ฮัลโหลลล ! สวัสดีทุกคน
มายาเพิ่งกลับจากไปเที่ยว อินโดนีเซียน โบรโม่ – คาวาอีเจี้ยน -บาลี (1 ทริป 7 วัน)
ทริปนี้ มายา ประทับจิต ประทับใจ มากก จนอดไม่ไหวที่จะลองเขียนรีวิวดู สักครั้ง ! คิดว่าอย่างน้อย
คงต้องมีใครอยากรู้บ้างแหละ
(ปล. บอกไว้ก่อนว่า ภาพถ่าย อาจไม่สวยเท่าของจริงนะ เพราะ ไม่ได้เป็นโฟโต้กราฟเฟอ แนะนำให้มาเห็นด้วยตาตัวเอง ดีกว่าแน่นอนนน)
ตอนแรกเราก็ไม่รู้จักหรอกว่า ประเทศอินโดนีเซีย เนี่ยย นอกจากบาหลี แล้วมันยังมีอะไรให้เที่ยวอีก
จุดเริ่มต้นของทริปนี้ ก็เกิดขึ้น เมื่อเราทะลึ่งดันกดทักแชทไปหาคนๆนึง ที่วันๆเค้าเอาแต่โพสรูป ภูเขาลูกหนึ่ง
ในมุมที่ไม่ซ้ำกันในแต่ละวัน และภาพเหล่านั้นมันสวยมากก ในความรู้สึกเราคือมันแปลกตา และน่าสนใจ
มันทำให้อยากรู้ว่าที่นั่นคือที่ไหน เมืองอะไร และต้องไปอย่างไง ? และเรื่องราวทั้งหมดก็เกิดดขึ้นน
หลังจบบทสนทนา ก็ตัดสินใจไป ชวนเพื่อน จองตั๋ว ลางาน
แล้วเราก็ได้อีตา Sonny นี่แหละมาเป็นไกด์ ให้เราตลอดทั้งทริป
(ในเรื่องของราคาส่วนตัวเราว่าโอเคนะ รวมค่าที่พัก ค่ารถ ค่าน้ำมัน ค่าคนขับ ค่าทางด่วน บริการคือดี น่ารัก
นิสัยนางจะกวนทีนน ฮาาา มาก พูดไทยได้บ้าง )
เราเลือกเดินทางมากับเพื่อนสนิท อีก 1 คน (ปล.ไม่ใช่แฟนนะเพื่อน)
ไกด์ก็บอกว่าถ้าเดินทางมาไม่เยอะ ตัวหารก็จะน้อย ค่าทริปก็อาจจะสูงหน่อยนะ
แต่เราก็โอเคแล้วละ
ใครมีเพื่อนชวนไปเยอะๆนะ ยิ่งเยอะยิ่งถูก นางลด แหลกแจกแถม
เราเลือกเดินทางจาก ดอนเมือง – กัวลาลัมเปอร์ > กัวลาลัมเปอร์ - ซูราบายา
ไม่มีไฟล์บินตรง แนะนำให้จองตั๋วที่ไปถึง สนามบินจูอันดา (ซูราบายา) ก่อนเที่ยงจะดีมาก เพราะเมื่อเราไปถึงแล้วต้องเดินทางอีก
สักพักใหญ่ๆเพื่อเข้าที่พัก ที่ใกล้ๆกับโบรโม่ (จะได้มีเวลานอนเพราะหลังจากนี้การนอนจะไม่ใช่เพื่อนของเราอีกต่อไป.....)
เรามาถึงประมาน 4 ทุ่ม : ระหว่างทางพวกเราก็ ขับรถ ร้องเพลง สอนภาษาไทย-อินโด เต้น แกล้งกัน หลอกผี
ลิปซิงค์ประกอบเพลง สอนอีตาไกด์ร้องเพลง อุ้ยๆๆ โอ้ยๆๆ (ครางชื่ออ้ายแน่)
พอมาถึงที่พักอากาศหนาวๆหน่อย นางก็บอกว่า ต้องกิน “นู๊ดเดิ้ล วิท ชิคเก้น !” พวกเราก็ อ่ออ
“เตี๋ยวไก่ !!!” และนี่ก็คือ “เตี๋ยวไก่ แบบฉบับโบรโม ...เอออ อร่อยอ่ะแกร 9/10
กินเสร็จแล้วก็เข้าที่พัก ห้องก็ประมาณนี้ไม่แย่ ไม่ต้องคิดมาก เพราะตอนนี้
จะเที่ยงคืนแล้ว มีเวลาหลับตาแค่ 2 ชม.
พรุ่งนี้ ตี 2 เจอกันจ้า รถ Jeep จะมารับพวกเราตั้งแต่ ตี 2
(มายา เขียนคิ้วนอนเลยจ้า ตี 2 ตื่นมาพร้อมไปได้เลย ฮ่าๆ)
อีมายา ตื่น !! ตี 2 แล้ว เสียงเพื่อน ปลุกด้วยใจที่กลัวว่าเราจะไม่ตื่น 555
พอลุกขึ้นมา พร้อมเดินทางไปได้เลยยยย (เขียนคิ้วรอไว้ล๊าว)
เริ่ม !!!
รถ Jeep มารับเราตามเวลา แต่เช้า มีรถ Jeep เต็มไปหมด นักท่องเที่ยวขับรถไปทางเส้นทางเดียวกัน
แต่ในตอนนั้น 2 ข้างทางคือมืดมากๆ มองไม่เห็นอะไรนอกจากแสงไฟจากหน้ารถที่ไหล ตามกันมาเป็นสาย
เมื่อเรามาถึงตอนนั้นน่าจะประมาณ ตี 4 หนาว มาก ลมแรง เบอร์สุดด
หนาวจน หน้าชา ปากชา ขาชา ไอ่นั่นก็ชา 555
ระหว่างที่รอดู แสงแรกของพระอาทิตย์ ทุกคนก็แวะที่ร้านกาแฟ
หลบลมหนาว ผิงไฟ กินชา กินกาแฟ กินมาม่า กันไป
ทุกคนคือดูหนาวมาก ใส่หมวก ใส่ถุงมือ เสื้ออย่างหนา ปิดหน้า ปิดจมูก
และนี่ก็คือพวก เรา !! แฮร่ๆ
ฉดฉื่นน 555
(ตาไกด์ Sonny ตอนที่ยังไม่รู้ชะตากรรมตัวเองว่าต้องเจอวีรกรรมอะไรจากพวกเราบ้าง 555 )
พอใกล้จะเช้า พระอาทิตย์เริ่มมา ท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนเป็นสีส้ม เราย้ายมานั่งอีกร้าน ที่เป็นกระจกรอบๆ
ทำให้เราเห็นวิวพระอาทิตย์ขึ้น และไม่ต้องไปยืนตาก ลมแรงๆ
(ร้านนี้อยู่ในสุดเลย เดินเข้าไปร้านสุดท้ายก่อนถึงจุดชมวิว)
พระอาทิตย์ค่อยๆ ขึ้นมาทีละนิดช้าๆ ให้เราค่อยๆมองความสวยงามไปเรื่อยๆ
(ปกติเราใช้ชีวิตในเมือง ไม่เคยตื่นเช้า ตื่นมาก็รีบอาบน้ำ ขับรถไปทำงานให้ทัน ไม่ค่อยมีอารมณ์มานั่งมองพระอาทิตย์ขึ้นแบบนี้หรอก
แต่ Feel นี้โค่ตได้เลย ไม่ต้องคิดอะไร ไม่ต้องพูดอะไรมาก แค่เสพย์บรรยากาศรอบๆ มองออกไปสุดสายตา บางทีชีวิตมันก็ต้องการแค่นี้จริงๆ)
เมื่อฟ้าสว่างเต็มที่เราก็อึ้งกับ วิวที่ปรากฏอยู่ตรงหน้า เห้ยยยยย ! เมิงสวยมากกเลยว่ะ เหมือนหลุดมาโลกอีกใบ
มันเหมือนในรูปถ่ายที่กุเห็นในเฟสของ อีตา Sonny เลย สวยจริงไม่จกตาว่ะ !
จากจุดที่เรายืนอยู่ คือ Kingkong hill มองไปตรงนู่นนจะเห็นภูเขาไฟโบรโม และนั่นแหละคือที่ถัดไปที่เราจะ
เห็นตรงที่คนเยอะๆนั่นมั้ย ? นั่นคือ View point เห็นภูเขาไฟโบรโม่ ได้ชัดที่สุด
จากนั้นพวกเราก็เบียดเซียดยัดเยียด ตัวเองผ่านคนนับ 100 เพื่อจะมาถ่ายรูป ตรงเน้ !!!!
(นี่แหละคือภาพที่ทำให้มายาดั้นด้นมาถึงทีนี่ มันคุ้มซะยิ่งคุ้มอีกว่ะ)
สักพักเราก็ได้ยินเสียง Sonny ตะโกนเรียก ว่าให้ตามนางไปนางมี “ซีเคร็ท เพลส ...” อ่าวว ได้ดิ่
พวกเราวิ่งตามนางไปทันที ทั้งปีน ทั่งป่าย ทั้งทางชัน ทางลื่น ที่สำคัญคือลมแรงงง ตัวนี่จะปลิว
ต้องฝากชีวิตไว้กับไกด์ นางก็ดีนะทั้งลาก ทั้งจูง ขึ้นไม่ไหวนางก็ช่วยดันตูด 55555 ให้เรา ตลกมากอ่ะ !
และนี่ก็คือ “วิว ออน ทอป” ของที่นี่ โอโห้ มันว้าวว มากก
(ไม่มีทัวร์จีน ไม่วุ่นวาย มีแต่นักท่องเที่ยวแบล็กแพ็ค แล้วก็พวกช่างภาพที่มารอถ่ายรูปอยู่บนนี้)
เห็น วิว แบบไม่มีอะไรมาขวางกั้นสายตา ถ่ายรูปแบบไม่ต้องติดใคร และเท่าที่ดูไม่มีไกด์ท้องถิ่นคนไหน
มาลูกทัวร์ขึ้นมาเลยนะ มีแต่อีตาSonny ไกด์ เราเท่านั้น จริงๆจ้า ปรบมือ !!! แปะๆๆ
ชมวิว ถ่ายรูปกันจนสะใจแล้วก็ลง ค่ะ
นี่คือเส้นทางเดินลง ชมวิวสวยๆไปตลอดทั้งทาง ที่เห็นโบกมือ หยอยๆ อยู่ข้างหลังก็คือไกด์จ้ะ นางอารมณ์ดี ชิวสุดๆ
เดินไม่ไกลสักแป๊บเดียวก็ถึงที่จอดรถ ขึ้นรถไป ที่ภูเขาไฟโบรโม
(อันนี้ ความโหดเพิ่ม x 2 เท่าไปเลยจ้าตอนแรกคิดว่าจะชิว .. ไม่เชื่อคอยดูผลงานของพวกเราน้ะ)
ระหว่างทางที่จะไปภูเขาไฟโบรโม่ ก็จะผ่านทะเลทรายสีดำๆ กว้างสุดสายตา
นางก็จะจอดให้เราถ่ายรูป คู่กับรถ Jeep เท่ๆ
** ต้องใส่ผ้าปิดปาก ปิดจมูก ปิดหู และแว่นตาตลอดนะเอาติดไว้เลย เป็นฝุ่นตลอดทาง
และเมื่อมาถึง ตามที่เราได้ต่อรองกับ ไกด์ไว้ก่อนที่จะมาแล้วนั้น ว่าเราขอ ขี่ม้าด้วยนะ
แนะนำขี่ม้าเหอะจริงๆ เก็บแรงไว้เดินบนปากปล่องภูเขาไฟนู่นนน
ม้าจะรอเราอยู่ที่ข้างล่าง ความยากต่อจากนี้ คือแกต้องปีนขึ้นไปที่ปากปล่องภูเขาไฟด้วยลำแข้งของแกเองล้วนๆ
พื้นเป็นทรายล่วนๆ ลื่นง่ายมาก ไม่มีราวกั้น ต้องระวังลื่นถ้าตกลงไป บาย บ้าย โลกเลยจ้า
ในที่สุด ถึงแล้ว ปากปล่องภูเขาไฟ (ภูเขาไฟโบรโม คือเค้ายังไม่ดับนะ ยังมีชีวิต พ่นควันออกมาตลอดเวลา
ชาวบ้านแถวนี้ก็จะมีนำของมาบูชา เพราะเชื่อว่าเป็น ลมหายใจของเทพเจ้า)
โค่ดสวยยยย ยิ่งใหญ่ อลังการ และแฝงไปด้วยอันตราย ! มันคุ้มค่ามากกกกอ่ะ ที่ได้มายืนตรงนี้
(ของจริงสวยกว่าในรูป x 100000 เท่า) บอกเลยว่ายังมีแรง มีเวลา มีความกล้า จงรีบมา ! สุดดจริง
เสร็จแล้วก็ถึงเวลาลง เราใช้เวลาบนปากปล่องภูเขาไฟนานไปหน่อยเลยลงมาสายเกือบ 10 โมงเช้า
ช่วงสายลมจะแรง ทำให้ฝุ่นคลุ้งเต็มไปหมด
ที่สำคัญอย่าลืม !!! ผ้าปิดปาก ปิดจมูก นะ พี่เตือนแล้ววววนะ ! 555
และนี่คือ สภาพ....ของพวกเราเมื่อมาถึงที่รถ “อีมายา หน้าไปโดนอะไรมา !? 555”
“หน้าก็ด้วย 555 “ จมูกดูสันเป็นคม เส้นผมก็ทำไฮไล๊ท์ !!!! จ้า
(ที่มายา น้ำตาไหลนี่คือ ขำหนักมาก ขำทั้งหน้าตัวเอง ขำทั้งหน้าเพื่อน และอีตาไกด์กับคนขับรถก็มานั่งขำเราอีกที 555)
เสร็จจากนี้แล้ว ก็กลับโรงแรม อาบน้ำ ทานอาหารเช้า - แล้วก็ไปต่ออ
ที่คาวาอีเจี้ยน นี่แค่วันแรกนะ
แล้วเจอกันต่อ ที่คาวาอีเจี้ยน น้ะ
ฝากติดตาม ฝากแชร์ให้ด้วยนะคะ กราบบ ขอบพระคุณค่า
Ps.
- ทริปนี้ไม่ได้ค่าสนับสนุนจากใครทั้งสิ้น
- จ่ายเองทุกบาททุกสตางค์
- ดีบอกว่าดี ไม่ดีบอกว่าไม่ดี
-อย่าลืมเลือกรองเท้าดีๆไปด้วยนะเพราะเดินหนักมาก
-ควรแลกเงินดอลล่าที่ไทย แล้วมาแลกอินโดนีเซียรูเปียได้เรทดีกว่า (ช่วง ตุลาคม 62)
ใครอยากไปเที่ยว ติดต่อไกด์เดียวกับพวกเรา ทักไปเลย
(อยากได้อะไร ไปที่ไหน ขอไปเยอะๆ ที่สำคัญอย่าลืมต่อรองราคานะจ้ะ)
Line ID: sonnyfamily
Email : sonnyyanuar2@gmail.com
Facebook : Sonny Yanuar
https://www.facebook.com/sonny.yanuar.71" rel="nofollow" >
https://www.facebook.com/sonny.yanuar.71
Bromo-Ijen Indonesia Oct 2019 (>_<) มายาวีหนีเที่ยววว
มายาเพิ่งกลับจากไปเที่ยว อินโดนีเซียน โบรโม่ – คาวาอีเจี้ยน -บาลี (1 ทริป 7 วัน)
ทริปนี้ มายา ประทับจิต ประทับใจ มากก จนอดไม่ไหวที่จะลองเขียนรีวิวดู สักครั้ง ! คิดว่าอย่างน้อย
คงต้องมีใครอยากรู้บ้างแหละ
(ปล. บอกไว้ก่อนว่า ภาพถ่าย อาจไม่สวยเท่าของจริงนะ เพราะ ไม่ได้เป็นโฟโต้กราฟเฟอ แนะนำให้มาเห็นด้วยตาตัวเอง ดีกว่าแน่นอนนน)
จุดเริ่มต้นของทริปนี้ ก็เกิดขึ้น เมื่อเราทะลึ่งดันกดทักแชทไปหาคนๆนึง ที่วันๆเค้าเอาแต่โพสรูป ภูเขาลูกหนึ่ง
มันทำให้อยากรู้ว่าที่นั่นคือที่ไหน เมืองอะไร และต้องไปอย่างไง ? และเรื่องราวทั้งหมดก็เกิดดขึ้นน
(ในเรื่องของราคาส่วนตัวเราว่าโอเคนะ รวมค่าที่พัก ค่ารถ ค่าน้ำมัน ค่าคนขับ ค่าทางด่วน บริการคือดี น่ารัก
นิสัยนางจะกวนทีนน ฮาาา มาก พูดไทยได้บ้าง )
ไกด์ก็บอกว่าถ้าเดินทางมาไม่เยอะ ตัวหารก็จะน้อย ค่าทริปก็อาจจะสูงหน่อยนะ
แต่เราก็โอเคแล้วละ
ใครมีเพื่อนชวนไปเยอะๆนะ ยิ่งเยอะยิ่งถูก นางลด แหลกแจกแถม
ไม่มีไฟล์บินตรง แนะนำให้จองตั๋วที่ไปถึง สนามบินจูอันดา (ซูราบายา) ก่อนเที่ยงจะดีมาก เพราะเมื่อเราไปถึงแล้วต้องเดินทางอีก
สักพักใหญ่ๆเพื่อเข้าที่พัก ที่ใกล้ๆกับโบรโม่ (จะได้มีเวลานอนเพราะหลังจากนี้การนอนจะไม่ใช่เพื่อนของเราอีกต่อไป.....)
ลิปซิงค์ประกอบเพลง สอนอีตาไกด์ร้องเพลง อุ้ยๆๆ โอ้ยๆๆ (ครางชื่ออ้ายแน่)
จะเที่ยงคืนแล้ว มีเวลาหลับตาแค่ 2 ชม.
พรุ่งนี้ ตี 2 เจอกันจ้า รถ Jeep จะมารับพวกเราตั้งแต่ ตี 2
(มายา เขียนคิ้วนอนเลยจ้า ตี 2 ตื่นมาพร้อมไปได้เลย ฮ่าๆ)
พอลุกขึ้นมา พร้อมเดินทางไปได้เลยยยย (เขียนคิ้วรอไว้ล๊าว)
รถ Jeep มารับเราตามเวลา แต่เช้า มีรถ Jeep เต็มไปหมด นักท่องเที่ยวขับรถไปทางเส้นทางเดียวกัน
แต่ในตอนนั้น 2 ข้างทางคือมืดมากๆ มองไม่เห็นอะไรนอกจากแสงไฟจากหน้ารถที่ไหล ตามกันมาเป็นสาย
หนาวจน หน้าชา ปากชา ขาชา ไอ่นั่นก็ชา 555
ระหว่างที่รอดู แสงแรกของพระอาทิตย์ ทุกคนก็แวะที่ร้านกาแฟ
หลบลมหนาว ผิงไฟ กินชา กินกาแฟ กินมาม่า กันไป
ทุกคนคือดูหนาวมาก ใส่หมวก ใส่ถุงมือ เสื้ออย่างหนา ปิดหน้า ปิดจมูก
(ตาไกด์ Sonny ตอนที่ยังไม่รู้ชะตากรรมตัวเองว่าต้องเจอวีรกรรมอะไรจากพวกเราบ้าง 555 )
ทำให้เราเห็นวิวพระอาทิตย์ขึ้น และไม่ต้องไปยืนตาก ลมแรงๆ
(ร้านนี้อยู่ในสุดเลย เดินเข้าไปร้านสุดท้ายก่อนถึงจุดชมวิว)
(ปกติเราใช้ชีวิตในเมือง ไม่เคยตื่นเช้า ตื่นมาก็รีบอาบน้ำ ขับรถไปทำงานให้ทัน ไม่ค่อยมีอารมณ์มานั่งมองพระอาทิตย์ขึ้นแบบนี้หรอก
แต่ Feel นี้โค่ตได้เลย ไม่ต้องคิดอะไร ไม่ต้องพูดอะไรมาก แค่เสพย์บรรยากาศรอบๆ มองออกไปสุดสายตา บางทีชีวิตมันก็ต้องการแค่นี้จริงๆ)
มันเหมือนในรูปถ่ายที่กุเห็นในเฟสของ อีตา Sonny เลย สวยจริงไม่จกตาว่ะ !
จากจุดที่เรายืนอยู่ คือ Kingkong hill มองไปตรงนู่นนจะเห็นภูเขาไฟโบรโม และนั่นแหละคือที่ถัดไปที่เราจะ
เห็นตรงที่คนเยอะๆนั่นมั้ย ? นั่นคือ View point เห็นภูเขาไฟโบรโม่ ได้ชัดที่สุด
(นี่แหละคือภาพที่ทำให้มายาดั้นด้นมาถึงทีนี่ มันคุ้มซะยิ่งคุ้มอีกว่ะ)
พวกเราวิ่งตามนางไปทันที ทั้งปีน ทั่งป่าย ทั้งทางชัน ทางลื่น ที่สำคัญคือลมแรงงง ตัวนี่จะปลิว
ต้องฝากชีวิตไว้กับไกด์ นางก็ดีนะทั้งลาก ทั้งจูง ขึ้นไม่ไหวนางก็ช่วยดันตูด 55555 ให้เรา ตลกมากอ่ะ !
(ไม่มีทัวร์จีน ไม่วุ่นวาย มีแต่นักท่องเที่ยวแบล็กแพ็ค แล้วก็พวกช่างภาพที่มารอถ่ายรูปอยู่บนนี้)
มาลูกทัวร์ขึ้นมาเลยนะ มีแต่อีตาSonny ไกด์ เราเท่านั้น จริงๆจ้า ปรบมือ !!! แปะๆๆ
นี่คือเส้นทางเดินลง ชมวิวสวยๆไปตลอดทั้งทาง ที่เห็นโบกมือ หยอยๆ อยู่ข้างหลังก็คือไกด์จ้ะ นางอารมณ์ดี ชิวสุดๆ
เดินไม่ไกลสักแป๊บเดียวก็ถึงที่จอดรถ ขึ้นรถไป ที่ภูเขาไฟโบรโม
(อันนี้ ความโหดเพิ่ม x 2 เท่าไปเลยจ้าตอนแรกคิดว่าจะชิว .. ไม่เชื่อคอยดูผลงานของพวกเราน้ะ)
นางก็จะจอดให้เราถ่ายรูป คู่กับรถ Jeep เท่ๆ
** ต้องใส่ผ้าปิดปาก ปิดจมูก ปิดหู และแว่นตาตลอดนะเอาติดไว้เลย เป็นฝุ่นตลอดทาง
แนะนำขี่ม้าเหอะจริงๆ เก็บแรงไว้เดินบนปากปล่องภูเขาไฟนู่นนน
พื้นเป็นทรายล่วนๆ ลื่นง่ายมาก ไม่มีราวกั้น ต้องระวังลื่นถ้าตกลงไป บาย บ้าย โลกเลยจ้า
ชาวบ้านแถวนี้ก็จะมีนำของมาบูชา เพราะเชื่อว่าเป็น ลมหายใจของเทพเจ้า)
(ของจริงสวยกว่าในรูป x 100000 เท่า) บอกเลยว่ายังมีแรง มีเวลา มีความกล้า จงรีบมา ! สุดดจริง
ช่วงสายลมจะแรง ทำให้ฝุ่นคลุ้งเต็มไปหมด
และนี่คือ สภาพ....ของพวกเราเมื่อมาถึงที่รถ “อีมายา หน้าไปโดนอะไรมา !? 555”
“หน้าก็ด้วย 555 “ จมูกดูสันเป็นคม เส้นผมก็ทำไฮไล๊ท์ !!!! จ้า
(ที่มายา น้ำตาไหลนี่คือ ขำหนักมาก ขำทั้งหน้าตัวเอง ขำทั้งหน้าเพื่อน และอีตาไกด์กับคนขับรถก็มานั่งขำเราอีกที 555)
ที่คาวาอีเจี้ยน นี่แค่วันแรกนะ
แล้วเจอกันต่อ ที่คาวาอีเจี้ยน น้ะ
- ทริปนี้ไม่ได้ค่าสนับสนุนจากใครทั้งสิ้น
- จ่ายเองทุกบาททุกสตางค์
- ดีบอกว่าดี ไม่ดีบอกว่าไม่ดี
-อย่าลืมเลือกรองเท้าดีๆไปด้วยนะเพราะเดินหนักมาก
-ควรแลกเงินดอลล่าที่ไทย แล้วมาแลกอินโดนีเซียรูเปียได้เรทดีกว่า (ช่วง ตุลาคม 62)
ใครอยากไปเที่ยว ติดต่อไกด์เดียวกับพวกเรา ทักไปเลย
(อยากได้อะไร ไปที่ไหน ขอไปเยอะๆ ที่สำคัญอย่าลืมต่อรองราคานะจ้ะ)
Line ID: sonnyfamily
Email : sonnyyanuar2@gmail.com
Facebook : Sonny Yanuar
https://www.facebook.com/sonny.yanuar.71" rel="nofollow" > https://www.facebook.com/sonny.yanuar.71