ตามที่สัญญาไว้ในกระทู้เก่าว่าถ้ากลับจากเรียนภาษาเกาหลีที่เกาหลีแล้วจะมาเขียนรีวิวให้อ่านกันอีกรอบ อันนี้รีวิวเก่านะคะ
https://ppantip.com/topic/39012641 ตามไปอ่านกันได้ถ้าอยากมีแรงบันดาลใจในการเรียนภาษาต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นภาษาอะไรก็ตาม ดิฉันได้ไปเรียนภาษาเกาหลีที่ปูซานเป็นเวลา 10 สัปดาห์ค่ะ (29 มิ.ย. ถึง 7 ก.ย. 2562) ช่วงที่ไปก็คือหน้าร้อน ซึ่งก็ร้อนไม่แพ้เมืองไทยเลย แต่จะไม่ร้อนอบอ้าว เหงื่อไหลย้อยเหมือนเมืองไทยนะคะ คนเกาหลีบอกร้อนมาก แทบทนไม่ไหว ตามท้องถนน คนเกาหลีเดินถือพัดลมขนาดเล็กกันเป็นแฟชั่นหน้าร้อนเลยทีเดียว เห็นครั้งแรก ก็ได้แต่อุทานว่า อะไรจะเวอร์ฯ ขนาดนั้น มันไม่ได้ร้อนขนาดนั้นซักหน่อย เพื่อนเกาหลีบางคนถามว่า เธอมาทำไม ร้อนจะตาย ดิฉันก็คิดในใจ เคยไปเมืองไทยป่าวว่ะ ก็เลยตอบไปว่า เกาหลียังดีมีช่วงอากาศเย็นๆ ให้ได้เปลี่ยนแปลง แต่เมืองไทยร้อนทั้งปีทั้งชาติ ร้อนกว่าเกาหลีอีก พอเพื่อนเกาหลีได้ยินแบบนั้น ก็ได้แต่ อ้าวเหรอ 5555
1. ที่พัก
ดิฉันได้จองที่พักจาก airbnb.com เจ้าเก่า เช่นเดิมค่ะ เลือกเอาที่ใกล้โรงแรียน สามารถเดินไปโรงเรียนได้ ราคาก็จะค่อนข้างสูงนิดนึง เนื่องจากอยู่ในย่านธุรกิจของปูซาน คือ Seomyeon นั่นเองค่ะ ขนาดห้องก็ประมาณ 40 ตร.ม. เช่า 10 สัปดาห์ก็จ่ายไปประมาณ 70,000 บาท ราคานี้ก็รวมค่าน้ำ ค่าไฟฟ้า ค่าอินเตอร์เน็ต เจ้าห้องก็เตรียมทุกอย่างให้พร้อม ไม่ว่าจะเป็นพวก น้ำยาซักผ้า น้ำยาปรับผ้านุ่ม น้ำยาทำความสะอาดต่างๆ กระดาษทิชชู และอื่นๆ อีก คือ ดิฉันไม่ได้ซื้ออะไรพวกนี้เลย ซื้อแต่อาหาร อุปกรณ์ครัวก็มีให้ครบ แก้วไวน์ก็มี ซึ่งคอดื่มไวน์อย่างดิฉันก็ชอบมาก คอนโดก็รายล้อมไปด้วย ร้านอาหาร ร้านกาแฟ โรงหนัง ซุปเปอร์มาร์เก็ต สถานีรถใต้ดินก็อยู่หน้าคอนโดเลยค่ะ สะดวก สบายสุดๆ เลยค่ะ ที่พักที่ราคาถูกกว่านี้ก็มีเยอะค่ะ แต่ดิฉันเลือกเอาความสะดวกและการอยู่อาศัยที่สบาย ไม่อยากอยู่ห้องรูหนู ไม่มีครัว ซึ่งไม่สามารถทำอาหารได้ หรือชวนเพื่อนมาไม่ได้ ห้องของดิฉันก็มีครัว มีอุปกรณ์ครบ ทำอาหารได้อย่างสบาย มาดูหน้าตาของห้องที่ดิฉันใช้ชีวิตอยู่ 10 สัปดาห์กันค่ะ
2. โรงเรียนสอนภาษาเกาหลี
ดิฉันเลือกเรียนโรงเรียนสอนภาษาของเอกชน แต่ตอนแรกตั้งใจจะเรียนของมหาวิทยาลัย แต่สุดท้ายก็เลือกโรงเรียนเอกชนเพราะว่า สามารถเลือกวันเริ่มเรียนได้ เช่น โรงเรียนเอกชนจะรับนักเรียนใหม่เข้าเรียนทุกวันจันทร์ตลอดทั้งปี แต่มหาลัยจะกำหนดวันเอง ไม่สามารถเลือกได้ เช่น มหาลัยจะเปิดสอนครอส 10 สัปดาห์ คุณก็ต้องมาเรียนตามกำหนดวันที่เค้ากำหนดไว้ ซึ่งสำหรับดิฉันแล้วไม่สะดวกที่จะเรียนในวันที่ทางมหาวิทยาลัยกำหนดไว้ ค่าเรียนของโรงเรียนที่ดิฉันเลือกเรียนสำหรับ 10 สัปดาห์ คือ 85,000 บาท เรียนช่วงเช้า 9:00-12:00 และช่วงบ่าย 13:00-15:30 เนื่องจากว่าอยากจะเรียนให้เต็มที่ ก็เลยลงเรียนทั้งเช้าและบ่าย พอมาเรียนจริงๆ รู้สึกว่ามันหนักเกินไป ความจริงแล้วเราสามารถเลือกเรียนได้เฉพาะช่วงเช้าหรือช่วงบ่าย ช่วงใดช่วงหนึ่งก็ได้ ถ้าได้มีโอกาสกลับไปเรียนอีก ดิฉันคงเลือกเรียนแค่ช่วงเช้า ช่วงบ่ายจะได้มีเวลาทำการบ้าน หรือไปท่องเที่ยว ทำกิจกรรมอย่างอื่นบ้าง แต่ได้จ่ายเงินเรียนทั้งช่วงเช้าและบ่ายก่อนที่จะเดินทางไปเกาหลีแล้ว ก็ต้องตั้งใจเรียนจนจบเพราะเสียดายเงิน เรื่องส่วนเรื่องไปเที่ยวก็ไปเสาร์-อาทิตย์
หลังจากเรียนจบแล้วก็รู้สึกไม่ผิดหวังเลยที่เลือกเรียนโรงเรียนนี้ การสอนที่นี้จะเป็นการสอนรายสัปดาห์ ก็คือจะมีหนังสือใหม่ให้เรียนทุกวันจันทร์ พอวันศุกร์ก็จะมีการสอบวัดความรู้ที่ได้เรียนมาทั้งสัปดาห์ ทำให้เรารู้ตัวเองว่าเรียนแล้วจดจำได้ไหม มีความพอใจกับการเรียนของตัวเองไหม คือวัดผล สัปดาห์ต่อสัปดาห์เลย ซึ่งดิฉันชอบมาก ทำให้ตั้งใจเรียน เพราะถ้าได้คะแนนน้อย ก็จะอายเพื่อนๆ 555 และนี้ก็คือคะแนนสอบแต่ละสัปดาห์ของดิฉันค่ะ ก็มีอยู่สองสัปดาห์ที่ได้คะแนนน้อยเพราะไม่ได้ตั้งใจเรียนเท่าไหร่
ทางโรงเรียนยังมีกิจกรรมให้ทำมากมายด้วยนะคะ หลังเลิกเรียนแล้ว เช่น เรียนทำอาหารเกาหลี เรียนเทคควอนโด ไปเยี่ยมชมสถานที่ต่างๆ ครูก็จะพาไป ไปพบเพื่อนเกาหลีที่เรียนภาษาอังกฤษในโรงเรียนเดียวกัน ทำให้ได้เพื่อนคนเกาหลี ซึ่งดิฉันก็ได้รู้จัก เพื่อนรุ่นน้องคนเกาหลีซึ่งนิสัยดีมาก เราแลกเปลี่ยนภาษากัน ดิฉันช่วยเค้าเรื่องภาษาอังกฤษ ส่วนเค้าก็ช่วยดิฉันเรื่องภาษาเกาหลี สนิทกันมาก น้องเค้าก็พาไปเที่ยว และแนะนำสิ่งต่างๆ มากมาย เค้าทำอาหารเกาหลีให้กิน ดิฉันก็ทำอาหารไทยให้เค้ากิน จนน้องเค้าเป็นผู้มีความรู้ด้านแกงเขียวหวานเรียบร้อยแล้ว เพราะดิฉันทำให้กินบ่อยมาก ดิฉันมีเพื่อนเยอะมาก ทั้งคนจีน คนเกาหลี คนใต้หวัน คนไทย คนอเมริกา คนรัสเซีย แต่คนไทยมีแค่สองคนทั้งโรงเรียน คือดิฉันกับน้องผู้หญิงอีกหนึ่งคน เหตุผลที่ตัดสินใจมาเรียนปูซานแทนที่จะเป็นโซล ก็เพราะไม่อยากเจอคนไทย ไม่ใช่ไม่ชอบนะคะ แต่กลัวว่าเจอคนไทยแล้วจะพูดแต่ภาษาไทยกันจนภาษาเกาหลีไม่พัฒนา
3. เมืองปูซาน
ก่อนที่ดิฉันจะตัดสินใจมาเรียนที่ปูซาน ดิฉันเคยมาเที่ยวปูซานครั้งนึงแล้ว และชอบเมืองนี้มาก คือดิฉันไม่ชอบเมืองใหญ่อย่างโซล เพราะเคยอาศัยอยู่ที่กรุงเทพฯ หลายปีและเบื่อเมืองหลวง เบื่อความวุ่นวาย คนก็เยอะ การตัดสินใจเลือกปูซานจึงไม่ใช่เรื่องยากเลย ดิฉันไม่ขอกล่าวถึงว่าปูซานมีอะไรให้เที่ยวให้ดูบ้างในฐานะนักท่องเที่ยว เพราะคุณสามารถหาอ่านได้จากที่อื่นมากมาย หรือรีวิวที่ดิฉันเคยเขียนไว้เมื่อครั้งมาเที่ยวปูซาน ตาม link นี้ได้เลยนะคะ
https://ppantip.com/topic/38232963 ดิฉันจะกล่าวถึงปูซานในฐานะผู้อยู่อาศัยเป็นระยะเวลา 10 สัปดาห์ ว่าดิฉันไปทำอะไรมาบ้าง หลักๆ เลยที่ดิฉันทำก็จะมีอยู่ 5 ข้อนี้
3.1 ตั้งใจเรียนและร่วมกิจกรรมของโรงเรียน
ดิฉันตั้งใจเรียนมาก ยกเว้นอาทิตย์แรกและอาทิตย์ที่เก้า 555 เห็นได้จากคะแนนสอบที่ตกต่ำ เนื่องจากว่าอาทิตย์แรกยังปรับตัวไม่ได้ เค้าเรียนกันยังไง ฟังครูก็ไม่ออก เค้าสั่งการบ้านหน้านึงแต่ไปทำอีกหน้านึง 555 ส่วนอาทิตย์ที่เก้าที่ได้คะแนนแค่ 58/100 ก็เพราะเพื่อนจากอังกฤษมาหาและพักด้วย 1 สัปดาห์ ก็เลยต้องพามันเที่ยว ไม่เป็นอันเรียน ขาดเรียนบ้าง ผลของการสอบก็เลยออกมาแบบขายขี้หน้ามาก 5555 แก้ตัวด้วยอาทิตย์สุดท้าย อ่านหนังสือตีหนึ่งตีสอง จนได้คะแนน top ในห้องเลย เป็นการเรียนจบแบบสวยงามมาก ดิฉันรู้สึกว่าการเรียนครั้งนี้คุ้มค่าเงินที่เสียไปมาก เพราะตั้งใจเรียนอย่างเต็มที่ จนสามีพูดว่า ไปเรียนเล่นๆ เองนะ ไม่ได้จะไปสอบเอาสัญชาติเกาหลีซะหน่อย ไม่ต้องเคร่งขนาดนั้น 555 ส่วนกิจกรรมของโรงเรียนจะมีทุกสัปดาห์ค่ะ ส่วนใหญ่จะเป็นวันศุกร์ ดิฉันก็เข้าร่วมบ้าง ไม่เข้าบ้าง ตามความสนใจของตัวเอง ที่ดิฉันไปทำมาก็จะมี เรียนทำอาหารเกาหลี เรียนเทคควนโด้ ไปเยี่ยมชมสถานที่ต่างๆ เช่น Museum of Art ไป "Meet Up" ก็คือพบเพื่อนเกาหลี และก็อื่นๆ อีกมากมาย
3.2 กินอาหารเกาหลี อาหารทะเล
ตั้งแต่ไปท่องเที่ยวมาทั่วโลก ไม่เคยถูกปากกับอาหารประเทศไหนเท่าประเทศเกาหลีเลย ดิฉันกินทุกอย่างที่ขวางหน้า หนึ่งสัปดาห์ไม่เคยกินอาหารซ้ำร้าน กินไปเรื่อยๆ ถ้าเบื่ออาหารเกาหลี ก็ไปกินอาหารไทย ร้านอาหารไทยเยอะมาก และรสชาติก็ดีกว่าอาหารไทยแถวยุโรป คือรสชาติใกล้เคียงมาก ถ้าเบื่ออาหารไทย ก็ไปกินอาหารอิตาล่ี่ สลับกันไปมาก บางทีเพื่อนคนจีนก็ลากไปกินหมาล่า อร่อยดีค่ะ ตอนเที่ยงดิฉันจะกินที่ร้านอาหารกับเพื่อนๆ ค่าอาหารก็อย่างต่ำๆ ก็ต้องมี 300 บาทต่อมื้อนึงแล้วค่ะ ซึ่งก็ไม่ถูกเลยสำหรับคนไทยอย่างเรา นักเรียนเกาหลีก็ไม่ค่อยกินที่ร้านอาหาร กลับไปกินที่บ้าน หรือห่อมาจากบ้าน พวกครูๆ ก็เห็นเดินเข้าเซเว่นกันตอนเที่ยงทุกวัน ค่าครองชีพที่นี่แพงมาก ดิฉันไม่รู้ว่าพวกครูๆ เงินเดือนเท่าไหร่ แต่รู้สึกว่าพวกเค้ากินอยู่กันอย่างประหยัด ถ้าจะไปกินร้านอาหารคือต้องตอนสิ้นเดือน เงินเดือนออก อะไรแบบนั้น ตอนเย็นส่วนใหญ่ดิฉันก็ทำกินเองที่คอนโด คอนโดของดิฉันอยู่ไม่ไกลจากตลาดสด ดิฉันก็ไปซื้ออาหารทะเล มาทำต้มยำกุ้งกิน ลวกหอยแครงกินกับน้ำจิ้มซีฟุ้ดที่พกไปจากบ้าน อาหารทะเลที่นี่อร่อยมาก สดมาก ดิฉันต้องไปตลาดอาทิตย์ละครั้ง สนุกกินมากค่ะ ถ้ามาปูซานต้องกินอาหารทะเลนะคะ มันอร่อย เยอะ เวอร์วัง อลังการมากค่ะ
3.3 ไปสังสรรค์กับเพื่อนๆ
ดิฉันคิดว่าตัวเองเป็นคนสนุก ตลก เลยมีคนอยากมาเป็นเพื่อนด้วยเยอะ 555 เพื่อนๆ ของดิฉันอายุน้อยกว่าดิฉันทุกคน ดิฉันก็ 39 แล้ว จะมีคนอายุราวๆ ดิฉันมาใช้ชีวิตแบบนี้ก็คงไม่มีแล้ว ดิฉันก็เห็นนะคะว่ามีนักเรียนที่อายุมากกว่าดิฉันหลายคน แต่มาเรียนไม่นาน แค่ 1-2 สัปดาห์ เลยไม่ทันได้สนิทอะไร เค้าก็ไปแล้ว คนเหล่านั้นออกแนวมาท่องเที่ยว ลางานได้ 1-2 สัปดาห์ ดิฉันเลยมีแต่เพื่อนรุ่นน้อง เด็กสุดคือ อายุ 18 ค่ะ แต่นางเป็นผู้ใหญ่ เป็นคนรัสเซีย เลยถูกคอกัน เพราะดิฉันพูดรัสเซียได้ ถ้าติ้งต๊อง ปัญญาอ่อน ดิฉันก็ไม่คบหรอกค่ะ 5555 คุยกันไม่รู้เรื่อง (คนกลางในรูปที่เรียนเทคควนโด้ค่ะ คือนาง) ทุกวันศุกร์เราก็ไป Hang Out กันค่ะ สถานที่ก็แตกต่างกันไป ตามแต่อารมย์ บางทีพวกมันก็พากันแห่มาที่ห้องของดิฉัน หิ้วเบียร์มาดื่มกัน บางทีก็ไปหาอาหารแปลกๆ กินกันไกลๆ โดยผู้พาไปก็คือเพื่อนเกาหลี การ hang out ของพวกเราจะออกแนว กิน และนั่งดื่มที่ร้าน สบายๆ คุยกันสับเพเหระ หัวเราะ เล่นเกมส์ ไม่ใช่การไปผับ บาร์ ที่วุ่นวาย เพราะดิฉันไม่ชอบ ช่วงเวลากับเด็กๆ เหล่านี้ ก็สนุกสนานมาก เหมือนได้ใช้ชีวิตวัยรุ่นอีกครั้งหนึ่ง แต่เป็นวัยรุ่นที่มีอิสระทางการเงินนะคะ ซึ่งมันแตกต่างจากตอนเป็นวัยรุ่นจริงๆ อยากทำอะไร อยากกินอะไร อยากไปไหนก็ไป ไม่ต้องคิดมาก ดิฉันคิดว่าเราเก็บเงินมาเพื่อใช้ในชาตินี้ ไม่ใช่ชาติหน้า ตอนที่อายุมากกว่านี้ ไม่อยากมานั่งเสียดายว่าทำไม ไม่ไปเที่ยว ไม่ไปเปิดโลก ไปสนุก ไปเรียนรู้
ยังไม่จบนะคะ มีต่อ ขอไปกินข้าวเที่ยงก่อน
[CR] แชร์ประสบการณ์ไปเรียนภาษาเกาหลีที่ปูซาน ประเทศเกาหลีใต้
1. ที่พัก
ดิฉันได้จองที่พักจาก airbnb.com เจ้าเก่า เช่นเดิมค่ะ เลือกเอาที่ใกล้โรงแรียน สามารถเดินไปโรงเรียนได้ ราคาก็จะค่อนข้างสูงนิดนึง เนื่องจากอยู่ในย่านธุรกิจของปูซาน คือ Seomyeon นั่นเองค่ะ ขนาดห้องก็ประมาณ 40 ตร.ม. เช่า 10 สัปดาห์ก็จ่ายไปประมาณ 70,000 บาท ราคานี้ก็รวมค่าน้ำ ค่าไฟฟ้า ค่าอินเตอร์เน็ต เจ้าห้องก็เตรียมทุกอย่างให้พร้อม ไม่ว่าจะเป็นพวก น้ำยาซักผ้า น้ำยาปรับผ้านุ่ม น้ำยาทำความสะอาดต่างๆ กระดาษทิชชู และอื่นๆ อีก คือ ดิฉันไม่ได้ซื้ออะไรพวกนี้เลย ซื้อแต่อาหาร อุปกรณ์ครัวก็มีให้ครบ แก้วไวน์ก็มี ซึ่งคอดื่มไวน์อย่างดิฉันก็ชอบมาก คอนโดก็รายล้อมไปด้วย ร้านอาหาร ร้านกาแฟ โรงหนัง ซุปเปอร์มาร์เก็ต สถานีรถใต้ดินก็อยู่หน้าคอนโดเลยค่ะ สะดวก สบายสุดๆ เลยค่ะ ที่พักที่ราคาถูกกว่านี้ก็มีเยอะค่ะ แต่ดิฉันเลือกเอาความสะดวกและการอยู่อาศัยที่สบาย ไม่อยากอยู่ห้องรูหนู ไม่มีครัว ซึ่งไม่สามารถทำอาหารได้ หรือชวนเพื่อนมาไม่ได้ ห้องของดิฉันก็มีครัว มีอุปกรณ์ครบ ทำอาหารได้อย่างสบาย มาดูหน้าตาของห้องที่ดิฉันใช้ชีวิตอยู่ 10 สัปดาห์กันค่ะ
2. โรงเรียนสอนภาษาเกาหลี
ดิฉันเลือกเรียนโรงเรียนสอนภาษาของเอกชน แต่ตอนแรกตั้งใจจะเรียนของมหาวิทยาลัย แต่สุดท้ายก็เลือกโรงเรียนเอกชนเพราะว่า สามารถเลือกวันเริ่มเรียนได้ เช่น โรงเรียนเอกชนจะรับนักเรียนใหม่เข้าเรียนทุกวันจันทร์ตลอดทั้งปี แต่มหาลัยจะกำหนดวันเอง ไม่สามารถเลือกได้ เช่น มหาลัยจะเปิดสอนครอส 10 สัปดาห์ คุณก็ต้องมาเรียนตามกำหนดวันที่เค้ากำหนดไว้ ซึ่งสำหรับดิฉันแล้วไม่สะดวกที่จะเรียนในวันที่ทางมหาวิทยาลัยกำหนดไว้ ค่าเรียนของโรงเรียนที่ดิฉันเลือกเรียนสำหรับ 10 สัปดาห์ คือ 85,000 บาท เรียนช่วงเช้า 9:00-12:00 และช่วงบ่าย 13:00-15:30 เนื่องจากว่าอยากจะเรียนให้เต็มที่ ก็เลยลงเรียนทั้งเช้าและบ่าย พอมาเรียนจริงๆ รู้สึกว่ามันหนักเกินไป ความจริงแล้วเราสามารถเลือกเรียนได้เฉพาะช่วงเช้าหรือช่วงบ่าย ช่วงใดช่วงหนึ่งก็ได้ ถ้าได้มีโอกาสกลับไปเรียนอีก ดิฉันคงเลือกเรียนแค่ช่วงเช้า ช่วงบ่ายจะได้มีเวลาทำการบ้าน หรือไปท่องเที่ยว ทำกิจกรรมอย่างอื่นบ้าง แต่ได้จ่ายเงินเรียนทั้งช่วงเช้าและบ่ายก่อนที่จะเดินทางไปเกาหลีแล้ว ก็ต้องตั้งใจเรียนจนจบเพราะเสียดายเงิน เรื่องส่วนเรื่องไปเที่ยวก็ไปเสาร์-อาทิตย์
หลังจากเรียนจบแล้วก็รู้สึกไม่ผิดหวังเลยที่เลือกเรียนโรงเรียนนี้ การสอนที่นี้จะเป็นการสอนรายสัปดาห์ ก็คือจะมีหนังสือใหม่ให้เรียนทุกวันจันทร์ พอวันศุกร์ก็จะมีการสอบวัดความรู้ที่ได้เรียนมาทั้งสัปดาห์ ทำให้เรารู้ตัวเองว่าเรียนแล้วจดจำได้ไหม มีความพอใจกับการเรียนของตัวเองไหม คือวัดผล สัปดาห์ต่อสัปดาห์เลย ซึ่งดิฉันชอบมาก ทำให้ตั้งใจเรียน เพราะถ้าได้คะแนนน้อย ก็จะอายเพื่อนๆ 555 และนี้ก็คือคะแนนสอบแต่ละสัปดาห์ของดิฉันค่ะ ก็มีอยู่สองสัปดาห์ที่ได้คะแนนน้อยเพราะไม่ได้ตั้งใจเรียนเท่าไหร่
ทางโรงเรียนยังมีกิจกรรมให้ทำมากมายด้วยนะคะ หลังเลิกเรียนแล้ว เช่น เรียนทำอาหารเกาหลี เรียนเทคควอนโด ไปเยี่ยมชมสถานที่ต่างๆ ครูก็จะพาไป ไปพบเพื่อนเกาหลีที่เรียนภาษาอังกฤษในโรงเรียนเดียวกัน ทำให้ได้เพื่อนคนเกาหลี ซึ่งดิฉันก็ได้รู้จัก เพื่อนรุ่นน้องคนเกาหลีซึ่งนิสัยดีมาก เราแลกเปลี่ยนภาษากัน ดิฉันช่วยเค้าเรื่องภาษาอังกฤษ ส่วนเค้าก็ช่วยดิฉันเรื่องภาษาเกาหลี สนิทกันมาก น้องเค้าก็พาไปเที่ยว และแนะนำสิ่งต่างๆ มากมาย เค้าทำอาหารเกาหลีให้กิน ดิฉันก็ทำอาหารไทยให้เค้ากิน จนน้องเค้าเป็นผู้มีความรู้ด้านแกงเขียวหวานเรียบร้อยแล้ว เพราะดิฉันทำให้กินบ่อยมาก ดิฉันมีเพื่อนเยอะมาก ทั้งคนจีน คนเกาหลี คนใต้หวัน คนไทย คนอเมริกา คนรัสเซีย แต่คนไทยมีแค่สองคนทั้งโรงเรียน คือดิฉันกับน้องผู้หญิงอีกหนึ่งคน เหตุผลที่ตัดสินใจมาเรียนปูซานแทนที่จะเป็นโซล ก็เพราะไม่อยากเจอคนไทย ไม่ใช่ไม่ชอบนะคะ แต่กลัวว่าเจอคนไทยแล้วจะพูดแต่ภาษาไทยกันจนภาษาเกาหลีไม่พัฒนา
3. เมืองปูซาน
ก่อนที่ดิฉันจะตัดสินใจมาเรียนที่ปูซาน ดิฉันเคยมาเที่ยวปูซานครั้งนึงแล้ว และชอบเมืองนี้มาก คือดิฉันไม่ชอบเมืองใหญ่อย่างโซล เพราะเคยอาศัยอยู่ที่กรุงเทพฯ หลายปีและเบื่อเมืองหลวง เบื่อความวุ่นวาย คนก็เยอะ การตัดสินใจเลือกปูซานจึงไม่ใช่เรื่องยากเลย ดิฉันไม่ขอกล่าวถึงว่าปูซานมีอะไรให้เที่ยวให้ดูบ้างในฐานะนักท่องเที่ยว เพราะคุณสามารถหาอ่านได้จากที่อื่นมากมาย หรือรีวิวที่ดิฉันเคยเขียนไว้เมื่อครั้งมาเที่ยวปูซาน ตาม link นี้ได้เลยนะคะ https://ppantip.com/topic/38232963 ดิฉันจะกล่าวถึงปูซานในฐานะผู้อยู่อาศัยเป็นระยะเวลา 10 สัปดาห์ ว่าดิฉันไปทำอะไรมาบ้าง หลักๆ เลยที่ดิฉันทำก็จะมีอยู่ 5 ข้อนี้
3.1 ตั้งใจเรียนและร่วมกิจกรรมของโรงเรียน
ดิฉันตั้งใจเรียนมาก ยกเว้นอาทิตย์แรกและอาทิตย์ที่เก้า 555 เห็นได้จากคะแนนสอบที่ตกต่ำ เนื่องจากว่าอาทิตย์แรกยังปรับตัวไม่ได้ เค้าเรียนกันยังไง ฟังครูก็ไม่ออก เค้าสั่งการบ้านหน้านึงแต่ไปทำอีกหน้านึง 555 ส่วนอาทิตย์ที่เก้าที่ได้คะแนนแค่ 58/100 ก็เพราะเพื่อนจากอังกฤษมาหาและพักด้วย 1 สัปดาห์ ก็เลยต้องพามันเที่ยว ไม่เป็นอันเรียน ขาดเรียนบ้าง ผลของการสอบก็เลยออกมาแบบขายขี้หน้ามาก 5555 แก้ตัวด้วยอาทิตย์สุดท้าย อ่านหนังสือตีหนึ่งตีสอง จนได้คะแนน top ในห้องเลย เป็นการเรียนจบแบบสวยงามมาก ดิฉันรู้สึกว่าการเรียนครั้งนี้คุ้มค่าเงินที่เสียไปมาก เพราะตั้งใจเรียนอย่างเต็มที่ จนสามีพูดว่า ไปเรียนเล่นๆ เองนะ ไม่ได้จะไปสอบเอาสัญชาติเกาหลีซะหน่อย ไม่ต้องเคร่งขนาดนั้น 555 ส่วนกิจกรรมของโรงเรียนจะมีทุกสัปดาห์ค่ะ ส่วนใหญ่จะเป็นวันศุกร์ ดิฉันก็เข้าร่วมบ้าง ไม่เข้าบ้าง ตามความสนใจของตัวเอง ที่ดิฉันไปทำมาก็จะมี เรียนทำอาหารเกาหลี เรียนเทคควนโด้ ไปเยี่ยมชมสถานที่ต่างๆ เช่น Museum of Art ไป "Meet Up" ก็คือพบเพื่อนเกาหลี และก็อื่นๆ อีกมากมาย
3.2 กินอาหารเกาหลี อาหารทะเล
ตั้งแต่ไปท่องเที่ยวมาทั่วโลก ไม่เคยถูกปากกับอาหารประเทศไหนเท่าประเทศเกาหลีเลย ดิฉันกินทุกอย่างที่ขวางหน้า หนึ่งสัปดาห์ไม่เคยกินอาหารซ้ำร้าน กินไปเรื่อยๆ ถ้าเบื่ออาหารเกาหลี ก็ไปกินอาหารไทย ร้านอาหารไทยเยอะมาก และรสชาติก็ดีกว่าอาหารไทยแถวยุโรป คือรสชาติใกล้เคียงมาก ถ้าเบื่ออาหารไทย ก็ไปกินอาหารอิตาล่ี่ สลับกันไปมาก บางทีเพื่อนคนจีนก็ลากไปกินหมาล่า อร่อยดีค่ะ ตอนเที่ยงดิฉันจะกินที่ร้านอาหารกับเพื่อนๆ ค่าอาหารก็อย่างต่ำๆ ก็ต้องมี 300 บาทต่อมื้อนึงแล้วค่ะ ซึ่งก็ไม่ถูกเลยสำหรับคนไทยอย่างเรา นักเรียนเกาหลีก็ไม่ค่อยกินที่ร้านอาหาร กลับไปกินที่บ้าน หรือห่อมาจากบ้าน พวกครูๆ ก็เห็นเดินเข้าเซเว่นกันตอนเที่ยงทุกวัน ค่าครองชีพที่นี่แพงมาก ดิฉันไม่รู้ว่าพวกครูๆ เงินเดือนเท่าไหร่ แต่รู้สึกว่าพวกเค้ากินอยู่กันอย่างประหยัด ถ้าจะไปกินร้านอาหารคือต้องตอนสิ้นเดือน เงินเดือนออก อะไรแบบนั้น ตอนเย็นส่วนใหญ่ดิฉันก็ทำกินเองที่คอนโด คอนโดของดิฉันอยู่ไม่ไกลจากตลาดสด ดิฉันก็ไปซื้ออาหารทะเล มาทำต้มยำกุ้งกิน ลวกหอยแครงกินกับน้ำจิ้มซีฟุ้ดที่พกไปจากบ้าน อาหารทะเลที่นี่อร่อยมาก สดมาก ดิฉันต้องไปตลาดอาทิตย์ละครั้ง สนุกกินมากค่ะ ถ้ามาปูซานต้องกินอาหารทะเลนะคะ มันอร่อย เยอะ เวอร์วัง อลังการมากค่ะ
3.3 ไปสังสรรค์กับเพื่อนๆ
ดิฉันคิดว่าตัวเองเป็นคนสนุก ตลก เลยมีคนอยากมาเป็นเพื่อนด้วยเยอะ 555 เพื่อนๆ ของดิฉันอายุน้อยกว่าดิฉันทุกคน ดิฉันก็ 39 แล้ว จะมีคนอายุราวๆ ดิฉันมาใช้ชีวิตแบบนี้ก็คงไม่มีแล้ว ดิฉันก็เห็นนะคะว่ามีนักเรียนที่อายุมากกว่าดิฉันหลายคน แต่มาเรียนไม่นาน แค่ 1-2 สัปดาห์ เลยไม่ทันได้สนิทอะไร เค้าก็ไปแล้ว คนเหล่านั้นออกแนวมาท่องเที่ยว ลางานได้ 1-2 สัปดาห์ ดิฉันเลยมีแต่เพื่อนรุ่นน้อง เด็กสุดคือ อายุ 18 ค่ะ แต่นางเป็นผู้ใหญ่ เป็นคนรัสเซีย เลยถูกคอกัน เพราะดิฉันพูดรัสเซียได้ ถ้าติ้งต๊อง ปัญญาอ่อน ดิฉันก็ไม่คบหรอกค่ะ 5555 คุยกันไม่รู้เรื่อง (คนกลางในรูปที่เรียนเทคควนโด้ค่ะ คือนาง) ทุกวันศุกร์เราก็ไป Hang Out กันค่ะ สถานที่ก็แตกต่างกันไป ตามแต่อารมย์ บางทีพวกมันก็พากันแห่มาที่ห้องของดิฉัน หิ้วเบียร์มาดื่มกัน บางทีก็ไปหาอาหารแปลกๆ กินกันไกลๆ โดยผู้พาไปก็คือเพื่อนเกาหลี การ hang out ของพวกเราจะออกแนว กิน และนั่งดื่มที่ร้าน สบายๆ คุยกันสับเพเหระ หัวเราะ เล่นเกมส์ ไม่ใช่การไปผับ บาร์ ที่วุ่นวาย เพราะดิฉันไม่ชอบ ช่วงเวลากับเด็กๆ เหล่านี้ ก็สนุกสนานมาก เหมือนได้ใช้ชีวิตวัยรุ่นอีกครั้งหนึ่ง แต่เป็นวัยรุ่นที่มีอิสระทางการเงินนะคะ ซึ่งมันแตกต่างจากตอนเป็นวัยรุ่นจริงๆ อยากทำอะไร อยากกินอะไร อยากไปไหนก็ไป ไม่ต้องคิดมาก ดิฉันคิดว่าเราเก็บเงินมาเพื่อใช้ในชาตินี้ ไม่ใช่ชาติหน้า ตอนที่อายุมากกว่านี้ ไม่อยากมานั่งเสียดายว่าทำไม ไม่ไปเที่ยว ไม่ไปเปิดโลก ไปสนุก ไปเรียนรู้
ยังไม่จบนะคะ มีต่อ ขอไปกินข้าวเที่ยงก่อน
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้