แปลกนะที่ผมก็ยังไม่ค่อยเชื่อเรื่องผีเจอมาขนาดนี้ ผมยังไม่อยากเชื่อสิ่งที่ผมเห็น แต่ผมก็ไม่เคยลืมเหตุการณ์ตอนนั้นเลย

ผมสงสัยมานานแล้ว สิ่งที่ผมเห็น
   คือผมเกิดและอยู่สุโขทัยจนอายุ 13 และย้ายไปอยู่ที่อุบลฯ จนถึงตอนที่เกิดเรื่องผมอายุ 17 ตอนที่ผมเรียนอยู่ ม.6 ที่บ้านในจังหวัดอุบลฯ มีเพื่อนผมคนนึงที่ไม่ได้เรียนต่อแล้วทำงานช่วยครอบครัวแล้วก็ได้เมียตั่งแต่ตอนนั้น ไม่ค่อยได้เจอกัน พอได้ข่าวว่ามีลูกแล้วเลยว่าจะไปผูกแขนรับขวัญหลานกันตามธรรมเนียมอีสาน ไปกันทั้งหมด 6 คน ขี่รถมอเตอร์ไซค์ไปกัน 3 คัน คันละ 2 คน พอเจอกันก็ตามปกติเพื่อนกันไม่ค่อยได้เจอกัน ก็ตามประสาวัยรุ่นบ้านนอก จึงมีการต้มไก่ต้อนรับเพื่ิอนที่ไปเยี่ยมเยือน นั่งกินกันผูกแขนหลานเสร็จประมาณ 4 ทุ่ม กว่าๆ ก็พากันกลับ เห็นพ่อเพื่อนเอาตะกรุดให้เพื่อนคนนึงที่มาด้วยกันก่อนกลับ แล้วบอกให้รีบขับรถข้ามสะพานไม้ไปเพราะดึกแล้ววันนี้เป็นวันแรมเดือนมืด ให้คนที่ขับนำหน้าสุดมีตะกรุด แล้วไม่ได้อธิบายต่อว่าทำไมเพราะอะไรถึงให้คนมีตะกรดขับรถนำ แต่พวกผมเข้าใจในความหมายดีว่าต้องเป็นเรื่องที่ไม่อยากจะคิดตอนกลางคืนแน่ 
   ต้องอธิบายก่อนว่าทางที่ไปหาเพื่อนนั้น เป็นทางดินทราย เป็นทางยาวหลายกิโลเลย พอสุดทางทรายจะมีสะพานไม้แล้วถึงจะเป็นทางลูกลังเข้าทางหลังเมรุเผาศพวัดป่าก่อนถึงหมู่บ้าน นี่คือทางขากลับ(ขามาไม่ได้เล่าขออภัย) 
   พอได้เวลากลับ ก็เตรียมตัวสตาร์ทรถ แล้วตกลงกันว่าจะรอกัน เพราะผมไม่รู้จักทางเเถวนี้เนื่องจากไม่ได้อยู่ตั้งแต่เด็กยิ่งเดือนมืดยิ่งหลงแน่ๆ แต่พอเริ่มออกรถ แหม..ไอ้คนขับนำไปแบบลืมวัวลืมควายกันเลยที่เดียว ไอ้คันที่ 2 ก็ไม่แพ้กัน ยังกับจะรีบไปช่วยกันจับควาย ผมเห็นแบบนั้นรีบบิดออกตัวตามไปกะว่าจะตามให้ทันเพราะเป็นคันสุดท้าย แต่ด้วยความไม่ชินทางผมกับเพื่อนอีกคนที่นั่งมาด้วยกันก็ตามพวกนั้นไม่ทัน ผมเลยบอกเพื่อนว่า "งั้นค่อยๆ ขับไปละกันเนาะ" เพื่อนก็อือออไป พอขับมาได้ซักระยะนึง ก็เห็นรถขับตามหลังมา ผมก็นึกอุ่นใจขึ้นมาหน่อย ว่ามีเพื่ิอนร่วมทางเพิ่มผมจึงหันไปคุยกับเพื่อน "มีคนเข่าบ้านด้วยพอดีเลย ขับตามหลังแบบนี้ดีหน่อยจะได้ไม่เสียวหลัง" เพื่อนผมมันจับเสื้อผมแน่นเลยแต่ไม่ได้พูดอะไร แต่เหมือนคันหลังนั้นเปิดไฟสูงแยงตาผมไปหน่อย ผมเลยบอกเพื่อนว่า "หันไปบอกคันหลังหน่อยให้เปิดไฟต่ำเพราะมันแสบตามองทางยาก" เพื่อนผมมันก็พูดขึ้นมา "ไม่มีๆ" ผมก็งง "ไม่มีอะไรของ" มันไม่ตอบได้แต่บอก "ขับเร็วๆเลยเร็วๆ" เลยบอกมันไป "ขับเร็วไม่ได้มันแยงตาแสบตานี่ไง" มันก็บอกมาอีกว่า "ไม่มีๆ" ผมก็เห้ยอะไร เลยบอกมันไปอีกแต่รอบนี้ผมหันไปข้างหลังนึดนึงเพื่อจะคุยกะเพื่อนว่าให้มันบอก แต่พอหันมาผมก็แปลกใจ เพราะไม่มีไฟรถมาส่องตรงหางตาเลยจากด้านหลัง เพราะปกติถ้าเปิดไฟสูงจนไฟส่องกระจกสะท้อนมาถึงตาขนาดนี้ ต้องเห็นอยู่แล้ว ผมเลยเบรคและหันไปดูให้เต็มตา "ไม่มี.. " ผมเลยรีบหันมองกระจก มืด... ไม่มีอะไรเลย มืดมากๆ ผมคิดอะไรไม่ออกรีบสับเกีร์ยรถอย่างเร็วพยามยามบิดไปให้เร็วแต่เวรกรรม ขับไปติดทางดินทรายร่วน ส่ายไปส่ายมา ขับเร็วก็ล้ม ขับช้าน้ำตาก็จะไหล เพื่อนผมมุดใต้เสื้อผมจากด้านหลังปล่อยให้ผมมองเห็นอะไรๆ ที่ต้ิงเจอตลอดทางอยู่คนเดียว ผมพยามยามขับเร็วเท่าที่จะทำได้ ขับไปสักพักก็เจอเถียงนาน้อยหลังนึงตั้งอยู่โดดๆหลังเดียวเถียงนามืด เหมือนไม่มีใคร ผมไม่คิดจะอยากมองเข้าไปเพราะกลัวมากตอนนั้น แต่ตาก็ดันไปมองเห็นเหมือนผู้ชายนั่งถือปืนแก๊บยาวิยูตรงบันไดทางขึ้นเถียงนาผมพยามทำใจคิดคงเป็นคนแถวบ้านมายิงนกแต่..ทำไมไม่เปิดไฟ พอความคิดเริ่มสับสนผมก็เร่งเครื่องเร็วขึ้นอีกนึดเพื่อให้รีบไปให้พ้นๆ พอพ้นบ้านมาสักพักใกล้จะถึงสะพานไม้แล้ว มองเห็นเงาสะพานมืดๆ อยู่ข้างหน้าตามแสงไปรถ แต่มันมีบ้านอีกหลังก่อนถึงสะพาน มีเถียงนาอีกหลังเป็นเถียงนาที่เหมือนสร้างไม่เสร็จ รอบนี้ผมคิดแล้วว่ายังไงจะไม่มองเข้าไป แต่เหมือนเดิม รอบนี้ชัดมาก เพราะเถียงนาอยู่ติดทาง เห็นเงาคนห้อยคอกับเชือกตรงขื้อกลางเถียงนา ผมน้ำตาไหลพรากเลย พอดีกับสุดทางดินทรายร่วน เจอดินทรายทางแข็งผมรีบบิดขึ้นสะพานโดยไม่สนพระสนเจ้าและนาทีนั้น บิดมาตามทางเข้าหมู่บ้านผ่านเมรุมาแบบไม่ลืมหูลืมตามรีบไปบ้านเพื่อนที่อยู่ใกล้ๆทันที ผมไม่ได้กลับบ้านเลยวันนั้นรีบเข้าบ้านนอนบ้านเพื่อนกันทันที
   พอเช้ามาพ่อแม่เพื่อนเห็นว่าผมนอนกับลูกชายแกจึงถามว่าไม่ได้กลับบ้านหรอ ผมรีบบอกไม่กล้ากลับครับเมื่อคืน แล้วก็เล่าทุกอย่างที่เจอมาอย่างละเอียดยิบเลย แกก็บอกว่า วันปกติเขาก็ไม่มีใครผ่านกันหรอกทางนั้น นี่เป็นวันพระเดือนมืดอีก แกเล่าว่า ตรงทางหน้าแถวๆ ซอยเข้าเถียงนาเพื่อนมีเมาขับรถตอนดึกๆ แบบนี้แหละ ขับรถเร็วมากเพราะเป็นทางดินทรายร่วน เลยล้มหัวไปแทงตอไม้แห้งขอบทางตายสมองไหลเลย เเล้วเถียงนาหลังแรกที่เห็นมันเป็นเถียงนาของเพื่อนแก เพื่อนแก แกชอบยิ่งหนู แล้วเหมือนใกล้หน้าหนาวแกก็เอาปืนมาลองยิงแต่มันยิงไม่ออก เพราะเป็นปืนแก็บแบบไทยที่ใส่ลูกด้านปากกระบอก แกคงเห็นว่าสับนกปืนไปแล้วแต่ปืนไม่ลั่น เหมือนแกประหมาดเลยหันปลายกระบอกปืนมาหาตัวเองแล้วใช้สากตำดินปืนแหย่ๆแล้วส่องดูหรือยังไงไม่รู้ แต่ปืนลั่นใส่เบ้าตาแก ลูกตะกั่วแล้วก็สากตำดินปืนทะลุเข้าสมองแกตายคาหัวบันไดเถียงนาทันที บ้านอีกหลัง เป็นผู้หญิงที่ผัวไปมีเมียน้อย ปล่อยให้อยู่คนเดียว เลยคิดสั้นผูกคอตายที่นั่น ผมพอได้รู้เรื่องเข้า เลยคิดว่าจะไปไปที่นั่นตรงทางเส้นนั้นอีกแน่ในชีวิตนี้ แต่ทุกวันนี้ผมก็ยังไม่อยากจะเชื่อเรื่องพวกนี้ เพราะผมคิดว่าผมอาจจะคิดไปเอง หรือ ผมแค่หลอน และบังเอิญไปตรงกับพ่อเพื่อนผมเล่าพอดี แค่นั้นเองมั๊ง...ใครจะเชื่อก็เชื่อนะในสิ่งที่เล่าไม่เชื่อก็แล้วแต่ ผมแค่อยากระบาย  
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่