เรื่องเป็นแบบนี้นะคะ ดิฉันกับแฟนทำงานประจำและทำธุรกิจขายส่งหมูปิ้งไปด้วย วันนึงไปเจอร้านปิ้งลูกชิ้นขาย แฟนจึงไปคุยกับเจ้าของร้านว่าพี่ถ้าผมเอาหมูปิ้งมาวางให้ พี่ขายได้ผมคิดราคาส่งเก็บเงินที่หลังหากขายไม่ได้ผมยินดีเอากลับครับ เจ้าของร้านก็โอเคและยินดีให้เราลง เราส่งหมูปิ้งให้ พร้อมทั้งหาลูกค้ามาเพิ่มให้ตลอดทุกวัน ร้านแกขายดีขึ้นเรื่อยๆ ทำกันมาประมาณปีกว่า เราทำด้วยความจริงใจ และไว้ใจซึ่งกันและกันตลอดมา จนจะเหมือนเป็นครอบครัวเดียวกันก็ว่าได้
วันนึงเราพาลูกค้ามาซื้อหมูปิ้ง แต่ลูกค้าไม่ได้อยากจะเป็นแค่ลูกค้า แต่อยากเอาหมูปิ้งมาลงขายร้านแกบ้าง และก็ได้เอามาลงจริงๆ ซึ่งเป็นหมูปิ้งเหมือนกับเรา แต่ต่างกันที่ราคาถูกกว่าเรามาก เราบอกงั้นเราจะถอยหมูปิ้งให้ จะเหลือเป็นไส้กรอกและอย่างอื่นแทนก็ได้ แต่...ไม่เป็นเช่นนั้น คนนั้นก็ค่อยๆเอาอย่างอื่นมาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนของเราแทบไม่มีที่จะวางขาย ซึ่งเจ้าของร้านบอกเด๋วมันก็เจ๊งแล้วเลิกไปเอง เราบอกจะใช่หรอ จะเอามาลงขึ้นเรื่อยๆมากกว่ามั้งแบบนี้
ตอนนี้คิดหนัก เจ้าของร้านทำแบบนี้กับเราได้ด้วยจริงๆหรอคะ พูดมากไปก็ไม่ได้กลัวจะผิดใจกัน อีกอย่างร้านเป็นของเขา เขาก็มีสิทธิทำอะไรก็ได้ แต่มันต้องคุยกันก่อนหรือป่าวคะ
ตอนนี้คิดไม่ตกเลย ว่าควรจะแก้ปัญหาหรือควรหาทางออกยังไง ใครพอมีคำแนะนำช่วยบอกหน่อยนะคะ
เมื่อธุรกิจที่เป็นหุ้นส่วนเริ่มหวังผลประโยชน์มากกว่าความจริงใจ ควรหาทางออกยังไงดี
วันนึงเราพาลูกค้ามาซื้อหมูปิ้ง แต่ลูกค้าไม่ได้อยากจะเป็นแค่ลูกค้า แต่อยากเอาหมูปิ้งมาลงขายร้านแกบ้าง และก็ได้เอามาลงจริงๆ ซึ่งเป็นหมูปิ้งเหมือนกับเรา แต่ต่างกันที่ราคาถูกกว่าเรามาก เราบอกงั้นเราจะถอยหมูปิ้งให้ จะเหลือเป็นไส้กรอกและอย่างอื่นแทนก็ได้ แต่...ไม่เป็นเช่นนั้น คนนั้นก็ค่อยๆเอาอย่างอื่นมาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนของเราแทบไม่มีที่จะวางขาย ซึ่งเจ้าของร้านบอกเด๋วมันก็เจ๊งแล้วเลิกไปเอง เราบอกจะใช่หรอ จะเอามาลงขึ้นเรื่อยๆมากกว่ามั้งแบบนี้
ตอนนี้คิดหนัก เจ้าของร้านทำแบบนี้กับเราได้ด้วยจริงๆหรอคะ พูดมากไปก็ไม่ได้กลัวจะผิดใจกัน อีกอย่างร้านเป็นของเขา เขาก็มีสิทธิทำอะไรก็ได้ แต่มันต้องคุยกันก่อนหรือป่าวคะ
ตอนนี้คิดไม่ตกเลย ว่าควรจะแก้ปัญหาหรือควรหาทางออกยังไง ใครพอมีคำแนะนำช่วยบอกหน่อยนะคะ