...............................................
กลุ่มเจ้าสัวเจริญ-กองทุนสิงคโปร์ GIC กวาดกำไรไม่ตํ่ากว่า 1.92 หมื่นล้านบาท และ 1,837 ล้านบาท หุ้น AWCขึ้นเหนือจอง 13% หลัง GIC ควัก 1.38 หมื่นล้านบาทเข้าถือหุ้นใหญ่ 7.4%
การเคลื่อนไหวของหุ้นบริษัทแอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ AWC ได้ปรับขึ้นปิดสูงสุด 6.80 บาท เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม ก่อนที่สุดสัปดาห์จะปิดที่ 6.60 บาท จากราคาไอพีโอ 6.00 บาท โดยเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯวันแรกเมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2562 และปิดที่ราคา 6.05 บาท การที่หุ้น AWC ช่วง 1 สัปดาห์ปรับขึ้น 10 -13% ส่วนหนึ่งยังมาจากการเข้าซื้อของ
นักลงทุนสถาบัน รวมถึงกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติของสิงคโปร์ หรือ GIC PRIVATE LIMITED โดยแบบรายงานการได้มา/จำหน่ายหลักทรัพย์ของกิจการ (แบบ 246-2) ของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) พบว่าเมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2562 มีรายงานการได้มาของหุ้น AWC โดยกลุ่ม GIC PRIVATE LIMITED จำนวนหลักทรัพย์ที่ได้มาคิดเป็น 2,296.75 ล้านหุ้น สัดส่วน 7.4191% ในราคาหุ้นละ 6.00 บาท เป็นมูลค่าการลงทุน 13,780.15 ล้านบาท ซึ่งเป็นการจองซื้อผ่านบริษัทเมอร์ริน ลินช์ (สิงคโปร์)
ทั้งนี้โครงสร้างผู้ถือหุ้น AWC ณ วันที่ 8 ตุลาคม 2562 ประกอบด้วยกลุ่มครอบครัวนายเจริญ สิริวัฒนภักดี ถือรวมกัน 23,992 ล้านหุ้น สัดส่วน 77.5% ของทุนจดทะเบียนที่เรียกชำระแล้ว (บจก. ทีซีซี กรุ๊ป อินเตอร์เนชั่นแนล ลิมิเต็ด ถือหุ้นอันดับ 1 สัดส่วน 29.27%, เจริญ สิริวัฒน-ภักดี สัดส่วน 25.12% , คุณหญิงวรรณา สิริวัฒนภักดี สัดส่วน 19.77%), MERRILL LYNCH
(SINGAPORE) PTE. LTD. ถือ 7.76%, UBS SECURITIES PTE. LTD. ถือ 5.29% และ MORGAN STANLEY & CO.INTERNATIONAL PLC ถือ 0.62%
ราคาหุ้นที่ปรับขึ้นส่งผลให้มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market Cap) ณ วันที่ 17 ตุลาคม มีมูลค่ารวม 210,508 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก ณ ราคาไอพีโอ 24,766 ล้านบาท ขณะที่หุ้นที่ถือโดยกลุ่มครอบครัวนายเจริญ สิริวัฒนภักดี มีมูลค่าเพิ่มขึ้นราว 1.44 -1.92 หมื่นล้านบาท ส่วน GIC PRIVATE เพิ่ม 1,378- 1,837 ล้านบาท
นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.)เอเซีย พลัสฯ กล่าวกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่าเหตุที่ราคาหุ้น AWC ปรับขึ้นต่อ ทั้ง ๆที่ราคาพื้นฐานแพง เนื่องจากมีกลไกที่ทำให้เกิดดีมานด์ 2 เรื่องคือ 1. กลไกของการใช้สิทธิซื้อหุ้นคืนจากกรีนชู (ส่วนที่จัดสรรเกิน 1,043 ล้านหุ้น) และ 2. การให้นํ้าหนักการลงทุนเพิ่มของนักลงทุนสถาบัน เนื่องจากโควตาที่ได้รับการจัด
สรรช่วงทำไอพีโอ อาจไม่เพียงพอที่จะทำให้ AWC อยู่ใน SET 50 จึงมีดีมานด์จากกลุ่มนักลงทุนสถาบันเพิ่ม
นายกิจพณ ไพรไพศาลกิจ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์และนักกลยุทธ์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย)ฯ กล่าวว่า หุ้น AWC ถือว่า เตรียมความพร้อมและมีการบริหารจัดการมาดี โดยเฉพาะสัดส่วนของนักลงทุนประเภทต่างๆ จากเดิมที่กระจายสัดส่วนให้กับนักลงทุนสถาบันต่อรายย่อย 75 : 25 เปลี่ยนเป็น 85 : 15 หุ้นส่วนใหญ่จึงอยู่ในมือนักลงทุนสถาบัน อีกทั้งกลไกการซื้อหุ้นคืนจากกรีนชู มีส่วนช่วยให้ราคาหุ้นยืนเหนือจอง
https://www.thansettakij.com/content/412410
เจริญ-GIC ฟันกำไรAWC กวาด 2 หมื่นล้าน
กลุ่มเจ้าสัวเจริญ-กองทุนสิงคโปร์ GIC กวาดกำไรไม่ตํ่ากว่า 1.92 หมื่นล้านบาท และ 1,837 ล้านบาท หุ้น AWCขึ้นเหนือจอง 13% หลัง GIC ควัก 1.38 หมื่นล้านบาทเข้าถือหุ้นใหญ่ 7.4%
การเคลื่อนไหวของหุ้นบริษัทแอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ AWC ได้ปรับขึ้นปิดสูงสุด 6.80 บาท เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม ก่อนที่สุดสัปดาห์จะปิดที่ 6.60 บาท จากราคาไอพีโอ 6.00 บาท โดยเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯวันแรกเมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2562 และปิดที่ราคา 6.05 บาท การที่หุ้น AWC ช่วง 1 สัปดาห์ปรับขึ้น 10 -13% ส่วนหนึ่งยังมาจากการเข้าซื้อของ นักลงทุนสถาบัน รวมถึงกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติของสิงคโปร์ หรือ GIC PRIVATE LIMITED โดยแบบรายงานการได้มา/จำหน่ายหลักทรัพย์ของกิจการ (แบบ 246-2) ของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) พบว่าเมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2562 มีรายงานการได้มาของหุ้น AWC โดยกลุ่ม GIC PRIVATE LIMITED จำนวนหลักทรัพย์ที่ได้มาคิดเป็น 2,296.75 ล้านหุ้น สัดส่วน 7.4191% ในราคาหุ้นละ 6.00 บาท เป็นมูลค่าการลงทุน 13,780.15 ล้านบาท ซึ่งเป็นการจองซื้อผ่านบริษัทเมอร์ริน ลินช์ (สิงคโปร์)
ทั้งนี้โครงสร้างผู้ถือหุ้น AWC ณ วันที่ 8 ตุลาคม 2562 ประกอบด้วยกลุ่มครอบครัวนายเจริญ สิริวัฒนภักดี ถือรวมกัน 23,992 ล้านหุ้น สัดส่วน 77.5% ของทุนจดทะเบียนที่เรียกชำระแล้ว (บจก. ทีซีซี กรุ๊ป อินเตอร์เนชั่นแนล ลิมิเต็ด ถือหุ้นอันดับ 1 สัดส่วน 29.27%, เจริญ สิริวัฒน-ภักดี สัดส่วน 25.12% , คุณหญิงวรรณา สิริวัฒนภักดี สัดส่วน 19.77%), MERRILL LYNCH (SINGAPORE) PTE. LTD. ถือ 7.76%, UBS SECURITIES PTE. LTD. ถือ 5.29% และ MORGAN STANLEY & CO.INTERNATIONAL PLC ถือ 0.62%
ราคาหุ้นที่ปรับขึ้นส่งผลให้มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market Cap) ณ วันที่ 17 ตุลาคม มีมูลค่ารวม 210,508 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก ณ ราคาไอพีโอ 24,766 ล้านบาท ขณะที่หุ้นที่ถือโดยกลุ่มครอบครัวนายเจริญ สิริวัฒนภักดี มีมูลค่าเพิ่มขึ้นราว 1.44 -1.92 หมื่นล้านบาท ส่วน GIC PRIVATE เพิ่ม 1,378- 1,837 ล้านบาท
นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.)เอเซีย พลัสฯ กล่าวกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่าเหตุที่ราคาหุ้น AWC ปรับขึ้นต่อ ทั้ง ๆที่ราคาพื้นฐานแพง เนื่องจากมีกลไกที่ทำให้เกิดดีมานด์ 2 เรื่องคือ 1. กลไกของการใช้สิทธิซื้อหุ้นคืนจากกรีนชู (ส่วนที่จัดสรรเกิน 1,043 ล้านหุ้น) และ 2. การให้นํ้าหนักการลงทุนเพิ่มของนักลงทุนสถาบัน เนื่องจากโควตาที่ได้รับการจัด สรรช่วงทำไอพีโอ อาจไม่เพียงพอที่จะทำให้ AWC อยู่ใน SET 50 จึงมีดีมานด์จากกลุ่มนักลงทุนสถาบันเพิ่ม
นายกิจพณ ไพรไพศาลกิจ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์และนักกลยุทธ์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย)ฯ กล่าวว่า หุ้น AWC ถือว่า เตรียมความพร้อมและมีการบริหารจัดการมาดี โดยเฉพาะสัดส่วนของนักลงทุนประเภทต่างๆ จากเดิมที่กระจายสัดส่วนให้กับนักลงทุนสถาบันต่อรายย่อย 75 : 25 เปลี่ยนเป็น 85 : 15 หุ้นส่วนใหญ่จึงอยู่ในมือนักลงทุนสถาบัน อีกทั้งกลไกการซื้อหุ้นคืนจากกรีนชู มีส่วนช่วยให้ราคาหุ้นยืนเหนือจอง https://www.thansettakij.com/content/412410