ปลื้มปิติกับการชนะยูเออี และ การตอบด้วยความน่าเชื่อถือและการกระทำ

กระทู้สนทนา
ประการแรกต้องขอแสดงความยินดีกับทีมชาติตัวเอง มากๆ มีความสุขมากๆ ที่ได้เห็นการเล่น ที่ตอบได้เต็มปากว่า ไม่ได้ฟลุ้คแน่นอน ไม่ได้ขลุกขลิก เข้าประตู เรามีการเข้าทำที่ชัดเจน อาจจะไม่คมระดับเอเชีย หรือ โลก ที่ยิงโบ๊ะ ตาข่ายซวบเข้า แต่มันก็มีความหวังและเป็นเรื่องราวกว่าแต่ก่อนมากมาย
   
   และมีบางอย่างไม่ได้ไปพาดพิง แต่ผมมองเห็นชัดเลยว่า ติกิตากา ที่เราเคยมี มันยังมีบางอย่างไม่เป็นรูปแบบ สากลเท่านี้ ยกตัวอย่างเช่นการเล่นเป็นกลุ่ม ตอนนั้นดูใช้ความฟิตของนักเตะเยอะมาก การยื้อครองบอล ใช้แรงเยอะมาก แถมต้องพึ่งพานักเตะ ที่แบกทีม ค่อนข้างเยอะ แต่ตอนนี้ มันเฉลี่ยกัน เน้น รูปทรง และการชิ่ง ยังยึดโยงตำแหน่ง ที่ไม่ได้หลุดออกจากพื้นที่ แล้วเน้น แต่โชว์ ต่อบอล ยกตัวอย่างนะครับ เมื่อก่อน มีแมตช์นึงที่เสมอ อิรัก 2-2 แล้ว มงคล วิ่งเข้าฮอสขลุกขลิกเข้า
   
   มีจังหวะต่อบอลที่เราเคยคิดว่าสวย แต่ พอมานั่งดู มันต่างกับตอนนี้ ตอนนั้น คือ ชอ่งสั้นเป็นกลุ่ม วิ่งซ้ายไปทางเดียวกัน 4-5 คน โดย ไม่ได้ รักษา เชปของทรงทีม เท่านี้ ตอนนี้ก็ชิ่งนะ แต่ มันยังอยู่บน ฐาน ตำแหน่งใครตำแหน่งมัน สลับกันไม่มาก ไม่วิ่งเข้ามาชิดจนเกินไป และ ห่างจน เพื่อนลำบาก และ อีกอย่างคงมีส่วนที่มันทำให้ เฉลี่ยความเหนื่อยในการตั้งรับ อายุน้อยลงมาช่วยบีบ กลางก็เบาลง แบ้คขยัน หลังก็ ดักทางง่ายขึ้น มันก็เป็น โดมิโนกันไป อันนี้ ความรู้บ้านๆที่มีมอง
ไปที่ รูปเกมส์ ตามจริงที่ตนเห็นนะครับ

   มีไม่เยอะหรอกไปดูเทปได้ ที่ ถ้าเจอทีมเอเชีย จะมีการเข้าทำที่ เป็น เรื่องราวแบบนี้ อย่างโค้ชโต้ย ผมขออณุญาติชื่นชม ลูกนึงคือ เจอ บาห์เรน แต่มันก็แฉลบ และ เจ ยิงด้วยความสามารเฉพาะตัว แต่หลังจากนั้น ดูไทย คิดอะไรไม่ออกเลย เวลาขึ้นไปบุก ไม่มีนัดหมาย ไม่มีมุขแก้ หรือเริ่มต้น อาศัย ฟิต แล้วตั๊นท์ เท่านั้น ผมก็เลยไม่แปลกใจว่าทำไมแกถูกถอดไปภายหลัง (คหสต คิดว่ามีส่วนว่ากึ๋นยังไม่พอ)

   และ ท้ายสุด อันนี้ ก็ อย่ามองผมในแง่ร้ายนะครับ
ผมมองว่า เด็กบ้านเรา จะนับถือ ผู้ใหญ่ ที่มีชื่อเสียงหรือ เคยพิสูจน์อะไรมาจับต้องได้ หรือ เรียกว่า พระเดช บารมี สมัยก่อนนี้โค้ชซิโก้ ต้องบอกว่า ซื้อใจนักเตะได้ เหมือน ขุนศึก สามารถทำให้คนกล้ายอมตายแลกเพื่อความจงรัก แต่ปัจจุบัน เราได้มากกว่านั้นครับ

    ดีกรีที่ทหารทุกคนยอมรับ มันก็ซื้อใจได้ แต่ ที่ไปได้มาากกว่าคือ ใส่ความบุ๋นแบบ ขงเบ้งเข้ามาด้วย
คือ มีทั้ง พระเดช พระคุณ นอกจากซื้อใจแล้ว “กลยุทธ์” เป็นสิ่งที่นิชิโนะ มีมากกว่าที่เราเคยมีมาในตัวโค้ชทุกคน ไม่งั้นเราคงไม่ได้เห็น ธีรศิลป์ โหม่งเข้าทำได้เป็นรูปแบบ ขนาดนี้ มันต้องมีการฝึกนัดแนะ และ สามารถย่อยให้นักเตะจำได้ง่ายใช้ได้เลย หมายความว่า โค้ช ต้องคิดมาแล้วว่าระดับนี้ต้องบอกอย่างไร แก้อย่างไร ความฟิต เอกนิษฐ์ไม่ถึง ติวเข้มแยกอย่างไร

   บอกได้แค่ว่าการไม่ได้ไปบอลโลก หรออ ได้ไปหนนี้ ไม่สำคัญเท่า การเดินมาถูกทาง หากใช่เพราะ ชนะ ยูเออี ผมเลยปากกล้า ออกตัวแรง แต่ผม ขอเป็นคนหนึ่งที่ยืนยันว่า วิธีการก้วยต่างหากที่ทำให้ผมมั่นใจ แมตช์เจอมาเลเซียก็อาจไปแพ้ ลูกยัดโยน โหม่งเขาก็ได้นะ เราก็มักแพ้ทางแบบนั้น แต่ผมมั่นใจว่า โค้ชเริ่มมีเวลามากพอ มันอาจจะแพ้ก็ได้ แต่มันจะยากกว่าการไม่มีวิธีการ หรือ รูปแบบที่สามารถออกแบบ ก่อนไว้ได้ว่า เราตั้งใจจะทำแบบนี้ ท่องจำเลยนะ แพ้ก็ยังแพ้เพราะ เราอ่านหนังสือ ทำข้อสอบ เก็งข้อสอบ ไม่ใช่ก็ใกล้เคียง

  แมตช์เดือนหน้าที่จะเจอเวียดนาม สิ่งที่น่าตื่นเต้นมากกว่าผลแพ้ชนะคือ เราจะได้ดูเกมส์ ที่สมศักดิ์ ฝศรี แบะ สนุกแน่นอน มันแก้กันด้วย วิธีการ และ รูปแบบ มากกว่า ทิฐิ และ กำลังไปแล้ว คลาสบอลเราขยับแล้ว ที่เหลือ อยู่ที่นักเตะ ว่าใครสามารถ ทำได้ตามที่วางไว้ได้แค่ไหน
  
  แต่ของขวัญวันนี้คือ การแซวตลกร้ายของ นิชิโนะ
หับพวกเราว่า”นี่คือการแข่งขันที่พวกคุณคิดไว้อยู่แล้วใช่ไหม”

   สำหรับผม ผมว่าเขาสื่ออ้อมแซวเหน็บนะ ว่า บ้านเรา ทัศนคติ ยังติดลบมากไป คือ ไม่กล้าคิดที่จะเป็นผู้ชนะ
อะ ชั้นมาทให้เห็นละนะ สัมภาษณ์ อีกเป็น นัยยะ ว่า
“คนไทย ยังไม่กล้าฝัน และ มุ่งมั่นกับมัน พอใจแค่ที่มี แต่เราต้องไม่หยุด”

  มันบอกเลยว่า เขาเข้ามา เขาเรียนรู้แก่น แล้ว ไปแก้ที่ต้นเหตุ มันไม่ใช่แก้ที่ปลายเหตุ ที่มาบอกว่า วิ่งกันหน่อย ช่วยกันรับ ถ้าใจ นักเตะไม่วิ่ง และ ไม่เปิด

  แต่นิชิโนะ สะกิดว่า พวกนายคิดว่านายแพ้ นายคืดว่าเสมอก็ดี มันจบตั้งแต่คิด

ไม่งั้นชาติพัฒนาแล้วหลายชาติ จะบอกเหรอว่า ที่สำคัญ คือ “ทัศนคติ” หันหน้าไปถูกทิศ เดินล้มบ้าง ช้าบ้าง ก็ยังถึง หันไปผิดทางขยันเดิน ก็ยิ่งผลง

แม้แต่ผม ยังไม่กล้าคิดเท่าไรเลยก่อนเตะ ว่า จะชนะ
“ยูเออี” บ้านเราอาจจะขี้กลัว ขี้กังวล เยอะกว่าคนมั่นใจและกล้าคิดนอกกรอบ

  มันก็เลยไม่แปลกที่คนไทยที่เก่งมากๆ มักจะอยู่บ้านเราไม่ได้ แต่ออกไปเกิดต่างแกนกังทั่วโลก แต่ถ้าอยู่ไทย อาจจะเจอทัศนคติครอบงำ เล่นพรรคพวก เพราะคนขี้เกียจมันย่อมเยอะกว่าคนขยัน คนกลัวเสียพื้นที่ตนเอง

  ของดีไทยมีอยู่เยอะ โค้ชคีย์บอร์ดอาจทำร้ายสังคมได้ แต่ผมว่าไม่เท่า โค้ชที่ไม่ได้จบไลเซ่น แล้ว ทำร้ายเด็กโดยการยัดเยียดให้ไปเตะ ผิดๆถูกๆ แล้ว จดจำอะไรที่ไม่เป็นสากล ไอ้ที่ดีก็มี ที่เสียก็เยอะ จนของดีดีอาจจะเสียก่อนเดินทางมาถึง ถ้าไม่ได้ โชคดี ไปเรียน jmg แบบรุ่นเจ หรือ ได้พ่อแบบลุงจุ้ง ผมก็เคยโทรคุยกับคุณพ่อเจ ก็ ได้ถามไรได้แนวคิดที่สัมผัสได้ ถึงคนรักบอล จริงๆ

  ที่น่าห่วงคือ ทัศนคติครับ อีกหน่อย เราจะพัฒนาจนต้องไปเปลี่ยนทัศนคติ พวกบอลเดินสาย สายนักเลงบางพวก ให้หมดไป เพื่อชาติไทย ยุคใหม่ ตาม ซามูไร จริงๆ

ทิ้งท้ายของท้ายอีกนิด เราชนะ ยูเออี ก็สุดยอดละ แต่..... เราน้องรอดู เจอ มาเลเซีย เวียดนามนอกบ้านเราอีกทีครับ เพราะ ยูเออี ไม่ได้เพรส ดุดันเท่าเวียดนาม แต่ถึงยังงั้นก็เถอะ บอลเราพัฒนาที่ต้นเหตุ ผลลัพธ์ ยังไงก็แล้วแต่ แต่วิธีการ ทุกคนจะไม่ได้เห็นความแพ้ ที่ หงอ แล้ว ไม่สู้ ไม่มีรูปแบบ อีกต่อไป แน่นอน
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่