คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 11
เราก็เป็นลูกเจ้าของกิจการขนาดSME ตอนเข้ามาแรกๆก็ลำบากเพราะคนไม่ค่อยเชื่อฟังกันเท่าไร
เป็นลูกเจ้าของแล้วมาสืบต่อ เราต้องเรียนรู้งานเป็นทุกอย่าง ต้องเป็นตั้งแต่ ยกของจนถึงดูแลเอกสาร แล้วเราต้องเป็นอย่างคล่องมากด้วย ถ้าไม่มีเขาเราก็ทำได้ ถ้าเราทำไม่เป็น เขาก็จะรู้สึกว่าเราต้องง้อเขาตลอดเวลา เราเข้ามาถ้าแบบไหนคิดว่าเปลี่ยนแล้วดีขึ้นได้ก็ค่อยๆเปลี่ยนแล้วลูกค้าควรอยู่ในมือเราให้หมด การพบป่ะ การต่อรอง การบริการ ทุกอย่างควรอยู่กับเรา
เป็นลูกเจ้าของแล้วมาต่อคือการทดสอบความสามารถ ความอดทนเราโดยเฉพาะ เรื่องที่เราไม่เป็น ก็จะต้องเป็น ไม่มีข้อแม้ใดใดทั้งสิ้น เปิดประตูก็เรา คนสุดท้ายปิดประตูก็เรา ทำงานดึกกว่าก็เรา พอเริ่มอยู่ตัวแล้วอะไรๆก็จะดีขึ้น ลูกน้องก็มีมามีไปนะ ต่อไปคนรับมาใหม่ก็จะเป็นคนของเราเอง
เป็นลูกเจ้าของแล้วมาสืบต่อ เราต้องเรียนรู้งานเป็นทุกอย่าง ต้องเป็นตั้งแต่ ยกของจนถึงดูแลเอกสาร แล้วเราต้องเป็นอย่างคล่องมากด้วย ถ้าไม่มีเขาเราก็ทำได้ ถ้าเราทำไม่เป็น เขาก็จะรู้สึกว่าเราต้องง้อเขาตลอดเวลา เราเข้ามาถ้าแบบไหนคิดว่าเปลี่ยนแล้วดีขึ้นได้ก็ค่อยๆเปลี่ยนแล้วลูกค้าควรอยู่ในมือเราให้หมด การพบป่ะ การต่อรอง การบริการ ทุกอย่างควรอยู่กับเรา
เป็นลูกเจ้าของแล้วมาต่อคือการทดสอบความสามารถ ความอดทนเราโดยเฉพาะ เรื่องที่เราไม่เป็น ก็จะต้องเป็น ไม่มีข้อแม้ใดใดทั้งสิ้น เปิดประตูก็เรา คนสุดท้ายปิดประตูก็เรา ทำงานดึกกว่าก็เรา พอเริ่มอยู่ตัวแล้วอะไรๆก็จะดีขึ้น ลูกน้องก็มีมามีไปนะ ต่อไปคนรับมาใหม่ก็จะเป็นคนของเราเอง
ความคิดเห็นที่ 6
ลูกน้องบางคนพออยู่นานนิสัยเดิมก็จะออกมาครับ วิธีแก้จะต้องข่มให้อยู่ ถึงจะทำงานร่วมกันได้ ถ้าเอาไม่อยู่ก็จะจองหองอยู่อย่างนี้ และอาจหนักข้อขึ้นเรื่อยๆครับ
วิธีแก้ คุณควรนำปัญหานี้ปรึกษาพ่อแม่ดู หากพ่อจะไปเตือนเขา คุณบอกว่าไม่ต้องดีกว่า พ่อเตือน ถึงเขาจะฟัง แต่คนนิสัยเช่นนี้ถึงฟังก็จะทำงานร่วมกันยาก จะสร้างความมึนตึงต่อกัน ทางที่ดี คุณพยายามเรียนรู้งานให้มากขึ้น ประมาณ 60-70% ของกิจการ จากนั้นก็หาโอกาสพูดกับเขา ในทำนองว่า พ่ออายุก็มาก และต้องรับภาระกิจการอื่นด้วย ทางนี้พ่ออาจจะให้ฉันดูแล ฉันเห็นว่าน้าทำงานมานาน อายุก็มาก หากฉันดูแลที่นี่ ฉันอาจจะให้น้าพัก แล้วหาคนรุ่นใหม่มาทำแทน คุณพูดทิ้งไว้แค่นี้ก่อน ต่อไปให้เขาคิดเอง แล้วคุณก็ทำตัว ยิ้มแย้มแจ่มใสเหมือนไม่รู้ไม่ชี้ครับ
หากวิธีนี้ไม่ได้ผล ต้องหาวิธีที่หนักกว่านี้ ถ้าเอาไม่ไหวจริง ก็คงต้องให้เขาไปทำอย่างอื่นกับพ่อของคุณครับ
วิธีแก้ คุณควรนำปัญหานี้ปรึกษาพ่อแม่ดู หากพ่อจะไปเตือนเขา คุณบอกว่าไม่ต้องดีกว่า พ่อเตือน ถึงเขาจะฟัง แต่คนนิสัยเช่นนี้ถึงฟังก็จะทำงานร่วมกันยาก จะสร้างความมึนตึงต่อกัน ทางที่ดี คุณพยายามเรียนรู้งานให้มากขึ้น ประมาณ 60-70% ของกิจการ จากนั้นก็หาโอกาสพูดกับเขา ในทำนองว่า พ่ออายุก็มาก และต้องรับภาระกิจการอื่นด้วย ทางนี้พ่ออาจจะให้ฉันดูแล ฉันเห็นว่าน้าทำงานมานาน อายุก็มาก หากฉันดูแลที่นี่ ฉันอาจจะให้น้าพัก แล้วหาคนรุ่นใหม่มาทำแทน คุณพูดทิ้งไว้แค่นี้ก่อน ต่อไปให้เขาคิดเอง แล้วคุณก็ทำตัว ยิ้มแย้มแจ่มใสเหมือนไม่รู้ไม่ชี้ครับ
หากวิธีนี้ไม่ได้ผล ต้องหาวิธีที่หนักกว่านี้ ถ้าเอาไม่ไหวจริง ก็คงต้องให้เขาไปทำอย่างอื่นกับพ่อของคุณครับ
แสดงความคิดเห็น
เป็นลูกเจ้าของกิจการ แต่คนงานไม่ค่อยเกรงใจ กลัวมีปัญหาถ้าวันหนึ่งต้องเข้ามาดูแลกิจการอย่างจริงจัง
สร้างมาได้ยังไม่ถึง 5 ปีหรอกค่ะ และรอเราเรียนจบเพื่อมาสานต่อกิจการของเขาที่สร้างไว้ให้ และถึงตอนนี้
เราเรียนจบและเริ่มจะมาสานต่อพ่อแม่ ปัญหาเริ่มเกิดขึ้นมานิด ๆ ตรงที่มีพนักงานคนนึงอยู่มาตั้งแต่สร้างกิจการแรก ๆ
พ่อเลยให้เป็นหัวหน้า เขาทำงานดี ทำงานเก่ง ขยัน มีความรับผิดชอบสูง ซึ่งถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดีมากคนนึง
แล้วเราก็ให้เกียรติเขา ไปลามาไหว้ตลอดตั้งแต่แรก ๆ ที่กิจการเริ่มขึ้นมา เราจะเรียกเขาว่าน้าตลอด
พอเราเข้ามาทำงานอย่างจริงจัง เราเริ่มรู้สึกว่าเขาทำเหมือนเป็นเจ้าของกิจการเราซะเอง ทำตัวเหมือนมีอำนาจ
เหนือกว่าเรา แต่เขาจะไม่ทำตอนพ่อเราอยู่นะคะ เหมือนเขาก็เกรงใจพ่อแม่เราอยู่ แต่เราไม่คิดไรมากค่ะ
เพราะคิดว่านี่คือการเรียนรู้งาน แล้วเราก็ไม่ได้เก่งไปกว่าน้าคนนี้ พอหลัง ๆ เขาเริ่มสั่งเราเยอะขึ้นค่ะ
เช่น ตะโกนให้เราเดินไปหาเขาบ้าง หรือ ไม่ก็สั่งให้เราไปหยิบของนู่นนี่ให้เขา ซึ่งมันบ่อยมาก
บางครั้งเราถามอะไร เช่น ลูกค้ามาซื้ออะไรหรือทำอะไรค่ะน้า? (ถามด้วยน้ำเสียงดี ๆ เลยนะคะ) เขาไม่ตอบค่ะ
และก็พูดขึ้นลอย ๆ เหมือนบ่นกับตัวเองว่า 'พวกที่นั่งอยู่ ก็ไม่สนอะไรเลย' และคือเรากับแม่นั่งอยู่ในออฟฟิศค่ะ
และเราพึ่งเดินออกไปช่วงลูกค้าเดินเข้ามาแล้ว เพราะเราพึ่งเห็นค่ะ เรางงเลยค่ะ คิดในใจเขาว่าเราหรือ
คนงานคนอื่น ถ้าว่าเรา เราก็ขอโทษในใจที่ออกมาตอนรับลูกค้าช้า จนหลาย ๆ ครั้ง คนงานคนอื่นที่เป็นญาติเรา
มาพูดกับเราว่าต่อไปถ้าพี่จะคุมคนพี่ต้องโหดกว่านี้นะ พี่ต้องแข็งกว่านี้นะ (พ่อเราเป็นคนแข็งค่ะ ประเภทพูดน้อยต่อยหนัก)
คนงานคนอื่นให้เกียรติเราในฐานะที่เราเป็นลูกเจ้าของกิจการค่ะ และจะเป็นเจ้าของสืบทอดต่อจากพ่ออีกที
เราเครียดมากค่ะ ถ้าเราต้องมาสืบต่อกิจการโดยไม่มีพ่อแล้ว เราจะเอาคนงานอยู่รึป่าว?
มันอาจจะเป็นที่เราเองที่อ่อนเกินไปหรือเราไม่เก่งเท่าเขา อยากได้คำปรึกษา วิธีแก้ไขปัญหา
เพิ่มเติมค่ะ พ่อเรามีอีกงานที่ต้องดูแลค่ะ คุมงานอีกที่ เลยไม่ค่อยได้อยู่ดูแลกิจการทางนี้ เลยอยากให้เราเข้ามาดูแลทางนี้ แบ่งเบาภาระงานเขาอะค่ะ คนงานพ่อคนนี้ถือว่าสำคัญอยู่ค่ะ เพราะช่วงที่เรายังเรียน แล้วพ่อต้องออกไปดูงานตามไซต์งาน
ก็ฝากฝั่งคนงานคนนี้ได้อยู่ค่ะ ดีทุกอย่าง ยกเว้นเรื่องที่เขาวางอำนาจเหนือกว่าเราเรื่องเดียวค่ะ แต่มันมีผลต่อมุมมองคนงานคนอื่นค่ะ เลยกังวลนิดหน่อย
(เราเข้ามาดูแลการเงิน บัญชี คุยกับลูกค้าค่ะ แต่ด้านงานช่างเราไม่ค่อยรู้เรื่องค่ะ)