หน้าแรก
คอมมูนิตี้
ห้อง
แท็ก
คลับ
ห้อง
แก้ไขปักหมุด
ดูทั้งหมด
เกิดข้อผิดพลาดบางอย่าง
ลองใหม่
แท็ก
แก้ไขปักหมุด
ดูเพิ่มเติม
เกิดข้อผิดพลาดบางอย่าง
ลองใหม่
{room_name}
{name}
{description}
กิจกรรม
แลกพอยต์
อื่นๆ
ตั้งกระทู้
เข้าสู่ระบบ / สมัครสมาชิก
เว็บไซต์ในเครือ
Bloggang
Pantown
PantipMarket
Maggang
ติดตามพันทิป
ดาวน์โหลดได้แล้ววันนี้
เกี่ยวกับเรา
กฎ กติกา และมารยาท
คำแนะนำการโพสต์แสดงความเห็น
นโยบายเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล
สิทธิ์การใช้งานของสมาชิก
ติดต่อทีมงาน Pantip
ติดต่อลงโฆษณา
ร่วมงานกับ Pantip
Download App Pantip
Pantip Certified Developer
[CR] "ภูสอยดาว" มากกว่าการพิชิตยอดเขา คือการพิชิตใจเราเอง....
กระทู้รีวิว
เที่ยวภูเขา
เดินป่า
ภูสอยดาว
สวัสดีครับกลับมาโพสอีกครั้ง เพราะปกติก็โพสรีวิวปีละครั้งสองครั้งอยู่แล้ว
หลายคนมีสถานที่แห่งความทรงจำซึ่งสถานที่ในความทรงจำนั้น อาจหมายถึงสถานที่ ที่ทำให้เรามีความสุขความทุกข์แตกต่างกันออกไป แล้วเเต่เรื่องราวในอดีตที่เคยผ่านมา ซึ่งนั่นแหละทำให้เราเกิดความทรงจำต่างๆมากมาย
เข้าเรื่องครับเดี๋ยวจะหาว่าผมโพสผิดห้องนี่บลูแพลนเนตนะไม่ใช่ห้องถนนนักเขียน 555+
ปีนี้ อุทยานฯภูสอยดาว ประกาศเปิดลานสนภูสอยดาวอีกครั้ง 1 ก.ค. 62-15 ม.ค. 63หลังปิดเพื่อฟื้นฟูธรรมชาติมาตั้งแต่เดือน ม.ค.ซึ่งที่นี่ได้ชื่อว่าเป็นแหล่งชมทุ่งดอกหงอนนาคที่สวยที่สุดในเมืองไทย ซึ่งวันนี้ผมจะมาเรียกน้ำย่อยให้กับท่านที่คิดจะไป อยากไป หาเพื่อนไป หรือไปคนเดียวแบบโสดๆ
ผมกับสถานที่แห่งนี้เราเจอกันมาแล้ว 4 ครั้ง ซึ่งทุกครั้งผมเจอบรรยากาศคนละแบบเลย หนาวแตะ 0 องศา ดาวเต็มฟ้าเหมือนอยู่ท้องฟ้าจำลอง ฝนตกหมอกเต็มลานสนเหมือนอยู่อีกโลและล่าสุดบรรยากาศที่ไม่มีอะไรเลย แต่น่าจดจำเพราะเพื่อนร่วมทริป
ขออนุญาตแปะลิ้งค์การเดินทางครั้งที่ 3 ของผมนิดนึงครับ
https://ppantip.com/topic/37885965
สำหรับทริปนี้เราเดินทางกันเมื่อวันที่ 13-14 ตุลาคม 2561 เป็นช่วงปลายฝนต้นหนาว แต่ความจริงแล้ว มันคือช่วงฝนทิ้งช่วงไม่มีฝนเลย แถมไม่หนาวอีก อากาศข้างล่างคือร้อนมาก ทริปนี้เราไปกัน 9 ชีวิต ต่างเพศ ต่างวัย ต่างสถานะ ต่างวัตถุประสงค์ 3 คนแรกมาแบบครอบครัวพ่อแม่ลูก ที่พ่อทำงานอยู่ทางแม่ทำงานอยู่ทางและลูกทำงานอยู่อีกทาง ไม่ค่อยได้มีเวลามาเจอกัน 2 คนต่อมาเป็นคู่พี่น้องที่ไม่ค่อยจะลงกันเท่าไรนัก (ทะเลาะกัน คุยกัน เล่นกันสลับกันไปตลอดทาง) 2 คนต่อมาเป็นว่าที่คู่รัก (ปัจจุบันเป็นคู่รักแล้ว) ที่มาทดสอบหัวจิตหัวใจกัน แต่เกมส์พลิกนิดหน่อย เดี๋ยวเล่าให้ฟัง ส่วนอีก 1 คนเป็นพี่สาวคนแกร่ง มาแล้ว 4 ครั้ง มาครั้งนี้นางจะมาตามหาเจ้าหน้าที่หนุ่มๆทำแฟนหลังจากพลาดไป 4 ครั้ง ส่วนอีก 1 คน คือผมเองมาโดยมีวัตถุประสงค์จะ “ลืม” การเดินทางครั้งที่ 3
เริ่มแรกเราก็ลงทะเบียนกันตามปกติตรงนี้ไม่ขออธิบาย จากนั้นก็ชักภาพเป็นหลักฐานก่อนขึ้นกันนิดนึง จะเห็นได้ว่ามีชายบ้าคนนึงที่เห็นแล้วอยากจะบอกว่า “แต่งตัวอะไรของเมิงง” ใช่ครับ ผมสะดวกแบบนี้เหมือนเดินเล่นอยู่สวนหลังบ้านดี และชุดนี้แหละคนมองตลอดทาง
เริ่มจับเวลาเดินขึ้น 11.00 น.
แล้วก็เป็นปกติครับสำหรับพวกที่เพิ่งเคยมาก็จะดี๊ด๊าหน่อย กระโดโลดเต้นถ่ายรูป ตั้งแต่ต้นทางที่น้ำตกแล้วก็ไปซักระยะของการเดินทาง แต่พอพ้นเนินแรก เดี๋ยวรู้กันแต่สำหรับผมและคนที่เคยมาแล้วคงจะทราบกันดี ว่าต่อไปเราจะเจออะไรกัน หึหึไม่ได้ขู่ให้กลัว แต่อยากชวนให้มา ขออนุญาตลงภาพเรื่อยๆ บรรยายน้อยๆนะครับ
และแล้วเราก็หยุดพักรับประทานอาหารเที่ยง ณ จัดพักหลังจากพ้นเนินส่งญาติพร้อมด้วยหลายๆทีมที่พร้อมใจกันหยุดพักตรงนี้ จริงๆเลยเที่ยงไปเกือบๆบ่ายละ สำหรับเมนูอาหารก็ง่ายๆครับ ข้าวเหนียวหมูทอด+จิ้งหรีดทอด (ตัวนี้แหละพลังงานสูงมาก โปรตีนล้วนๆ) ซึ่งการกินอาหารร่วมกันเยอะๆตรงนี้ มันก็อบอุ่นดีนะ ซึ่งเราก็ไม่ควรที่จะลืมแบ่งปันหรือพูดคุยกับคนที่ร่วมทางกับเรา ผมเลยยื่นจิ้งหรีดให้กับสาวสวยสองคนที่พักอยู่ใกล้ๆกัน “คุณครับ จิ้งหรีดมั้ยครับ” ........ ไม่มีสัญญาณตอบรับจากหมายเลขที่ท่านเรียก.......
ได้เวลาเดินทางต่อครับ ตลอดทางเราก็จะพบกับต้นไม้ดอกไม้สวยงามตลอดเส้นทาง ถามว่าเดินเหนื่อยมั้ย เหนื่อยมากกกกก แต่เมื่อแลกกับสิ่งที่เราเห็น มันก็เหนื่อยอยู่ดีครับ 555+ อย่าโลกสวยน่า ขากับตามันคนละประสาทสัมผัสกัน ใครที่บอกว่า “ถึงแม้จะเหนื่อยยากลำบาก แต่พอมาเห็นอะไรแบบนี้แล้วหายเหนื่อย” ขำจัง แม่ทุ่งลาเวนเดอร์ เราจะมาทุ่งดอกหงอนนาคนะ ไม่ใช่ทุ่งลาเวนเดอร์ 555+ แซวเล่นครับ สรุปว่าเหนื่อยก็ส่วนเหนื่อย สวยก็ส่วนสวย
เราเดินมาถึงเนินก่อนสุดท้ายก่อนจะขึ้นเนินมรณะ ประมาณ 16.00 น. ก็ถือว่าช้านะครับ แต่เป็นการเดินเรื่อยๆ รอกันครับเพราะส่วนใหญ่มือใหม่หัดเดินป่าทั้งนั้น เราตัดสินใจนั่งพักกันก่อนแบบยาวๆเลยเพื่อรอให้แดดร่ม เพราะคิดกันแล้วว่าถ้าเดินขึ้นไปกันตอนนี้ไหม้แน่นอนแดดแรงมากครับ จนเวลา 17.00 น. เราเริ่มเดินขึ้นกัน โดยหวังว่าจะถึงลานกางเต้นท์กันประมาณ18.00 น. และเรื่องราวต่อจากนี้พีคล้วนๆครับ
ตัดภาพมาที่ 2คนว่าที่คู่รักที่มาทดสอบหัวจิตหัวใจกันคือหลายคนคงจิ้นว่าฝ่ายชายจะจูงมือฝ่ายหญิง คอยประคอง คอยช่วยเหลือต่างๆนานา แต่เกมส์พลิกครับ ฝ่ายชายกลัวความสูง เดินแทบจะหลับตาตลอดทางเพราะไม่กล้ามอง เนื่องจากทางเดินของเนินมรณะเป็นการเดินบนสันเขา ข้างๆคือเหวล้วนๆ ฝ่ายหญิงต้องประคอง ลาก จูง ดูแล แลทำทุกๆอย่างเพื่อให้ขึ้นไปด้วยกันได้ สุดๆครับงานนี้
ส่วน 3 คนพ่อแม่ลูก อันนี้ก็พีค ฝ่ายแม่แรงหมดเครื่องน๊อคตั้งแต่เริ่มก้าวขาขึ้นเนินมรณะ สาเหตุเพราะนาง “กินเจ” ใช่ครับเมื่อเช้าก็กินอาหารเจในเซเว่น มื้อเที่ยงก็กินแต่ผลไม้ โอ้โห งานเข้าสิครับ จะเอาพลังงานมาจากไหนล่ะคร้าบบบบบบ งานนี้เลยต้องปล่อยให้คนอื่นๆขึ้นไปก่อน ไปเตรียมการเรื่องเต้นเรื่องอาหารการกิน และอีกอย่างถ้าไม่ไหวจริงๆ ก็ให้แจ้งเจ้าหน้าที่ให้มาช่วยรับคนที่ไม่ไหว สุดท้ายมืดครับ เป็นประสบการณ์ครั้งแรกที่เดินป่าเวลากลางคืน ไม่นับตอนเรียนลูกเสือนะ นั่นมันเหตุการณ์สมมติ แต่อันนี้ของจริง กลัวมากๆๆๆๆๆ ถ้ายิ่งใครรู้ประวัติของเนินมรณะ จะยิ่งกลัว ผมคนนึงล่ะที่พอทราบ
สุดท้ายเราถึงลานกางเต้นท์กัน 20.00 น. แต่การเดินป่ากลางคืน โดยอาศัยแค่แสงไฟจากมือถือและดาวบนฟ้ามันก็สวยไปอีกแบบ แต่ถ้าเป็นไปได้อย่าทำนะครับ อันตราย คราวนี้สำหรับพวกเรามันเป็นอุบัติเหตุจริงๆ
สภาพอิดโรยของแต่ละคน ทำให้ค่ำคืนนี้จบลงอย่างรวดเร็ว
แต่ไม่ใช่ผม ผมเดินออกไปนั่งสนทนากับเพื่อนร่วมทริปคนอื่นๆ หมายถึงกลุ่มอื่นๆ ที่มีนอนกันบนลานสนนี้ เป็นการเจริญสัมพันธไมตรีโดยมีเครื่องดื่มสีใสๆรสชาติดีเป็นตัวกลาง จากนั้นก็เดินไปถ่ายรูปดาว ที่มีอยู่เต็มฟ้าในตอนกลางคืน
3 ภาพนี้ถ่ายโดยกล้องมือถือธรรมดาๆเลย OPPO P10 วางพิงไว้นิ่งๆกับอะไรก็ได้ ตั้งค่า สปีดชัตเตอร์ช้าที่สุด รับแสงเยอะที่สุด ตั้งเวลาชัตเตอร์30วินาที แต่ผมเอามาลงคอมแล้วใช้ Lightroom แต่งแสงให้สว่างครับ
เช้าแล้ว เราตื่นกันตั้งแต่ 6 โมง เพื่อที่จะได้ไปถ่ายรูป ชดเชยเมื่อวาน
ในที่สุดก็ได้เวลาโบกมือลาภูสอยดาว
ขากลับ เราเริ่มเดิน 10.00 น. และถึงพื้นเวลา 14.00 น. ซึ่งแดดร้อนมากกกก
ถึงพื้นปุ๊บ สิ่งที่ทำเป็นอย่างแรกเลยคือ การถอดเสื้อผ้านอนแช่น้ำตก เย็นชื่นใจมาก
กลับมาที่ผมบอกในตอนแรก สถานที่แห่งความทรงจำ กับ วัตถุประสงค์ของการมาเพื่อ "ลืม"การเดินทางครั้งที่3 ของผม ใช่ครับผมพยายามจะลืมคนที่เลิกรากันไป กับความทรงจำหลายๆอย่างที่เกี่ยวกับเค้า ทั้งสถานที่ สิ่งของ ภาพ.... แต่ผมคิดผิด ต้องแยกให้ออกว่าอดีตคืออดีต เราต้องสนใจปัจจุบันมากกว่า ให้อดีตเป็นเหมือนประวัติศาสตร์ของชีวิตเรา ซึ่งการเรียนรู้ประวัติศาสตร์ที่ถูกต้องนั้นคือ เรียนแบบนำมาใช้เป็นประโยชน์ ไม่ใช่ลืมทุกอย่างหรือยึดติดทุกอย่าง รู้จักถอดบทเรียนมาเพื่อใช้ในการดำเนินชีวิตในปัจจุบันและอนาคตต่อไป
ชื่อสินค้า:
ภูสอยดาว จังหวัดอุตรดิตถ์
คะแนน:
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้
- จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
- ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แก้ไขข้อความเมื่อ
▼
กำลังโหลดข้อมูล...
▼
แสดงความคิดเห็น
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ
เที่ยวภูเขา
เดินป่า
ภูสอยดาว
บนสุด
ล่างสุด
อ่านเฉพาะข้อความเจ้าของกระทู้
หน้า:
หน้า
จาก
แชร์ : 181
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน
อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่
ยอมรับ
[CR] "ภูสอยดาว" มากกว่าการพิชิตยอดเขา คือการพิชิตใจเราเอง....
สวัสดีครับกลับมาโพสอีกครั้ง เพราะปกติก็โพสรีวิวปีละครั้งสองครั้งอยู่แล้ว
หลายคนมีสถานที่แห่งความทรงจำซึ่งสถานที่ในความทรงจำนั้น อาจหมายถึงสถานที่ ที่ทำให้เรามีความสุขความทุกข์แตกต่างกันออกไป แล้วเเต่เรื่องราวในอดีตที่เคยผ่านมา ซึ่งนั่นแหละทำให้เราเกิดความทรงจำต่างๆมากมาย
เข้าเรื่องครับเดี๋ยวจะหาว่าผมโพสผิดห้องนี่บลูแพลนเนตนะไม่ใช่ห้องถนนนักเขียน 555+
ปีนี้ อุทยานฯภูสอยดาว ประกาศเปิดลานสนภูสอยดาวอีกครั้ง 1 ก.ค. 62-15 ม.ค. 63หลังปิดเพื่อฟื้นฟูธรรมชาติมาตั้งแต่เดือน ม.ค.ซึ่งที่นี่ได้ชื่อว่าเป็นแหล่งชมทุ่งดอกหงอนนาคที่สวยที่สุดในเมืองไทย ซึ่งวันนี้ผมจะมาเรียกน้ำย่อยให้กับท่านที่คิดจะไป อยากไป หาเพื่อนไป หรือไปคนเดียวแบบโสดๆ
ผมกับสถานที่แห่งนี้เราเจอกันมาแล้ว 4 ครั้ง ซึ่งทุกครั้งผมเจอบรรยากาศคนละแบบเลย หนาวแตะ 0 องศา ดาวเต็มฟ้าเหมือนอยู่ท้องฟ้าจำลอง ฝนตกหมอกเต็มลานสนเหมือนอยู่อีกโลและล่าสุดบรรยากาศที่ไม่มีอะไรเลย แต่น่าจดจำเพราะเพื่อนร่วมทริป
ขออนุญาตแปะลิ้งค์การเดินทางครั้งที่ 3 ของผมนิดนึงครับ
https://ppantip.com/topic/37885965
สำหรับทริปนี้เราเดินทางกันเมื่อวันที่ 13-14 ตุลาคม 2561 เป็นช่วงปลายฝนต้นหนาว แต่ความจริงแล้ว มันคือช่วงฝนทิ้งช่วงไม่มีฝนเลย แถมไม่หนาวอีก อากาศข้างล่างคือร้อนมาก ทริปนี้เราไปกัน 9 ชีวิต ต่างเพศ ต่างวัย ต่างสถานะ ต่างวัตถุประสงค์ 3 คนแรกมาแบบครอบครัวพ่อแม่ลูก ที่พ่อทำงานอยู่ทางแม่ทำงานอยู่ทางและลูกทำงานอยู่อีกทาง ไม่ค่อยได้มีเวลามาเจอกัน 2 คนต่อมาเป็นคู่พี่น้องที่ไม่ค่อยจะลงกันเท่าไรนัก (ทะเลาะกัน คุยกัน เล่นกันสลับกันไปตลอดทาง) 2 คนต่อมาเป็นว่าที่คู่รัก (ปัจจุบันเป็นคู่รักแล้ว) ที่มาทดสอบหัวจิตหัวใจกัน แต่เกมส์พลิกนิดหน่อย เดี๋ยวเล่าให้ฟัง ส่วนอีก 1 คนเป็นพี่สาวคนแกร่ง มาแล้ว 4 ครั้ง มาครั้งนี้นางจะมาตามหาเจ้าหน้าที่หนุ่มๆทำแฟนหลังจากพลาดไป 4 ครั้ง ส่วนอีก 1 คน คือผมเองมาโดยมีวัตถุประสงค์จะ “ลืม” การเดินทางครั้งที่ 3
เริ่มแรกเราก็ลงทะเบียนกันตามปกติตรงนี้ไม่ขออธิบาย จากนั้นก็ชักภาพเป็นหลักฐานก่อนขึ้นกันนิดนึง จะเห็นได้ว่ามีชายบ้าคนนึงที่เห็นแล้วอยากจะบอกว่า “แต่งตัวอะไรของเมิงง” ใช่ครับ ผมสะดวกแบบนี้เหมือนเดินเล่นอยู่สวนหลังบ้านดี และชุดนี้แหละคนมองตลอดทาง
เริ่มจับเวลาเดินขึ้น 11.00 น.
แล้วก็เป็นปกติครับสำหรับพวกที่เพิ่งเคยมาก็จะดี๊ด๊าหน่อย กระโดโลดเต้นถ่ายรูป ตั้งแต่ต้นทางที่น้ำตกแล้วก็ไปซักระยะของการเดินทาง แต่พอพ้นเนินแรก เดี๋ยวรู้กันแต่สำหรับผมและคนที่เคยมาแล้วคงจะทราบกันดี ว่าต่อไปเราจะเจออะไรกัน หึหึไม่ได้ขู่ให้กลัว แต่อยากชวนให้มา ขออนุญาตลงภาพเรื่อยๆ บรรยายน้อยๆนะครับ
และแล้วเราก็หยุดพักรับประทานอาหารเที่ยง ณ จัดพักหลังจากพ้นเนินส่งญาติพร้อมด้วยหลายๆทีมที่พร้อมใจกันหยุดพักตรงนี้ จริงๆเลยเที่ยงไปเกือบๆบ่ายละ สำหรับเมนูอาหารก็ง่ายๆครับ ข้าวเหนียวหมูทอด+จิ้งหรีดทอด (ตัวนี้แหละพลังงานสูงมาก โปรตีนล้วนๆ) ซึ่งการกินอาหารร่วมกันเยอะๆตรงนี้ มันก็อบอุ่นดีนะ ซึ่งเราก็ไม่ควรที่จะลืมแบ่งปันหรือพูดคุยกับคนที่ร่วมทางกับเรา ผมเลยยื่นจิ้งหรีดให้กับสาวสวยสองคนที่พักอยู่ใกล้ๆกัน “คุณครับ จิ้งหรีดมั้ยครับ” ........ ไม่มีสัญญาณตอบรับจากหมายเลขที่ท่านเรียก.......
ได้เวลาเดินทางต่อครับ ตลอดทางเราก็จะพบกับต้นไม้ดอกไม้สวยงามตลอดเส้นทาง ถามว่าเดินเหนื่อยมั้ย เหนื่อยมากกกกก แต่เมื่อแลกกับสิ่งที่เราเห็น มันก็เหนื่อยอยู่ดีครับ 555+ อย่าโลกสวยน่า ขากับตามันคนละประสาทสัมผัสกัน ใครที่บอกว่า “ถึงแม้จะเหนื่อยยากลำบาก แต่พอมาเห็นอะไรแบบนี้แล้วหายเหนื่อย” ขำจัง แม่ทุ่งลาเวนเดอร์ เราจะมาทุ่งดอกหงอนนาคนะ ไม่ใช่ทุ่งลาเวนเดอร์ 555+ แซวเล่นครับ สรุปว่าเหนื่อยก็ส่วนเหนื่อย สวยก็ส่วนสวย
เราเดินมาถึงเนินก่อนสุดท้ายก่อนจะขึ้นเนินมรณะ ประมาณ 16.00 น. ก็ถือว่าช้านะครับ แต่เป็นการเดินเรื่อยๆ รอกันครับเพราะส่วนใหญ่มือใหม่หัดเดินป่าทั้งนั้น เราตัดสินใจนั่งพักกันก่อนแบบยาวๆเลยเพื่อรอให้แดดร่ม เพราะคิดกันแล้วว่าถ้าเดินขึ้นไปกันตอนนี้ไหม้แน่นอนแดดแรงมากครับ จนเวลา 17.00 น. เราเริ่มเดินขึ้นกัน โดยหวังว่าจะถึงลานกางเต้นท์กันประมาณ18.00 น. และเรื่องราวต่อจากนี้พีคล้วนๆครับ
ตัดภาพมาที่ 2คนว่าที่คู่รักที่มาทดสอบหัวจิตหัวใจกันคือหลายคนคงจิ้นว่าฝ่ายชายจะจูงมือฝ่ายหญิง คอยประคอง คอยช่วยเหลือต่างๆนานา แต่เกมส์พลิกครับ ฝ่ายชายกลัวความสูง เดินแทบจะหลับตาตลอดทางเพราะไม่กล้ามอง เนื่องจากทางเดินของเนินมรณะเป็นการเดินบนสันเขา ข้างๆคือเหวล้วนๆ ฝ่ายหญิงต้องประคอง ลาก จูง ดูแล แลทำทุกๆอย่างเพื่อให้ขึ้นไปด้วยกันได้ สุดๆครับงานนี้
ส่วน 3 คนพ่อแม่ลูก อันนี้ก็พีค ฝ่ายแม่แรงหมดเครื่องน๊อคตั้งแต่เริ่มก้าวขาขึ้นเนินมรณะ สาเหตุเพราะนาง “กินเจ” ใช่ครับเมื่อเช้าก็กินอาหารเจในเซเว่น มื้อเที่ยงก็กินแต่ผลไม้ โอ้โห งานเข้าสิครับ จะเอาพลังงานมาจากไหนล่ะคร้าบบบบบบ งานนี้เลยต้องปล่อยให้คนอื่นๆขึ้นไปก่อน ไปเตรียมการเรื่องเต้นเรื่องอาหารการกิน และอีกอย่างถ้าไม่ไหวจริงๆ ก็ให้แจ้งเจ้าหน้าที่ให้มาช่วยรับคนที่ไม่ไหว สุดท้ายมืดครับ เป็นประสบการณ์ครั้งแรกที่เดินป่าเวลากลางคืน ไม่นับตอนเรียนลูกเสือนะ นั่นมันเหตุการณ์สมมติ แต่อันนี้ของจริง กลัวมากๆๆๆๆๆ ถ้ายิ่งใครรู้ประวัติของเนินมรณะ จะยิ่งกลัว ผมคนนึงล่ะที่พอทราบ
สุดท้ายเราถึงลานกางเต้นท์กัน 20.00 น. แต่การเดินป่ากลางคืน โดยอาศัยแค่แสงไฟจากมือถือและดาวบนฟ้ามันก็สวยไปอีกแบบ แต่ถ้าเป็นไปได้อย่าทำนะครับ อันตราย คราวนี้สำหรับพวกเรามันเป็นอุบัติเหตุจริงๆ
สภาพอิดโรยของแต่ละคน ทำให้ค่ำคืนนี้จบลงอย่างรวดเร็ว
แต่ไม่ใช่ผม ผมเดินออกไปนั่งสนทนากับเพื่อนร่วมทริปคนอื่นๆ หมายถึงกลุ่มอื่นๆ ที่มีนอนกันบนลานสนนี้ เป็นการเจริญสัมพันธไมตรีโดยมีเครื่องดื่มสีใสๆรสชาติดีเป็นตัวกลาง จากนั้นก็เดินไปถ่ายรูปดาว ที่มีอยู่เต็มฟ้าในตอนกลางคืน
3 ภาพนี้ถ่ายโดยกล้องมือถือธรรมดาๆเลย OPPO P10 วางพิงไว้นิ่งๆกับอะไรก็ได้ ตั้งค่า สปีดชัตเตอร์ช้าที่สุด รับแสงเยอะที่สุด ตั้งเวลาชัตเตอร์30วินาที แต่ผมเอามาลงคอมแล้วใช้ Lightroom แต่งแสงให้สว่างครับ
เช้าแล้ว เราตื่นกันตั้งแต่ 6 โมง เพื่อที่จะได้ไปถ่ายรูป ชดเชยเมื่อวาน
ในที่สุดก็ได้เวลาโบกมือลาภูสอยดาว
ขากลับ เราเริ่มเดิน 10.00 น. และถึงพื้นเวลา 14.00 น. ซึ่งแดดร้อนมากกกก
ถึงพื้นปุ๊บ สิ่งที่ทำเป็นอย่างแรกเลยคือ การถอดเสื้อผ้านอนแช่น้ำตก เย็นชื่นใจมาก
กลับมาที่ผมบอกในตอนแรก สถานที่แห่งความทรงจำ กับ วัตถุประสงค์ของการมาเพื่อ "ลืม"การเดินทางครั้งที่3 ของผม ใช่ครับผมพยายามจะลืมคนที่เลิกรากันไป กับความทรงจำหลายๆอย่างที่เกี่ยวกับเค้า ทั้งสถานที่ สิ่งของ ภาพ.... แต่ผมคิดผิด ต้องแยกให้ออกว่าอดีตคืออดีต เราต้องสนใจปัจจุบันมากกว่า ให้อดีตเป็นเหมือนประวัติศาสตร์ของชีวิตเรา ซึ่งการเรียนรู้ประวัติศาสตร์ที่ถูกต้องนั้นคือ เรียนแบบนำมาใช้เป็นประโยชน์ ไม่ใช่ลืมทุกอย่างหรือยึดติดทุกอย่าง รู้จักถอดบทเรียนมาเพื่อใช้ในการดำเนินชีวิตในปัจจุบันและอนาคตต่อไป
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้