1. รุก-รับ ผลัดกันแบก
ในวันที่กองหน้าทำอะไรทีมคู่เเข่งไม่ได้ ก็ยังมีเกมรับที่คอยเป็นปราการอันเเข็งเเกร่งคอยสกัดกั้นเกมรุกของคู่เเข่ง และในวันที่เกมรุกเข้าฝัก กองหลังดันรั่วเหมือนเขื่อนเเตก มองไปแล้วก็เหมือนจะเป็นเรื่องดี เเต่มองอีกนัยน์นึงคือ ในฤดูกาลนี้ ลิเวอร์พูลยังหาจุดสมดุลไม่ได้
ประเด็นที่สำคัญในวันนี้ น่าจะเป็นการขาดหายไปของโจเอล มาติป เพราะโกเมสยังหาฟอร์มเก่งจากฤดูกาลที่เเล้วไม่เจอ ทั้งยังไม่สามารถ cover เพื่อนได้ในหลายๆ ครั้ง มีเหม่อ มีจ่ายมั่ว ส่วน VVD ก็มีพลาดหลายจังหวะ
ส่วนเเบ็คทั้งสองข้าง TAA และ ร็อบโบ้ ดูเหมือนจะหายตัวไปในจังหวะเสียประตูตลอด
เหนือสิ่งอื่นใด วันนี้สามกองหน้าของเราใช้โอกาสที่มีกันอย่างคุ้มค่า จากโอกาสยิงเข้ากรอบเเค่ 5 ครั้ง เเต่เปลี่ยนเป็นประตูได้ถึง 4 ลูก
2. เฮนเดอร์สันฟอร์มดรอป
ปกติเฮนเดอร์สันจะเป็นคนที่คอยตัดบอลได้ค่อนข้างดี แต่ช่วงสองสามนัดที่ผ่านมานี้ เฮนโด้ดูเหมือนจะสับสนกับการยืนตำแหน่งในบางจังหวะ การจ่ายบอลที่เคยทำได้ดีก็ดูสะเปะสะปะ ถ้าไม่รีบเร่งฟอร์มออกมาอาจมีโอกาสเสียตำเเหน่งตัวจริง เพราะมีเกอิต้าเเละแชมเบอร์เลนคอยสอดเเทรกอยู่เเล้ว
จะเห็นได้ว่าตอนทีมโดนตีเสมอ 3-3 คล็อปป์เลือกถอดเฮนโด้ออกเเละให้มิลเนอร์ลงเเทน ทำให้เเดนกลางแน่นขึ้น จนทำให้เราเอาชนะมาได้ในที่สุด
3. การประสานงานของเเบ็คซ้าย-ขวา
ไม่บ่อยนักที่เราจะได้เห็นการประสานงานสวยๆจากผู้เล่นในตำเเหน่งเกมรับ ต้องชมตั้งเเต่การเริ่มต้นออกบอลของโรเบิร์ตสัน เเละสุดท้ายก็เป็นเทรนท์ที่ปาดเข้ามาให้ร็อบโบ้เเท็ปอินจ่อๆเข้าไป
หวังว่าหลังจากนี้จะเห็นการประสานของทั้งคู่กันมากขึ้น เอาไว้เป็นอีกอาวุธลับในยามที่เเนวรุกฟอร์มฝืด
ถ้าโรเบิร์ตสันทำประตูได้มากขึ้น เราอาจจะเห็นเงาของมาร์กอส อลอนโซ่ (เวอร์ชั่นฟอร์มดี) ที่แอนฟิลด์ก็เป็นได้
4. หัวใจนักสู้ของทีมรอง
อย่างไรก็ตาม ก็ต้องชมซัลส์บวร์กที่เเม้จะโดนนำถึง 3-0 เเต่ก็ยังไล่ตีเสมอได้ เรียกได้ว่าโค้ชของซัลส์บวร์กแก้เกมในครึ่งหลังมาดีมาก ครึ่งหลังไม่มีลนลาน เเกะเพรสได้เนียนตาขึ้น มีการเคาะบอลสั้นๆเเละการสอดเข้าไปทำประตูที่รวดเร็ว ถ้าหากกองหน้าตัวเก่งอย่างฮาร์เเลนด์ฟิตสมบูรณ์ คิดว่างานของเจ้าบ้านน่าจะยากกว่านี่เเน่ๆ
สองนักเตะเอเชียอย่างมินามิโนะเเละ อี ชาน ต่างมีฟอร์มที่น่าประทับใจ ถ้าเล่นได้ในระดับนี้ตลอด ซีซั่นหน้าอาจจะมีเซอร์ไพรส์โดนดึงตัวไปเล่นให้กับทีมที่ใหญ่กว่านี้
5. UCL ไม่เคยง่ายเลย
ถ้ายังจำกันได้ ในฤดูกาลที่เเล้ว เกมเยือนในรอบแบ่งกลุ่ม ลิเวอร์พูลไม่ชนะใครเลย โดยเป็นการแพ้รวด 3 นัด
แบ่งเป็น แพ้เร้ดสตาร์ 0-2 เเพ้นาโปลี 0-1 และแพ้ปารีส 1-2
ฤดูกาลนี้ ลิเวอร์พูลเเพ้ในนัดเยือนนัดเเรกไปแล้ว (เเพ้นาโปลี 0-2) ผมมีความรู้สึกว่า บางทีในปีนี้ ทีมที่เข้ารอบอาจจะวัดกันที่ฟอร์มในนัดเยือน เพราะนาโปลีเเละซัลส์บวร์กฟอร์มเเรงจริงๆ โดยเฉพาะซัลว์บวร์กที่ 2 นัดกดไปถึง 9 ลูก
แต่ก็โชคดีที่นาโปลีทำได้เเค่เสมอเกงค์ เรียกได้ว่าลุ้นกันต่อไปยาวๆครับ
ขอบคุณทุกท่านที่อ่านจนจบนะครับ สามารถเเลกเปลี่ยนความคิดเห็นและติชมได้เช่นกันครับ
We've conquered all of Europe
We're never going to stop
From Paris Down To Turkey
We've got to win a lot
But Bob Paisley and Bill Shankly
The fields of Anfield road
We are loyal supporters
And we've come from Liverpool
Allez, Allez, Allez.
Allez, Allez, Allez.
5 ข้อที่ได้จากเกม ลิเวอร์พูล 4-3 ซัลส์บวร์ก
1. รุก-รับ ผลัดกันแบก
ในวันที่กองหน้าทำอะไรทีมคู่เเข่งไม่ได้ ก็ยังมีเกมรับที่คอยเป็นปราการอันเเข็งเเกร่งคอยสกัดกั้นเกมรุกของคู่เเข่ง และในวันที่เกมรุกเข้าฝัก กองหลังดันรั่วเหมือนเขื่อนเเตก มองไปแล้วก็เหมือนจะเป็นเรื่องดี เเต่มองอีกนัยน์นึงคือ ในฤดูกาลนี้ ลิเวอร์พูลยังหาจุดสมดุลไม่ได้
ประเด็นที่สำคัญในวันนี้ น่าจะเป็นการขาดหายไปของโจเอล มาติป เพราะโกเมสยังหาฟอร์มเก่งจากฤดูกาลที่เเล้วไม่เจอ ทั้งยังไม่สามารถ cover เพื่อนได้ในหลายๆ ครั้ง มีเหม่อ มีจ่ายมั่ว ส่วน VVD ก็มีพลาดหลายจังหวะ
ส่วนเเบ็คทั้งสองข้าง TAA และ ร็อบโบ้ ดูเหมือนจะหายตัวไปในจังหวะเสียประตูตลอด
เหนือสิ่งอื่นใด วันนี้สามกองหน้าของเราใช้โอกาสที่มีกันอย่างคุ้มค่า จากโอกาสยิงเข้ากรอบเเค่ 5 ครั้ง เเต่เปลี่ยนเป็นประตูได้ถึง 4 ลูก
2. เฮนเดอร์สันฟอร์มดรอป
ปกติเฮนเดอร์สันจะเป็นคนที่คอยตัดบอลได้ค่อนข้างดี แต่ช่วงสองสามนัดที่ผ่านมานี้ เฮนโด้ดูเหมือนจะสับสนกับการยืนตำแหน่งในบางจังหวะ การจ่ายบอลที่เคยทำได้ดีก็ดูสะเปะสะปะ ถ้าไม่รีบเร่งฟอร์มออกมาอาจมีโอกาสเสียตำเเหน่งตัวจริง เพราะมีเกอิต้าเเละแชมเบอร์เลนคอยสอดเเทรกอยู่เเล้ว
จะเห็นได้ว่าตอนทีมโดนตีเสมอ 3-3 คล็อปป์เลือกถอดเฮนโด้ออกเเละให้มิลเนอร์ลงเเทน ทำให้เเดนกลางแน่นขึ้น จนทำให้เราเอาชนะมาได้ในที่สุด
3. การประสานงานของเเบ็คซ้าย-ขวา
ไม่บ่อยนักที่เราจะได้เห็นการประสานงานสวยๆจากผู้เล่นในตำเเหน่งเกมรับ ต้องชมตั้งเเต่การเริ่มต้นออกบอลของโรเบิร์ตสัน เเละสุดท้ายก็เป็นเทรนท์ที่ปาดเข้ามาให้ร็อบโบ้เเท็ปอินจ่อๆเข้าไป
หวังว่าหลังจากนี้จะเห็นการประสานของทั้งคู่กันมากขึ้น เอาไว้เป็นอีกอาวุธลับในยามที่เเนวรุกฟอร์มฝืด
ถ้าโรเบิร์ตสันทำประตูได้มากขึ้น เราอาจจะเห็นเงาของมาร์กอส อลอนโซ่ (เวอร์ชั่นฟอร์มดี) ที่แอนฟิลด์ก็เป็นได้
4. หัวใจนักสู้ของทีมรอง
อย่างไรก็ตาม ก็ต้องชมซัลส์บวร์กที่เเม้จะโดนนำถึง 3-0 เเต่ก็ยังไล่ตีเสมอได้ เรียกได้ว่าโค้ชของซัลส์บวร์กแก้เกมในครึ่งหลังมาดีมาก ครึ่งหลังไม่มีลนลาน เเกะเพรสได้เนียนตาขึ้น มีการเคาะบอลสั้นๆเเละการสอดเข้าไปทำประตูที่รวดเร็ว ถ้าหากกองหน้าตัวเก่งอย่างฮาร์เเลนด์ฟิตสมบูรณ์ คิดว่างานของเจ้าบ้านน่าจะยากกว่านี่เเน่ๆ
สองนักเตะเอเชียอย่างมินามิโนะเเละ อี ชาน ต่างมีฟอร์มที่น่าประทับใจ ถ้าเล่นได้ในระดับนี้ตลอด ซีซั่นหน้าอาจจะมีเซอร์ไพรส์โดนดึงตัวไปเล่นให้กับทีมที่ใหญ่กว่านี้
5. UCL ไม่เคยง่ายเลย
ถ้ายังจำกันได้ ในฤดูกาลที่เเล้ว เกมเยือนในรอบแบ่งกลุ่ม ลิเวอร์พูลไม่ชนะใครเลย โดยเป็นการแพ้รวด 3 นัด
แบ่งเป็น แพ้เร้ดสตาร์ 0-2 เเพ้นาโปลี 0-1 และแพ้ปารีส 1-2
ฤดูกาลนี้ ลิเวอร์พูลเเพ้ในนัดเยือนนัดเเรกไปแล้ว (เเพ้นาโปลี 0-2) ผมมีความรู้สึกว่า บางทีในปีนี้ ทีมที่เข้ารอบอาจจะวัดกันที่ฟอร์มในนัดเยือน เพราะนาโปลีเเละซัลส์บวร์กฟอร์มเเรงจริงๆ โดยเฉพาะซัลว์บวร์กที่ 2 นัดกดไปถึง 9 ลูก
แต่ก็โชคดีที่นาโปลีทำได้เเค่เสมอเกงค์ เรียกได้ว่าลุ้นกันต่อไปยาวๆครับ
ขอบคุณทุกท่านที่อ่านจนจบนะครับ สามารถเเลกเปลี่ยนความคิดเห็นและติชมได้เช่นกันครับ
We've conquered all of Europe
We're never going to stop
From Paris Down To Turkey
We've got to win a lot
But Bob Paisley and Bill Shankly
The fields of Anfield road
We are loyal supporters
And we've come from Liverpool
Allez, Allez, Allez.
Allez, Allez, Allez.