เกมเมื่อคืนกับเบิร์นลี่ถือว่าเป็นเกมที่ค่อนข้างตึงมือนิดนึงเลยทีเดียว เพราะเวลาผมเห็นเบิร์นลี่เล่นทีไร ทำให้นึกถึงสวอนซีเล่นทุกที เบิร์นลี่มีผู้เล่นที่สูงใหญ่ทุกตำแหน่ง กลองหน้าเล่นบอลกลางอากาศก็ดี เล่นลูกจ่ายกันสั้นๆในพื้นที่แคบๆก็ใช้ได้ แต่วันนี้หงส์แดงก็มีสิ่งที่แปลกตาเช่นกัน เรามาดูกันว่าประเด็นที่เกิดขึ้นมีอะไรบ้าง
1.คล็อปป์ยังคงไว้ใจลัลลานาเอาลงเป็นตัวจริง ซึ่งผมก็เห็นด้วย เพราะจากนัดที่แล้วก็ดูจี๊ดจ๊าดขึ้น ผมจำได้สมัยคล็อปป์มาคุมครั้งแรกนั้น ลัลลานาจะเป็นที่นักเตะที่กระตือรือร้นและวิ่งมากที่สุด ต่างจากสมัยบีรอดจ์ที่ดูช้าๆและหาช่องไม่ค่อยดี การเอาลัลลานาลงมันแสดงให้เห็นว่าคล็อปป์เป็นผู้จัดการที่ไว้ใจนักเตะทุกคน ทีมของคล็อปป์เหมือนทีมวอลเลย์บอล ทุกคนต้องพร้อมลงเพราะคล็อปป์จะใช้งานทั้งหมด เหมือนฤดูกาลที่ผ่านมาคล็อปป์ก็เคยพูดว่านักเตะทุกคนต้องพร้อมเพราะเค้าจะเอาสลับลง
2. คล็อปป์เป็นคนที่ถ้าทีมแพ้เค้าจะไม่เคยว่านักเตะ เค้าจะโทษว่าตัวเค้าวางแผนไม่ดี สิ่งนี้ทำให้ได้ใจนักเตะมากและมันส่งผลให้นักเตะไม่รู้สึกแย่เวลาเล่นไม่ดี แต่กลับทำให้อยากจะทุ่มเทเพิ่มขึ้น จากที่เล่นแย่ๆก็จะคืนฟอร์มขึ้นมาได้อย่างที่เราเห็นกับลัลลาน่า นักเตะบางคนอาจต้องการเวลาในการปรับตัว ถ้าเล่นแย่แล้วให้สำรองเลยเค้าจะยิ่งสูญเสียความมั่นใจ แต่ถ้ายิ่งให้โอกาสเค้าจะพยายามฮึดสู้มากขึ้น
3.แต่บังเอิญว่ากุนซือประเภทคล็อปป์ไม่ได้มีคนเดียวในพรีเมียร์ลีก เป๊ปและป๋าก็เป็นแบบนั้น และที่สำคัญ โซลชาก็น่าจะแบบเดียวกับป๋าเช่นกัน
กุนซือต่อให้ดังแค่ไหน ถ้าด่าหรือโทษนักเตะมากๆ นักเตะอาจไม่ชอบขี้หน้า ยิ่งเป็นพวกตัวท็อปอีโก้สูงนี่รับรองมีเล่นไล่โค้ชแต่อ้างว่าเล่นเต็มที่แน่นอน โดยคนที่โดนบ่อยๆคือมูรินโญ่ ตั้งแต่สมัย คุมเรียล มาดริด คุมเชลซีครั้งที่2 และคุมแมนยู นักเตะพวกนี้อาจไม่ต้องการความเข้มงวดหรือโดนด่ามาก แต่ที่แน่ๆนักเตะอิตาลีน่าจะชอบอะไรที่เข้มงวด เพราะพวกอิตาลีเป็นพวกชอบแท็คติกและมีวินัยสูง เพราะมูเป็นที่ชื่นชอบของนักเตะอินเตอร์มาก
4.กลางสามตัววันนี้เลยมีอะไรที่แตกต่างขึ้นจากการเล่นที่ลงตัวมากขึ้น ลัลลาน่าไม่ใช่พวกทางบอลในการรับดี แต่เป็นพวกที่ทุ่มเท และฉกบอลเก่ง และจะเข้าหาบอลในจังหวะ50-50 ซึ่งลูกแบบนี้ผมไม่เห็นในทีมลิเวอร์พูลฤดูกาลนี้เลยยกเว้นกับเทรนท์และโรเบิร์ตสันและโกเมซ การวิ่งไล่บอลเหมือนจะส่งผลให้แดนหน้าของ3ตัวของลิเวอร์พูลคึกคักตาม สงสัยกลัวน้อยหน้ากัน ทำให้เบิร์นลี่มีเวลาน้อยลง สังเกตว่านักเตะลิเวอร์พูลวิ่งไล่ตามเอาบอลแบบกัดไม่ปล่อยจริงๆ
5.ลัลลาน่ากับชากิรี่ถือว่าเป็นมิดฟิลด์ตัวรุก2ตัวที่มีความสามารถเฉพาะตัวดี จ่ายทะลุช่องได้ ชากิรี่มีดีที่ความถึกยิงฟรีคิกได้ ระยะไกลได้ แต่รับไม่ดี ส่วนลัลลาน่าไล่บอลดี มีลูกหลอกเยอะ เติมเกมดี ดังนั้นหากคล็อปจะเลือกตัวกลางที่ไม่ทำให้เกมรับเสีย แต่รุกดีขึ้น ก็คงเป็นลัลลาน่า เพราะบางครั้งเราสามารถเห็นอะไรแปลกๆจากลัลลาน่าได้ซึ่งก็ทำให้คู่แข่งคาดไม่ถึงเช่นกัน แต่จริงๆแล้วผมว่า2ตัวนี้พอๆกัน เป็นไปได้ว่าคล็อปป์อาจอยากให้ลัลลาน่าทำความคุ้นเคยกับระบบและสปีดก่อนก็ได้เพราะเจ็บไปนาน
6.จากที่ผมเคยบอกไปก่อนหน้านี้ว่าเกมเสมอกับเอฟเวอร์ตันอาจช่วยดึงสติแนวรุกลิเวอร์พูลกลับมา ซึ่งวันนี้ผมเห็นชัดว่า ซาล่าห์ดูไม่เครียดกับการต้องพยายามทำประตู เพราะไม่มีลุกไหนเลยที่แกจะฝืนยิงหากไม่มีจังหวะ วันนี้ถึงซาล่าห์จะโดนประกบหนักแต่เอาตัวรอดได้ดีขึ้น จับบอลห่างตัวน้อยลง และปั่นป่วนแนวรับของเบิร์นลี่ที่ต้องช่วยกันซ้อน ซาล่าห์มีส่วนถึง3ประตูจากการที่เบิร์นลี่พยายามสกัดบอลไม่ให้ซาล่าห์ยิงและส่ง ลูกที่ซาล่าห์หลุดไปยิงนั้นน่าเสียดายแทนซาล่าห์ที่โดนสกัดก่อน ผมว่าลูกนี้คงเป็นลูกเดียวที่แกคิดจะยิงให้ได้แต่แกยิงช้าไปจังหวะนึงเพราะดันเลี้ยงต่อ เลยโดนสกัดปลิ้นให้ฟีร์มิโน่ซ้ำเข้าไป โดยรวมซาล่าห์แทบไม่มีความกดดันว่าจะยิงให้ได้เหลืออยู่เลย
7.ลูกสุดท้ายที่มาเน่ยิงนั้น ถ้าหากมาเน่เกรงใจ ส่งให้ซาล่าห์ยิงก็คงไม่เข้าเพราะแบ็คเบิร์นลี่วิ่งมาข้างหลังซาล่าห์แล้ว ดังนั้นผมว่าคิดถูกมากที่ยิงเอง แย่างที่เคยพูดว่าต้องบริหารความเกรงใจและความเห็นแก่ตัวให้ถูกต้อง นัดนี้ผมว่ามาเน่ตัดสินใจถูกต้อง รวมถึงฟีร์มิโน่ ด้วย
8.เกมบุกของลิเวอร์พูลวันนี้ไม่ค่อยดึงจังหวะเท่าไร มีช่องก็รีบจ่ายในจังหวะนั้นเลย แต่ก็ยังเห็นว่ามีจ่ายย้อนหลังบ้าง ด้วยความที่แนวรุกของลิเวอร์พูลเป็นพวกสายจี๊ด เวลาเลี้ยงไวๆแล้วส่งมันต้องใช้หลังเท้า ซึ่งนั่นทำให้ความแม่นยำในการส่งน้อยลง ต่างจากแมนซิตี้ที่จะเน้นจับบอลและส่งเลย ไม่ค่อยเลี้ยงพาไปไกลมาก็ เว้นแต่ถ้าสเตอร์ลิ่งกับซาเน่ได้บอลถึงจะเห็นการเลี้ยงระยะไกลๆให้เห็น
9.เบิร์นลี่วันนี้ถือว่าเล่นได้ดี จังหวะที่ไปกดดันอลิซองนั้นจริงๆน่าจะฟาล์วเพราะถึงกับกดไหล่ผู้รักษาประตู แต่หากกรรมการไม่เป่าก็เป็นประตู
10. ดไวท์ แมคนีลของเบิร์นลี่ถือว่าค่อนข้างเด่นในสายตาผมเพราะพลิ้วหนีเทรนท์ได้บ่อยในจังหวะแรก แต่เทรนท์ก็วิ่งตามไม่เลิกเหมือนกัน
11.จริงๆเกมรับของลิเวอร์พูลเล่นดีมาก เจอกับทีมที่เล่นลูกโด่งสามารถเช็คล้ำหน้าไปได้ถึง7ครั้ง ถ้าไม่นับลูกที่2ที่เหมือนโรเบิร์ตสันจะเหม่อไปนิด
12.เกอิต้าถูกเปลี่ยนลงมาก็เหมือนยังทำอะไรไม่เป็นชิ้นเป็นอัน ซึ่งคล็อปป์คงต้องเข็นลงต่อไป เกอิต้ายังต้องปรับทัศนคติตัวเองต่อบอลอังกฤษต่อไป ควรจะดูจากลัลลาน่า เพราะรูปร่างพอๆกัน แต่ลัลลาน่าสามาถวิ่งสู้ฟัดกับคนตัวใหญ่กว่าได้
13. สเตอร์ริดจ์ลงมาเล่นได้แป๊บเดียวแต่สามารถส่งให้มาเน่ยิงได้ ยังเป็นคนที่มีดีเสมอในสายตา เป็นอีกคนที่ไม่ค่อยดึงบอล จังหวะไหนส่งได้คือส่ง ถ้าไม่มีจังหวะส่งแกจะเลือกยิงเองตามสไตล์พวกกองหน้า
14. โดยรวมผมว่าเกมนี้ลิเวอร์พูลก็เล่นเหมือนเดิม เบิร์นลี่นัดนี้เล่นดูดีกว่าเอฟเวอร์ตันด้วยซ้ำ แต่สิ่งที่ต่างไปจากนัดอื่นๆคือ มิติในเกมรุกจากการที่ลัลลาน่าเริ่มรีดฟอร์มออกมา และการไล่เพรสของแดนหน้าและกลาง ทำให้นึกถึงคำสัมภาษณ์ของคล็อปป์เมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า บอลมันไม่ใช่เกมเพลย์ เหลืออีกตั้ง9นัด ซึ่งทำให้ผมนึกได้ว่า แกจะเก็บแรงนักเตะเพื่อที่ว่าต่อจากนี้ในแต่ละนัดรวมถึงนัดเมื่อคืนแกอาจจะให้นักเตะวิ่งไล่เพรสตลอดเลยก็ได้ ซึ่งมันก็คงน่าดูและเกมรุกคงจะดุดันเหมือนฤดูกาลที่ผ่านมา เพราะตอนนี้มาติปก็ดีขึ้นแล้วด้วย เราก็มาดูต่อไปว่านัดต่อไปลิเวอร์พูลจะเล่นแบบไหน ซึ่งก็มาเอาใจช่วยกันต่อไปครับ
ปล หากมีตกหล่นไม่ได้พูดถึงตรงไหนก็ต้องขออภัยครับ เพราะเขียนช้าไปหน่อยเนื่องจากต้องดูลูกด้วย
เครดิต หงส์แดงรุ่นลุง ครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=379309852860416&id=341536523304416&__tn__=K-R-R
ประเด็นหลังเกมส์ ลิเวอรืพูล เบิร์นลี่ ครับ
1.คล็อปป์ยังคงไว้ใจลัลลานาเอาลงเป็นตัวจริง ซึ่งผมก็เห็นด้วย เพราะจากนัดที่แล้วก็ดูจี๊ดจ๊าดขึ้น ผมจำได้สมัยคล็อปป์มาคุมครั้งแรกนั้น ลัลลานาจะเป็นที่นักเตะที่กระตือรือร้นและวิ่งมากที่สุด ต่างจากสมัยบีรอดจ์ที่ดูช้าๆและหาช่องไม่ค่อยดี การเอาลัลลานาลงมันแสดงให้เห็นว่าคล็อปป์เป็นผู้จัดการที่ไว้ใจนักเตะทุกคน ทีมของคล็อปป์เหมือนทีมวอลเลย์บอล ทุกคนต้องพร้อมลงเพราะคล็อปป์จะใช้งานทั้งหมด เหมือนฤดูกาลที่ผ่านมาคล็อปป์ก็เคยพูดว่านักเตะทุกคนต้องพร้อมเพราะเค้าจะเอาสลับลง
2. คล็อปป์เป็นคนที่ถ้าทีมแพ้เค้าจะไม่เคยว่านักเตะ เค้าจะโทษว่าตัวเค้าวางแผนไม่ดี สิ่งนี้ทำให้ได้ใจนักเตะมากและมันส่งผลให้นักเตะไม่รู้สึกแย่เวลาเล่นไม่ดี แต่กลับทำให้อยากจะทุ่มเทเพิ่มขึ้น จากที่เล่นแย่ๆก็จะคืนฟอร์มขึ้นมาได้อย่างที่เราเห็นกับลัลลาน่า นักเตะบางคนอาจต้องการเวลาในการปรับตัว ถ้าเล่นแย่แล้วให้สำรองเลยเค้าจะยิ่งสูญเสียความมั่นใจ แต่ถ้ายิ่งให้โอกาสเค้าจะพยายามฮึดสู้มากขึ้น
3.แต่บังเอิญว่ากุนซือประเภทคล็อปป์ไม่ได้มีคนเดียวในพรีเมียร์ลีก เป๊ปและป๋าก็เป็นแบบนั้น และที่สำคัญ โซลชาก็น่าจะแบบเดียวกับป๋าเช่นกัน
กุนซือต่อให้ดังแค่ไหน ถ้าด่าหรือโทษนักเตะมากๆ นักเตะอาจไม่ชอบขี้หน้า ยิ่งเป็นพวกตัวท็อปอีโก้สูงนี่รับรองมีเล่นไล่โค้ชแต่อ้างว่าเล่นเต็มที่แน่นอน โดยคนที่โดนบ่อยๆคือมูรินโญ่ ตั้งแต่สมัย คุมเรียล มาดริด คุมเชลซีครั้งที่2 และคุมแมนยู นักเตะพวกนี้อาจไม่ต้องการความเข้มงวดหรือโดนด่ามาก แต่ที่แน่ๆนักเตะอิตาลีน่าจะชอบอะไรที่เข้มงวด เพราะพวกอิตาลีเป็นพวกชอบแท็คติกและมีวินัยสูง เพราะมูเป็นที่ชื่นชอบของนักเตะอินเตอร์มาก
4.กลางสามตัววันนี้เลยมีอะไรที่แตกต่างขึ้นจากการเล่นที่ลงตัวมากขึ้น ลัลลาน่าไม่ใช่พวกทางบอลในการรับดี แต่เป็นพวกที่ทุ่มเท และฉกบอลเก่ง และจะเข้าหาบอลในจังหวะ50-50 ซึ่งลูกแบบนี้ผมไม่เห็นในทีมลิเวอร์พูลฤดูกาลนี้เลยยกเว้นกับเทรนท์และโรเบิร์ตสันและโกเมซ การวิ่งไล่บอลเหมือนจะส่งผลให้แดนหน้าของ3ตัวของลิเวอร์พูลคึกคักตาม สงสัยกลัวน้อยหน้ากัน ทำให้เบิร์นลี่มีเวลาน้อยลง สังเกตว่านักเตะลิเวอร์พูลวิ่งไล่ตามเอาบอลแบบกัดไม่ปล่อยจริงๆ
5.ลัลลาน่ากับชากิรี่ถือว่าเป็นมิดฟิลด์ตัวรุก2ตัวที่มีความสามารถเฉพาะตัวดี จ่ายทะลุช่องได้ ชากิรี่มีดีที่ความถึกยิงฟรีคิกได้ ระยะไกลได้ แต่รับไม่ดี ส่วนลัลลาน่าไล่บอลดี มีลูกหลอกเยอะ เติมเกมดี ดังนั้นหากคล็อปจะเลือกตัวกลางที่ไม่ทำให้เกมรับเสีย แต่รุกดีขึ้น ก็คงเป็นลัลลาน่า เพราะบางครั้งเราสามารถเห็นอะไรแปลกๆจากลัลลาน่าได้ซึ่งก็ทำให้คู่แข่งคาดไม่ถึงเช่นกัน แต่จริงๆแล้วผมว่า2ตัวนี้พอๆกัน เป็นไปได้ว่าคล็อปป์อาจอยากให้ลัลลาน่าทำความคุ้นเคยกับระบบและสปีดก่อนก็ได้เพราะเจ็บไปนาน
6.จากที่ผมเคยบอกไปก่อนหน้านี้ว่าเกมเสมอกับเอฟเวอร์ตันอาจช่วยดึงสติแนวรุกลิเวอร์พูลกลับมา ซึ่งวันนี้ผมเห็นชัดว่า ซาล่าห์ดูไม่เครียดกับการต้องพยายามทำประตู เพราะไม่มีลุกไหนเลยที่แกจะฝืนยิงหากไม่มีจังหวะ วันนี้ถึงซาล่าห์จะโดนประกบหนักแต่เอาตัวรอดได้ดีขึ้น จับบอลห่างตัวน้อยลง และปั่นป่วนแนวรับของเบิร์นลี่ที่ต้องช่วยกันซ้อน ซาล่าห์มีส่วนถึง3ประตูจากการที่เบิร์นลี่พยายามสกัดบอลไม่ให้ซาล่าห์ยิงและส่ง ลูกที่ซาล่าห์หลุดไปยิงนั้นน่าเสียดายแทนซาล่าห์ที่โดนสกัดก่อน ผมว่าลูกนี้คงเป็นลูกเดียวที่แกคิดจะยิงให้ได้แต่แกยิงช้าไปจังหวะนึงเพราะดันเลี้ยงต่อ เลยโดนสกัดปลิ้นให้ฟีร์มิโน่ซ้ำเข้าไป โดยรวมซาล่าห์แทบไม่มีความกดดันว่าจะยิงให้ได้เหลืออยู่เลย
7.ลูกสุดท้ายที่มาเน่ยิงนั้น ถ้าหากมาเน่เกรงใจ ส่งให้ซาล่าห์ยิงก็คงไม่เข้าเพราะแบ็คเบิร์นลี่วิ่งมาข้างหลังซาล่าห์แล้ว ดังนั้นผมว่าคิดถูกมากที่ยิงเอง แย่างที่เคยพูดว่าต้องบริหารความเกรงใจและความเห็นแก่ตัวให้ถูกต้อง นัดนี้ผมว่ามาเน่ตัดสินใจถูกต้อง รวมถึงฟีร์มิโน่ ด้วย
8.เกมบุกของลิเวอร์พูลวันนี้ไม่ค่อยดึงจังหวะเท่าไร มีช่องก็รีบจ่ายในจังหวะนั้นเลย แต่ก็ยังเห็นว่ามีจ่ายย้อนหลังบ้าง ด้วยความที่แนวรุกของลิเวอร์พูลเป็นพวกสายจี๊ด เวลาเลี้ยงไวๆแล้วส่งมันต้องใช้หลังเท้า ซึ่งนั่นทำให้ความแม่นยำในการส่งน้อยลง ต่างจากแมนซิตี้ที่จะเน้นจับบอลและส่งเลย ไม่ค่อยเลี้ยงพาไปไกลมาก็ เว้นแต่ถ้าสเตอร์ลิ่งกับซาเน่ได้บอลถึงจะเห็นการเลี้ยงระยะไกลๆให้เห็น
9.เบิร์นลี่วันนี้ถือว่าเล่นได้ดี จังหวะที่ไปกดดันอลิซองนั้นจริงๆน่าจะฟาล์วเพราะถึงกับกดไหล่ผู้รักษาประตู แต่หากกรรมการไม่เป่าก็เป็นประตู
10. ดไวท์ แมคนีลของเบิร์นลี่ถือว่าค่อนข้างเด่นในสายตาผมเพราะพลิ้วหนีเทรนท์ได้บ่อยในจังหวะแรก แต่เทรนท์ก็วิ่งตามไม่เลิกเหมือนกัน
11.จริงๆเกมรับของลิเวอร์พูลเล่นดีมาก เจอกับทีมที่เล่นลูกโด่งสามารถเช็คล้ำหน้าไปได้ถึง7ครั้ง ถ้าไม่นับลูกที่2ที่เหมือนโรเบิร์ตสันจะเหม่อไปนิด
12.เกอิต้าถูกเปลี่ยนลงมาก็เหมือนยังทำอะไรไม่เป็นชิ้นเป็นอัน ซึ่งคล็อปป์คงต้องเข็นลงต่อไป เกอิต้ายังต้องปรับทัศนคติตัวเองต่อบอลอังกฤษต่อไป ควรจะดูจากลัลลาน่า เพราะรูปร่างพอๆกัน แต่ลัลลาน่าสามาถวิ่งสู้ฟัดกับคนตัวใหญ่กว่าได้
13. สเตอร์ริดจ์ลงมาเล่นได้แป๊บเดียวแต่สามารถส่งให้มาเน่ยิงได้ ยังเป็นคนที่มีดีเสมอในสายตา เป็นอีกคนที่ไม่ค่อยดึงบอล จังหวะไหนส่งได้คือส่ง ถ้าไม่มีจังหวะส่งแกจะเลือกยิงเองตามสไตล์พวกกองหน้า
14. โดยรวมผมว่าเกมนี้ลิเวอร์พูลก็เล่นเหมือนเดิม เบิร์นลี่นัดนี้เล่นดูดีกว่าเอฟเวอร์ตันด้วยซ้ำ แต่สิ่งที่ต่างไปจากนัดอื่นๆคือ มิติในเกมรุกจากการที่ลัลลาน่าเริ่มรีดฟอร์มออกมา และการไล่เพรสของแดนหน้าและกลาง ทำให้นึกถึงคำสัมภาษณ์ของคล็อปป์เมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า บอลมันไม่ใช่เกมเพลย์ เหลืออีกตั้ง9นัด ซึ่งทำให้ผมนึกได้ว่า แกจะเก็บแรงนักเตะเพื่อที่ว่าต่อจากนี้ในแต่ละนัดรวมถึงนัดเมื่อคืนแกอาจจะให้นักเตะวิ่งไล่เพรสตลอดเลยก็ได้ ซึ่งมันก็คงน่าดูและเกมรุกคงจะดุดันเหมือนฤดูกาลที่ผ่านมา เพราะตอนนี้มาติปก็ดีขึ้นแล้วด้วย เราก็มาดูต่อไปว่านัดต่อไปลิเวอร์พูลจะเล่นแบบไหน ซึ่งก็มาเอาใจช่วยกันต่อไปครับ
ปล หากมีตกหล่นไม่ได้พูดถึงตรงไหนก็ต้องขออภัยครับ เพราะเขียนช้าไปหน่อยเนื่องจากต้องดูลูกด้วย
เครดิต หงส์แดงรุ่นลุง ครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้