อันนี้จากที่ได้สังเกตุเรื่องราวของคนรอบตัว, คนรู้จักมานะครับ บางคู่ก็หนักหน่อย ถึงขั้นต้องเลิกรากันไป บางคู่ก็ไม่ถึงกับเลิกกัน แต่แฟนแอบนอกใจไปมีกิ๊ก
จริงๆแล้ว เรื่องปัญหาในชีวิตคู่ นอกเหนือจากจะมาจากเรื่องของทัศนคติ, นิสัยที่ปรับเข้าหากันไม่ได้แล้ว อีกเรื่องที่พบเห็นได้บ่อยก็คือ
การรุกล้ำพื้นที่ส่วนตัวของกันและกันมากเกินไป จนทำให้อีกฝ่ายรู้สึกอึดอัด รำคาญใจ จนทนไม่ไหวขึ้นมา
แล้วการทำแบบไหนล่ะ ที่เรียกว่าเป็นการรุกล้ำพื้นที่ส่วนตัวกันมากเกินไป ถ้าจะให้แบ่งเป็นหัวข้อใหญ่ๆ ก็จะได้ประมาณนี้
1.ชอบห้ามแฟนทำโน่นนี่นั่น
ถ้าเป็นการห้ามในเรื่องที่มันเสี่ยงอันตราย อันนี้ก็พอเข้าใจได้ แต่บางคนก็ชอบห้ามไม่ให้แฟนทำในสิ่งที่เค้าชอบ หรือสิ่งที่เค้ารัก เช่น
ห้ามไม่ให้ออกไปสังสรรค์ดูบอลกับเพื่อน, ห้ามไม่ให้ไปเที่ยวกับเพื่อน, ฯลฯ บางทีก็ไม่ได้ห้ามตรงๆ แต่จะใช้วิธีทางอ้อม ผ่านทางการงอน, การน้อยใจ, การพูดประชดประชัน ฯลฯ
2.ชอบบงการชีวิตแฟน
ข้อนี้ก็คล้ายๆกับข้อ1. เพียงแต่ข้อ1.เป็นการห้าม ส่วนข้อนี้เป็นการสั่งให้ทำ โดยชอบสั่งให้แฟนต้องทำอย่างนั้น ต้องทำอย่างนี้
ซึ่งถ้าเป็นเรื่องที่มีเหตุมีผลอันมาจากความหวังดีก็ว่าไปอย่าง แต่บางเรื่องก็อาจจะดูเยอะและไร้สาระเกินไป เช่น จะต้องกลับเข้าบ้านไม่เกิน2ทุ่ม, ต้องแต่งตัวอย่างนั้นอย่างนี้ฯลฯ
3.ชอบละเมิดความเป็นส่วนตัวของแฟน
เคสนี้ก็เป็นกันเยอะครับ พวกที่ชอบเช็คมือถือของแฟน, ชอบเข้าไปเช็คไลน์, อีเมล์, เฟสบุ๊คฯลฯ ของแฟนเป็นประจำ (แบบที่แฟนไม่เต็มใจ)
การทำแบบนี้มันแสดงให้เห็นถึงความไม่เชื่อใจและไว้ใจกัน เมื่อความสัมพันธ์มันตั้งอยู่พื้นฐานของการหวาดระแวงและไม่เชื่อใจกันแบบนี้แล้วล่ะก็
จะให้มันยั่งยืนและยาวนานได้ยังไงกันล่ะครับ ณ วันนี้ แฟนคุณอาจจะยอมให้คุณทำแบบนั้น แต่เชื่อเถอะ ลึกๆแล้ว เค้าก็ต้องรู้สึกอึดอัดใจบ้างแหล่ะ
ขึ้นอยู่กับว่าจะทนได้นานแค่ไหนแค่นั้นเอง
บางคนอาจจะแย้งว่า ก็เพราะแฟนมีประวัติไม่ดี ทำให้ไว้ใจไม่ได้ ถ้าเป็นเคสนี้ล่ะก็ ถ้าคนมันคิดจะนอกใจจริงๆ ต่อให้ใช้วิธีนี้ มันก็ไม่ได้ผลหรอก
เดี๋ยวเค้าก็จะหาทางนอกใจจนได้อยู่ดีน่ะแหล่ะ
4.ชอบทำตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของแฟนมากจนเกินพอดี
คนบางคนก็ชอบทำตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของแฟนมากเกินไป จนทำให้แฟนรู้สึกอึดอัด เช่น แฟนกำลังคุยงานกับลูกค้าอยู่ ก็ไปแสดงอาการหึงหวงใส่
บางรายถึงกับโทรไปวีนใส่ลูกค้าของแฟน เพราะเข้าใจว่าลูกค้าคนนั้นมาจีบแฟนเป็นต้น เจอแบบนี้นอกจากจะทำให้แฟนอึดอัดใจแล้วล่ะก็ ยังจะทำให้
กระทบต่อหน้าที่การงานของเค้าอีกด้วย
ถ้าใครปฏิบัติต่อแฟนของตัวเองตามข้อที่กล่าวมาข้างบน อาจจะข้อใดข้อหนึ่งหรือทุกข้อก็ตาม ขอให้เลิกเถอะครับ ถ้าเลิกโดยทันทีทันใดไม่ได้
ก็พยายามค่อยๆลดลงบ้างก็แล้วกัน ถ้ายังอยากจะรักษาความสัมพันธ์นั้นไว้และยังอยากจะคบกันไปนานๆ
ถึงแม้ว่าวันนี้ แฟนคุณอาจจะยอมคุณทุกอย่าง อาจจะไม่พูดไม่โต้แย้งใดๆก็ตาม แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าเค้าชอบหรือเค้ายอมรับกับสิ่งที่คุณทำอยู่
เค้าเพียงแต่พยายามที่จะอดทน เพื่อจะประคับประคองชีวิตคู่ให้ดำเนินต่อไปได้ก็เท่านั้น
แต่เมื่อไหร่ที่เค้าเริ่มรู้สึกอึดอัดใจ, เริ่มเครียด สิ่งที่ตามมาก็คือ เค้าจะพยายามอดทนอดกลั้น (ในกรณีที่พูดไปแล้วก็ไม่มีอะไรดีขึ้น หรือบางคนก็เลือกที่จะไม่พูดเลย)
บางคนก็ทนได้นาน บางคนก็ทนได้ไม่นาน หรือบางคนที่เริ่มรู้สึกจะทนไม่ไหว ก็อาจจะหาที่ระบายโดยการไปหาคนพูดคุยเพื่อที่อยากจะปรับทุกข์ แต่พอคุยปรับทุกข์กันไปมา
ก็กลายเป็นกิ๊กหรือเป็นชู้กันไปเลยก็มี หรือถ้าวันใดรู้สึกทนไม่ได้ขึ้นมา ก็อาจจะเลือกที่จะยุติความสัมพันธ์นั้น จนชีวิตคู่พังไปเลยก็มี
สิ่งที่พูดมานี้ นอกจากจะนำมาจากตัวอย่างของชีวิตหลายๆคู่ที่ได้พบเห็นมาแล้ว บางส่วนก็ยังมาจากชีวิตจริงของตัวเองอีกด้วย
เพราะก็เคยผ่านในจุดที่อึดอัดใจจนทนไม่ไหว จนต้องก้าวออกมาจากความสัมพันธ์แบบนั้นแล้วเช่นกัน.
ถ้าอยากให้ความสัมพันธ์กับคนรักยืนยาว ควรรักษาระยะห่าง(พื้นที่ส่วนตัว)ซึ่งกันและกันเอาไว้ให้เหมาะสม
จริงๆแล้ว เรื่องปัญหาในชีวิตคู่ นอกเหนือจากจะมาจากเรื่องของทัศนคติ, นิสัยที่ปรับเข้าหากันไม่ได้แล้ว อีกเรื่องที่พบเห็นได้บ่อยก็คือ
การรุกล้ำพื้นที่ส่วนตัวของกันและกันมากเกินไป จนทำให้อีกฝ่ายรู้สึกอึดอัด รำคาญใจ จนทนไม่ไหวขึ้นมา
แล้วการทำแบบไหนล่ะ ที่เรียกว่าเป็นการรุกล้ำพื้นที่ส่วนตัวกันมากเกินไป ถ้าจะให้แบ่งเป็นหัวข้อใหญ่ๆ ก็จะได้ประมาณนี้
1.ชอบห้ามแฟนทำโน่นนี่นั่น
ถ้าเป็นการห้ามในเรื่องที่มันเสี่ยงอันตราย อันนี้ก็พอเข้าใจได้ แต่บางคนก็ชอบห้ามไม่ให้แฟนทำในสิ่งที่เค้าชอบ หรือสิ่งที่เค้ารัก เช่น
ห้ามไม่ให้ออกไปสังสรรค์ดูบอลกับเพื่อน, ห้ามไม่ให้ไปเที่ยวกับเพื่อน, ฯลฯ บางทีก็ไม่ได้ห้ามตรงๆ แต่จะใช้วิธีทางอ้อม ผ่านทางการงอน, การน้อยใจ, การพูดประชดประชัน ฯลฯ
2.ชอบบงการชีวิตแฟน
ข้อนี้ก็คล้ายๆกับข้อ1. เพียงแต่ข้อ1.เป็นการห้าม ส่วนข้อนี้เป็นการสั่งให้ทำ โดยชอบสั่งให้แฟนต้องทำอย่างนั้น ต้องทำอย่างนี้
ซึ่งถ้าเป็นเรื่องที่มีเหตุมีผลอันมาจากความหวังดีก็ว่าไปอย่าง แต่บางเรื่องก็อาจจะดูเยอะและไร้สาระเกินไป เช่น จะต้องกลับเข้าบ้านไม่เกิน2ทุ่ม, ต้องแต่งตัวอย่างนั้นอย่างนี้ฯลฯ
3.ชอบละเมิดความเป็นส่วนตัวของแฟน
เคสนี้ก็เป็นกันเยอะครับ พวกที่ชอบเช็คมือถือของแฟน, ชอบเข้าไปเช็คไลน์, อีเมล์, เฟสบุ๊คฯลฯ ของแฟนเป็นประจำ (แบบที่แฟนไม่เต็มใจ)
การทำแบบนี้มันแสดงให้เห็นถึงความไม่เชื่อใจและไว้ใจกัน เมื่อความสัมพันธ์มันตั้งอยู่พื้นฐานของการหวาดระแวงและไม่เชื่อใจกันแบบนี้แล้วล่ะก็
จะให้มันยั่งยืนและยาวนานได้ยังไงกันล่ะครับ ณ วันนี้ แฟนคุณอาจจะยอมให้คุณทำแบบนั้น แต่เชื่อเถอะ ลึกๆแล้ว เค้าก็ต้องรู้สึกอึดอัดใจบ้างแหล่ะ
ขึ้นอยู่กับว่าจะทนได้นานแค่ไหนแค่นั้นเอง
บางคนอาจจะแย้งว่า ก็เพราะแฟนมีประวัติไม่ดี ทำให้ไว้ใจไม่ได้ ถ้าเป็นเคสนี้ล่ะก็ ถ้าคนมันคิดจะนอกใจจริงๆ ต่อให้ใช้วิธีนี้ มันก็ไม่ได้ผลหรอก
เดี๋ยวเค้าก็จะหาทางนอกใจจนได้อยู่ดีน่ะแหล่ะ
4.ชอบทำตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของแฟนมากจนเกินพอดี
คนบางคนก็ชอบทำตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของแฟนมากเกินไป จนทำให้แฟนรู้สึกอึดอัด เช่น แฟนกำลังคุยงานกับลูกค้าอยู่ ก็ไปแสดงอาการหึงหวงใส่
บางรายถึงกับโทรไปวีนใส่ลูกค้าของแฟน เพราะเข้าใจว่าลูกค้าคนนั้นมาจีบแฟนเป็นต้น เจอแบบนี้นอกจากจะทำให้แฟนอึดอัดใจแล้วล่ะก็ ยังจะทำให้
กระทบต่อหน้าที่การงานของเค้าอีกด้วย
ถ้าใครปฏิบัติต่อแฟนของตัวเองตามข้อที่กล่าวมาข้างบน อาจจะข้อใดข้อหนึ่งหรือทุกข้อก็ตาม ขอให้เลิกเถอะครับ ถ้าเลิกโดยทันทีทันใดไม่ได้
ก็พยายามค่อยๆลดลงบ้างก็แล้วกัน ถ้ายังอยากจะรักษาความสัมพันธ์นั้นไว้และยังอยากจะคบกันไปนานๆ
ถึงแม้ว่าวันนี้ แฟนคุณอาจจะยอมคุณทุกอย่าง อาจจะไม่พูดไม่โต้แย้งใดๆก็ตาม แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าเค้าชอบหรือเค้ายอมรับกับสิ่งที่คุณทำอยู่
เค้าเพียงแต่พยายามที่จะอดทน เพื่อจะประคับประคองชีวิตคู่ให้ดำเนินต่อไปได้ก็เท่านั้น
แต่เมื่อไหร่ที่เค้าเริ่มรู้สึกอึดอัดใจ, เริ่มเครียด สิ่งที่ตามมาก็คือ เค้าจะพยายามอดทนอดกลั้น (ในกรณีที่พูดไปแล้วก็ไม่มีอะไรดีขึ้น หรือบางคนก็เลือกที่จะไม่พูดเลย)
บางคนก็ทนได้นาน บางคนก็ทนได้ไม่นาน หรือบางคนที่เริ่มรู้สึกจะทนไม่ไหว ก็อาจจะหาที่ระบายโดยการไปหาคนพูดคุยเพื่อที่อยากจะปรับทุกข์ แต่พอคุยปรับทุกข์กันไปมา
ก็กลายเป็นกิ๊กหรือเป็นชู้กันไปเลยก็มี หรือถ้าวันใดรู้สึกทนไม่ได้ขึ้นมา ก็อาจจะเลือกที่จะยุติความสัมพันธ์นั้น จนชีวิตคู่พังไปเลยก็มี
สิ่งที่พูดมานี้ นอกจากจะนำมาจากตัวอย่างของชีวิตหลายๆคู่ที่ได้พบเห็นมาแล้ว บางส่วนก็ยังมาจากชีวิตจริงของตัวเองอีกด้วย
เพราะก็เคยผ่านในจุดที่อึดอัดใจจนทนไม่ไหว จนต้องก้าวออกมาจากความสัมพันธ์แบบนั้นแล้วเช่นกัน.