1. ฟาบินโญ่ อีกหนึ่งอาวุธในการทลายเเนวรับคู่ต่อสู้
เป็นอีกเกมที่มิดฟิลด์ชาวบราซิลคนนี้ต้องทำงานอย่างหนัก ทั้งการรับมือนักเตะตัวรุกของสเปอร์เเละการขึ้นบอลในเเนวรุก ในขณะที่ไวจ์นาลดุมเเละเฮนโด้ไม่สามารถสร้างสรรค์โอกาสได้มากนัก ก็ได้ฟาบินโญ่นี่เเหละที่คอยตักบอลสร้างสรรค์โอกาสให้นักเตะตัวรุก เช่น จังหวะได้ประตู 1-1 ที่เขาตักบอลข้ามแผงเเบ็คโฟร์ของสเปอร์ให้เฮนโด้วอลเล่ย์ด้วยซ้ายเสียบเสาสอง
แม้ใน whoscored ฟาบินโญ่จะได้ไปเเค่ 7.4 คะเเนน เเต่ในมุมมองของผม นัดนี้เขาคือ Man of the Match เเละเป็นคนที่ทีมขาดไม่ได้เลย ขออย่าเจ็บอย่าป่วยนะฟาบินโญ่
2. เมื่อสเปอร์เปิดพื้นที่ด้านข้าง
ความเเตกต่างที่ชัดเจนระหว่างนัดที่เจอกับเเมนยูเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมากับนัดนี้ คือ การที่สเปอร์ค่อนข้างเปิดพื้นที่ด้านข้าง ซึ่งเป็นเหตุให้วิงเเบ็คของลิเวอร์พูลอย่างอาร์โนลเเละโรเบิร์ตสันมีโอกาสขึ้นมาเติมเกมกันอย่างเมามันส์ โดยเฉพาะเทรนท์ที่ได้ครอสบอลร่วม 20 ครั้ง เเบ่งเป็น Key Pass ถึง 6 ครั้ง ทั้งที่ในเกมที่ผ่านมาเขาครอสบอลไม่เข้าเป้าเลยเเม้เเต่ครั้งเดียว
ทำให้ตอนนี้เทรนท์ได้กลายมาเป็นนักเตะที่มีค่า Key Pass สูงสุดเป็นอันดับ 2 ของลีก (3.7 ครั้งต่อเกม) เป็นรองเพียงเเค่เควิน เดอบรอย จอมทัพของเเมนซิตี้ (4 ครั้งต่อเกม) เเละถ้านับเฉพาะตำเเหน่งกองหลัง นี่คือนักเตะที่สร้างสรรค์โอกาสทองได้มากที่สุดเเล้ว จะบอกว่าลิเวอร์พูลใช้เเบ็คเป็นเพลย์เมกเกอร์ก็ไม่ผิดนัก
3. โชคเข้าข้างอีกครั้ง
หลายเกมที่ผ่านมา มีหลายจังหวะที่เเฟนๆเดอะค็อปคงมีความรู้สึกว่า เทพีเเห่งโชคมักจะเข้าข้างพวกเราเสียจริงๆ ไม่เว้นเเม้เเต่นัดนี้ เเม้จะโดนนำไปก่อนเเบบโชคร้าย ที่ลูกยิงของซอนแฉลบหัวลอฟเรนเเละไปชนคาน ทำให้เคนได้ส้มหล่นโหม่งประตูขึ้นนำ
เเต่ในครึ่งหลัง จังหวะที่ผมคิดว่าส่งผลต่อรูปเกมเเละกำลังใจของทีมมากที่สุด ก็คือจังหวะที่กาซซานิกาเปิดยาวจากหน้าประตูฝั่งตัวเอง บอลไปตกที่ซอน เขากระชากเข้าหาอลิซซอนเเละเเตะหลบก่อนที่จะยิงบอลไปชนคานอย่างจัง หากลูกนี้เป็นประตู ผมคิดว่าลิเวอร์พูลอาจจะเเพ้นัดเเรกในแอนฟิลด์ในรอบ 40 กว่านัดเลยก็เป็นได้ ดังนั้น ต้องขอบคุณโชคที่เรามีจริงๆ
4. ไหวพริบและความมุมานะของมาเน่
เเม้เกมนี้จะเป็นเกมที่มาเน่โชว์ฟอร์มได้ไม่ดีนัก แต่ด้วยความขยันของเขาทำให้ทีมสามารถพลิกกลับมาเก็บชัยในแอนฟิลด์ได้ ลูกนี้จะบอกว่าเหมือนเป็นการฉายภาพซ้ำจากนัดชนะเลสเตอร์ก็ไม่ผิด เมื่อมาเน่รับบอลจากการตักฟาบินโญ่ ด้านหลังมีออริเย่ไล่กวดตามมา หลังจากนั้นเหมือนมาเน่จะเสียเหลี่ยมไปเเล้ว เเต่เขากลับเเหย่เท้าไปอยู่ด้านหน้าออริเย่ทำให้โดนเตะเข้าเต็มๆ เเละเป็นจุดโทษในทันที
เป็นซาล่าห์ที่สังหารลูกจุดโทษเข้าไปอย่างเด็ดขาด ขอบคุณนะซาดิโอ!
5. กาซซานิก้า!
ผู้เล่นที่โดดเด่นที่สุดของทางฝั่งสเปอร์ น่าจะเป็นนายทวารสำรองอย่าง เปาโล กาซซานิก้า ที่เซฟไปร่วม 12 ครั้ง โดยมีจังหวะสำคัญๆ เช่น การเซฟลูกยิงของซาล่าห์เเละลูกซ้ำของฟิมีร์โน่ ลูกยิงติดจรวดของเทรนท์ รวมไปถึงลูกโหม่งของฟาน ไดจ์
เเม้ก่อนหน้านี้ ฟอร์มของกาซซานิก้าจะไม่ดีนัก (เช่น นัดที่เเพ้ไบรจ์ตัน) เเต่ผมคิดว่านัดนี้อาจจะเป็นจุดเปลี่ยนของเขา เเละส่งผลให้ยอริสอาจจะมีร้อนๆหนาวๆกันบ้าง
5 ข้อที่ได้จากเกม ลิเวอร์พูล 2-1 สเปอร์
1. ฟาบินโญ่ อีกหนึ่งอาวุธในการทลายเเนวรับคู่ต่อสู้
เป็นอีกเกมที่มิดฟิลด์ชาวบราซิลคนนี้ต้องทำงานอย่างหนัก ทั้งการรับมือนักเตะตัวรุกของสเปอร์เเละการขึ้นบอลในเเนวรุก ในขณะที่ไวจ์นาลดุมเเละเฮนโด้ไม่สามารถสร้างสรรค์โอกาสได้มากนัก ก็ได้ฟาบินโญ่นี่เเหละที่คอยตักบอลสร้างสรรค์โอกาสให้นักเตะตัวรุก เช่น จังหวะได้ประตู 1-1 ที่เขาตักบอลข้ามแผงเเบ็คโฟร์ของสเปอร์ให้เฮนโด้วอลเล่ย์ด้วยซ้ายเสียบเสาสอง
แม้ใน whoscored ฟาบินโญ่จะได้ไปเเค่ 7.4 คะเเนน เเต่ในมุมมองของผม นัดนี้เขาคือ Man of the Match เเละเป็นคนที่ทีมขาดไม่ได้เลย ขออย่าเจ็บอย่าป่วยนะฟาบินโญ่
2. เมื่อสเปอร์เปิดพื้นที่ด้านข้าง
ความเเตกต่างที่ชัดเจนระหว่างนัดที่เจอกับเเมนยูเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมากับนัดนี้ คือ การที่สเปอร์ค่อนข้างเปิดพื้นที่ด้านข้าง ซึ่งเป็นเหตุให้วิงเเบ็คของลิเวอร์พูลอย่างอาร์โนลเเละโรเบิร์ตสันมีโอกาสขึ้นมาเติมเกมกันอย่างเมามันส์ โดยเฉพาะเทรนท์ที่ได้ครอสบอลร่วม 20 ครั้ง เเบ่งเป็น Key Pass ถึง 6 ครั้ง ทั้งที่ในเกมที่ผ่านมาเขาครอสบอลไม่เข้าเป้าเลยเเม้เเต่ครั้งเดียว
ทำให้ตอนนี้เทรนท์ได้กลายมาเป็นนักเตะที่มีค่า Key Pass สูงสุดเป็นอันดับ 2 ของลีก (3.7 ครั้งต่อเกม) เป็นรองเพียงเเค่เควิน เดอบรอย จอมทัพของเเมนซิตี้ (4 ครั้งต่อเกม) เเละถ้านับเฉพาะตำเเหน่งกองหลัง นี่คือนักเตะที่สร้างสรรค์โอกาสทองได้มากที่สุดเเล้ว จะบอกว่าลิเวอร์พูลใช้เเบ็คเป็นเพลย์เมกเกอร์ก็ไม่ผิดนัก
3. โชคเข้าข้างอีกครั้ง
หลายเกมที่ผ่านมา มีหลายจังหวะที่เเฟนๆเดอะค็อปคงมีความรู้สึกว่า เทพีเเห่งโชคมักจะเข้าข้างพวกเราเสียจริงๆ ไม่เว้นเเม้เเต่นัดนี้ เเม้จะโดนนำไปก่อนเเบบโชคร้าย ที่ลูกยิงของซอนแฉลบหัวลอฟเรนเเละไปชนคาน ทำให้เคนได้ส้มหล่นโหม่งประตูขึ้นนำ
เเต่ในครึ่งหลัง จังหวะที่ผมคิดว่าส่งผลต่อรูปเกมเเละกำลังใจของทีมมากที่สุด ก็คือจังหวะที่กาซซานิกาเปิดยาวจากหน้าประตูฝั่งตัวเอง บอลไปตกที่ซอน เขากระชากเข้าหาอลิซซอนเเละเเตะหลบก่อนที่จะยิงบอลไปชนคานอย่างจัง หากลูกนี้เป็นประตู ผมคิดว่าลิเวอร์พูลอาจจะเเพ้นัดเเรกในแอนฟิลด์ในรอบ 40 กว่านัดเลยก็เป็นได้ ดังนั้น ต้องขอบคุณโชคที่เรามีจริงๆ
4. ไหวพริบและความมุมานะของมาเน่
เเม้เกมนี้จะเป็นเกมที่มาเน่โชว์ฟอร์มได้ไม่ดีนัก แต่ด้วยความขยันของเขาทำให้ทีมสามารถพลิกกลับมาเก็บชัยในแอนฟิลด์ได้ ลูกนี้จะบอกว่าเหมือนเป็นการฉายภาพซ้ำจากนัดชนะเลสเตอร์ก็ไม่ผิด เมื่อมาเน่รับบอลจากการตักฟาบินโญ่ ด้านหลังมีออริเย่ไล่กวดตามมา หลังจากนั้นเหมือนมาเน่จะเสียเหลี่ยมไปเเล้ว เเต่เขากลับเเหย่เท้าไปอยู่ด้านหน้าออริเย่ทำให้โดนเตะเข้าเต็มๆ เเละเป็นจุดโทษในทันที
เป็นซาล่าห์ที่สังหารลูกจุดโทษเข้าไปอย่างเด็ดขาด ขอบคุณนะซาดิโอ!
5. กาซซานิก้า!
ผู้เล่นที่โดดเด่นที่สุดของทางฝั่งสเปอร์ น่าจะเป็นนายทวารสำรองอย่าง เปาโล กาซซานิก้า ที่เซฟไปร่วม 12 ครั้ง โดยมีจังหวะสำคัญๆ เช่น การเซฟลูกยิงของซาล่าห์เเละลูกซ้ำของฟิมีร์โน่ ลูกยิงติดจรวดของเทรนท์ รวมไปถึงลูกโหม่งของฟาน ไดจ์
เเม้ก่อนหน้านี้ ฟอร์มของกาซซานิก้าจะไม่ดีนัก (เช่น นัดที่เเพ้ไบรจ์ตัน) เเต่ผมคิดว่านัดนี้อาจจะเป็นจุดเปลี่ยนของเขา เเละส่งผลให้ยอริสอาจจะมีร้อนๆหนาวๆกันบ้าง