วัดป่า...มหาสนุก 56

วัดป่า...มหาสนุก 56
( เล่าจากเรื่องจริง แต่ให้อ่านเป็นนิยาย...อย่าอ่านเอาเรื่อง นะครับ )

เมื่อสองผัวเมีย ฝรั่งไทยได้ฟังเรื่อง....ไอ้เร
รถเยอรมัน ไม่มีระบบป้องกัน...ตุ่ม หล่นใส่รถ แล้วหัวเราะ คิ๊ก.ก..ๆ ๆ ๆ  ชอบอก ชอบใจ
แต่ มร.เบน ยังบ่นอุบอิบ....พระเครื่องราง ก็ยังช่วยให้รอดตาย ได้นี่นา
แล้วถามว่า...พระ ที่หลวงพ่อท่านแจกกับคนอื่น ๆ จะมีพลังจิตของท่าน ใส่ไว้ด้วยมั้ย
ผมบอก....แน่นอน ท่านเคยเล่าว่า เมื่อไหร่ที่ลูกศิษย์ของท่าน ตั้งสมาธิจิตระลึกถึงแล้ว
.... หลวงพ่อเตี้ย ท่านจะรู้ได้ทันที 
คงคล้าย ๆ กับว่า...พระเครื่องราง ที่ท่านให้ไว้นั้น ทำหน้าที่เหมือน เครื่องรับ - ส่งคลื่นวิทยุ นั่นแหละ
ส่วนหลวงพ่อ ท่านทำหน้าที่เหมือน เรด้าห์ แม่ข่ายที่เปิดรอรับสัญญาณอยู่ตลอดเวลา
เหมือนเรด้าห์ สนามบิน ที่ตรวจหาเครื่องบินอยู่ตลอด ยังไงยังงั้น

มร.เบน ทำตาโต...ขนาดนั้นเลย เหรอ
ผมเล่าว่า.... บางครั้ง หลวงพ่อยังเคยถามผมเวลาที่เจอหน้ากัน...ว่าในวันนั้น เวลานั้น คิดถึงท่านใช่มั้ย
ทำให้พวกผม หรือลูกศิษย์ทั้งหลาย ไม่กล้าทำผิด คิดชั่ว เพราะกลัวท่านรู้เอา น่ะสิ
คุณทิพย์ ถามว่า....ถ้าเอาไปใส่ตอนที่อยู่ อเมริกา จะใช้ได้มั้ย รัศมีทำการจะไปถึงมั้ย
ผมบอก...น่าจะได้นะ เพราะลูกศิษย์คนหนึ่ง มีปัญหาตอนที่เข้าเมือง ในประเทศเกาหลีใต้
ขณะที่กำลังวุ่นวายอยู่ เค้าอธิษฐานจิต ระลึกถึงท่าน....
แล้วจู่ ๆ เจ้าหน้าที่ ที่กำลังเล่นงานเค้าอยู่ ก็ปล่อยผ่านไปเฉย ๆ จนใคร ๆ ก็แปลกใจ
ทั้ง ๆ ที่คณะทัวร์ที่ไป เกาหลี เที่ยวนั้นติดปัญหาที่ด่าน ถูกส่งกลับหมดทุกคน
ยกเว้น ตัวลูกศิษย์คนนั้น กับภรรยา ของเค้า
และเค้าโทร.มาเล่าให้ผมฟัง แล้วฝากให้ผมไปกราบหลวงพ่อ แทนเค้าด้วย
เรื่องนี้ผมถามท่าน... ท่านพูดว่า อำนาจจิต ไม่มีอะไรขวางกั้น 
ไม่มีระยะทาง ไปได้ตามที่จิตคิด ถึงไหน ก็ถึงนั่นทันที

มร.เบน ฝรั่งสามีพูดขึ้นว่า....ก่อนที่เค้าจะมาเมืองไทยครั้งนี้
เค้าคิดอยู่เสมอว่า... ต้องหาเงินทอง หาทรัพย์สินให้มากที่สุด เพื่อจะได้เอามาซื้อ ความสุข ให้มากที่สุด
แต่ตอนนี้เค้า เริ่มคิดได้ใหม่แล้วว่า ความสุข มันไม่ใช่ทรัพย์สินเงินทอง ซะแล้ว

ผมบอกว่า....ความสุข ที่มาจากสิ่งเร้าภายนอก เข้ามากระตุ้นจิตใจของเรา ให้สนุก ให้ตื่นเต้น เร้าใจ
พอได้มาแล้ว....ไม่นานมันก็ ชาชิน หรือหมดความตื่นเต้นเร้าใจแล้ว
ต้องหาใหม่ หาเข้ามาอีก...เอาอีก....เอาอีก......เอามา อีกกก

แต่...ความสุขอีกประเภท กลับตรงกันข้ามกันอย่างสิ้นเชิง เพราะไม่ต้องการสิ่งภายนอกมากระตุ้นเรา
คือ...ความสุขจาก ความสงบ
ยิ่งสงบ เงียบ เท่าไหร่ก็ยิ่งมีความสุขที่...ลึกซึ้งยิ่งขึ้นไปอีก

ถึงตอนนี้ ทั้ง เบน และ ทิพย์ ก็จ้องหน้าผม อย่างพยายามทำความเข้าใจ
ผมบอกว่า.... ลองนึกถึงเวลาที่คุณออกไป แค้มปิ้ง นอนดูดาวบนท้องฟ้า โดยไม่มีเสียงเพลงใด ๆ
หรือ ความรู้สึกขณะที่คุณทั้งคู่ได้ลองทำ...สมาธิ ฟังเสียงหัวใจของตัวเอง
ตอนนั้นมีความสุข มั้ยล่ะ...นั่นแหละ ความสงบสุข
ความสุข จากความ....สงบ

ทั้งคู่นิ่งนึก แล้วพยักหน้ายอมรับ...แต่ถามว่า ในเมื่อไม่มีสิ่งอื่นมากระตุ้น ทำไม่ความสุขจึงเกิดขึ้นได้ ล่ะ
ผมบอก.... คุณมีความสุข ก็เพราะ ใจ มันสงบ ที่เรียกว่า....สงบสุข ไงล่ะ
ในเวลานั้น ใจ มันโล่ง เบา สบาย เพราะคุณ....ปล่อยวาง ให้ใจมันว่าง ไม่ยึด ไม่เหนี่ยวอะไร
เปรียบเหมือนกับว่า คุณแบกก้อนหินไว้บนบ่า 3 ก้อนใหญ่ ๆ อยู่นานแล้ว
ก้อนแรก คือ....ครอบครัว
ก้อนที่สอง คือ....ทรัพย์สิน เงินทอง
ก้อนที่สาม คือ.... หน้าที่การงาน 
และยังมีอีกมากมายหลายก้อน เช่น ความสำเร็จ ชื่อเสียง ความโกรธแค้นใครบางคน การแข่งขันช่วงชิง ฯลฯ
แล้วจู่ ๆ ผมก็สอนให้คุณ ทดลอง....ปล่อยวาง ก้อนหินทั้งหลายแหล่ ที่แสนหนักหนา
คุณทั้งสองก็...วางมันลง ชั่วคราว ใจ มันเลยเบา สบาย....ใช่มั้ยครับ

มร.เบน คนฉลาด ก็ถามขึ้น....แต่ยังไงพวกเค้าก็ยังต้องกลับไปแบก ก้อนหิน ทั้งหลายไว้อีก 
เพราะมันเป็นโลกที่เค้าต้องอยู่กับมัน นี่นา
ผมบอก... ก็ใช่ เพราะเราจะเอามันโยนทิ้งทันที ทันใดยังไม่ได้
แต่เราก็หัดวางบ้าง แบกบ้าง ปล่อยบ้าง ว่างบ้าง....
แล้วจะฉลาดมากขึ้นที่จะค่อย ๆ คิดได้ว่า จะโยนหินก้อนไหนทิ้งซะบ้าง
ถ้ามากกว่านั้น ก็ต้องคิดพิจารณาให้เห็นว่า....ไอ้ทรัพย์สิน เงินทอง ที่เราแบกไว้ ยึดไว้มันกลับเป็น โทษ

พอถึงตอนนี้ ทั้งคู่ส่ายหน้า ไม่เข้าใจ....ทรัพย์สิน เงินทอง มันจะเป็นโทษ ได้ยังไง 
มันน่าจะเป็น คุณประโยชน์มากกว่า นะ
ผมเลยต้องเล่านิทาน ให้ฟังอีกเรื่องนึง....ฝรั่งเค้าชอบฟัง นิทาน น่ะ

ที่หมู่บ้านแห่งหนึ่ง อยู่ติดแม่น้ำ
การเดินทางเข้าเมือง จะต้องใช้เรือในการเดินทาง
แต่คนในหมู่บ้านนี้ ทั้งคนแก่ หนุ่มสาว หรือเด็กน้อย ทุกคนก็...ว่ายน้ำเก่งกันทั้งนั้น
มีพ่อค้าหนุ่ม 3 คนออกไปค้าขาย จนมีกำไรมากมาย กำลังเดินทางกลับหมู่บ้านแห่งนี้
ระหว่างนั่งมาในเรือ อยู่กลางแม่น้ำ ปรากฏว่าเรือเกิดล่ม.....
พ่อค้าหนุ่มทั้ง 3 คนต้องตะเกียกตะกาย ว่ายน้ำหนีตายขึ้นฝั่ง
มี 2 ใน 3 คนว่ายไปจนเกือบจะถึงฝั่งอยู่แล้ว เกิดเอะใจ ว่าเพื่อนอีกคนหนึ่งหายไปไหน
หันหลังไปดู ก็เห็นว่า...เพื่อนของเค้ากำลัง ตะกุยน้ำ กะป๋อมกะแป๋ม สถาพเหมือนลูกหมาตกน้ำยังไงก็ไม่รู้

ทั้งสองคนก็รีบตะโกนเรียกให้เพื่อนคนนั้น ให้รีบว่ายมาเร็ว ๆ ไม่อย่างนั้นจะหมดแรงจมน้ำ ไปซะก่อน
เพื่อนพ่อค้าคนนั้นก็ตอบว่า...ไม่ไหวแล้ว จะหมดแรงแล้ว
เพราะทองคำ กับเงินที่ไปค้าขายได้มา...มันหนัก มันถ่วงให้ ว่ายน้ำไม่ไหว
เพื่อนทั้งสองคน ก็ตะโกนบอกให้เค้า ถอดกระเป๋า หรือถุงเงิน ถุงทองทิ้งไปซะ
แต่พ่อค้าคนนั้น ที่อยู่กลางแม่น้ำ กลับไม่ยอมทิ้ง ทรัพย์สิน เงินทอง....เพราะความเสียดาย
โธ่...มันหามาด้วยความยากลำบาก จะให้ทิ้งได้ยังไง
...เงินทองของนอกกาย ไม่ตายก็ยังเสียดาย อ่ะ
แล้วเพื่อน ๆ ก็ได้แต่ตะโกนให้....ทิ้งไป....ทิ้งมันไป.....ทิ้งไปซะ......จะได้รอดตาย
เพราะจะว่ายกลับไปช่วย ก็ไม่ไหว...จะหมดแรงแล้วเหมือนกัน

แต่พ่อค้าที่กำลังจะจม อยู่ที่กลางแม่น้ำ ก็ไม่ยอมทิ้ง ทองคำ และทรัพย์สิน
.... เพราะความเสียดาย ความยึดมั่น  โฮลด์ ออน หรือ แครี่ ออน
.... ในสิ่งที่ผิด ในสิ่งของภายนอกกาย
แล้วในที่สุด พ่อค้าคนนั้น ก็จมน้ำลงไปพร้อมกับ ถุงทอง กระเป๋าทรัพยสิน ที่แบกใส่หล้งเอาไว้

ต า ย ....เพราะความ.   ยึ ด มั่ น   ถื อ มั่ น  
อ ย่ า ง โ ง่ เ ข ล า 

อนณ นิศารัตน์
โทร. - ไลน์
093-149-9564

วัดป่า...มหาสนุก 57
https://ppantip.com/topic/39347273
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่