[CR] ภูสอยดาว 3 วัน 2 คืน อลังการดอกไม้ปลายฝน ใครจะไปก็ไป..แต่กรูไปแน่

         
          ภูสอยดาว เป็น 1 ใน list รายชื่อสถานที่ท่องเที่ยวที่ต้องไปให้ได้สักครั้งในชีวิตสำหรับผม คิดว่าหลาย ๆ คนคงทำ list แบบนี้ไว้เหมือนกัน แล้วค่อย ๆ เก็บไปเรื่อย ๆ ทำมันให้ได้ตอนยังมีแรงและพอมีเวลา (แม้ไม่มีเงิน) บางคนมีทั้งเงินและเวลาแต่ไม่มีแรง..ก็หมดสิทธิ์นะเออ

          อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว ตั้งอยู่ที่ ต.ห้วยมุ่น อ.น้ำปาด จ.อุตรดิตถ์ ประกาศเปิดลานสนภูสอยดาวให้นักท่องเที่ยวเดินทางขึ้นไปเที่ยวชมธรรมชาติบนลานสนได้ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2562 - 15 มกราคม 2563 เท่านั้น หลังจากนั้นจะปิดภูเพื่อให้ธรรมชาติฟื้นฟู ใครที่คิดจะไปรีบวางแผนได้เลย

          ทริปที่เหมาะสมควรจะเป็น 3 วัน 2 คืน ว่าแล้วผมและ ผบ.สูงลิ่ว จึงเลือกไปช่วงวันที่ 4-6 ตุลาคม 2562 เพราะเป็นช่วงที่ดอกหงอนนาคบานเต็มทุ่งทั้ง 100 % ต้องการไปเห็นด้วยตาทั้ง 2 ข้างของตัวเองว่าดินแดนแห่งทุ่งดอกหงอนนาคที่ใหญ่ที่สุดและสวยงามที่สุดในเมืองไทยเป็นเช่นไร แต่จะดีกว่านี้อีกหากในทริปนี้มีเพื่อนร่วมเดินทางไปกับเราด้วย ดังนั้นจึงลองชวนเพื่อนผ่านในทุกช่องทางการสื่อสาร ชวนกันเป็น 10 ครับ สุดท้ายได้เหยื่อมา 1 ราย คือ เพื่อนบอย เดินทางมาจากเชียงใหม่กันเลยทีเดียว ไม่ได้เจอตัวเป็น ๆ มาเกือบ 10 ปีแล้ว ถือว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่ามากทีเดียว ขอบคุณเพื่อนบอย มา ณ โอกาสนี้ด้วย

          สำหรับการเดินทางไปภูสอยดาวนั้นมีหลายวิธีซึ่งจะไม่ขอกล่าวในที่นี้ (ท่านสามารถหาอ่านตามเน็ตได้) ในที่นี้จะขอนำเสนออีกแง่มุมหนึ่งของการเดินทางง่าย ๆ แบบไม่มีรถส่วนตัว ใครอ่านรีวิวนี้จบสามารถทำตามได้ทันที 
          ขั้นตอนแรก ให้ติดต่อเพจรถรับส่งภูสอยดาวแบบหารเฉลี่ยก่อน ซึ่งมีบริการอยู่หลายเจ้า ครั้งนี้พวกเราใช้บริการจากทีมงาน จ่าเอ๋ (Tel.0835998826, Line:0835998826) บริการดุจญาติสนิทมิตรสหายกันเลยทีเดียว แค่เลือกช่วงที่จะไปเท่านั้น (เขาจะรวมคนให้ และตั้งกลุ่ม Line ให้เราได้ทำความรู้จักกันก่อน) โดยในวันไปรถจะรอรับสมาชิกอยู่ที่ บขส.ใหม่ พิษณุโลก นัดเวลาที่ 04.00 น. พอสมาชิกครบเมื่อไหร่ออกเดินทางทันที จะแวะให้ซื้อเสบียงที่ตลาดป่าแดง (เป็นตลาดสด เทศบาล ฝั่งตรงข้ามมีร้าน 7-11 ขอยืนยันว่าพวกเราจะไม่อดตายบนภูอย่างแน่นอน) และจะถึงจุดบริการนักท่องเที่ยวภูสอยดาว ไม่เกิน 08.00 น. ส่วนขากลับรถจะรอรับสมาชิกอยู่ที่ตีนภู สมาชิกลงมากันครบเมื่อไหร่ออกเดินทางกลับทันที (ปกติจะลงกันมาครบอย่างช้าที่สุดไม่เกินบ่าย 3 โมง แนะนำให้นัดเวลาลงพร้อม ๆ กัน) รถจะไปส่งที่ บขส.ใหม่ พิษณุโลก ที่เดิม ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2.30 ชั่วโมง ส่วนใครจะลงระหว่างทางสามารถแจ้งพลขับได้เลย ครั้งนี้ จ่าเอ๋ จัดสองแถวเล็กให้พวกเรา สนนราคาอยู่ที่ไป 200 กลับ 200 ต่อคน ซึ่งถือว่าไม่แพงเลยกับระยะทาง 188 กิโลแม้ว ในรถมีผู้ร่วมชะตากรรมทั้งหมด 11 คนถ้วน (เป็นชายจริง 7 หญิงแท้ 4) ไม่น่าเชื่อว่าเจอกันครั้งแรกคุยกันราวกับรู้จักกันมานานนับ 10 ปี หรืออาจเป็นเพราะพวกเราคุยกันอย่างเมามันมาก่อนในกลุ่ม line แล้วนั้นเอง สรุปว่าใครที่ไปคนเดียวจะได้เพื่อนใหม่เพิ่มมาถึง 10 คน คุ้มจริง ๆ ครับงานนี้
          ขั้นตอนที่สอง เมื่อดำเนินการตามขั้นตอนแรกแล้ว ให้เรานัดกันในกลุ่ม Line เพื่อจองตั๋วรถทัวร์ไป บขส.ใหม่ พิษณุโลกในเที่ยวเดียวกันเลย สำหรับใครที่เดินทางจากหมอชิตแนะนำว่าไม่ควรเลือกเที่ยวเกิน 22.00 น. ส่วนใครที่เดินทางจากจังหวัดอื่นก็คำนวณเวลากันให้ถึง บขส.ใหม่ พิษณุโลก ไม่เกิน 04.00 น. เป็นใช้ได้ ส่วนขากลับไม่ต้องจองตั๋วล่วงหน้าเพราะเวลากลับจากภูนั้นไม่แน่นอน สามารถไปซื้อตั๋วที่หน้างานได้เลย ง่าย ๆ แค่นี้เองสำหรับการเดินทางแบบไม่มีรถส่วนตัว ว่าแล้วจะรออะไร เก็บกระเป๋าเลยซิครับ..พี่น้อง
            
          ผมเดินทางจากหมอชิต โดยรถ บขส. เวลา 22.00 น. เคลมว่าใช้เวลาเดินทางถึง บขส.ใหม่ พิษณุโลก 5 ชั่วโมง ก็น่าจะถึงตอน 03.00 น. แต่ถึงจะวางแผนไว้อย่างดีแค่ไหนก็ย่อมพบเจออุปสรรคได้อย่างไม่คาดคิดเสมอ รถ บขส.คันนี้วิ่งได้หวานเย็นมาก ประมาณ 75 กิโลเมตร/ชัวโมง หันไปมองเลขไมล์ทีไร..น้ำตาก็จิไหล..ทุกที เหงื่อเริ่มแตก ความวิตกกังวัลเริ่มมาเยือน แต่ยังมั่นใจว่าจะถึงในไม่เกิน 04.00 น. แต่พอพนักงานต้อนรับแจ้งว่าจะแวะพักที่สิงห์บุรีเป็นเวลา 30 นาที โอ้ว..แม่จ้าว รู้ถึงชะตากรรมตัวเองทันทีว่าไม่ทันแน่ ๆ จึงแจ้งไปยังกลุ่ม Line ให้รอกระผมด้วยนะ คงจะถึงเกิน 04.00 น. เป็นแน่แท้ สรุปผมไปถึง บขส.ใหม่ พิษณุโลก ในเวลา 04.30 น. ช้ากว่าที่เขาเคลมไว้ 1.30 ชั่วโมงกันเลยทีเดียว พอถึงแล้วก็ขอโทษขอโพยกันไป เพราะสมาชิกเขาไปถึงกันครบหมดแล้วตั้งแต่ 03.30 น. ส่วนสาเหตุที่ไม่ได้เดินทางไปพร้อมกับสมาชิกท่านอื่น ๆ ในครั้งนี้เพราะเป็นคนเร็วเกินไป อีกทั้งยังขาดประสบการณ์ในการเลือกใช้บริการรถทัวร์อีกด้วย พอติดต่อต่อรถหารเฉลี่ยได้ปุ๊ปก็จองรถทัวร์ปั๊ป ไม่ได้ดูอะไร..เล้ย เห็นมีรอบ 22.00 น. ก็จองทันที ส่วนเพื่อน ๆ เขานัดกันทีหลังโดยเลือกใช้บริการของ เจ๊เกียว เดินทางสะดวกสบายรวดเร็วกันไป ดีนะสมาชิกกลุ่มเราน่ารักกันทุกคน ครั้งนี้ผมเลยรอดมาได้โดยไม่ถูกรุมประชาทัณฑ์ และนี่คือโฉมหน้าสมาชิกผู้ร่วมชะตากรรมในครั้งนี้
ระหว่างทางก่อนถึงภูสอยดาว รถจะแวะให้สมาชิกได้กักตุนเสบียงกันที่ตลาดป่าแดง มีทั้งของสดของแห้ง ฝั่งตรงข้ามมีร้าน 7-11 ก็จัดมาม่า ปลากระป๋อง กันไป และไม่ลืมที่จะซื้อข้าวเหนียวหมูปิ้งไปกินมื้อกลางวันระหว่างเดินขึ้นภูด้วย
และแล้วก็มาถึงศูนย์บริการนักท่องเที่ยวภูสอยดาว​ ยังไม่ทันจะก้าวขาซ้ายลงจากรถ ทันใดนั้นของเหลวจากกระเพราะก็พวยพุ่งออกมาจากปากจำนวนมาก (โชคดีที่เซฟไว้ได้ทัน) สาเหตุเนื่องจากระหว่างทางผมดื่มโค้งไปเยอะมาก กอปรกับได้กลิ่นท่อไอเสียที่ตลบเข้าภายในรถ สรุปสมาชิกทั้ง 11 คน รอด 8 สูญเสียมื้อเช้าในกระเพราะไป 3 (ซึ่งเป็นผู้ชายอกสามศอกทั้งนั้น) หลังจากอ๊วกกันจนเป็นที่พอใจแล้ว..ขอนั่งพักดมยาดมตราโป้ยเซียน..แป๊บ เดี๋ยวค่อยไปลงทะเบียนกันต่อ
ที่เห็นด้านขวามือจะเป็นน้ำตกภูสอยดาว เป็นจุด start เดินขึ้นภู แต่ยังก่อนเราต้องไปเสียค่าธรรมเนียมเข้าอุทยานฯ ลงทะเบียน และจ้างลูกหาบกันที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวอีกจุดหนึ่งซึ่งต้องขับรถเลยไปด้านซ้ายมืออีก 1.5 กิโลเมตร และย้อนกลับมาจุด start นี้อีกครั้งเพื่อเริ่มเดินขึ้นภูกัน
สำหรับนักท่องเที่ยวที่ไม่ได้มารถส่วนตัวหรือไม่ได้มารถรับส่งแบบเรา เมื่อลงทะเบียนเสร็จแล้วทางศูนย์จะมีรถอีแต๊กแบบนี้ไปส่งยังจุด Start​
ขั้นตอนการลงทะเบียน ให้เฉพาะตัวแทนกลุ่มกรอกเอกสารคนเดียวก็พอ (ในแบบฟอร์มจะมีให้กรอกรายละเอียดของลูกทีม) และ จนท.จะเรียกเก็บบัตรประชาชนตัวแทนกลุ่มไว้เพื่อเป็นหลักฐาน และจะให้ใบเขียวสำหรับให้แจ้งความประสงค์ในการเช่าเต้นท์ เครื่องนอน หรืออุปกรณ์ต่าง ๆ และนำใบเขียวนี้ไปรับของที่ด้านบน ขาดเหลืออะไรสามารถเช่าเพิ่มเติมที่ด้านบนได้ หรือจะไปเช่าทุกอย่างที่ด้านบนเลยก็ได้กรณีที่นักท่องเที่ยวไม่เยอะ แต่ถ้าช่วงเทศกาลนักท่องเที่ยวเยอะของจะไม่พอ ควรจองจากด้านล่างไว้ก่อนดีกว่าเพื่อความปลอดภัย
จากนั้นรอคิวชั่งสัมภาระที่จะจ้างลูกหาบแบกขึ้นไป ของผมกับ ผบ.สูงสิ่ว ได้คิวที่ 33 ชั่งรวมกันได้ 18 กิโลกรัม (ราคา 30/กิโลกรัม)​ เสร็จแล้วจ่ายเงินค่าลูกหาบ กับค่ามัดจำขยะ 200 บาท (ขากลับนำขยะลงมาด้วย และรับค่ามัดจำคืน) ​
ทริปนี้กะจะเดินตัวปลิวโดยตั้งใจจะแบกเป้ที่มีแค่กล้อง/เลนส์ 2 ตัว/น้ำดื่ม 1.5 ลิตร 1 ขวด/หมูปิ้งและของอื่น ๆ อีกเล็กน้อยขึ้นไปเองเท่านั้น แต่โชคชะตาก็เล่นตลกกับเราอีกครั้ง โดย ผบ.สูงลิ่ว หยิบของลงจากรถไม่หมด (ลืมถุงนอนไว้ 2 ใบ) กระผมในฐานะผู้ใต้บังคับบัญชาได้แต่ทำตาปริบ ๆ และก้มหน้าก้มตาแบกขึ้นไป..เฮ้อ 

          ดังนั้น ผมจึงไม่อยากให้ทุกท่านผิดพลาดเหมือนกับพวกเรา จึงอยากจะแนะนำให้ท่านจัดกระเป๋า ดังนี้
                ·  กระเป๋าใส่สัมภาระทั้งหมดสำหรับที่จะให้ลูกหาบแบกขึ้นไป
                ·  เป้ใส่สัมภาระส่วนตัว เช่น น้ำดื่ม อาหารกลางวันระหว่างทาง ขนม กล้อง เลนส์ เสื้อกันฝน ยารักษาโรค เป็นต้น สำหรับแบกขึ้นไปเอง
                ·  ส่วนใครที่อยากจะเปลี่ยนชุดก่อนเดินทางกลับบ้าน ก็สามารถแยกชุดใส่กระเป๋าใบเล็ก ฝากไว้ที่รถรับส่งได้เลย

ทำตามนี้แล้วชีวิตคุณจะง่ายขึ้นเยอะ..

เมื่อทุกอย่างพร้อมก็เริ่มออกเดินทางกันในเวลา 09.30 น. โดยไม่ลืมที่จะถ่ายภาพที่จุดเริ่มต้นเป็นที่ระลึกก่อน    
ระยะทางก็ไม่ไกลเท่าไหร่ แค่ 6.5 กิโลเมตรแค่นั้นเอง นี่ยังไม่รวมที่ต้องเดินไปจุดตั้งแค้มป์อีก 500 เมตร นะ​
ทางเดินช่วงแรกจะเดินผ่านลัดเลาะไปตามน้ำตกภูสอยดาวทั้ง 5 ชั้น ที่แต่ละชั้นมีชื่อที่ไพเราะมาก ไม่ว่าจะเป็น 1.ภูสอยดาว 2.สกาวเดือน 3.เหมือนฝัน 
4.วรรณิการ์ และ 5.สุภาภรณ์ แต่ละชั้นมีเส้นทางเดินให้ลัดเลาะชื่นชมได้ครบทุกแห่ง มันช่างสวยงามจนถ่วงเวลาพวกเราไปได้มากโขทีเดียว
ช่วงที่ชันมาก ๆ จะมีบันไดเหล็กให้ปีนป่ายเป็นระยะ ๆ แต่มีบางจุดที่ชำรุดแล้ว ต้องระวังกันด้วย
ผบ.ลูงลิ่ว ยังฟิตอยู่ ก็ถ่ายรูปวนกันไปผบ.ลูงลิ่ว ยังฟิตอยู่ ก็ถ่ายรูปวนกันไป 
เดินอยู่ดี ๆ ก็ได้มาโผล่ที่ป่าดึก ดำ ดึ๋ย เอ้ย..ดึกดำบรรพ์

ชื่อสินค้า:   ภูสอยดาว 3 วัน 2 คืน อลังการดอกไม้ปลายฝน ใครจะไปก็ไป..แต่กรูไปแน่
คะแนน:     

CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่