื้อผ้าโง่ๆของเผ่าพันธุ์นี่ ร้อยละ 80 มันมีแต่สีขาวกับสีดำ ซึ่ง……………..ไอ้สองสีนี้ผู้ประท้วงก็นัดใส่ไปชุมนุมกันอย่างกับสวรรค์แกล้ง หลอนจัดๆมิใช่น้อย วางแผนเที่ยวครึ่งชั่วโมง หาเสื้อใส่อยู่ 2 วัน ไอ้บ้าเอ๊ย
แต่ด้วยความชาญฉลาดเข้าขั้นแม็กซิมั่มของผม ทำให้รู้มาว่าในประเทศฮ่องกง การเดินทางหรือการใช้ชีวิตรอดส่วนใหญ่มีไอเท็มชิ่นหนึ่งที่สามารถอำนวยความสะดวกได้อย่างชั้นสุดอยู่ชิ้นหนึ่ง ซึ่งไอเท็มที่ว่านั่นก็คืออออออออออออออออ
บัตรน้องหมึกแทนเงินสดที่แทนได้ทุกอย่างจริงๆตั้งแต่ซื้อของในมินิมาร์ท ค่ารถไฟ ค่ารถบัส ยันดาวเทียมทหารบนวงโคจร(เว่อร์ป๊ายยยย) และหากท่านกำลังประสบปัญหาไม่รู้ค่ารถไฟ หรือค่ารถบัสในการเดินทางใช่หรือไม่ บัตรนี้คือคำตอบ!!!!!! ขอแค่ท่านมีบัตรนี้
เวลาจะขึ้นรถไฟก็เอาบัตรไปแตะตรงทางกั้น
หรือต้องการจะขึ้นรถเมล์ก็เอาไปแตะทางทางขึ้น
ซื้อเบียร์ในมินิมาร์ทแต่ลืมดูราคาก็เอาไปแตะตรงที่แสกนที่แคชเชียร์
ทุกอย่างก็จะผ่านไปได้แบบเดินสวยๆออกมากอย่างงดงามในกรณีที่มีเงินในบัตรพอ
นี่มันสายใช้เงินแก้ปัญหาชัดๆ! สมองนุ่มนิ่มแต่เงินในบัตรเราแน่นนะแจ๊ะ
สรุปแล้วบัตรน้องหมึกนั้นคือบัตรแทนเงินสดที่สามารถใช้จ่ายได้เกือบทุกอย่างในประเทศฮ่องกงนี้ ส่วนเวลาจะเติมเงินนั้นถ้ารู้สึกว่า ไม่อยากคุยกับพนักงาน ก็สามารถเติมเงินลงบัตรผ่านเครื่องเติมเงินอัตโนมัติตามสถานีรถไฟทั่วไปได้อย่างง่ายดาย
อังกฤษไม่แกร่งก็ใช้เงินแก้ปัญหาไปสิฟะ!!!!
ปัญหาแรกเลยก็คือซื้อบัตรนี้ที่ไหน?
หมู : ตัวๆ เค้าว่าถามคนแถวนี้ดีกว่ามั้ย ว่าต้องไปซื้อบัตรที่ไหนอะ
บะเฮ้ยยยยยย อย่าดูถูกกกกกกกกกก ก่อนมาคนเค้าศึกษา ถงถามอะไร ไร้สาระ มันคือเสียศักดิ์ศรีของมนุษยชาติชาวไทย จงเชื่อมั่นและตามข้าพเจ้ามา นั่นไง ตู้ขายบัตรอัตโนมัติ ตรงก่อนประตูทางออกจากสนามบิน เนี่ยยยย เราไม่ยอมศึกษาอะ ต้องให้สอนตลอดดดด ใช้เทคโนโลยีให้เป็นประโยชน์ดิ๊
เดินไปที่หน้าตู้กดราคาบัตรและวงเงินที่ต้องการจะซื้อ กด Next รัวๆแบบโบ๊ะบ๊ะๆๆ แล้วสุดท้ายก็คือแสกน QRCODE เพื่อจ่ายเงินไง๊
QR CODE
เอ๊อะ
โค้ด
โค้ด
CODE อาร๊ายยยยยยยยยยยย
วิ่งหนีออกมาตั้งหลักแป๊ป
สุดท้ายแล้วสำหรับผู้ใดที่ต้องการซื้อบัตร Octopus ด้วยเงินสดจะมีเคาท์เตอร์ขาดบัตรอยู่ตรงหลังจากออกมาจาก GATE อยู่ฮะ เลือกสรรตามอัธยาศัย โดยในส่วนที่ผมกับเจ้าหมูเลือกนั้นคือ บัตรราคา 150 HKD โดยจะประกอบไปด้วยเงินในบัตรมูลค่า 100 HKD และค่าเช่าบัตร 50 HKD ซึ่งจะสามารถแลกบัตรเะื่อเอาเงินคืนได้ในภายหลัง
ปัญหาแรกเคลียแล้ว ปัญหาต่อมาก็คือป้ายรถเมล์ โดยการเดินไปยังป้ายรถเมลล์นั้นหาได้ง่ายแบบจัดๆ แค่เดินออกมาจากตัวสนามบินก็จะเจอป้ายบอกทางเลย ก็ให้เราเดินตามป้ายมาเรื่อยๆ โดยการหาข้อมูลมาจากไทยนั้น จุดที่ใกล้ที่พักที่สุดก็คือสถานี …………… ว่าแล้วก็มุ่งหน้าไปยังท่ารถเมล์สาย A 21 ลูกหมู่ทั้งหลาย ตามข้าพเจ้ามา!!
การขึ้นรถเมลล์ของที่ฮ่องกงนั้นให้ยึดหลักที่ว่า ให้ขึ้นทางประตูหน้าและลงตรงประตูกลาง โดยทันทีที่ขึ้นมาปั๊ปสังเกตุตรงหน้าคนขับผู้หน้าบึ้งเป็นตูดเหมือนพึ่งทะเลาะกับเมียที่บ้านมาให้ดี จะมีแท่นหน้าตาแปลกๆที่หาดูที่บ้านเราไม่ได้ นั่นก็คือเครื่องตรื๊ดบัตรน้องหมึกของเรานี่เอง วิธีการนั้นก็ให้ทำการเอาบัตรน้องหมึกของเราไปแตะและก็เดินเฉิดฉายขึ้นไปหาที่นั่งได้ โดยสำหรับรถเมลล์สายนี้นั้นราคาอยู่ที่ 33 HKDตลอดสายหรือตีเป็นเงินไทยก็ประมาณ………..142 บาท……….
142 บาท…………..
รถเมล์ 142 บาทเลยนะเฮ๊ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
และสำหรับใครที่นำกระเป๋าใบใหญ่มาหลังจากที่ตรื๊ดน้องหมึกไปแล้วก็จะมีช่องสำหรับวางสัมภาระอยู่ ก็สามารถนำไปวางทิ้งเอาไว้ได้เลย และสำหรับคนที่อยากจะนั่งชั้นสองของรถเมลล์แต่กังวลเหลือเกินว่ากระเป๋าของเราที่วางไว้ข้างล่างนั้นอาจจะโดนหิ้วลักพาตัวหายไปซะดื้อๆบรรลัยตั้งแต่ช่วงแรกของทริปก็ไม่ต้องเป็นห่วงไป เพราะบริเวณชั้นสองนั้นจะมีจอจากกล้องวงจรปิดจับภาพของช่องเก็บสัมภาระให้ดูอยู่ตลอดครับ
เลิ้กลั้กๆ
สำหรับมนุษย์ดื้อหนีสังคมที่มาเที่ยวแล้วไม่ยอมซื้อซิมอินเตอร์เน็ตแบบผม ไม่ต้องกังวลว่าเราจะรู้ได้ยังไงว่าตอนนี้ถึงสถานีไหนแล้ว สมควรกดลงหรือยัง เพราะบริเวณหน้ารถจะมีจอ LED แสดงให้เราดูว่าป้ายหน้านั้นคือสถานีอะไร ถ้าต้องการจะลงก็แค่กดปุ่มที่อยู่เหนือหัวด้านข้างๆเราเพื่อแสดงเจตจำนงล่วงหน้าแค่นั้นเป็นอันจบพิธี
ปัญหาต่อมา เอ๊าาาา แล้วเราจะรู้ได้ยังไงว่าต้องลงสถานีไหนฟะ!! หลังกกหูไม่ได้ฝัง Module GPS เอาไว้นะโง้ยยยย จะได้กางเสาสัญญาณบนหัวเพื่อหาตำแหน่งปัจจุบันได้ แต่ช้าก่อนสหายข้า!!! ความกังวลหายไปเป็นปลิดทิ้งเมื่อได้เห็นป้ายแปะอยู่หลังเบาะคนข้างหน้าว่าฟรี WIFI ว่ะเฮ้ย บาก่ะน่ะ ของฟรีไม่มีอยู่จริงบนโลกนี้หรอก หรือถึงฟรีจริงมันคงใช้ยากจัดๆแบบต้องลงทะเบียนนู่นนี่นั่น อย่ามาหลอกซะให้ยาก ไม่เชื่อคนง่ายหรอกเฟ้ย ไหนลองต่อดิ๊
บ๊ะ ภาษาอังกฤษ มีความเป็นมิตรกับชาวต่างชาติ
บ๊ะ ไม่ต้องใช้ PASSWORD มีความเป็นมิตรกับผู้โดยสาร
.
.
.
เอ๊า ต่อได้เฉย
บ๊ะ เน็ตมันแรงกว่าเน็ตที่บ้านอีกว่ะเฮ้ย เจ็บใจจังโว้ยยยยย
สำหรับรถเมลล์จากสนามบินเข้าตัวเมืองเอาไปสามกระโหลก!!!!
หลังจากตัวรถพาเราวิ่งดุ่ยๆบนถนนกลางทะเลมาได้ซักพักก็จะเริ่มเข้าสู่ตัวเมืองซึ่งสามารถพูดได้เต็มปากเลยว่าเมืองแห่งนี้นั้นสว่างไสวและเจิดจ้าจนตาแทบบอด นี่ขนาดเกือบๆสามทุ่มย่านนี้คนยังแน่น แต่ก่อนอื่นเลยที่จะไปหาอะไรกินกันก็ต้องเอากระเป๋าไปเช็คอินที่พักในคืนนี้กันก่อน
ข้อดี
1. ตั้งมันอยู่กลางดง จิม ซา จุ่ย ชนิดที่จุ่มลงไปเลย
2. ราคาถูกจัดๆ เมื่อเทียบกับทำเล
3. มีน้ำเปล่าให้ด้วยนะเออ
ข้อเสีย
1. ลิฟต์น่ากลัวชิบผาย ยังกับหลุดออกมาจากหนังสยอง
2. ห้องแคบจัดๆ เตียงหนึ่งเตียงกับทีวีก็เต็มพื้นที่ห้องไปเรียบร้อย
3. ห้องนอนว่าแคบแล้ว ห้องน้ำแคบกว่าอี๊ก ขยับตัวแต่ละทีนี่แทบจะลื่นหัวทิ่มลงชักโครกทุกฝีเก้า
4. Wifi แย่จัดๆชนิดที่ผมต้องไปยืนเอาหัวจุ่มประตูถึงจะมีสัญญาณขึ้นมาขีดนึง
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
5. จงนิยามคำว่าห้องน้ำแยก 10 คะแนน ปฏิบัติ ติกตอกๆๆๆ สำหรับที่นี่ห้องน้ำแยกก็คือห้องน้ำไม่ต้องไปใช้รวมกับแขกคนอื่น.............แต่ต้องไปใช้รวมกับผู้ดูแลหอพักผู้ซึ่งป้าแกบอกว่า ป้าก็ไม่ได้ใช้บ่อยหรอก แต่ยังไงก็ฟังเสียงน้ำไว้หน่อยละกันนะ ว่าป้าใช้อยู่รึเปล่า == นี่คืออาร๊ายยย
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้