สวัสดีครับพี่ๆชาวพันทิปทุกท่าน เมื่อช่วงเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ผมได้ไปเห็นตั๋วโปรของเวียดนามแอร์ไลน์จากเพจดังในเฟซบุคเข้า
จากตอนแรกที่คิดว่าจะใจแข็งไม่ไปร่วมทริปกับเพื่อนๆที่ชวนมา ก็ตบะแตกกดจองไปซะแล้ว
เพราะเห็นว่าได้วันไปก็ตรงกับทริปของเพื่อนแล้วก็ยังอยากลองบิน Full service ดูสักครั้ง (เคยบินแต่หางแดง) ราคาที่กดได้ก็ 9,995 บาทนะครับ
ได้ไฟลท์ทั้ง 4 ขา ดังนี้ครับ
ขาไป
1. กรุงเทพฯ ( BKK 19.05 ) - ฮานอย (HAN 21.05 ) เที่ยวบิน VN618 Airbus A321 รอเปลี่ยนเครื่อง 11 ชั่วโมง
2. ฮานอย ( HAN 08.10 ) - โตเกียว (HND 15.05 ) เที่ยวบิน VN384 Airbus A350
ขากลับ
1. โตเกียว ( HND 16.35 ) - ฮานอย (HAN 20.10 ) เที่ยวบิน VN385 Airbus A350 รอเปลี่ยนเครื่อง 12 ชั่วโมง
2. ฮานอย ( HAN 08.50 ) - กรุงเทพฯ ( BKK 10.50 ) เที่ยวบิน VN611 Airbus A321
ตอนกดจองผมเลือกที่นั่งช่วงสั้นได้ แต่ช่วงยาวยังเลือกไม่ได้ครับ
สำหรับน้ำหนักกระเป๋าของไฟลท์ผมซึ่งจองก่อนเดือนสิงหาคม 2019 จะได้น้ำหนักกระเป๋า 30 กิโลกรัม 1 ใบ
แต่ถ้าจอง
หลังจากสิงหาคม 2019 จะได้น้ำหนักกระเป๋า 23 กิโลกรัมเท่านั้น สามารถซื้อเพิ่มได้แต่ค่อนข้างแพงครับ ประมาณ 3,000 บาท
ส่วนกระเป๋า Carry-on ก็ 7 กิโลกรัมครับ
ก่อนวันเดินทาง 1 วัน ทางสายการบินจะส่งอีเมลมาให้เช็คอินล่วงหน้า ผมก็กรอกข้อมูลไปตามปกติ ตรงนี้สามารถเลือกที่นั่งขาไปญี่ปุ่นได้แล้ว ผมก็เลือกริมหน้าต่างฝั่งซ้าย ซึ่งจะได้เห็นฟูจิซังอยู่ลิบๆ ตามรูปด้านบนครับ
วันที่ 2 ตุลาคมวันเดินทาง ผมไม่ได้ปริ้นบรอดดิ้งพาส ก็เข้าช่องโหลดกระเป๋าแล้วเอาบรอดดิ้งพาสที่แคปไว้ให้ดู พนักงานก็ปริ้นบรอดดิ้งพาสปกติให้
ตรงนี้สามารถเลือกได้ว่าจะรับกระเป๋าเดินทางที่สนามบินหน่อยบัยที่ฮานอย หรือ Check Thru ไปรับที่ฮาเนดะเลยก็ได้ครับ
ซึ่งผมเลือก Check Thru ไปเลยเพราะจะไปนอนรอที่เกตที่เดียวไม่ผ่าน ตม.
พอผ่านเข้ามาเข้ามาในเกทเกิดหิวน้ำขึ้นมา มองซ้ายขวาแต่ละร้าน น้ำเปล่าก็แพงระยับ ไม่ต่ำกว่า 30 บาท ตู้กดน้ำฟรีก็ไม่เย็น
ก็เลยแชทถามพี่ที่บินบ่อยๆ เค้าบอกว่าให้ไป Boots มีน้ำขายถูกๆ ก็เดินไปดู เจอจริงๆ น้ำ 8 บาท 10 บาท รอดตัวไป
ตรงนี้คือถ้าเดินไปทางเกทโซน F ก็จะอยู่ขวามือตรง 4 แยกครับ เห็นง่ายๆ
พระเอกของเราเลี้ยวเข้างวงช้างตอนเกือบๆ 6 โมง ตรงนี้มีที่ชาร์จโทรศัพท์ แต่ต้องยืนเฝ้านะครับ ผมก็ยืนเล่นไป คนก็เริ่มเยอะขึ้นเรื่อยๆ
พอ 6 โมงกว่าก็เริ่มบรอดดิ้งครับ เนื่องจากเป็นเครื่องบินลำเล็กใช้เวลาไม่นานก็เสร็จ
ผมได้ที่นั่ง 19D เป็นที่นั่งหลังที่นั่งของ Cabin crew เลยมีที่สบายขึ้นอีกหน่อย สำหรับที่วางอาหารก็จะอยู่ที่วางแขนซ้ายมือครับ
พอเทคออฟได้ 10 กว่านาที สัญญาณรัดเข็มขัดดับ ผมนี่วิ่งเข้าเข้าห้องน้ำก่อนเลย พอเดินกลับก็ขอภาพรวมของห้องโดยสารสักรูป
สำหรับเที่ยวบินขาสั้นก็จะมีแค่จอรวมด้านบน แสดงตำแหน่งของเครื่องบินเฉยๆครับ
หลังจากนั้นอีกสักพัก ก็ถึงเวลาที่รอคอย ตอนเสริฟ พี่สจ๊วตจะถามว่ารับเป็นปลาหรือไก่ครับ แต่ฟังยากมาก ได้ยินว่าฟิชๆ ก็เอาไว้ก่อน
อร่อยสมคำร่ำลือจริงๆ หมดเกลี้ยง ยกเว้นกล้วยครับ เก็บไว้กะจะกินรอเครื่องคืนนี้
อ้อ เครื่องดื่มก็ขอได้ปกติ ผมสั่งไวน์ขาวมาแก้วนึง พี่ข้างๆ สั่งไวน์แดงกับน้ำเปล่าทีเดียวไปเลยก็สะดวกคนบริการดี
ทานข้าวเสร็จก็จะมีแอร์เดินถามว่ารับชามั้ย ก็ไม่พลาด เป็นชาร้อนๆ ธรรมดาครับ จะใส่มะนาวฝานก็ได้
สามทุ่มนิดๆ เครื่องก็แลนด์ลงตรงเวลาที่สนามบินโหน่ยบัย ฮานอย วิ่งไปตามแท๊กซี่เวย์สักพักก็จอด มองออกไปไม่เห็นเกท โอเค นั่งรถต่อ
ผมไม่ได้รีบอะไร เดินลงมาเหมือนจะออกไปคันนึงแล้ว แต่สุดท้ายคันนี้ก็เต็มเอี้ยดเหมือนกัน
หันหลังกลับไปมอง ขอบคุณที่มาส่งถึงที่โดยสวัสดิภาพครับ สวยเหมือนกันนะเนี่ย
พอลงจากรถมา เดินไปตามทางเรื่อยๆ จนถึงตรง ตม. ก็เดินไปถามเจ้าหน้าที่ เค้าก็ถามว่าจะออกไปข้างนอกหรือรอข้างใน ผมก็เลือกรอ
เค้าก็ให้คูปองอาหารเช้ามา 1 ใบ แล้วชี้ทางให้เราเดินเข้าเกทไปเลย ตรงนี้มีเจ้าหน้าที่สนามบินตรวจบรอดดิ้งพาส กับ พาสปอร์ต อีกทีครับ
บรรยกาศในเกทครับ ยังไม่ดึกมาก มีคนคึกคักและร้านขายอาหาร ของฝากมากมาย รับเงิน บาท เยน ดอลลาร์ นะครับ แต่ทอนเป็นเงินดองเท่านั้น
Bánh mì 5 USD คิดเป็นเงินเยน 500 กว่าเยน จ่ายแบงค์ 1,000 เยน ได้ทอนเป็นเงินดอง งงไปอีก
อิ่มแล้วก็ไปหาที่นอน ตอนแรกอุ่นใจเห็นคนรอเยอะแยะเลย ที่ไหนได้ ตื่นมาอีกทีไปอินชอนกันหมดแล้ว
โธ่ นึกว่าจะอยู่เป็นเพื่อนกัน
สรุปคืนนั้นอยู่เกือบจะคนเดียว ทั้งเกท ตั้งแต่ตี 3 ถึง 6 โมง นอนก็ไม่ค่อยหลับกลัวของหาย
พอ 6 โมงเช้าก็เอาคูปองไปแลกอาหารเช้า พนักงานดูหน้าหงิกๆประมาณนึง เหมือนจะเช้าไป แต่ก็ถามว่าจะรับเป็นข้าวผัด หรือ ข้าวต้ม
ก็เลือกข้าวผัดไป กับเป๊ปซี่อีก 1 กระป๋อง
ไม่อร่อยครับ ไหม้เกรียมกะทะไปหน่อย เลยคลุกซอสพริกกินไปจนหมดครับ หรือนี่คือปกติของเวียดนามนะ
พอเกือบ 7 โมง คนเริ่มมาแน่นเกท ฝนเจ้ากรรมก็เริ่มตก หนักขึ้นๆ จนชักกลัว พระเอกของเราก็เข้ามาเทียบงวงช้าง
วิวจากสนามบินโหน่ยบัยก็สวยนะ เป็นทิวเขาในสายหมอกอยู่ลิบๆ
ไม่รู้เพราะฝนรึเปล่าแต่คราวนี้บรอดดิ้งค่อนข้างช้า เกือบจะได้เวลาเทคออฟแล้ว ถึงเพิ่งได้ขึ้นเครื่อง แต่ไม่นานก็เสร็จ
ที่นั่งก็โอเคครับ ผมตัวใหญ่แต่ก็ยังมีที่เหลือให้ยืดขาได้สบายๆ
คราวนี้มีเอนเตอเทนเมนท์ครบพร้อมรีโมทถอดออกมาได้
สำหรับไฟล์ทนี้ ตอนเทคออฟถือว่าโหดร้ายที่สุดเท่าที่เคยนั่งเครื่องบินมาเลยครับ เพราะว่าฝนตกด้วย
ช่วงไต่ระดับนี่ตกหลุมอากาศใหญ่ 3-4 ครั้ง แต่ละครั้งลง วูบ วูบ จนคลื่นไส้จะเกือบไม่ไหว ได้แต่หลับตาขอให้พ้นไปเร็วๆ
พอไต่ระดับได้สักพัก เหล่า Cabin crew ก็เดินแจกเมนู สำหรับไฟล์ทนี้เป็นอาหารเช้า ดูแล้วฝั่งอาหารญี่ปุ่นน่ากินกว่าเยอะเลย เลยขอเป็นแบบญี่ปุ่นไป
ตอนแรกที่เสริฟมายังคลื่นไส้อยู่ กินลงแต่ผลไม้ก็เฉยๆ พอเริ่มกินลงก็ลองออร์เดิฟเต้าหู้ กับ หัวไชเท้าต้ม จืดมาก ไม่ชอบ
ส่วนข้าวกับไก่ เปรี้ยวๆหวานๆ อร่อยใช้ได้ กินกับหัวไชเท้าดองซึ่งเปรี้ยวมาก กัดคำเดียวกินข้าวหมด ผักดองเหลือ
เครื่องดื่มคราวนี้ขอน้ำแอปเปิ้ล กับน้ำเปล่า แล้วก็กาแฟหลังจากทานข้าวเสร็จ
หูฟังที่ทางสายการบินแจกครับ เสียงอู้อี้มาก ถ้ามีหูฟังของตัวเองเอาไปเสียบดีกว่า แต่ไม่มีบลูทูธนะครับ
เสร็จแล้วก็นั่งดูหนัง มีหนังใหม่ๆเช่น Avengers: Endgame และ Aladdin แต่ก็ดูไม่จบ หลับไปซะก่อน
ตื่นขึ้นมาอีกทีตอนที่แอร์เดินแจกใบเข้าเมือง หันไปทางซ้ายก็เจอฟูจิซึงอยู่ลิบๆ
เนี่ยแหละ เห็นแค่นี้ก็เอา เพราะที่แพลนไว้ทั้งทริปคราวนี้ก็คงไม่ได้เห็น
หลังจากนั้นก็หลับยาว ตื่นมาอีกทีก็แลนดิ้งแล้ว ก่อนเวลาเล็กน้อย
เกทอยู่ไกลจาก ตม.มากครับ ขนาดเดินบนทางเลื่อนยังเหนื่อย แต่ก็ได้ผ่านเข้าไปเที่ยวสมใจ
จบแล้วครับ สำหรับขาไป กรุงเทพฯ ฮานอย ฮาเนดะ
สำหรับขากลับ และเรื่องระทึกใจ โดนน้องสุนัขตำรวจจู่โจมระหว่างรอกระเป๋าที่ฮาเนดะไว้มาต่อพรุ่งนี้ครับ
สำหรับวันนี้ขอตัวไปนอนก่อน สวัสดีครับ
(แก้ไขพิมพ์เวลาถึงสนามบินฮาเนดะผิด)
[CR] รีวิว Vietnam Airline ไปกลับ กรุงเทพฯ-ฮานอย-โตเกียว (ฮาเนดะ)
สวัสดีครับพี่ๆชาวพันทิปทุกท่าน เมื่อช่วงเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ผมได้ไปเห็นตั๋วโปรของเวียดนามแอร์ไลน์จากเพจดังในเฟซบุคเข้า
จากตอนแรกที่คิดว่าจะใจแข็งไม่ไปร่วมทริปกับเพื่อนๆที่ชวนมา ก็ตบะแตกกดจองไปซะแล้ว
เพราะเห็นว่าได้วันไปก็ตรงกับทริปของเพื่อนแล้วก็ยังอยากลองบิน Full service ดูสักครั้ง (เคยบินแต่หางแดง) ราคาที่กดได้ก็ 9,995 บาทนะครับ
ได้ไฟลท์ทั้ง 4 ขา ดังนี้ครับ
ขาไป
1. กรุงเทพฯ ( BKK 19.05 ) - ฮานอย (HAN 21.05 ) เที่ยวบิน VN618 Airbus A321 รอเปลี่ยนเครื่อง 11 ชั่วโมง
2. ฮานอย ( HAN 08.10 ) - โตเกียว (HND 15.05 ) เที่ยวบิน VN384 Airbus A350
ขากลับ
1. โตเกียว ( HND 16.35 ) - ฮานอย (HAN 20.10 ) เที่ยวบิน VN385 Airbus A350 รอเปลี่ยนเครื่อง 12 ชั่วโมง
2. ฮานอย ( HAN 08.50 ) - กรุงเทพฯ ( BKK 10.50 ) เที่ยวบิน VN611 Airbus A321
ตอนกดจองผมเลือกที่นั่งช่วงสั้นได้ แต่ช่วงยาวยังเลือกไม่ได้ครับ
สำหรับน้ำหนักกระเป๋าของไฟลท์ผมซึ่งจองก่อนเดือนสิงหาคม 2019 จะได้น้ำหนักกระเป๋า 30 กิโลกรัม 1 ใบ
แต่ถ้าจองหลังจากสิงหาคม 2019 จะได้น้ำหนักกระเป๋า 23 กิโลกรัมเท่านั้น สามารถซื้อเพิ่มได้แต่ค่อนข้างแพงครับ ประมาณ 3,000 บาท
ส่วนกระเป๋า Carry-on ก็ 7 กิโลกรัมครับ
ก่อนวันเดินทาง 1 วัน ทางสายการบินจะส่งอีเมลมาให้เช็คอินล่วงหน้า ผมก็กรอกข้อมูลไปตามปกติ ตรงนี้สามารถเลือกที่นั่งขาไปญี่ปุ่นได้แล้ว ผมก็เลือกริมหน้าต่างฝั่งซ้าย ซึ่งจะได้เห็นฟูจิซังอยู่ลิบๆ ตามรูปด้านบนครับ
วันที่ 2 ตุลาคมวันเดินทาง ผมไม่ได้ปริ้นบรอดดิ้งพาส ก็เข้าช่องโหลดกระเป๋าแล้วเอาบรอดดิ้งพาสที่แคปไว้ให้ดู พนักงานก็ปริ้นบรอดดิ้งพาสปกติให้
ตรงนี้สามารถเลือกได้ว่าจะรับกระเป๋าเดินทางที่สนามบินหน่อยบัยที่ฮานอย หรือ Check Thru ไปรับที่ฮาเนดะเลยก็ได้ครับ
ซึ่งผมเลือก Check Thru ไปเลยเพราะจะไปนอนรอที่เกตที่เดียวไม่ผ่าน ตม.
พอผ่านเข้ามาเข้ามาในเกทเกิดหิวน้ำขึ้นมา มองซ้ายขวาแต่ละร้าน น้ำเปล่าก็แพงระยับ ไม่ต่ำกว่า 30 บาท ตู้กดน้ำฟรีก็ไม่เย็น
ก็เลยแชทถามพี่ที่บินบ่อยๆ เค้าบอกว่าให้ไป Boots มีน้ำขายถูกๆ ก็เดินไปดู เจอจริงๆ น้ำ 8 บาท 10 บาท รอดตัวไป
ตรงนี้คือถ้าเดินไปทางเกทโซน F ก็จะอยู่ขวามือตรง 4 แยกครับ เห็นง่ายๆ
พระเอกของเราเลี้ยวเข้างวงช้างตอนเกือบๆ 6 โมง ตรงนี้มีที่ชาร์จโทรศัพท์ แต่ต้องยืนเฝ้านะครับ ผมก็ยืนเล่นไป คนก็เริ่มเยอะขึ้นเรื่อยๆ
พอ 6 โมงกว่าก็เริ่มบรอดดิ้งครับ เนื่องจากเป็นเครื่องบินลำเล็กใช้เวลาไม่นานก็เสร็จ
ผมได้ที่นั่ง 19D เป็นที่นั่งหลังที่นั่งของ Cabin crew เลยมีที่สบายขึ้นอีกหน่อย สำหรับที่วางอาหารก็จะอยู่ที่วางแขนซ้ายมือครับ
พอเทคออฟได้ 10 กว่านาที สัญญาณรัดเข็มขัดดับ ผมนี่วิ่งเข้าเข้าห้องน้ำก่อนเลย พอเดินกลับก็ขอภาพรวมของห้องโดยสารสักรูป
สำหรับเที่ยวบินขาสั้นก็จะมีแค่จอรวมด้านบน แสดงตำแหน่งของเครื่องบินเฉยๆครับ
หลังจากนั้นอีกสักพัก ก็ถึงเวลาที่รอคอย ตอนเสริฟ พี่สจ๊วตจะถามว่ารับเป็นปลาหรือไก่ครับ แต่ฟังยากมาก ได้ยินว่าฟิชๆ ก็เอาไว้ก่อน
อร่อยสมคำร่ำลือจริงๆ หมดเกลี้ยง ยกเว้นกล้วยครับ เก็บไว้กะจะกินรอเครื่องคืนนี้
อ้อ เครื่องดื่มก็ขอได้ปกติ ผมสั่งไวน์ขาวมาแก้วนึง พี่ข้างๆ สั่งไวน์แดงกับน้ำเปล่าทีเดียวไปเลยก็สะดวกคนบริการดี
ทานข้าวเสร็จก็จะมีแอร์เดินถามว่ารับชามั้ย ก็ไม่พลาด เป็นชาร้อนๆ ธรรมดาครับ จะใส่มะนาวฝานก็ได้
สามทุ่มนิดๆ เครื่องก็แลนด์ลงตรงเวลาที่สนามบินโหน่ยบัย ฮานอย วิ่งไปตามแท๊กซี่เวย์สักพักก็จอด มองออกไปไม่เห็นเกท โอเค นั่งรถต่อ
ผมไม่ได้รีบอะไร เดินลงมาเหมือนจะออกไปคันนึงแล้ว แต่สุดท้ายคันนี้ก็เต็มเอี้ยดเหมือนกัน
หันหลังกลับไปมอง ขอบคุณที่มาส่งถึงที่โดยสวัสดิภาพครับ สวยเหมือนกันนะเนี่ย
พอลงจากรถมา เดินไปตามทางเรื่อยๆ จนถึงตรง ตม. ก็เดินไปถามเจ้าหน้าที่ เค้าก็ถามว่าจะออกไปข้างนอกหรือรอข้างใน ผมก็เลือกรอ
เค้าก็ให้คูปองอาหารเช้ามา 1 ใบ แล้วชี้ทางให้เราเดินเข้าเกทไปเลย ตรงนี้มีเจ้าหน้าที่สนามบินตรวจบรอดดิ้งพาส กับ พาสปอร์ต อีกทีครับ
บรรยกาศในเกทครับ ยังไม่ดึกมาก มีคนคึกคักและร้านขายอาหาร ของฝากมากมาย รับเงิน บาท เยน ดอลลาร์ นะครับ แต่ทอนเป็นเงินดองเท่านั้น
Bánh mì 5 USD คิดเป็นเงินเยน 500 กว่าเยน จ่ายแบงค์ 1,000 เยน ได้ทอนเป็นเงินดอง งงไปอีก
อิ่มแล้วก็ไปหาที่นอน ตอนแรกอุ่นใจเห็นคนรอเยอะแยะเลย ที่ไหนได้ ตื่นมาอีกทีไปอินชอนกันหมดแล้ว
โธ่ นึกว่าจะอยู่เป็นเพื่อนกัน
สรุปคืนนั้นอยู่เกือบจะคนเดียว ทั้งเกท ตั้งแต่ตี 3 ถึง 6 โมง นอนก็ไม่ค่อยหลับกลัวของหาย
พอ 6 โมงเช้าก็เอาคูปองไปแลกอาหารเช้า พนักงานดูหน้าหงิกๆประมาณนึง เหมือนจะเช้าไป แต่ก็ถามว่าจะรับเป็นข้าวผัด หรือ ข้าวต้ม
ก็เลือกข้าวผัดไป กับเป๊ปซี่อีก 1 กระป๋อง
ไม่อร่อยครับ ไหม้เกรียมกะทะไปหน่อย เลยคลุกซอสพริกกินไปจนหมดครับ หรือนี่คือปกติของเวียดนามนะ
พอเกือบ 7 โมง คนเริ่มมาแน่นเกท ฝนเจ้ากรรมก็เริ่มตก หนักขึ้นๆ จนชักกลัว พระเอกของเราก็เข้ามาเทียบงวงช้าง
วิวจากสนามบินโหน่ยบัยก็สวยนะ เป็นทิวเขาในสายหมอกอยู่ลิบๆ
ไม่รู้เพราะฝนรึเปล่าแต่คราวนี้บรอดดิ้งค่อนข้างช้า เกือบจะได้เวลาเทคออฟแล้ว ถึงเพิ่งได้ขึ้นเครื่อง แต่ไม่นานก็เสร็จ
ที่นั่งก็โอเคครับ ผมตัวใหญ่แต่ก็ยังมีที่เหลือให้ยืดขาได้สบายๆ
คราวนี้มีเอนเตอเทนเมนท์ครบพร้อมรีโมทถอดออกมาได้
สำหรับไฟล์ทนี้ ตอนเทคออฟถือว่าโหดร้ายที่สุดเท่าที่เคยนั่งเครื่องบินมาเลยครับ เพราะว่าฝนตกด้วย
ช่วงไต่ระดับนี่ตกหลุมอากาศใหญ่ 3-4 ครั้ง แต่ละครั้งลง วูบ วูบ จนคลื่นไส้จะเกือบไม่ไหว ได้แต่หลับตาขอให้พ้นไปเร็วๆ
พอไต่ระดับได้สักพัก เหล่า Cabin crew ก็เดินแจกเมนู สำหรับไฟล์ทนี้เป็นอาหารเช้า ดูแล้วฝั่งอาหารญี่ปุ่นน่ากินกว่าเยอะเลย เลยขอเป็นแบบญี่ปุ่นไป
ตอนแรกที่เสริฟมายังคลื่นไส้อยู่ กินลงแต่ผลไม้ก็เฉยๆ พอเริ่มกินลงก็ลองออร์เดิฟเต้าหู้ กับ หัวไชเท้าต้ม จืดมาก ไม่ชอบ
ส่วนข้าวกับไก่ เปรี้ยวๆหวานๆ อร่อยใช้ได้ กินกับหัวไชเท้าดองซึ่งเปรี้ยวมาก กัดคำเดียวกินข้าวหมด ผักดองเหลือ
เครื่องดื่มคราวนี้ขอน้ำแอปเปิ้ล กับน้ำเปล่า แล้วก็กาแฟหลังจากทานข้าวเสร็จ
หูฟังที่ทางสายการบินแจกครับ เสียงอู้อี้มาก ถ้ามีหูฟังของตัวเองเอาไปเสียบดีกว่า แต่ไม่มีบลูทูธนะครับ
เสร็จแล้วก็นั่งดูหนัง มีหนังใหม่ๆเช่น Avengers: Endgame และ Aladdin แต่ก็ดูไม่จบ หลับไปซะก่อน
ตื่นขึ้นมาอีกทีตอนที่แอร์เดินแจกใบเข้าเมือง หันไปทางซ้ายก็เจอฟูจิซึงอยู่ลิบๆ
เนี่ยแหละ เห็นแค่นี้ก็เอา เพราะที่แพลนไว้ทั้งทริปคราวนี้ก็คงไม่ได้เห็น
หลังจากนั้นก็หลับยาว ตื่นมาอีกทีก็แลนดิ้งแล้ว ก่อนเวลาเล็กน้อย
เกทอยู่ไกลจาก ตม.มากครับ ขนาดเดินบนทางเลื่อนยังเหนื่อย แต่ก็ได้ผ่านเข้าไปเที่ยวสมใจ
จบแล้วครับ สำหรับขาไป กรุงเทพฯ ฮานอย ฮาเนดะ
สำหรับขากลับ และเรื่องระทึกใจ โดนน้องสุนัขตำรวจจู่โจมระหว่างรอกระเป๋าที่ฮาเนดะไว้มาต่อพรุ่งนี้ครับ
สำหรับวันนี้ขอตัวไปนอนก่อน สวัสดีครับ
(แก้ไขพิมพ์เวลาถึงสนามบินฮาเนดะผิด)
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้