คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 49
อยากให้ทุกคนเข้าใจว่าสามีคุณเจ้าของกระทู้ไม่ได้บ้าหรือโรคจิตนะครับ แต่อาจมีโรคทางจิตเวชบางอย่างที่ไปมีผลต่อบุคลิกภาพ มุมมองต่อสิ่งต่างๆและพฤติกรรมของเขานั่นเองครับ
ซึ่งสาเหตุก็มาจากหลายปัจจัย มีทั้งจากโครงสร้างสมอง สารสื่อประสาทที่ทำงานผิดปกติ หรือจากความเครียด ความกดดันต่างๆ ประสบการณ์ที่ไม่ดีในอดีต รวมถึงปัจจัยด้านสังคมด้วย ตรงนี้อาจจะต้องพูดคุยกับจิตแพทย์เพื่อช่วยกันหาสาเหตุแล้วช่วยปรับมุมมอง/พฤติกรรม +/-การใช้ยาเพื่อปรับการทำงานของสมอง
สำหรับคนรอบข้าง เราต้องเข้าใจว่าเขาไม่ได้อ่อนแอ ไม่ได้แกล้งทำ และเขาก็ไม่ได้ตั้งใจมีพฤติกรรมแบบนั้นครับ ลองให้เขาเล่าสิ่งที่เขาไม่สบายใจให้เราฟังเรื่อยๆน่าจะทำให้เขารู้สึกไว้ใจเรามากขึ้นและรับรู้ได้ว่าคนรอบข้างก็ยังคงอยู่ข้างๆเขาเสมอครับ
เป็นกำลังใจให้คุณเจ้าของกระทู้นะครับ😊
ซึ่งสาเหตุก็มาจากหลายปัจจัย มีทั้งจากโครงสร้างสมอง สารสื่อประสาทที่ทำงานผิดปกติ หรือจากความเครียด ความกดดันต่างๆ ประสบการณ์ที่ไม่ดีในอดีต รวมถึงปัจจัยด้านสังคมด้วย ตรงนี้อาจจะต้องพูดคุยกับจิตแพทย์เพื่อช่วยกันหาสาเหตุแล้วช่วยปรับมุมมอง/พฤติกรรม +/-การใช้ยาเพื่อปรับการทำงานของสมอง
สำหรับคนรอบข้าง เราต้องเข้าใจว่าเขาไม่ได้อ่อนแอ ไม่ได้แกล้งทำ และเขาก็ไม่ได้ตั้งใจมีพฤติกรรมแบบนั้นครับ ลองให้เขาเล่าสิ่งที่เขาไม่สบายใจให้เราฟังเรื่อยๆน่าจะทำให้เขารู้สึกไว้ใจเรามากขึ้นและรับรู้ได้ว่าคนรอบข้างก็ยังคงอยู่ข้างๆเขาเสมอครับ
เป็นกำลังใจให้คุณเจ้าของกระทู้นะครับ😊
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 10
ก็ทำเป็นว่าตัวคุณนั่นแหล่ะมีปัญหาอยากไปหาหมอ
บอกว่า คุณ รู้สึกเครียด อยากไปหาจิตแพทย์
แล้วอยากให้สามีไปเป็นเพื่อน ไปช่วยรับรู้ร่วมกัน
สามีจะได้ช่วยดูแลคุณได้ถูกต้องตามคำแนะนำ
หรือหมอจะได้ซักถามสามีด้วยจะได้ทราบสาเหตุ
ที่คุณเครียด
แต่คุณต้องไปติดต่อจิตแพทย์ เตรียมการนัดไว้
ให้เสร็จสรรพ
สามีก็คิดแค่ว่าไปเป็นเพื่อนคุณ
ลองดูนะ
บอกว่า คุณ รู้สึกเครียด อยากไปหาจิตแพทย์
แล้วอยากให้สามีไปเป็นเพื่อน ไปช่วยรับรู้ร่วมกัน
สามีจะได้ช่วยดูแลคุณได้ถูกต้องตามคำแนะนำ
หรือหมอจะได้ซักถามสามีด้วยจะได้ทราบสาเหตุ
ที่คุณเครียด
แต่คุณต้องไปติดต่อจิตแพทย์ เตรียมการนัดไว้
ให้เสร็จสรรพ
สามีก็คิดแค่ว่าไปเป็นเพื่อนคุณ
ลองดูนะ
ความคิดเห็นที่ 14
จากประสบการณ์พวกที่เป็นแบบนี้
ขั้นต่อไปอาจลงมือทำร้าย
จะเชื่อผมหรือป่าวไม่รู้นะ นี่เป็นครั้งแรกที่เชียให้คนเลิกกัน ปกติไม่ค่อยมาพิมแบบนั้นหรอก มักจะบอกให้แก้ปัญหา แต่อจากประสบการณ์ตรงที่เจอเอง
บอกได้คำเดียวว่า เลิกตอนนี้ไม่สายครับ เลิกเลยครับ ขั้นต่อไป อาจเหมือนในข่าว
พวกขี้หึงเว่อ เสียสติไม่รอดซักราย
ขั้นต่อไปอาจลงมือทำร้าย
จะเชื่อผมหรือป่าวไม่รู้นะ นี่เป็นครั้งแรกที่เชียให้คนเลิกกัน ปกติไม่ค่อยมาพิมแบบนั้นหรอก มักจะบอกให้แก้ปัญหา แต่อจากประสบการณ์ตรงที่เจอเอง
บอกได้คำเดียวว่า เลิกตอนนี้ไม่สายครับ เลิกเลยครับ ขั้นต่อไป อาจเหมือนในข่าว
พวกขี้หึงเว่อ เสียสติไม่รอดซักราย
แสดงความคิดเห็น
สามีเป็นแบบนี้ ควรพาไปพบจิตแพทย์ดีใหม หรือมีวิธีใหนให้เขาเปลี่ยนแปลง
อายุห่างกัน 10 ปี
ตื่นเช้าทำงาน 8.00 น. ทำงานที่เดียวกัน แต่คนละแผนก 12.00 น. ทานข้าวด้วยกันพักเที่ยงเข้าห้องอยู่ด้วยกัน 17.00 น. เลิกงาน
จะอยู่ด้วยกันตลอดเวลา แม้แต่ไปติดต่อประสานงานต่างๆ ในสำนักงาน เจ้านายก็จะให้สามีขับรถไปส่ง ไปตลาด ทำกับข้าว ทานข้าวเย็นด้วยกัน ชีวิตเป็นแบบนี้ตลอดเวลา 4 ปี
สำหรับเราแล้วเขาเป็นสามีที่ดีมากในเรื่องอื่นๆ ไม่ค่อยดื่มเหล้า ไม่สูบบุหรี่ ไม่ชอบงานสังสรรค์ ชอบออกกำลังกาย
ทำงานบ้านช่วยทุกอย่าง รวมไปถึงการเลี้ยงลูก ไปใหนเราจะไปด้วยกันตลอด ไปส่งเราได้ทุกที่ สามีเป็นคนใจเย็น เป็นคนขยัน เวลาทำอะไรจะจริงจัง ตั้งใจทำให้ออกมาดีที่สุด เป็นคนไม่ค่อยพูด ไม่ค่อยแสดงออกความรู้สึกใดๆ กับคนอื่นหรือเพื่อนร่วมร่วมงาน เวลารู้สึกไม่สบายใจจากที่ทำงาน เขาจะคลายเคลียดด้วยการดื่มเบียร์และฟังเพลงคนเดียวในห้อง ไม่ก้าวร้าว อันนี้คือข้อดีที่เขาเป็น
ในส่วนของข้อเสีย แต่สามีจะเป็นคนที่ขี้ระแวงมาก ขี้หึงได้กับผู้ชายทุกคน ที่เป็นเพื่อนร่วมงาน ที่เป็นเพื่อนที่อยู่ข้างห้อง และไม่ไว้ใจคนอื่นแม้กระทั่งเมียตัวเอง เขาจะไม่เปิดเผยความเป็นตัวตนที่แท้จริงให้ใครเห็น
ตัวอย่างความขี้หึง หึงให้กับเพื่อนร่วมงานที่ย้ายมาทำงานใหม่ได้ 3 วัน วันนั้นเพื่อนร่วมงานคนนั้นขอลาหยุด 1 วัน พักอยู่ที่ห้องพัก เราทำงานอยู่ในสำนักงาน เขาออกไปหน้างาน เขาลืมของ เขากลับมาเอาที่สำนักงาน เป็นจังหวะที่เราเดินออกทานข้าว ไม่เจอเรา เขาก็เอามาคิดเป็นตุเป็นตะว่าเราลักลอบไปมีอะไรกันกับเพื่อนร่วมงานคนนั้นที่เพิ่งมาทำงานได้แค่ 3 วัน
และอีกตัวอย่าง มีอยู่วันหนึ่ง เราลืมล๊อคประตูหลังห้อง สามีก็คิดอีกว่า เราให้เพื่อนร่วมงานข้างห้องเข้ามามีอะไรกัน ไม่ให้คุยกับใครเลย แม้แต่จะตอบคำถามเวลาที่เพื่อนบ้านทักทาย พอแฟนเพื่อนร่วมงานคนนี้มาอยู่ด้วย ก็คิดว่าเราไปมีอะไรกันกับอีกห้องหนึ่ง เวลาทานข้าวร่วมกัน (ที่ทำงานจะทานข้าวร่วมกัน 3 มื้อ) ห้ามเราคุยสนทนากับใคร ห้ามตอบคำถามใคร ถ้าเราตอบคำถามใคร สามีจะถือว่าเราเกรงใจคนนั้น ซึ่งแปลว่าคนๆนั้น กำความลับเราอยู่ แปลว่าเราแอบไปทำอะไรไม่ดีให้คนๆ นั้นเห็น
ทุกวันนี้ เราจะก็เลยไม่คุยกับใครที่เป็นผู้ชายต่อหน้าสามี ไม่สนิทกับใคร ที่ทำงาน แต่เขาก็ยังจ้องจับผิดอยู่ตลอดเวลา อย่างเช่นวันนี้ เขาเดินผ่านกระจกหน้าห้องทำงานเรา เห็นเรายิ้ม ก็หาว่าเรากำลังหยอกล้อกับเพื่อนร่วมงานที่เป็นผู้ชาย
ตัวอย่างความขี้ระแวง คือห้องต้องล๊อคกลอนประตู ลูกบิด ติดกล้องวงจรในห้อง อาหารเครื่องปรุงครัวหลังห้องต้องเก็บเข้าบ้านให้มิดชิด ห้ามลูกเมียเข้า-ออกทางหลังห้อง ใครมาเรียกหลังห้องห้ามเปิด กลัวคนอื่นมาวางยาพิษบ้าง กลัวเค้าแกล้งเอายาบ้ามาไว้ในห้องแล้วแจ้งตำรวจจับบ้าง เรื่องงานนี่เป๊ะมาก ชอบเอาคำพูดคนอื่นมาคิดในทางลบ อย่างสมมุติว่ามีคนมาดีด้วย แบ่งปันของให้ ก็คิดว่าเขามาตีสนิทเพื่อทำลาย กลัวแม้กระทั่งจะมีคนมาคลายน๊อตล้อรถ
และที่ห้องจะมีที่ตรวจปัสวะหาสารเสพย์ติด ก็จะมีการสุ่มตรวจเรา เป็นระยะ เพื่อความสบายใจ เราก็ยอมนะ
อยากอยู่กับเขาไปนานๆ ค่ะ กลัวเป็นแบบนี้นานๆ เข้าจะทำให้เบื่อหน่าย และต้องเลิกรากันไป ไม่อยากให้เขาต้องล้มเหลวในชีวิตคู่ซ้ำๆ เรื่องอื่นๆ เขาเป็นคนที่น่ารักมาก เขาไม่ให้ลำบาก แม้แต่ขยะเขายังไม่ให้ออกไปทิ้งเอง ชั้นใน ถุงเท้า เสื้อผ้าเรา เสื้อผ้าลูก ซักให้เราหมดนะ ซักมือด้วย จะกลับจากงานมาเหนื่อยแค่ใหน ผ้าจะล้นตะกร้านี่ไม่ได้เลยต้องรีบซัก
อยากให้เขามีความสุขในชีวิต อยากให้เขาคิดบวก มองโลกให้สดใส การที่เราจะพาเขาไปพบจิตย์แพทย์ เราควรมีวิธีการพูดกับเขาอย่างไรบ้างคะ
หรือเราจะมีวิธีพูด วิธีปฏิบัติอย่างไร ให้เขาเปลี่ยนแปลงในสิ่งลบและปมในใจเขาได้
* * * * * * * * * * * * * *
ขอแก้ไขเพิ่มเติมนะคะ
เป้าหมายคือ อยากมีวิธีการ ปรับเปลี่ยนให้เค้าคิดบวก การมองโลกในแง่ดี ปล่อยวางในเรื่องที่ทำให้ทุกข์ใจ
นอกจากพบจิตแพทย์แล้ว กิจกรรมในแต่ละวันควรจะเป็นแบบใหนบ้าง ที่จะทำให้มุมมองเขาเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี
* * * * * * * * * * * ** * *
เพิ่มเติมอีกนิดค่ะ
- ดิฉันไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับยาเสพย์ติด และไม่เคยมีเพื่อนที่จะสุ่มเสี่ยงและเกี่ยวข้องกับยาเสพย์ติด
- ตลอดระยะเวลาที่อยู่ด้วยกัน ดิฉันถูกตัดขาดจากเพื่อนสนิท และไม่มีเพื่อนสนิทใที่ทำงาน ไม่เคยไปใหนตามลำพัง หรือกับคนอื่น ทุกครั้งที่จะไปใหน แม้แต่
ร้านค้าหน้าปากซอย เขาจะไปส่งทุกครั้ง เขาไม่เคยปล่อยให้ดิฉันไปใหนตามลำพังเลย ในข้อนี้คือข้อดีของเขา ทุกสิ่งที่ดิฉันร้องขอ เขาจะเต็มใจทำ
ไม่อิดออด ไปซื้อของเลือกของนานแค่ใหน ไปร้านเสริมสวย ก็รอเป็นวันได้ ไม่บ่น ไม่เบื่อ ขอให้ได้ไปส่งทุกที่
- ดิฉันไม่เคยมีเรื่องนอกใจกับสามี จากอดีตสามีคนก่อน ดิฉันได้เลิกลาก่อนแล้วที่จะมารู้จักเขา