สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 5
แนะนำจากประสบการณ์ของการแม่ฟูลไทม์ของเรานะคะ
คุณลาออกจากงานแล้วใช่มั๊ยคะ มั่นใจดีใช่มั๊ยว่า แฟนคุณจะดูแลหรือซับพอร์ตได้แน่ๆ
แนะนำให้คุยกัน เรื่องแต่งงาน สิ่งที่อยากให้โฟกัสคือเรื่องทางกฎหมายมากกว่างานพิธีต่างๆ และอีกเรื่องที่สำคัญคือเรื่องการเงิน เวลานี้ไม่พูดไม่ได้ เห็นหลายๆคู่หน้าบางไม่พูดเรื่องนี้กัน แต่งๆไปแล้ว เกิดดราม่า
ในพันทิปก็มีหลายกระทู้ที่แม่บ้านมาบ่นว่า สามีไม่ให้เงินใช้ ไม่ดูแล เล่าไปเล่ามา เพราะสามีคิดว่าการเลี้ยงลูกอยู่บ้านไม่ต้องใช้จ่ายอะไร แถมยังเจอสามีไม่เกียรติอีก ซึ่งตอนเจอกระทู้พวกนี้ใหม่ๆ เราก็งง อ้าว ทำไมพวกเค้าไม่คุยกัน เพราะเราคุยไงค่ะ เราเปิดใจกับสามี ทำข้อตกลง หาจุดบาล๊านซ์ที่ทั้งคู่ยอมรับกันจนได้
ดังนั้นถ้าการเงินไม่พร้อม ตัวคุณเองไม่มีเงินสำรองไว้มากๆ สามีซับพอร์ตไม่ได้ ไม่ให้เงินไว้ใช้จ่ายส่วนตัวเลย ไม่มีอำนาจจะต่อรองใดๆ อย่าลาออก
และเราขอฝากข้อคิดสำหรับการแม่ฟูลไทม์ไว้นะคะ
1.ไม่ปล่อยเนื้อปล่อยตัว การเป็นแม่ฟูลไทม์ ไม่ได้แปลว่า เราจะต้องทิ้งความสวยไป เราสามารถสวยในแบบของเรา
จริงอยู่ คนเราเวลารักกัน ควรรักที่จิตใจ ไม่ว่าภายนอก รูปลักษณ์จะเปลี่ยนไปอย่างไร ก็อย่าเอาเรื่องรูปร่าง หน้าตา ที่เปลี่ยนแปลงไปมาตัดสิน
แต่ทำไม เราจะต้องไปใจร้ายกับสามีด้วย ในเมื่อเราเคยเป็นภรรยาที่สวยสำหรับเค้ามาก่อน เมื่อเวลาผ่านไป เราจะไปพรากภรรยาคนสวยไปจากเค้า แล้วพาภรรยาที่อ้วนฉุ ผมยุ่ง หน้ามันแพล๊บมาให้ทำไม
ผู้หญิงเรามีความสวยในตัวเองทุกคน เรามีเสน่ห์ ไม่ต้องสวยแบบดารา แค่ดูแลร่างกาย ผิวพรรณ ให้สะอาด สดชื่น ทำผมให้เหมาะกับใบหน้า แต่งตัวให้ดูดี ออกกำลังกาย กินอาหารที่ดีต่อสุขภาพ การทำแบบนี้ ไม่ใช่แค่เอาใจสามีเท่านั้น ตัวผู้หญิงเราเอง ก็จะมีสุขภาพที่ดี จิตใจแจ่มใสไปด้วย
ขอให้จำไว้ว่า เราสวยเพื่อตัวเอง ส่วนการที่สามีถูกใจ นั้นคือผลพลอยได้
2.เรื่องบนเตียงนั้นสำคัญ แต่ถ้าเบื่อเตียงแล้ว ย้ายไปโซฟา ห้องน้ำ ห้องครัว บ้างก็ได้
ต้องทำให้เค้าอิ่มและอร่อยตั้งแต่อยู่ในบ้าน ต่อให้เค้าออกจากบ้านไป แต่ถ้าอาหารที่บ้านอร่อย มีให้กินอิ่มหน่ำ เค้าก็จะอยากกลับมากินในบ้านอยู่ดี
อย่างตัวเราเอง เราพร้อมจะเป็นอาหารนานาชนิด ไม่ใช่ยึดติดว่าตัวเองต้องเป็นสเต๊กตลอดเวลา บางวันเราเป็นส้มตำ บางวันเป็นพิซซ่า บางวันเป็นก๋วยเตี๋ยวหรือไม่ก็อาหารชนิดอื่นๆ ต้องพร้อมปรับเปลี่ยนไม่ให้จำเจ
3.อย่าทะนงตนว่าสามีรัก สามีหลง ให้เงินใช้ ไม่ต้องไปทำงานนอกบ้าน เมื่ออยู่ในบ้านก็จัดการดูแลบ้านช่องให้สะอาด น่าอยู่
อย่างบ้านเรามีแม่บ้านทำให้ก็จริง แต่เราต้องคอยคุมการทำงานของแม่บ้าน ดูแลอีกขั้นและเลี้ยงลูกเอง ให้เต็มความสามารถ ยิ่งลูกเล็กๆนี่แหละ เป็นวัยที่เราจะสามารถหล่อหลอมเค้าได้มากที่สุด
ยิ่งถ้าได้ดูแลการเงิน ต้องมีการวางแผนการใช้จ่าย บริหารให้ดีๆ
ที่สำคัญหางานที่ทำที่บ้านไปด้วย จะเป็นงานอะไรก็ได้ เพื่อเป็นอาชีพเสริม จะได้ไม่ฟุ้งซ่าน มีรายได้เป็นของตนเองอีกทางและต้องมีการเก็บออมเงินไว้ยามฉุกเฉินด้วย
อย่างเราเลือกลงทุน ในหุ้น กองทุน อสังหาฯ และด้วยความที่จบกฎหมายมา ทางพ่อสามีก็เลยขอให้เข้าไปช่วยดูแลเรื่องดูแลเอกสารสัญญาของบริษัทบ้าง (บ้านสามี มีกิจการแต่ตัวสามีเราแยกไปทำอาชีพหมอ)
ที่บอกแบบนี้เพราะใจคนเรายากแท้หยั่งถึง วันนี้บอกรัก แต่พรุ่งนี้อาจจะตื่นมาบอกว่าเกลียด อยากเลิกหรือล้มหายจากไป
ดังนั้นอย่าประมาท หาเงินใช้ได้เองย่อมดีกว่า อย่างน้อยมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นก็ไม่อดตาย
4.ต้องมีสติทุกขณะจิต ซึ่งเราบอกตัวเองเสมอว่า เราไม่ต้องไปควบคุมเค้า คนที่เราควรควบคุมคือตัวเราเอง ใจเราเอง
เราตั้งใจมาตั้งแต่แรกๆเลยว่า ถ้าสามีดี รักและดูแลเรากับลูกอย่างดี ไม่ทำให้เราเสียใจ เราก็จะเป็นภรรยาที่ดี น่ารัก ไม่ทำจุกจิก จูจี้ วุ่นวาย หรือทำให้เค้ารำคาญ จนต้องหนีไปหาคนอื่น
ผช.ก็เหมือนเด็ก ไม่ชอบให้ใครมาบังคับ แต่ก็ไม่ได้แปลว่า เราจะต้องไปตามใจจนเสียคน
จงทำบ้านให้เป็นบ้าน ในเมื่อทำหน้าที่แม่แล้ว ก็อย่าลืมทำหน้าที่ภรรยา
กับสามี อย่าทำตัวเป็นแม่ เพราะวันหนึ่ง เค้าอาจจะหาลูกสะใภ้มาให้
คุณลาออกจากงานแล้วใช่มั๊ยคะ มั่นใจดีใช่มั๊ยว่า แฟนคุณจะดูแลหรือซับพอร์ตได้แน่ๆ
แนะนำให้คุยกัน เรื่องแต่งงาน สิ่งที่อยากให้โฟกัสคือเรื่องทางกฎหมายมากกว่างานพิธีต่างๆ และอีกเรื่องที่สำคัญคือเรื่องการเงิน เวลานี้ไม่พูดไม่ได้ เห็นหลายๆคู่หน้าบางไม่พูดเรื่องนี้กัน แต่งๆไปแล้ว เกิดดราม่า
ในพันทิปก็มีหลายกระทู้ที่แม่บ้านมาบ่นว่า สามีไม่ให้เงินใช้ ไม่ดูแล เล่าไปเล่ามา เพราะสามีคิดว่าการเลี้ยงลูกอยู่บ้านไม่ต้องใช้จ่ายอะไร แถมยังเจอสามีไม่เกียรติอีก ซึ่งตอนเจอกระทู้พวกนี้ใหม่ๆ เราก็งง อ้าว ทำไมพวกเค้าไม่คุยกัน เพราะเราคุยไงค่ะ เราเปิดใจกับสามี ทำข้อตกลง หาจุดบาล๊านซ์ที่ทั้งคู่ยอมรับกันจนได้
ดังนั้นถ้าการเงินไม่พร้อม ตัวคุณเองไม่มีเงินสำรองไว้มากๆ สามีซับพอร์ตไม่ได้ ไม่ให้เงินไว้ใช้จ่ายส่วนตัวเลย ไม่มีอำนาจจะต่อรองใดๆ อย่าลาออก
และเราขอฝากข้อคิดสำหรับการแม่ฟูลไทม์ไว้นะคะ
1.ไม่ปล่อยเนื้อปล่อยตัว การเป็นแม่ฟูลไทม์ ไม่ได้แปลว่า เราจะต้องทิ้งความสวยไป เราสามารถสวยในแบบของเรา
จริงอยู่ คนเราเวลารักกัน ควรรักที่จิตใจ ไม่ว่าภายนอก รูปลักษณ์จะเปลี่ยนไปอย่างไร ก็อย่าเอาเรื่องรูปร่าง หน้าตา ที่เปลี่ยนแปลงไปมาตัดสิน
แต่ทำไม เราจะต้องไปใจร้ายกับสามีด้วย ในเมื่อเราเคยเป็นภรรยาที่สวยสำหรับเค้ามาก่อน เมื่อเวลาผ่านไป เราจะไปพรากภรรยาคนสวยไปจากเค้า แล้วพาภรรยาที่อ้วนฉุ ผมยุ่ง หน้ามันแพล๊บมาให้ทำไม
ผู้หญิงเรามีความสวยในตัวเองทุกคน เรามีเสน่ห์ ไม่ต้องสวยแบบดารา แค่ดูแลร่างกาย ผิวพรรณ ให้สะอาด สดชื่น ทำผมให้เหมาะกับใบหน้า แต่งตัวให้ดูดี ออกกำลังกาย กินอาหารที่ดีต่อสุขภาพ การทำแบบนี้ ไม่ใช่แค่เอาใจสามีเท่านั้น ตัวผู้หญิงเราเอง ก็จะมีสุขภาพที่ดี จิตใจแจ่มใสไปด้วย
ขอให้จำไว้ว่า เราสวยเพื่อตัวเอง ส่วนการที่สามีถูกใจ นั้นคือผลพลอยได้
2.เรื่องบนเตียงนั้นสำคัญ แต่ถ้าเบื่อเตียงแล้ว ย้ายไปโซฟา ห้องน้ำ ห้องครัว บ้างก็ได้
ต้องทำให้เค้าอิ่มและอร่อยตั้งแต่อยู่ในบ้าน ต่อให้เค้าออกจากบ้านไป แต่ถ้าอาหารที่บ้านอร่อย มีให้กินอิ่มหน่ำ เค้าก็จะอยากกลับมากินในบ้านอยู่ดี
อย่างตัวเราเอง เราพร้อมจะเป็นอาหารนานาชนิด ไม่ใช่ยึดติดว่าตัวเองต้องเป็นสเต๊กตลอดเวลา บางวันเราเป็นส้มตำ บางวันเป็นพิซซ่า บางวันเป็นก๋วยเตี๋ยวหรือไม่ก็อาหารชนิดอื่นๆ ต้องพร้อมปรับเปลี่ยนไม่ให้จำเจ
3.อย่าทะนงตนว่าสามีรัก สามีหลง ให้เงินใช้ ไม่ต้องไปทำงานนอกบ้าน เมื่ออยู่ในบ้านก็จัดการดูแลบ้านช่องให้สะอาด น่าอยู่
อย่างบ้านเรามีแม่บ้านทำให้ก็จริง แต่เราต้องคอยคุมการทำงานของแม่บ้าน ดูแลอีกขั้นและเลี้ยงลูกเอง ให้เต็มความสามารถ ยิ่งลูกเล็กๆนี่แหละ เป็นวัยที่เราจะสามารถหล่อหลอมเค้าได้มากที่สุด
ยิ่งถ้าได้ดูแลการเงิน ต้องมีการวางแผนการใช้จ่าย บริหารให้ดีๆ
ที่สำคัญหางานที่ทำที่บ้านไปด้วย จะเป็นงานอะไรก็ได้ เพื่อเป็นอาชีพเสริม จะได้ไม่ฟุ้งซ่าน มีรายได้เป็นของตนเองอีกทางและต้องมีการเก็บออมเงินไว้ยามฉุกเฉินด้วย
อย่างเราเลือกลงทุน ในหุ้น กองทุน อสังหาฯ และด้วยความที่จบกฎหมายมา ทางพ่อสามีก็เลยขอให้เข้าไปช่วยดูแลเรื่องดูแลเอกสารสัญญาของบริษัทบ้าง (บ้านสามี มีกิจการแต่ตัวสามีเราแยกไปทำอาชีพหมอ)
ที่บอกแบบนี้เพราะใจคนเรายากแท้หยั่งถึง วันนี้บอกรัก แต่พรุ่งนี้อาจจะตื่นมาบอกว่าเกลียด อยากเลิกหรือล้มหายจากไป
ดังนั้นอย่าประมาท หาเงินใช้ได้เองย่อมดีกว่า อย่างน้อยมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นก็ไม่อดตาย
4.ต้องมีสติทุกขณะจิต ซึ่งเราบอกตัวเองเสมอว่า เราไม่ต้องไปควบคุมเค้า คนที่เราควรควบคุมคือตัวเราเอง ใจเราเอง
เราตั้งใจมาตั้งแต่แรกๆเลยว่า ถ้าสามีดี รักและดูแลเรากับลูกอย่างดี ไม่ทำให้เราเสียใจ เราก็จะเป็นภรรยาที่ดี น่ารัก ไม่ทำจุกจิก จูจี้ วุ่นวาย หรือทำให้เค้ารำคาญ จนต้องหนีไปหาคนอื่น
ผช.ก็เหมือนเด็ก ไม่ชอบให้ใครมาบังคับ แต่ก็ไม่ได้แปลว่า เราจะต้องไปตามใจจนเสียคน
จงทำบ้านให้เป็นบ้าน ในเมื่อทำหน้าที่แม่แล้ว ก็อย่าลืมทำหน้าที่ภรรยา
กับสามี อย่าทำตัวเป็นแม่ เพราะวันหนึ่ง เค้าอาจจะหาลูกสะใภ้มาให้
แสดงความคิดเห็น
แม่บ้านคนไหนแต่งงานแล้วย้ายตามสามีบ้างคะ ทำยังไงกับความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในชีวิตดี?
แต่งแล้วก็ย้ายตามสามีเลย
สิ้นเดือนนี้เราออกจากงาน
สามีอยากให้เราเป็นแม่บ้านฟูลไทม์และให้เราทำอะไรตามความฝันได้เลย โดยที่เค้าสนับสนุนทุกอย่าง
ลึกๆตอนนี้เครียดปนกังวล
เราต้องออกจากสังคมงานและไม่ได้อยู่กับพ่อแม่แล้ว เราเตรียมตัวแล้วปีนึง
แต่ตอนนี้จะถึงเวลาก็อดกังวลไม่ได้
ต้องไปอยู่ด้วยตัวเอง ไม่รู้จักใครสักคน (ย้ายไปตามที่ทำงานเค้าค่ะ ไม่ได้ย้ายไปอยู่กับพ่อแม่เค้า)
ใครผ่านช่วงเวลานี้มาแล้วบ้างคะ เป็นยังไงบ้าง ปรับตัวเยอะไหม
ปล.เราย้ายภูมิลำเนาค่ะ ไม่ถึงกับย้ายประเทศ
---------------------
เพิ่มเติมค่ะ
เรามีความฝันที่อยากทำ และทำมันอยู่ค่ะ เพียงแต่ต้องย้ายสถานที่และสามีเข้ามาซัพพอร์ตเรื่องทุน ขยายให้มันใหญ่ขึ้น และเราเองต้องหาฐานลูกค้าใหม่ แต่จริงๆเราก็มีทางหนีที่ไล่ที่เราจับไว้บ้างแล้ว ว่าหลังจากออกจากงานประจำ เรามีงานเสริมที่ก็ยังพอจะหาเงินได้เองแบบไม่รบกวนเค้ามาก
ปล.เรายังไม่มีลูกค่ะ แม่บ้านฟูลไทม์ของเราคือ รับผิดชอบภายในบ้านทั้งหมด ดูแลสามีทั้งหมดเพราะเค้าทำงานเยอ่ะค่ะ อีกเหตุผลที่เราไม่สามารถหางานประจำทำที่ภูมิลำเนาใหม่ได้ เพราะบางช่วงสามีต้องไปตจว.1-2 อาทิตย์ เค้าไม่สามารถทิ้งเราไว้คนเดียวได้ ถ้าทำงานประจำก็ลาลำบากค่ะ ประมาณนี้
ขอบคุณทุกความเห็นมากๆนะคะ