ตอนที่ผ่านมา
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ตอนที่ 60 : อัศวินแผลงฤทธิ์
https://ppantip.com/topic/39285884
แนะนำตัวละคร
=====================================================================================================
ตอนที่ 61 : ป่า ไฟ ช้าง
หมาป่าเดียวดาย เคยังคงวิ่งอยู่ เบื้องหลังของเขามีสุนัขห้าตัวและหนึ่งในหกอัศวินแห่งอุดรพิทักษ์ ด็อกมาสเตอร์ ออสกำลังไล่ติดตาม
เคหาได้วิตกกังวลกับสัตว์และคนที่ไล่ติดตามอยู่นี้ไม่
ใบหน้าของผู้คุมกฎผมยาวปะบ่ามองตรงไปเบื้องหน้าตลอดเวลา มิหันกลับมามองผู้ติดตามแม้แต่น้อย คล้ายแน่วแน่ไม่ไหวติงและมีเป้าหมายชัดเจนในการวิ่งของตน
ดูแล้วไม่เหมือนคนที่ตั้งใจจะวิ่งหนีเลย
ฝีเท้าของเคมิใช่ธรรมดา ทิ้งระยะห่างจากผู้ติดตามพอสมควร ไม่อาจเข้าถึงได้โดยง่าย
ไม่นานเคก็วิ่งเข้าไปในที่แห่งหนึ่งที่อยู่ด้านหลังโรงเรียนเทคนิคจักรวรรดิบูรพา
ที่นี่คล้ายเป็นสถานที่เป้าหมายที่หมาป่าเดียวดาย เคต้องการวิ่งมา
สถานที่นั้นก็คือ สวนป่าที่มีแมกไม้นานาพันธุ์
สวนป่าแห่งนี้ยังคงอยู่ในส่วนพื้นที่ของโรงเรียนเทคนิคจักรวรรดิบูรพา มีอาณาเขตกว้างขวางพอสมควร ซึ่งเป็นสถานที่ที่ผู้อำนวยการของโรงเรียนได้ดำรงไว้ ไม่ยอมใช้เป็นพื้นที่ในการก่อสร้างอาคารด้วยเหตุผลหนึ่ง
เหตุผลข้อนี้ผู้อำนวยการได้บ่ายเบี่ยง ไม่ยอมบอกแก่บุคคลอื่นได้ตรง ๆ เพียงบอกว่าต้องเหลือพื้นที่ผืนนั้นไว้ให้นักเรียนได้อยู่ใต้ร่มเงาของธรรมชาติบ้าง
ซึ่งเหตุผลที่แท้จริงของผู้อำนวยการโรงเรียนมีผู้คนของเทคนิคจักรวรรดิบูรพาทราบเพียงผู้เดียว
คนผู้นั้นคือ ราชันบูรพา บอส
โดยเหตุผลแท้จริงที่สวนป่านี้ยังคงอยู่ก็คือ ต้องการเหลือพื้นที่ไว้ให้ลูกชายของตน
และลูกชายของผู้อำนวยการคือ เค เจ้าของฉายา หมาป่าเดียวดาย นั่นเอง
หมาป่าเดียวดาย เคมักจะกระทำการใดตามใจตัวเอง มิชอบมีลูกน้องติดส้อยห้อยตาม อีกทั้งยังชอบอยู่กับตัวเองแบบไม่สนใจใคร จึงได้ขอสวนป่าแห่งนี้เป็นที่พักพิงยามต้องการอยู่คนเดียว
แต่ผู้อำนวยการผู้เป็นพ่อของเคได้มีข้อแลกเปลี่ยนอย่างหนึ่งกับเค คือ เคต้องเชื่อฟังและปฏิบัติตามคำสั่งของราชันบูรพา บอส และต้องเป็นหนึ่งในผู้คุมกฎของจักรวรรดิบูรพา
ข้อนี้แม้จะดูเป็นข้อแลกเปลี่ยนที่ตัดสินใจง่ายสำหรับนักเรียนเทคนิคจักรวรรดิบูรพาทั่วไป แต่กลับเป็นเรื่องยากสำหรับเค
เพราะราชันบูรพา บอสที่เขาต้องตกอยู่ใต้คำสั่งนั้นเป็นพี่ชายคนละแม่ของเค
ว่าง่าย ๆ คือ ผู้อำนวยการโรงเรียนเทคนิคจักรวรรดิบูรพาเป็นพ่อของทั้งคู่นั่นเอง ซึ่งเรื่องนี้ไม่มีผู้ใดโรงเรียนทราบแม้แต่คนเดียว
ราชันบูรพา บอสเป็นบุคคลที่ตั้งแต่เด็กมาก็มีคนให้การยำเกรง ด้วยความที่มีบุคลิกเป็นผู้นำ อีกทั้งฝีมือการต่อสู้ก็ระดับยอดฝีมือ รวมทั้งการที่บอสเป็นลูกชายอีกคนของผู้อำนวยการ ทำให้เคที่ดูด้อยกว่าไม่ค่อยชอบหน้านัก
ด้วยเหตุนี้เคจึงปิดตัวเอง ไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับใครอย่างเช่นบอส คล้ายตั้งใจกระทำทุกอย่างให้ตรงกันข้ามกับบอส
ยิ่งบอสได้รับตำแหน่งราชันบูรพา เคยิ่งไม่ถูกกับบอสมากยิ่งขึ้น
ทว่าเมื่อผู้เป็นพ่อได้เสนอข้อแลกเปลี่ยนมาเช่นนี้ เคก็ชั่งใจคิดอย่างหนัก ซึ่งจุดประสงค์ที่ใช้ข้อแลกเปลี่ยนนี้ของผู้อำนวยการก็เพราะต้องการให้พี่น้องสองคนได้พูดคุยกัน หรือร่วมงานกันบ้าง
แต่สุดท้ายเคที่ชื่นชอบพื้นที่ธรรมชาติผืนนั้นก็ยินยอมทำตาม และกลายเป็นหนึ่งในผู้คุมกฎของจักรวรรดิบูรพาตั้งแต่นั้นมา
และดูเหมือนว่าการตัดสินใจของผู้อำนวยการจะถูกต้อง เพราะเมื่อเคกลายเป็นผู้คุมกฎและต้องรับคำสั่งจากราชันบูรพา บอส ความสัมพันธ์ของคู่พี่น้องคนละแม่สองคนนี้ก็ดีขึ้นมาก จนปัจจุบันนี้ไม่มีปัญหาเรื่องที่ทั้งสองไม่ถูกกันแล้ว
ซึ่งสวนป่าที่เหลือไว้นี้ ภายหลังถูกเรียกว่า สวนของหมาป่าเดียวดาย
แต่ตอนนี้สุนัขธรรมดาห้าตัวกำลังวิ่งเข้าไปในส่วนป่านั้น
ตอนนี้ไม่รู้ว่าหมาป่าเดียวดาย เคหายไปไหน พอเข้าไปในสวนป่าก็คล้ายกับเขาหายสาบสูญไปในสวนป่านั้นเลย
สุนัขสองตัวที่นำหน้าอยู่พุ่งเข้าไปในสวนป่าอย่างไม่เกรงกลัว พวกมันติดตามอย่างบ้าคลั่งเลยทีเดียว
ทว่าไม่ทันที่สามตัวที่เหลือจะเข้าไปก็มีเสียงร้องของสุนัขทั้งสองที่หายเข้าไปในสวนป่าก่อนร้องออกมา
“หยุด!”
ด็อกมาสเตอร์ ออสที่ตามมารีบสั่งการสุนัขทั้งสามที่เหลือทันที เขาฟังจากเสียงร้องของสุนัขสองตัวที่ร้องออกมาก็ย่อมล่วงรู้ว่าเกิดอันตรายขึ้นกับสัตว์เลี้ยงทั้งสองนั่นแล้ว
แต่เขาย่อมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
“แกทำอะไรกับหมาของฉัน” ด็อกมาสเตอร์ ออสตะโกนลั่น ตอนนี้เขาอยู่หน้าสวนป่าพร้อมด้วยสุนัขทั้งสามที่ยังไม่ได้เข้าไปข้างในนั้น
ทว่ากลับไม่มีเสียงตอบรับใด ๆ จากหมาป่าเดียวดาย เค มีเพียงเสียงร้องของสุนัขสองตัวของเขาที่ยังร้องอยู่เท่านั้น
“หนอย..” ด็อกมาสเตอร์ ออสขบฟันแน่น
เมื่อไม่มีเสียงตอบ ด็อกมาสเตอร์ ออสก็เริ่มไม่สบอารมณ์ เขาย่อมไม่อยากให้สัตว์เลี้ยงของตัวเองบาดเจ็บอยู่แล้ว
“แกคิดว่าจะซ่อนอยู่ในนั้นได้ตลอดหรือ” อัศวินแห่งอุดรพิทักษ์พูดขึ้นต่อ “เดี๋ยวฉันจะเข้าไปจัดการแกเอง ไม่กลัวอยู่แล้ว”
พอสิ้นคำคล้ายกับด็อกมาสเตอร์ ออสสั่งการบางอย่างกับสุนัขทั้งสามที่เหลือ สัตว์หน้าขนทั้งสามทำจมูกฟุดฟิดเหมือนต้องการดมกลิ่น
ซึ่งนี้คือ การใช้สุนัขดมกลิ่นเพื่อสะกดรอยหรือติดตามหานั่นเอง สุนัขของด็อกมาสเตอร์ ออสถูกฝึกมาอย่างดี พวกมันสามารถดมกลิ่นของเคและติดตามกลิ่นนั้นได้
สุนัขทั้งสามนำหน้าด็อกมาสเตอร์ ออสด้วยรูปขบวนสามเหลี่ยม มีตัวหนึ่งอยู่ด้านหน้านำทีม อีกสองตัวอยู่เบื้องซายและเบื้องขวาของเขา
โดยเมื่อเขาเดินไปได้อีกสักสิบก้าวก็พบเห็นสุนัขสองตัวของตนแล้ว
แต่ว่าสุนัขทั้งสองไม่ได้อยู่บนพื้นดินในสวนป่านั้น พวกมันกลับนอนกองเบียดเสียดอยู่ในหลุมลึกหนึ่งภายในสวนป่าแทน
ด็อกมาสเตอร์ ออสมองสุนัขทั้งสองในหลุมอย่างเป็นห่วง แล้วค่อยพูดขึ้นว่า
“พวกแกโดนหลุมกับดักหรือนี่ รอหน่อยละกันนะ เดี๋ยวฉันจะไปจัดการมันแล้วจะมาช่วยแกทั้งสองเอง”
ซึ่งขณะที่ก้าวเดินต่อไปเขาก็พบเห็นอีก
คราวนี้เป็นหมาป่าเดียวดาย เค เขาปรากฏตัวออกมา
“ยินดีต้อนรับสู่สวนป่าของฉัน” เคพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงยียวน
“นายวางหลุมกับดักจัดการหมาของฉันใช่ไหม?” ด็อกมาสเตอร์ ออสถามอย่างมีอารมณ์
“ก็คงงั้น พวกมันเดินไม่ดูเอง” เคตอบ
คำตอบของหมาป่าเดียวดาย เคนั้นย่อมทำให้ด็อกมาสเตอร์ ออสไม่สบอารมณ์ยิ่งขึ้นอีก เพียงเขาปรายตา ก็สั่งการสุนัขตัวที่อยู่ด้านหน้าพุ่งเข้าโจมตีหมายทำร้ายเคทันที
ทว่ามันไปยังไม่ถึงตัวเค ด็อกมาสเตอร์ ออสก็รีบตะโกนสั่งมันเสียก่อน
“หยุด!”
เหตุที่ด็อกมาสเตอร์ ออสต้องรีบสั่งให้สุนัขของตนหยุดนั้น เพราะเขาสังเกตเห็นว่าที่เบื้องหน้าของหมาป่าเดียวดาย เค มีความผิดปกติอยู่
“ไม่เบา ๆ ดูออกด้วย” หมาป่าเดียวดาย เคพูดพร้อมตบมือให้ด้วย “คงรู้แล้วสินะว่าข้างหน้าฉันมีกับดักวางไว้อยู่"
ด้านหน้าของเคนั้นเป็นกับดักตาข่ายเชือก โดยถ้าเดินไปกระทบเชือกที่ขึงเลียดพื้น จะทำให้ตาข่ายเชือกที่ขึงรอไว้ หดตัวเข้าห่อหุ้มผู้ที่กระทบถูกเชือก แล้วยกร่างนั้นขึ้นไปห้อยบนต้นไม้
จากนั้นเมื่อหมาป่าเดียวดาย เคพูดจบ เขาก็ถอยกายไปด้านหลัง โดยไม่ได้สนใจคู่ต่อสู้ที่อยู่ด้านหน้า แล้วลับตาหายไปในแมกไม้แถวนั้นอย่างฉับพลัน
ด็อกมาสเตอร์ ออสไม่ทันจะเข้าจู่โจมอีกที หมาป่าเดียวดาย เคก็หายตัวไปแล้ว ทำให้เขาต้องพูดขึ้นว่า
“เฮ้ย! แกจะไปไหนอีกวะ ออกมาสู้กันตรง ๆ สิ”
ครั้งนี้มีเสียงจากเคตอบกลับมา แต่ว่าเสียงนี้ก็ไม่สามารถบ่งบอกได้ว่ามาจากทิศทางไหน ระบุไม่ได้ว่าอยู่ที่ใด เคพูดว่า
“นี่คือวิธีต่อสู้ของฉัน หากนายต้องการจะเอาชนะฉัน ก็ต้องจัดการฉันในสวนป่าของฉันนี่แหละ”
ด็อกมาสเตอร์ ออสหันรีหันขวารีบค้นหาที่มาของเสียงทันที ทว่าเขาก็ไม่สามารถแยกออกว่าเสียงมาจากไหน เสียงของเคดังก้องไพรไปทั่วทุกที่
โดยการวางกับดักเป็นวิธีต่อสู้ของหมาป่าเดียวดาย เค
เคไม่นิยมการต่อสู้ และไม่ใคร่อยากจะต่อสู้กับผู้ใด ทุกครั้งหากจำเป็นต้องมีการต่อสู้และตึงมือจนไม่สามารถเอาชนะได้ทันทีแล้ว เคมักจะพาคู่ต่อสู้ให้มายังสวนป่าของตน
ภายในสวนป่าของหมาป่าเดียวดาย เคนั้น เจ้าตัวได้วางกับดักไว้มากมายหลากหลายแบบ มีเพียงเขาคนเดียวเท่านั้นที่รู้ว่ากับดักเหล่านั้นอยู่ที่ไหนบ้าง
คู่ต่อสู้หลายคนโดนกับดักเล่นงานจนพ่ายแพ้ บางคนโดนเคลอบทำร้าย แอบซ่อนและออกมาดักโจมตี ซึ่งหมาป่าเดียวดาย เคมีวิชาพรางตัว สามารถพรางกายให้เข้ากับสถานที่ เคลื่อนไหวได้เงียบเชียบและรวดเร็ว ยากที่คนทั่วไปจะรู้ตัว
หลายคนบอกว่าวิธีการต่อสู้แบบนี้เป็นการเอาเปรียบคู่ต่อสู้ แต่หมาป่าเดียวดาย เคหาสนใจคำพูดเหล่านั้นไม่ เขามักบอกว่า หากจะต่อสู้กับเขาก็ต้องยอมรับ หากไม่ยอมรับก็ไม่จำเป็นต้องสู้ก็ได้ เพราะเขาไม่นำพา
ซึ่งคู่ต่อสู้ถ้าคิดเอาชนะเคจะต้องมีปฏิกิริยาตอบโต้ที่ดี รู้ทั่วตัวพร้อมเสมอ เพราะกับดักที่วางอยู่มีมากมายต้องสังเกตให้ดี อีกทั้งหมาป่าเดียาวดาย เคสามารถโผล่มาจัดการอย่างไม่รู้ตัวได้เสมอ
ดังนั้น หูตาของคู่ต่อสู้ต้องดีอย่างมาก
แต่คู่ต่อสู้ของหมาป่าเดียวดาย เคคราวนี้ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาหูตาเป็นหลัก เพราะพวกเขาเน้นการใช้จมูก
ใช้จมูกในการดมกลิ่นตามหาเค
ด้วยการที่ด็อกมาสเตอร์ ออสฝึกฝนอยู่กับสุนัขเป็นประจำ ทำให้ตนเองก็มีประสาทรับรู้ทางกลิ่นสูงขึ้น สามารถแยกแยะกลิ่นที่มีมากหลายที่อยู่ในสถานที่หนึ่งได้ ยิ่งถ้าหากเขาใช้มันร่วมกับประสาทรับกลิ่นของสุนัขของเขา ยิ่งทำให้ประสาทรับรู้กลิ่นของตัวเองเพิ่มมากขึ้นด้วย
ในตอนนี้ด็อกมาสเตอร์ ออสก็ประสานกับสุนัขสามตัวที่เหลืออยู่แล้ว
(มีต่อครับ)
TWO TOP สองอันตราย - [บทอุดรเคลื่อนไหว] - ตอนที่ 61 : ป่า ไฟ ช้าง
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
หมาป่าเดียวดาย เคยังคงวิ่งอยู่ เบื้องหลังของเขามีสุนัขห้าตัวและหนึ่งในหกอัศวินแห่งอุดรพิทักษ์ ด็อกมาสเตอร์ ออสกำลังไล่ติดตาม
เคหาได้วิตกกังวลกับสัตว์และคนที่ไล่ติดตามอยู่นี้ไม่
ใบหน้าของผู้คุมกฎผมยาวปะบ่ามองตรงไปเบื้องหน้าตลอดเวลา มิหันกลับมามองผู้ติดตามแม้แต่น้อย คล้ายแน่วแน่ไม่ไหวติงและมีเป้าหมายชัดเจนในการวิ่งของตน
ดูแล้วไม่เหมือนคนที่ตั้งใจจะวิ่งหนีเลย
ฝีเท้าของเคมิใช่ธรรมดา ทิ้งระยะห่างจากผู้ติดตามพอสมควร ไม่อาจเข้าถึงได้โดยง่าย
ไม่นานเคก็วิ่งเข้าไปในที่แห่งหนึ่งที่อยู่ด้านหลังโรงเรียนเทคนิคจักรวรรดิบูรพา
ที่นี่คล้ายเป็นสถานที่เป้าหมายที่หมาป่าเดียวดาย เคต้องการวิ่งมา
สถานที่นั้นก็คือ สวนป่าที่มีแมกไม้นานาพันธุ์
สวนป่าแห่งนี้ยังคงอยู่ในส่วนพื้นที่ของโรงเรียนเทคนิคจักรวรรดิบูรพา มีอาณาเขตกว้างขวางพอสมควร ซึ่งเป็นสถานที่ที่ผู้อำนวยการของโรงเรียนได้ดำรงไว้ ไม่ยอมใช้เป็นพื้นที่ในการก่อสร้างอาคารด้วยเหตุผลหนึ่ง
เหตุผลข้อนี้ผู้อำนวยการได้บ่ายเบี่ยง ไม่ยอมบอกแก่บุคคลอื่นได้ตรง ๆ เพียงบอกว่าต้องเหลือพื้นที่ผืนนั้นไว้ให้นักเรียนได้อยู่ใต้ร่มเงาของธรรมชาติบ้าง
ซึ่งเหตุผลที่แท้จริงของผู้อำนวยการโรงเรียนมีผู้คนของเทคนิคจักรวรรดิบูรพาทราบเพียงผู้เดียว
คนผู้นั้นคือ ราชันบูรพา บอส
โดยเหตุผลแท้จริงที่สวนป่านี้ยังคงอยู่ก็คือ ต้องการเหลือพื้นที่ไว้ให้ลูกชายของตน
และลูกชายของผู้อำนวยการคือ เค เจ้าของฉายา หมาป่าเดียวดาย นั่นเอง
หมาป่าเดียวดาย เคมักจะกระทำการใดตามใจตัวเอง มิชอบมีลูกน้องติดส้อยห้อยตาม อีกทั้งยังชอบอยู่กับตัวเองแบบไม่สนใจใคร จึงได้ขอสวนป่าแห่งนี้เป็นที่พักพิงยามต้องการอยู่คนเดียว
แต่ผู้อำนวยการผู้เป็นพ่อของเคได้มีข้อแลกเปลี่ยนอย่างหนึ่งกับเค คือ เคต้องเชื่อฟังและปฏิบัติตามคำสั่งของราชันบูรพา บอส และต้องเป็นหนึ่งในผู้คุมกฎของจักรวรรดิบูรพา
ข้อนี้แม้จะดูเป็นข้อแลกเปลี่ยนที่ตัดสินใจง่ายสำหรับนักเรียนเทคนิคจักรวรรดิบูรพาทั่วไป แต่กลับเป็นเรื่องยากสำหรับเค
เพราะราชันบูรพา บอสที่เขาต้องตกอยู่ใต้คำสั่งนั้นเป็นพี่ชายคนละแม่ของเค
ว่าง่าย ๆ คือ ผู้อำนวยการโรงเรียนเทคนิคจักรวรรดิบูรพาเป็นพ่อของทั้งคู่นั่นเอง ซึ่งเรื่องนี้ไม่มีผู้ใดโรงเรียนทราบแม้แต่คนเดียว
ราชันบูรพา บอสเป็นบุคคลที่ตั้งแต่เด็กมาก็มีคนให้การยำเกรง ด้วยความที่มีบุคลิกเป็นผู้นำ อีกทั้งฝีมือการต่อสู้ก็ระดับยอดฝีมือ รวมทั้งการที่บอสเป็นลูกชายอีกคนของผู้อำนวยการ ทำให้เคที่ดูด้อยกว่าไม่ค่อยชอบหน้านัก
ด้วยเหตุนี้เคจึงปิดตัวเอง ไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับใครอย่างเช่นบอส คล้ายตั้งใจกระทำทุกอย่างให้ตรงกันข้ามกับบอส
ยิ่งบอสได้รับตำแหน่งราชันบูรพา เคยิ่งไม่ถูกกับบอสมากยิ่งขึ้น
ทว่าเมื่อผู้เป็นพ่อได้เสนอข้อแลกเปลี่ยนมาเช่นนี้ เคก็ชั่งใจคิดอย่างหนัก ซึ่งจุดประสงค์ที่ใช้ข้อแลกเปลี่ยนนี้ของผู้อำนวยการก็เพราะต้องการให้พี่น้องสองคนได้พูดคุยกัน หรือร่วมงานกันบ้าง
แต่สุดท้ายเคที่ชื่นชอบพื้นที่ธรรมชาติผืนนั้นก็ยินยอมทำตาม และกลายเป็นหนึ่งในผู้คุมกฎของจักรวรรดิบูรพาตั้งแต่นั้นมา
และดูเหมือนว่าการตัดสินใจของผู้อำนวยการจะถูกต้อง เพราะเมื่อเคกลายเป็นผู้คุมกฎและต้องรับคำสั่งจากราชันบูรพา บอส ความสัมพันธ์ของคู่พี่น้องคนละแม่สองคนนี้ก็ดีขึ้นมาก จนปัจจุบันนี้ไม่มีปัญหาเรื่องที่ทั้งสองไม่ถูกกันแล้ว
ซึ่งสวนป่าที่เหลือไว้นี้ ภายหลังถูกเรียกว่า สวนของหมาป่าเดียวดาย
แต่ตอนนี้สุนัขธรรมดาห้าตัวกำลังวิ่งเข้าไปในส่วนป่านั้น
ตอนนี้ไม่รู้ว่าหมาป่าเดียวดาย เคหายไปไหน พอเข้าไปในสวนป่าก็คล้ายกับเขาหายสาบสูญไปในสวนป่านั้นเลย
สุนัขสองตัวที่นำหน้าอยู่พุ่งเข้าไปในสวนป่าอย่างไม่เกรงกลัว พวกมันติดตามอย่างบ้าคลั่งเลยทีเดียว
ทว่าไม่ทันที่สามตัวที่เหลือจะเข้าไปก็มีเสียงร้องของสุนัขทั้งสองที่หายเข้าไปในสวนป่าก่อนร้องออกมา
“หยุด!”
ด็อกมาสเตอร์ ออสที่ตามมารีบสั่งการสุนัขทั้งสามที่เหลือทันที เขาฟังจากเสียงร้องของสุนัขสองตัวที่ร้องออกมาก็ย่อมล่วงรู้ว่าเกิดอันตรายขึ้นกับสัตว์เลี้ยงทั้งสองนั่นแล้ว
แต่เขาย่อมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
“แกทำอะไรกับหมาของฉัน” ด็อกมาสเตอร์ ออสตะโกนลั่น ตอนนี้เขาอยู่หน้าสวนป่าพร้อมด้วยสุนัขทั้งสามที่ยังไม่ได้เข้าไปข้างในนั้น
ทว่ากลับไม่มีเสียงตอบรับใด ๆ จากหมาป่าเดียวดาย เค มีเพียงเสียงร้องของสุนัขสองตัวของเขาที่ยังร้องอยู่เท่านั้น
“หนอย..” ด็อกมาสเตอร์ ออสขบฟันแน่น
เมื่อไม่มีเสียงตอบ ด็อกมาสเตอร์ ออสก็เริ่มไม่สบอารมณ์ เขาย่อมไม่อยากให้สัตว์เลี้ยงของตัวเองบาดเจ็บอยู่แล้ว
“แกคิดว่าจะซ่อนอยู่ในนั้นได้ตลอดหรือ” อัศวินแห่งอุดรพิทักษ์พูดขึ้นต่อ “เดี๋ยวฉันจะเข้าไปจัดการแกเอง ไม่กลัวอยู่แล้ว”
พอสิ้นคำคล้ายกับด็อกมาสเตอร์ ออสสั่งการบางอย่างกับสุนัขทั้งสามที่เหลือ สัตว์หน้าขนทั้งสามทำจมูกฟุดฟิดเหมือนต้องการดมกลิ่น
ซึ่งนี้คือ การใช้สุนัขดมกลิ่นเพื่อสะกดรอยหรือติดตามหานั่นเอง สุนัขของด็อกมาสเตอร์ ออสถูกฝึกมาอย่างดี พวกมันสามารถดมกลิ่นของเคและติดตามกลิ่นนั้นได้
สุนัขทั้งสามนำหน้าด็อกมาสเตอร์ ออสด้วยรูปขบวนสามเหลี่ยม มีตัวหนึ่งอยู่ด้านหน้านำทีม อีกสองตัวอยู่เบื้องซายและเบื้องขวาของเขา
โดยเมื่อเขาเดินไปได้อีกสักสิบก้าวก็พบเห็นสุนัขสองตัวของตนแล้ว
แต่ว่าสุนัขทั้งสองไม่ได้อยู่บนพื้นดินในสวนป่านั้น พวกมันกลับนอนกองเบียดเสียดอยู่ในหลุมลึกหนึ่งภายในสวนป่าแทน
ด็อกมาสเตอร์ ออสมองสุนัขทั้งสองในหลุมอย่างเป็นห่วง แล้วค่อยพูดขึ้นว่า
“พวกแกโดนหลุมกับดักหรือนี่ รอหน่อยละกันนะ เดี๋ยวฉันจะไปจัดการมันแล้วจะมาช่วยแกทั้งสองเอง”
ซึ่งขณะที่ก้าวเดินต่อไปเขาก็พบเห็นอีก
คราวนี้เป็นหมาป่าเดียวดาย เค เขาปรากฏตัวออกมา
“ยินดีต้อนรับสู่สวนป่าของฉัน” เคพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงยียวน
“นายวางหลุมกับดักจัดการหมาของฉันใช่ไหม?” ด็อกมาสเตอร์ ออสถามอย่างมีอารมณ์
“ก็คงงั้น พวกมันเดินไม่ดูเอง” เคตอบ
คำตอบของหมาป่าเดียวดาย เคนั้นย่อมทำให้ด็อกมาสเตอร์ ออสไม่สบอารมณ์ยิ่งขึ้นอีก เพียงเขาปรายตา ก็สั่งการสุนัขตัวที่อยู่ด้านหน้าพุ่งเข้าโจมตีหมายทำร้ายเคทันที
ทว่ามันไปยังไม่ถึงตัวเค ด็อกมาสเตอร์ ออสก็รีบตะโกนสั่งมันเสียก่อน
“หยุด!”
เหตุที่ด็อกมาสเตอร์ ออสต้องรีบสั่งให้สุนัขของตนหยุดนั้น เพราะเขาสังเกตเห็นว่าที่เบื้องหน้าของหมาป่าเดียวดาย เค มีความผิดปกติอยู่
“ไม่เบา ๆ ดูออกด้วย” หมาป่าเดียวดาย เคพูดพร้อมตบมือให้ด้วย “คงรู้แล้วสินะว่าข้างหน้าฉันมีกับดักวางไว้อยู่"
ด้านหน้าของเคนั้นเป็นกับดักตาข่ายเชือก โดยถ้าเดินไปกระทบเชือกที่ขึงเลียดพื้น จะทำให้ตาข่ายเชือกที่ขึงรอไว้ หดตัวเข้าห่อหุ้มผู้ที่กระทบถูกเชือก แล้วยกร่างนั้นขึ้นไปห้อยบนต้นไม้
จากนั้นเมื่อหมาป่าเดียวดาย เคพูดจบ เขาก็ถอยกายไปด้านหลัง โดยไม่ได้สนใจคู่ต่อสู้ที่อยู่ด้านหน้า แล้วลับตาหายไปในแมกไม้แถวนั้นอย่างฉับพลัน
ด็อกมาสเตอร์ ออสไม่ทันจะเข้าจู่โจมอีกที หมาป่าเดียวดาย เคก็หายตัวไปแล้ว ทำให้เขาต้องพูดขึ้นว่า
“เฮ้ย! แกจะไปไหนอีกวะ ออกมาสู้กันตรง ๆ สิ”
ครั้งนี้มีเสียงจากเคตอบกลับมา แต่ว่าเสียงนี้ก็ไม่สามารถบ่งบอกได้ว่ามาจากทิศทางไหน ระบุไม่ได้ว่าอยู่ที่ใด เคพูดว่า
“นี่คือวิธีต่อสู้ของฉัน หากนายต้องการจะเอาชนะฉัน ก็ต้องจัดการฉันในสวนป่าของฉันนี่แหละ”
ด็อกมาสเตอร์ ออสหันรีหันขวารีบค้นหาที่มาของเสียงทันที ทว่าเขาก็ไม่สามารถแยกออกว่าเสียงมาจากไหน เสียงของเคดังก้องไพรไปทั่วทุกที่
โดยการวางกับดักเป็นวิธีต่อสู้ของหมาป่าเดียวดาย เค
เคไม่นิยมการต่อสู้ และไม่ใคร่อยากจะต่อสู้กับผู้ใด ทุกครั้งหากจำเป็นต้องมีการต่อสู้และตึงมือจนไม่สามารถเอาชนะได้ทันทีแล้ว เคมักจะพาคู่ต่อสู้ให้มายังสวนป่าของตน
ภายในสวนป่าของหมาป่าเดียวดาย เคนั้น เจ้าตัวได้วางกับดักไว้มากมายหลากหลายแบบ มีเพียงเขาคนเดียวเท่านั้นที่รู้ว่ากับดักเหล่านั้นอยู่ที่ไหนบ้าง
คู่ต่อสู้หลายคนโดนกับดักเล่นงานจนพ่ายแพ้ บางคนโดนเคลอบทำร้าย แอบซ่อนและออกมาดักโจมตี ซึ่งหมาป่าเดียวดาย เคมีวิชาพรางตัว สามารถพรางกายให้เข้ากับสถานที่ เคลื่อนไหวได้เงียบเชียบและรวดเร็ว ยากที่คนทั่วไปจะรู้ตัว
หลายคนบอกว่าวิธีการต่อสู้แบบนี้เป็นการเอาเปรียบคู่ต่อสู้ แต่หมาป่าเดียวดาย เคหาสนใจคำพูดเหล่านั้นไม่ เขามักบอกว่า หากจะต่อสู้กับเขาก็ต้องยอมรับ หากไม่ยอมรับก็ไม่จำเป็นต้องสู้ก็ได้ เพราะเขาไม่นำพา
ซึ่งคู่ต่อสู้ถ้าคิดเอาชนะเคจะต้องมีปฏิกิริยาตอบโต้ที่ดี รู้ทั่วตัวพร้อมเสมอ เพราะกับดักที่วางอยู่มีมากมายต้องสังเกตให้ดี อีกทั้งหมาป่าเดียาวดาย เคสามารถโผล่มาจัดการอย่างไม่รู้ตัวได้เสมอ
ดังนั้น หูตาของคู่ต่อสู้ต้องดีอย่างมาก
แต่คู่ต่อสู้ของหมาป่าเดียวดาย เคคราวนี้ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาหูตาเป็นหลัก เพราะพวกเขาเน้นการใช้จมูก
ใช้จมูกในการดมกลิ่นตามหาเค
ด้วยการที่ด็อกมาสเตอร์ ออสฝึกฝนอยู่กับสุนัขเป็นประจำ ทำให้ตนเองก็มีประสาทรับรู้ทางกลิ่นสูงขึ้น สามารถแยกแยะกลิ่นที่มีมากหลายที่อยู่ในสถานที่หนึ่งได้ ยิ่งถ้าหากเขาใช้มันร่วมกับประสาทรับกลิ่นของสุนัขของเขา ยิ่งทำให้ประสาทรับรู้กลิ่นของตัวเองเพิ่มมากขึ้นด้วย
ในตอนนี้ด็อกมาสเตอร์ ออสก็ประสานกับสุนัขสามตัวที่เหลืออยู่แล้ว
(มีต่อครับ)