สวัสดีค่ะ เราจะมาเล่าอาการของโรคซึมเศร้าที่เราเป็นอยู่ให้ฟังไม่ได้ตั้งใจมาเขียนเท่าไหร่ ออกแนวอยากมาระบายนิดๆเพราะเราไม่มีเพื่อน
เริ่ม........
เราเองปีนี้อายุ28ปีแล้วค่ะ ทำงานเป็นเซลส์ ก่อนหน้านี้เราปกติสุขดีค่ะแต่เป็นคนอารมณ์รุนแรง ขี้โมโห หงุดหงิดง่าย มีอาการนี้ตั้งแต่เรียนจบ ปวช.ค่ะ เรื่องก็ดำเนินมาจนเราเลิกกับพ่อของลูกก็ยังปกติดีค่ะ จนเรามามีแฟนใหม่ เค้าเริ่มสังเกตุพฤติกรรมของเราและบอกให้เราไปหาหมอแต่เราก็ยังไม่ยอมไปเพราะคิดว่าไม่ได้เป็นอะไรแต่ก่อนทีออกจากที่ทำงานเก่าเริ่มมีอาการที่คล้ายจะเป็นเพราะค่อนข้างเครียดเรื่องส่วนตัวก็ได้นัดกับพี่ที่สนิทคนนึงว่าจะไปแต่ก็ไม่ว่างตรงกันสักทีเรื่องก็เลยผลัดมายาวเหยียด จนวันที่เราย้ายที่ทำงานใหม่แรกๆเราก็มีความสุขดีค่ะHappyกับชีวิตตอนนั้นมากๆทั้งเรื่องงาน เรื่องความรัก และครอบครัวทุกอย่างเป็นแนวทางที่ดีขึ้นทั้งหมด แต่แล้ววันหนึ่งเรามีปัญหากับแฟนทะเลาะกันแล้วช่วงนั้นแฟนก็กลับบ้านที่ใต้ค่ะเราก็มีอารมณ์นอยทุกอย่าง เคว้ง เพราะเราติดแฟนมาก เหมือนเราเอาชีวิตของเราไปฝากที่เค้าทุกอย่างทำอะไรเองไม่เป็น เช่าห้องอยู่ก็ไม่เคนเดินไปเซเว่นเองรอให้แฟนพาไปตลอด ทางด้านครอบครัวแม่เราเป็นคนงี่เง่าอยู่แล้วค่ะไม่ค่อยมีเหตุผลเท่าไหร่เอะอะโวยวายตลอด เรื่องงานเรากดดันมากเพราะเราเป็นเด็กใหม่แล้วเราจะต้องหาลูกค้าได้เท่านั้นเท่านี้ ยอดต้องเท่านั้นเท่านี้ โอ้ย...ปวดหัวทุกด้าน
อาการเริ่มแสดงออก......
ก่อนหน้าที่เราจะป่วยเรามีปัญหาเรื่อยๆค่ะแต่เราจะมีแฟนคอยปลอบใจมาโดยตลอดมันเลยทำให้ไม่เป็นหนักมากร้องไห้แป๊ปเดียวเดี๋ยวก็ดีขึ้น หรือไม่ถ้าเราติสท์มากๆเลิกงานปุ๊บเราก็จะขับรถไปทะเลปั๊บไปเดินเล่น กินข้าวแล้วเราก็ขับรถกลับมาทำงานต่อในเช้ามืดของวันนั้นแต่หลังจากย้ายที่ทำงานเงินเดือนน้อยลงไปเยอะเลยทำให้ทำอะไรติสท์ๆแบบนี้ไม่ได้อีกก็เลยไม่ได้ไปแบบนี้อีก เลิกงานจากออฟฟิตก็มานั่งทำงานต่อที่ห้องนั่งหาลูกค้า หาข้อมูล ต่างๆนาๆแรกเรกก็เหนื่อยแต่มีความสุขดีค่ะ ส่วนเรื่องอารมณ์เราก็ยังอารมณ์ขึ้นๆลงๆเหมื่อนเดิมค่ะ โมโหร้าย ขี้หงุดหงิด ขี้งอน ควบคุมอารมณ์ไม่ได้แต่แฟนเราเค้าก็พยายามเย็นกับเราทุกอย่างค่ะ จนกระทั้ง......เราทะเลาะกับแม่ด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่อง แม่หาว่าเราแซะลูกตัวเองบ้างอะไรบ้าง แม่ไม่พูดกับเราเห็นเราเป็นธาตุอากาศ เราเริ่มน้อยใจค่ะ นอยด์แม่ ปรึกษาใครดีล่ะ....เราไม่ค่อยมีเพื่อนสนิท....ทำไงดี.......คุยกับแฟนเริ่มไม่ค่อยเข้าใจแฟนบอกว่าจะรีบกลับกรุงเทพ เดี๋ยวจะกลับวันที่เท่านี้ๆนะ พอถึงวันไม่กลับ ติดต่อไม่ได้ อ้าวแล้วไง นอยด์อีกแล้ว โกรธค่ะ งอน บอกเลิก เค้าก็ง้อเรานะคะแต่ไม่ได้มากเนื่องจากไม่ได้อยู่ที่ไทยพอกลับมาไทยก็เหนื่อยแล้วไม่ได้คุยอีก เราก็ไม่ค่อยได้ติดต่อกับแฟนเท่าไหร่ในช่วงนั้น ส่วนเรื่องงานกดดันมากกกกกก เราต้องทำตามสโคปงานเท่านี้ๆๆๆๆนะ ต้องให้อย่างนี้ๆๆๆๆๆนะ ลูกค้าต้องเป็นนี้ๆๆๆๆๆนะ เราหาลูกค้ามาแล้วแต่มันไม่โอมันต้องนี้ๆๆๆๆๆๆ โอ้ยทุกทาง คุยกับใครดีล่ะ แม่ก็ไม่คุยด้วย เพื่อนก็ไม่มี แฟนก็ไม่มีเวลาคุย คุยกับลูกลูกก็ไม่คุยด้วย(ถ้านางงอนขอดูทีวีหรือปั่นจักยานแล้วไม่ให้) ........... ทำไงดี .......เริ่มเก็บมาคิดเอง เออเองค่ะ เริ่มคิดเยอะแล้ว เริ่มเก็บตัว ไม่อยากไปทำงานแล้ว เริ่มไม่คุยกับใครแล้วแม้แต่กับเพื่อนที่ทำงาน เริ่มทำงานไม่มีความสุขแล้ว
จนกระทั่ง...... เช้าวันหนึ่งตื่นขึ้นมาเพราะได้ยินเสียงแม่โวยวายใส่ลูกเรา เราหดหู่ใจมาก อาบน้ำแต่งตัวเตรียมไปหาลูกค้า นาทีที่ก้าวออกจากบ้านเราน้ำตาไหลเลยค่ะขับรถไปน้ำตาไหลไปตลอดทาง โทรหาแฟน แฟนไม่ว่างคุย เราได้แต่ขับรถไปหาลูกค้าแล้วร้องไห้ตลอดทาง พี่ที่เราสนิทด้วยทักมาทางFBเราเลยชวนนางไปหาหมอในวันนั้นโดยที่จะไปเจอกันที่คลินิกพิเศษศรีธัญญา ........... และแล้ว ณ ร.พ.ศรีธัญญา เวลา 17.00น. คนไข้วอล์คอินคิวเต็มค่าาาาาาา รับวอล์คอินคลินิกพิเศษแค่วันละ3รายเท่านั้น ผ่าม ผ๊ามมมมม ทำไงดีล่ะทีนี้ นาทีนั้นคือไม่ไหวแล้วต้องการจิตแพทย์มากๆ ถ้าไม่ได้พบในเร็ววันนี้จะต้องตายแน่ๆพี่เรานางก็พยายามเสิร์ชหาข้อมูลให้เพื่อจะไปด้วยกัน เรามีพี่คนนี้แหละที่คุยกับเราระหว่างป่วย หลังจากนั้นไม่กี่วันเราก็ไปกันอีกที่คลินิกแถวสนามบินน้ำค่ะ เราไปรอคิวนานมากคนไข้เยอะค่ะ พอเราได้พบหมอเราก็คุยๆๆๆๆๆๆทุกเรื่องให้หมอฟังหมอบอกว่าเราอยู่ในระดับควบคุมตัวเองไม่ได้แล้วค่ะ ลืมบอกไปค่ะก่อนน้าที่เราจะไปหาหมอเราโทรหากรมสุขภาพจิตด้วยเค้าแนะนำเราดีมากๆเลยเค้าจะให้เราทำแบบประเมินด้วยค่ะซึ่งผลออกมาเรามีความเครียดสูงและเป็นโรคซึมเศร้าอย่างรุนแรงค่ะ หลังที่คุยกับหมออยู่นานเราก็ได้ยามากิน3รายการค่ะ ค่าเสียหาย577บาทไทยนัดหลังจากนั้นอีก1สัปดาห์ พอกินเข้าไปอีกวันนึงรู้สึกโอเคขึ้นมาบ้าง
แต่....... แต่....... เรื่องมันไม่จบแค่นี้ค่ะ ผลข้างเคียงของยา !!!!!! มันทำให้เรากินข้าวไม่ได้ค่ะ เบื่ออาหาร คลื่นไส้ อาเจียน น้ำหนักลด ปากแห้ง นอนแล้วไม่อยากตื่น(อันนี้ใช่ผลข้างเคียงหรือป่าวไม่รู้) แต่ที่หนักว่านั้นคือ........ ดีขึ้นมา3วันอาการเดิมเริ่มกลับมาค่ะ ร้องไห้ เครียด เพราะมีสิ่งรุมเร้าซึ่งหาทางออกไม่ได้พอครบ1สัปดาห์เรากลับไปปรึกษาหมออีกรอบค่ารักษาประมาณเกือบ1300บาท หมอปรับลดยามาให้อาการไม่ดีขึ้นค่ะมีแต่แย่ลง จนมาคืนนึงเมื่อไม่กี่วันที่แล้วอยู่ๆก็มีอาการคลุ้มคั่งค่ะ ใชค่ะ เราคลุ้มคลั่งร้องไห้ไม่หยุดเนื่องจากโลกหมุนและอาเจียน เราจะกลัวการอยู่คนเดียวมากๆค่ะ กลัวร้องไห้ กลัวทุกอย่าง กลายเป็นคนขี้กลัวขึ้นมาเฉยๆร้องไห้อย่างคลุ้มคั่งมากไม่มีใครมาดูยกเว้นแม่เราวิดีโอคอลมาดูเรา ตอนนั้นคือสงสารแม่มาก แม่ร้องไห้เพราะสงสารเราคือที่ผ่านมาเราคิดแทนแม่เรามาโดยตลอดว่ากลัวแม่รู้ รู้แล้วแม่จะเครียดเลยเครียดแทนแม่อาการของเราก็เลยDOWNกันไปใหญ่ หลังจากวันที่เราคลุ้มครั่ง2วันแม่เราพาเราส่งที่ศรีธัญญาก่อนวันที่หมอคลินิกนัด เราไปถึงร.พ.ตอนเกือบ11โมงได้คิวบ่าย ที่นี่คิวเต็มเร็วมาก เราต้องมาที่จุดคัดกรองก่อน และไปพบนักสังคมสงเคราะห์แต่ตอบพบเขาเรียกแต่แม่เราอย่างเดียวค่ะไม่ได้ให้เราเข้าไปแล้วก็เราพบหมอเลย เราก็พบหมอเล่าอาการต่างๆให้ฟังโดยที่แม่นั่งข้างๆ หมอก็แจ้งว่ายาที่เราได้รับมันไม่เพียงพอต่อการรักษาเลยทำให้ไม่ดีขึ้นหมอเลยเพิ่มยาให้มาค่ะซึ่งมีผลต่อการง่วงนอนด้วย คือกินยาแล้วง่วงตลอดเวลานั่นแหละแล้วหมอยังได้วินิจฉัยมาด้วยค่ะว่าเราอาจจะป็นไบโพล่าร์เพราะมีอาการใกล้เคียง ก่อนหน้านี้มีปัญหากับที่ทำงานอยู่แล้วพอได้รับยาเพิ่มปัญหาหนักเลยค่ะ เช้าวันหนึ่งเราขับรถไปทำงานเราก็ค่อยๆประคองขับรถไปแต่เราหลับขณะขับรถอยู่!!!!! เราตกใจมากแต่ก็พยายามไปให้ถึงที่ทำงาน สุดท้ายเราทำงานไม่ไหวจริงๆค่ะเราขอลาออกเลยพร้อมแนบใบรับรองแพทย์ว่าเราป่วยจริง ส่วนเรื่องแฟนของเราด้วยความที่เราก็ยังรักนั่นแหละ ทำให้เรายื่นข้องเสนอไปว่าเราเป็นFWBกันนะซึ่งจุดนี้ปหละมันทำให้เราตกหลุมของการป่วยบ่อยๆ เรางี่เง่าใส่เค้า ร้องไห้ งอแงบ้าง เพราะอยากให้เค้าเห็นเราเป็นที่1เหมือนเดิม ทุกครั้งที่คุยกันคือต้องร้องไห้ตลอดทำให้เราไม่หายป่วยซักที จนตอนนี้เค้ามีคนอื่นไปแล้วแต่เราก็ยังรักเค้าเหมือนเดิม555
เดี๋ยวมาต่อนะคะ
เมื่อฉันป่วยเป็นโรคซึมเศร้า.....
เริ่ม........
เราเองปีนี้อายุ28ปีแล้วค่ะ ทำงานเป็นเซลส์ ก่อนหน้านี้เราปกติสุขดีค่ะแต่เป็นคนอารมณ์รุนแรง ขี้โมโห หงุดหงิดง่าย มีอาการนี้ตั้งแต่เรียนจบ ปวช.ค่ะ เรื่องก็ดำเนินมาจนเราเลิกกับพ่อของลูกก็ยังปกติดีค่ะ จนเรามามีแฟนใหม่ เค้าเริ่มสังเกตุพฤติกรรมของเราและบอกให้เราไปหาหมอแต่เราก็ยังไม่ยอมไปเพราะคิดว่าไม่ได้เป็นอะไรแต่ก่อนทีออกจากที่ทำงานเก่าเริ่มมีอาการที่คล้ายจะเป็นเพราะค่อนข้างเครียดเรื่องส่วนตัวก็ได้นัดกับพี่ที่สนิทคนนึงว่าจะไปแต่ก็ไม่ว่างตรงกันสักทีเรื่องก็เลยผลัดมายาวเหยียด จนวันที่เราย้ายที่ทำงานใหม่แรกๆเราก็มีความสุขดีค่ะHappyกับชีวิตตอนนั้นมากๆทั้งเรื่องงาน เรื่องความรัก และครอบครัวทุกอย่างเป็นแนวทางที่ดีขึ้นทั้งหมด แต่แล้ววันหนึ่งเรามีปัญหากับแฟนทะเลาะกันแล้วช่วงนั้นแฟนก็กลับบ้านที่ใต้ค่ะเราก็มีอารมณ์นอยทุกอย่าง เคว้ง เพราะเราติดแฟนมาก เหมือนเราเอาชีวิตของเราไปฝากที่เค้าทุกอย่างทำอะไรเองไม่เป็น เช่าห้องอยู่ก็ไม่เคนเดินไปเซเว่นเองรอให้แฟนพาไปตลอด ทางด้านครอบครัวแม่เราเป็นคนงี่เง่าอยู่แล้วค่ะไม่ค่อยมีเหตุผลเท่าไหร่เอะอะโวยวายตลอด เรื่องงานเรากดดันมากเพราะเราเป็นเด็กใหม่แล้วเราจะต้องหาลูกค้าได้เท่านั้นเท่านี้ ยอดต้องเท่านั้นเท่านี้ โอ้ย...ปวดหัวทุกด้าน
อาการเริ่มแสดงออก......
ก่อนหน้าที่เราจะป่วยเรามีปัญหาเรื่อยๆค่ะแต่เราจะมีแฟนคอยปลอบใจมาโดยตลอดมันเลยทำให้ไม่เป็นหนักมากร้องไห้แป๊ปเดียวเดี๋ยวก็ดีขึ้น หรือไม่ถ้าเราติสท์มากๆเลิกงานปุ๊บเราก็จะขับรถไปทะเลปั๊บไปเดินเล่น กินข้าวแล้วเราก็ขับรถกลับมาทำงานต่อในเช้ามืดของวันนั้นแต่หลังจากย้ายที่ทำงานเงินเดือนน้อยลงไปเยอะเลยทำให้ทำอะไรติสท์ๆแบบนี้ไม่ได้อีกก็เลยไม่ได้ไปแบบนี้อีก เลิกงานจากออฟฟิตก็มานั่งทำงานต่อที่ห้องนั่งหาลูกค้า หาข้อมูล ต่างๆนาๆแรกเรกก็เหนื่อยแต่มีความสุขดีค่ะ ส่วนเรื่องอารมณ์เราก็ยังอารมณ์ขึ้นๆลงๆเหมื่อนเดิมค่ะ โมโหร้าย ขี้หงุดหงิด ขี้งอน ควบคุมอารมณ์ไม่ได้แต่แฟนเราเค้าก็พยายามเย็นกับเราทุกอย่างค่ะ จนกระทั้ง......เราทะเลาะกับแม่ด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่อง แม่หาว่าเราแซะลูกตัวเองบ้างอะไรบ้าง แม่ไม่พูดกับเราเห็นเราเป็นธาตุอากาศ เราเริ่มน้อยใจค่ะ นอยด์แม่ ปรึกษาใครดีล่ะ....เราไม่ค่อยมีเพื่อนสนิท....ทำไงดี.......คุยกับแฟนเริ่มไม่ค่อยเข้าใจแฟนบอกว่าจะรีบกลับกรุงเทพ เดี๋ยวจะกลับวันที่เท่านี้ๆนะ พอถึงวันไม่กลับ ติดต่อไม่ได้ อ้าวแล้วไง นอยด์อีกแล้ว โกรธค่ะ งอน บอกเลิก เค้าก็ง้อเรานะคะแต่ไม่ได้มากเนื่องจากไม่ได้อยู่ที่ไทยพอกลับมาไทยก็เหนื่อยแล้วไม่ได้คุยอีก เราก็ไม่ค่อยได้ติดต่อกับแฟนเท่าไหร่ในช่วงนั้น ส่วนเรื่องงานกดดันมากกกกกก เราต้องทำตามสโคปงานเท่านี้ๆๆๆๆนะ ต้องให้อย่างนี้ๆๆๆๆๆนะ ลูกค้าต้องเป็นนี้ๆๆๆๆๆนะ เราหาลูกค้ามาแล้วแต่มันไม่โอมันต้องนี้ๆๆๆๆๆๆ โอ้ยทุกทาง คุยกับใครดีล่ะ แม่ก็ไม่คุยด้วย เพื่อนก็ไม่มี แฟนก็ไม่มีเวลาคุย คุยกับลูกลูกก็ไม่คุยด้วย(ถ้านางงอนขอดูทีวีหรือปั่นจักยานแล้วไม่ให้) ........... ทำไงดี .......เริ่มเก็บมาคิดเอง เออเองค่ะ เริ่มคิดเยอะแล้ว เริ่มเก็บตัว ไม่อยากไปทำงานแล้ว เริ่มไม่คุยกับใครแล้วแม้แต่กับเพื่อนที่ทำงาน เริ่มทำงานไม่มีความสุขแล้ว
จนกระทั่ง...... เช้าวันหนึ่งตื่นขึ้นมาเพราะได้ยินเสียงแม่โวยวายใส่ลูกเรา เราหดหู่ใจมาก อาบน้ำแต่งตัวเตรียมไปหาลูกค้า นาทีที่ก้าวออกจากบ้านเราน้ำตาไหลเลยค่ะขับรถไปน้ำตาไหลไปตลอดทาง โทรหาแฟน แฟนไม่ว่างคุย เราได้แต่ขับรถไปหาลูกค้าแล้วร้องไห้ตลอดทาง พี่ที่เราสนิทด้วยทักมาทางFBเราเลยชวนนางไปหาหมอในวันนั้นโดยที่จะไปเจอกันที่คลินิกพิเศษศรีธัญญา ........... และแล้ว ณ ร.พ.ศรีธัญญา เวลา 17.00น. คนไข้วอล์คอินคิวเต็มค่าาาาาาา รับวอล์คอินคลินิกพิเศษแค่วันละ3รายเท่านั้น ผ่าม ผ๊ามมมมม ทำไงดีล่ะทีนี้ นาทีนั้นคือไม่ไหวแล้วต้องการจิตแพทย์มากๆ ถ้าไม่ได้พบในเร็ววันนี้จะต้องตายแน่ๆพี่เรานางก็พยายามเสิร์ชหาข้อมูลให้เพื่อจะไปด้วยกัน เรามีพี่คนนี้แหละที่คุยกับเราระหว่างป่วย หลังจากนั้นไม่กี่วันเราก็ไปกันอีกที่คลินิกแถวสนามบินน้ำค่ะ เราไปรอคิวนานมากคนไข้เยอะค่ะ พอเราได้พบหมอเราก็คุยๆๆๆๆๆๆทุกเรื่องให้หมอฟังหมอบอกว่าเราอยู่ในระดับควบคุมตัวเองไม่ได้แล้วค่ะ ลืมบอกไปค่ะก่อนน้าที่เราจะไปหาหมอเราโทรหากรมสุขภาพจิตด้วยเค้าแนะนำเราดีมากๆเลยเค้าจะให้เราทำแบบประเมินด้วยค่ะซึ่งผลออกมาเรามีความเครียดสูงและเป็นโรคซึมเศร้าอย่างรุนแรงค่ะ หลังที่คุยกับหมออยู่นานเราก็ได้ยามากิน3รายการค่ะ ค่าเสียหาย577บาทไทยนัดหลังจากนั้นอีก1สัปดาห์ พอกินเข้าไปอีกวันนึงรู้สึกโอเคขึ้นมาบ้าง
แต่....... แต่....... เรื่องมันไม่จบแค่นี้ค่ะ ผลข้างเคียงของยา !!!!!! มันทำให้เรากินข้าวไม่ได้ค่ะ เบื่ออาหาร คลื่นไส้ อาเจียน น้ำหนักลด ปากแห้ง นอนแล้วไม่อยากตื่น(อันนี้ใช่ผลข้างเคียงหรือป่าวไม่รู้) แต่ที่หนักว่านั้นคือ........ ดีขึ้นมา3วันอาการเดิมเริ่มกลับมาค่ะ ร้องไห้ เครียด เพราะมีสิ่งรุมเร้าซึ่งหาทางออกไม่ได้พอครบ1สัปดาห์เรากลับไปปรึกษาหมออีกรอบค่ารักษาประมาณเกือบ1300บาท หมอปรับลดยามาให้อาการไม่ดีขึ้นค่ะมีแต่แย่ลง จนมาคืนนึงเมื่อไม่กี่วันที่แล้วอยู่ๆก็มีอาการคลุ้มคั่งค่ะ ใชค่ะ เราคลุ้มคลั่งร้องไห้ไม่หยุดเนื่องจากโลกหมุนและอาเจียน เราจะกลัวการอยู่คนเดียวมากๆค่ะ กลัวร้องไห้ กลัวทุกอย่าง กลายเป็นคนขี้กลัวขึ้นมาเฉยๆร้องไห้อย่างคลุ้มคั่งมากไม่มีใครมาดูยกเว้นแม่เราวิดีโอคอลมาดูเรา ตอนนั้นคือสงสารแม่มาก แม่ร้องไห้เพราะสงสารเราคือที่ผ่านมาเราคิดแทนแม่เรามาโดยตลอดว่ากลัวแม่รู้ รู้แล้วแม่จะเครียดเลยเครียดแทนแม่อาการของเราก็เลยDOWNกันไปใหญ่ หลังจากวันที่เราคลุ้มครั่ง2วันแม่เราพาเราส่งที่ศรีธัญญาก่อนวันที่หมอคลินิกนัด เราไปถึงร.พ.ตอนเกือบ11โมงได้คิวบ่าย ที่นี่คิวเต็มเร็วมาก เราต้องมาที่จุดคัดกรองก่อน และไปพบนักสังคมสงเคราะห์แต่ตอบพบเขาเรียกแต่แม่เราอย่างเดียวค่ะไม่ได้ให้เราเข้าไปแล้วก็เราพบหมอเลย เราก็พบหมอเล่าอาการต่างๆให้ฟังโดยที่แม่นั่งข้างๆ หมอก็แจ้งว่ายาที่เราได้รับมันไม่เพียงพอต่อการรักษาเลยทำให้ไม่ดีขึ้นหมอเลยเพิ่มยาให้มาค่ะซึ่งมีผลต่อการง่วงนอนด้วย คือกินยาแล้วง่วงตลอดเวลานั่นแหละแล้วหมอยังได้วินิจฉัยมาด้วยค่ะว่าเราอาจจะป็นไบโพล่าร์เพราะมีอาการใกล้เคียง ก่อนหน้านี้มีปัญหากับที่ทำงานอยู่แล้วพอได้รับยาเพิ่มปัญหาหนักเลยค่ะ เช้าวันหนึ่งเราขับรถไปทำงานเราก็ค่อยๆประคองขับรถไปแต่เราหลับขณะขับรถอยู่!!!!! เราตกใจมากแต่ก็พยายามไปให้ถึงที่ทำงาน สุดท้ายเราทำงานไม่ไหวจริงๆค่ะเราขอลาออกเลยพร้อมแนบใบรับรองแพทย์ว่าเราป่วยจริง ส่วนเรื่องแฟนของเราด้วยความที่เราก็ยังรักนั่นแหละ ทำให้เรายื่นข้องเสนอไปว่าเราเป็นFWBกันนะซึ่งจุดนี้ปหละมันทำให้เราตกหลุมของการป่วยบ่อยๆ เรางี่เง่าใส่เค้า ร้องไห้ งอแงบ้าง เพราะอยากให้เค้าเห็นเราเป็นที่1เหมือนเดิม ทุกครั้งที่คุยกันคือต้องร้องไห้ตลอดทำให้เราไม่หายป่วยซักที จนตอนนี้เค้ามีคนอื่นไปแล้วแต่เราก็ยังรักเค้าเหมือนเดิม555
เดี๋ยวมาต่อนะคะ