หากสหรัฐฯมีเกาะฮาวาย ญี่ปุ่นก็มีโอกินาว่า
กลับมาอีกครั้งกับรีวิวเที่ยวต่างประเทศ ครั้งนี้ไปไม่ใกล้ไม่ไกล บินแค่ 4 ชม. เอง
.... "O K I N A W A" ....
หลายคนอาจไม่คุ้นชื่อโอกินาว่าสักเท่าไร โอกินาว่าเป็นจังหวัดที่อยู่ทางใต้สุดของญี่ปุ่น มีภูมิประเทศเป็นเกาะซึ่งมีประมาณ 160 เกาะด้วยกัน หากวัดระยะทางจะอยู่ใกล้เกาะไต้หวันมากกว่าเกาะใหญ่ของญี่ปุ่นด้วยซ้ำ เดิมเกาะแห่งนี้เป็นที่ตั้งของอาณาจักรริวกิว ก่อนที่จะถูกยึดครองและผนวกเข้าเป็นส่วนหนึ่งของจักรวรรดิญี่ปุ่น ด้วยทำเลที่ตั้งแบบนี้ทำให้โอกินาว่าได้รับอิทธิพลจากจีนซะเป็นส่วนใหญ่
โอกินาว่าเป็นที่รู้จักกันขึ้นมาเมื่อครั้งสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งสหรัฐอเมริกาได้เข้าบุกเกาะแห่งนี้ และตั้งเป็นฐานทัพเพื่อใช้สู้รบกับจักรวรรดิญี่ปุ่น หรือที่เรียกกันว่ายุทธการโอกินาว่า
สภาพอากาศของโอกินาว่าเป็นแบบร้อนชื้นคล้ายเมืองไทย ซึ่งช่วงที่ผมไป (สิงหาคม) อุณหภูมิอยู่ที่ 30 - 35 ๐C กลางวันแดดร้อน กลางคืนก็ค่อนข้างอบอ้าว จะพอมีลมพัดบ้างก็แถวๆชายทะเล ดังนั้นควรใส่เสื้อผ้าบางๆระบายเหงื่อได้ดีจะดีที่สุด ส่วนลักษณะภูมิประเทศจะเป็นภูเขาไม่ค่อยมีพื้นที่ราบ พืชพรรณส่วนมากเป็นพืชเขตร้อน เช่น อ้อย, สับปะรด เป็นต้น
ผมไปโอกินาว่าด้วยสายการบิน Peach Air สายการบิน Low Cost ของญี่ปุ่น และเป็นสายการบินเดียวที่บินตรงจากกรุงเทพ (สนามบินสุวรรณภูมิ) ไปโอกินาว่า สายการบินนี้มีเพียงวันละ 1 เที่ยวเท่านั้น ราคาตั๋วก็ถูกมากๆมีโปรโมชั่นออกมาไม่ขาดสาย ผมได้ตั๋วบินไป-กลับประมาณ 3,700 บาท เท่านั้น แต่เวลาในการเดินทางไม่ค่อยดีเท่าไรคือบินตอนกลางคืนทั้งขาไปและขากลับ ขาไปโอกินาว่าเครื่อง Take off จากสนามบินสุวรรณภูมิ เวลา 01.25 น.
เมืองหลวงของจังหวัดโอกินาว่าชื่อว่าเมืองนาฮะ (Naha) ซึ่งมีรถไฟโมโนเรลให้บริการเพียงสายเดียวเท่านั้นทั้งจังหวัด และมีเพียง 15 สถานี ดังนั้นการเดินทางในโอกินาว่าจึงถือว่าไม่ค่อยสะดวกสบายเหมือนเมืองใหญ่ของญี่ปุ่นที่มีรถไฟวิ่งไปทั่วทุกที่ แต่ก็ยังคงมีรถบัสคอยให้บริการทั่วทั้งจังหวัด คนไทยที่มาเที่ยวที่นี่จึงนิยมเช่ารถขับซะเป็นส่วนใหญ่ ส่วนผมเองก็เลือกใช้บริการรถไฟโมโนเรลและรถบัสเนื่องจากเดินทางคนเดียวซึ่งจะคุ้มกว่า
ตั๋วพาสรถไฟโมโนเรลและรสบัสผมแนะนำบัตร 3Day pass ราคา 5,500 เยน จากเว็บไซต์นี้
https://www.okinawapass.com/en/ สามารถใช้ขึ้นรถบัสได้เกือบทุกสายโดยไม่จำกัดเที่ยวเป็นเวลา 3 วัน และขึ้นรถไฟโมโนเรลได้ไม่จำกัดเที่ยวเป็นเวลา 1 วัน ซึ่งหาซื้อได้ที่ Tourist Information Center ในสนามบินนาฮะ หรือ Naha Bus Terminal Sales Office ในตัวเมืองนาฮะ ส่วนตารางเวลาเดินรถบัสทุกสายในจังหวัดโอกินาว่า ก็สามารถดูได้จากเว็บไซต์
http://www.kotsu-okinawa.org/en/index.html
หากเพื่อนๆสนใจไปเที่ยวโอกินาว่าก็ลองตามรอยผมไปในทริปนี้ได้เลย อ้อ!! ... ก่อนอื่นช่วยติดตามการรีวิวที่ผ่านมาของผมด้วยนะครับ ขอขอบคุณล่วงหน้าไว้เลย ...
Day 1 : Okinawa World, Shuri Castle, Kokusai-dori
ออกเดินทางจากสนามบินสุวรรณภูมิเวลา 01.25 น. ถึงสนามบินนาฮะ 08.00 น. (ตามเวลาที่โอกินาว่า) หลับๆตื่นๆไม่กี่อึดใจก็ถึงแล้ว อย่างแรกเลยผมไปซื้อบัตรพาสสำหรับขึ้นรถบัสและรถไฟโมโนเรลก่อนเพื่อใช้เดินทาง รถบัสในโอกินาว่านั้นมีคนใช้บริการค่อนข้างน้อย ถึงแม้จะมีที่นั่งไม่มากแต่ก็ไม่เคยนั่งเต็มสักที ในบางช่วงของการเดินทางทั้งคันมีเพียงผมที่เป็นผู้โดยสารคนเดียว นั่งจนเกือบสุดสายก็ยังไม่มีผู้คนใช้บริการสักเท่าไร การใช้บริการรสบัสก็ง่ายมากๆ เพียงโชว์บัตรพาสที่ซื้อมาให้กับพนักงานขับรถตอนขึ้นและตอนลงเท่านั้น
ส่วนรถไฟโมโนเรลก็มีคนใช้บริการพอสมควร เนื่องจากสามารถนั่งไปถึงสนามบินได้นั่นเอง
Okinawa World (620 เยน ไม่รวมค่าเข้าชมถ้ำ)
สถานที่แรกที่ผมไปก็คือ Okinawa World ซึ่งเป็นธีมปาร์คจัดแสดงประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของโอกินาว่า ค่าเข้า 620 เยน (ไม่รวมเข้าถ้ำ Gyokusendo) ที่นี่โด่งดังในเรื่องของเหล้าท้องถิ่นที่เกิดจากการดองด้วยงูฮาบุ ซึ่งเป็นงูสายพันธ์ที่มีพิษ และเจ้า "ชีซ่า" สัตว์นำโชคของโอกินาว่าที่ทุกบ้านต้องมีประดับไว้จุดใดจุดหนึ่ง ลักษณะเป็นรูปปั้นสิงโตซึ่งจะพบเห็นได้ทุกที่ในโอกินาว่า
อีกหนึ่งสิ่งที่มีชื่อเสียงก็คือการทำเครื่องปั้นดินเผา และการเป่าแก้ว ซึ่งเปิดโอกาสให้ผู้เข้าชมได้มีส่วนร่วมในการทำด้วย
ส่วนอื่นๆก็จะเป็นข้างของเครื่องใช้โบราณและของฝากต่างๆ ซึ่งมีให้ซื้อให้เลือกสรรมากมาย
ระหว่างทางมีอาการหลงบ้างนิดหน่อย เผลอหลับบนรถบัส ตื่นมาอีกทีก็รีบกดกริ่งลงทันที สรุปคือนั่งเลยป้าย!!! ผมจึงยืนรอรถบัสเพื่อนั่งย้อนกลับไป แถวๆนี้เป็นชานเมือง บ้านแต่ละหลังเงียบมากๆ แทบไม่เห็นผู้คนหรือรถเลยสักคัน ก็เลยเก็บภาพติดมาด้วย
Shuri Castle (ปราสาทชูริ) (820 เยน)
ในบรรดาปราสาททั้งหลายในโอกินาว่า ปราสาทชูริเป็นปราสาทที่มีชื่อเสียงที่สุด เคยเป็นศูนย์กลางการปกครองสมัยอาณาจักรริวกิว ถูกทำลายไปบางส่วนในสงครามโลกครั้งที่ 2 และได้รับการบูรณะขึ้นมาใหม่จนสวยงามอย่างที่เห็นในปัจจุบัน สถาปัตยกรรมของปราสาทเป็นแบบญี่ปุ่นผสมจีน จุดหลักที่มีชื่อเสียง เช่น ห้องโถงใหญ่เซอิเด็น (Seiden Main Hall), ประตูชูเรอิมง (Shureimon Gate) และประตูคังไคมง (Kankaimon Gate)
นอกจากนี้บริเวณรอบๆปราสาทยังประกอบไปด้วยสวนและทางเดินต่างๆ รวมเรียกว่า Shuri Castle Park และสามารถขึ้นไปบนป้อมปราการเพื่อดูเมืองนาฮะจากมุมสูงได้ ซึ่งตัวปราสาทชูริและบริเวณโดยรอบทั้งหมดยังได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกลำดับที่ 11 ของประเทศญี่ปุ่นอีกด้วย
Kokusai dori
จากปราสาทชูริผมกลับมาที่ถนน Kokusai Street หรือแปลเป็นไทยว่าถนนนานาชาติ ถนนสายนี้เป็นถนนคนเดินสายหลักกลางเมืองนาฮะหรือวอร์คกิ้งสตรีท มีความยาวประมาณ 2 กิโลเมตร ประกอบไปด้วยร้านรวงต่างๆมากมาย รวมถึงห้างสรรพสินค้าด้วย มีทั้งร้านอาหาร, ร้านขายของที่ระลึก, คาเฟ่, บาร์, โรงแรม รวมถึงตลาดสด ซึ่งในช่วงเย็นจนถึงหัวค่ำของทุกวันผู้คนจะเยอะมากๆทั้งสองฝั่งถนน
บริเวณหัวถนน Kokusai dori มีตึก Naha City Hall ซึ่งเป็นตึกรูปทรงสวยงาม สีขาวของตึกตัดกับสีเขียวของต้นไม้เหมาะแก่การถ่ายรูปมากๆ
ในช่วงเช้าหรือกลางวันผู้คนจะไม่ค่อยพลุกพล่านสักเท่าไร ตามซอกซอยต่างๆก็ยังคงมีร้านอาหารเปิดให้บริการมากมาย
ในช่วงหัวค่ำผู้คนจะหลั่งไหลมาเยอะมาก รวมถึงรถยนต์ที่วิ่งสัญจรไปมาอย่างไม่ขาดสาย เวลาข้ามถนนต้องข้ามตรงทางม้าลายเท่านั้นและจะมีสัญญาณไฟสำหรับคนข้ามถนนเพื่อความปลอดภัยด้วย หากมาเดินในช่วงกลางคืนก็สวยงามไปอีกแบบได้เห็นแสงสีเสียงจากร้านค้าต่างๆ
ร้านชาไข่มุกชื่อดังที่มาเปิดสาขาที่เมืองไทยอย่างร้าน KOI The ก็มีที่นี่ด้วย ร้านกาแฟชื่อดังอย่าง Starbuck ก็น่าเข้าไม่แพ้กัน ส่วนไอศครีมยี่ห้อดังอย่าง Blue Seal ที่มีขายที่โอกินาว่าที่เดียวก็ไม่ควรพลาดเป็นอย่างยิ่ง
ติดกับถนน Kokusai dori มีซอยถนนอีกแห่งหนึ่งชื่อว่า Heiwa dori ซึ่งเป็นถนนคนเดินตามสไตล์อาเขด (Arcade) แบบญี่ปุ่น เน้นขายพวกเสื้อผ้า ของฝาก ของที่ระลึก และสาหร่ายพวงองุ่น ซึ่งเป็นสาหร่ายที่มีชื่อเสียงของที่นี่
ส่วนในช่วงเช้าของถนน Heiwa dori ก็ยังไม่ค่อยมาร้านเปิดมากนัก เช่นเดียวกับถนน Kokusai dori
เดินเข้าซอยมาอีกนิดจากถนน Kokusai dori ก็จะเป็นตลาดปลา Makishi ซึ่งเป็นตลาดขายอาหารทะเลสดที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งของโอกินาว่า ที่นี่มีอาหารทะเลสดๆให้เลือกซื้อมากมายวางขายเป็นแผงคล้ายบ้านเรา สามารถเลือกซื้อเลือกหากันได้ตามใจชอบ
เดินจากถนน Kokusai dori มาเล็กน้อยแถวสถานีรถไฟ Asato มีตลาดขายอาหารสดที่มีชื่อเสียงอีกแห่งหนึ่งก็คือตลาด Sakaemachi แต่ช่วงที่ผมไปไม่ค่อยมีผู้คนมากนักเนื่องจากเป็นวันหยุด
[CR] ลุยเดี่ยวทริปแรกใน "O K I N A W A" เกาะสวรรค์แดนใต้ของญี่ปุ่น
หลายคนอาจไม่คุ้นชื่อโอกินาว่าสักเท่าไร โอกินาว่าเป็นจังหวัดที่อยู่ทางใต้สุดของญี่ปุ่น มีภูมิประเทศเป็นเกาะซึ่งมีประมาณ 160 เกาะด้วยกัน หากวัดระยะทางจะอยู่ใกล้เกาะไต้หวันมากกว่าเกาะใหญ่ของญี่ปุ่นด้วยซ้ำ เดิมเกาะแห่งนี้เป็นที่ตั้งของอาณาจักรริวกิว ก่อนที่จะถูกยึดครองและผนวกเข้าเป็นส่วนหนึ่งของจักรวรรดิญี่ปุ่น ด้วยทำเลที่ตั้งแบบนี้ทำให้โอกินาว่าได้รับอิทธิพลจากจีนซะเป็นส่วนใหญ่
โอกินาว่าเป็นที่รู้จักกันขึ้นมาเมื่อครั้งสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งสหรัฐอเมริกาได้เข้าบุกเกาะแห่งนี้ และตั้งเป็นฐานทัพเพื่อใช้สู้รบกับจักรวรรดิญี่ปุ่น หรือที่เรียกกันว่ายุทธการโอกินาว่า
สภาพอากาศของโอกินาว่าเป็นแบบร้อนชื้นคล้ายเมืองไทย ซึ่งช่วงที่ผมไป (สิงหาคม) อุณหภูมิอยู่ที่ 30 - 35 ๐C กลางวันแดดร้อน กลางคืนก็ค่อนข้างอบอ้าว จะพอมีลมพัดบ้างก็แถวๆชายทะเล ดังนั้นควรใส่เสื้อผ้าบางๆระบายเหงื่อได้ดีจะดีที่สุด ส่วนลักษณะภูมิประเทศจะเป็นภูเขาไม่ค่อยมีพื้นที่ราบ พืชพรรณส่วนมากเป็นพืชเขตร้อน เช่น อ้อย, สับปะรด เป็นต้น
ผมไปโอกินาว่าด้วยสายการบิน Peach Air สายการบิน Low Cost ของญี่ปุ่น และเป็นสายการบินเดียวที่บินตรงจากกรุงเทพ (สนามบินสุวรรณภูมิ) ไปโอกินาว่า สายการบินนี้มีเพียงวันละ 1 เที่ยวเท่านั้น ราคาตั๋วก็ถูกมากๆมีโปรโมชั่นออกมาไม่ขาดสาย ผมได้ตั๋วบินไป-กลับประมาณ 3,700 บาท เท่านั้น แต่เวลาในการเดินทางไม่ค่อยดีเท่าไรคือบินตอนกลางคืนทั้งขาไปและขากลับ ขาไปโอกินาว่าเครื่อง Take off จากสนามบินสุวรรณภูมิ เวลา 01.25 น.
เมืองหลวงของจังหวัดโอกินาว่าชื่อว่าเมืองนาฮะ (Naha) ซึ่งมีรถไฟโมโนเรลให้บริการเพียงสายเดียวเท่านั้นทั้งจังหวัด และมีเพียง 15 สถานี ดังนั้นการเดินทางในโอกินาว่าจึงถือว่าไม่ค่อยสะดวกสบายเหมือนเมืองใหญ่ของญี่ปุ่นที่มีรถไฟวิ่งไปทั่วทุกที่ แต่ก็ยังคงมีรถบัสคอยให้บริการทั่วทั้งจังหวัด คนไทยที่มาเที่ยวที่นี่จึงนิยมเช่ารถขับซะเป็นส่วนใหญ่ ส่วนผมเองก็เลือกใช้บริการรถไฟโมโนเรลและรถบัสเนื่องจากเดินทางคนเดียวซึ่งจะคุ้มกว่า
ตั๋วพาสรถไฟโมโนเรลและรสบัสผมแนะนำบัตร 3Day pass ราคา 5,500 เยน จากเว็บไซต์นี้https://www.okinawapass.com/en/ สามารถใช้ขึ้นรถบัสได้เกือบทุกสายโดยไม่จำกัดเที่ยวเป็นเวลา 3 วัน และขึ้นรถไฟโมโนเรลได้ไม่จำกัดเที่ยวเป็นเวลา 1 วัน ซึ่งหาซื้อได้ที่ Tourist Information Center ในสนามบินนาฮะ หรือ Naha Bus Terminal Sales Office ในตัวเมืองนาฮะ ส่วนตารางเวลาเดินรถบัสทุกสายในจังหวัดโอกินาว่า ก็สามารถดูได้จากเว็บไซต์ http://www.kotsu-okinawa.org/en/index.html
หากเพื่อนๆสนใจไปเที่ยวโอกินาว่าก็ลองตามรอยผมไปในทริปนี้ได้เลย อ้อ!! ... ก่อนอื่นช่วยติดตามการรีวิวที่ผ่านมาของผมด้วยนะครับ ขอขอบคุณล่วงหน้าไว้เลย ...
สถานที่แรกที่ผมไปก็คือ Okinawa World ซึ่งเป็นธีมปาร์คจัดแสดงประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของโอกินาว่า ค่าเข้า 620 เยน (ไม่รวมเข้าถ้ำ Gyokusendo) ที่นี่โด่งดังในเรื่องของเหล้าท้องถิ่นที่เกิดจากการดองด้วยงูฮาบุ ซึ่งเป็นงูสายพันธ์ที่มีพิษ และเจ้า "ชีซ่า" สัตว์นำโชคของโอกินาว่าที่ทุกบ้านต้องมีประดับไว้จุดใดจุดหนึ่ง ลักษณะเป็นรูปปั้นสิงโตซึ่งจะพบเห็นได้ทุกที่ในโอกินาว่า
ในบรรดาปราสาททั้งหลายในโอกินาว่า ปราสาทชูริเป็นปราสาทที่มีชื่อเสียงที่สุด เคยเป็นศูนย์กลางการปกครองสมัยอาณาจักรริวกิว ถูกทำลายไปบางส่วนในสงครามโลกครั้งที่ 2 และได้รับการบูรณะขึ้นมาใหม่จนสวยงามอย่างที่เห็นในปัจจุบัน สถาปัตยกรรมของปราสาทเป็นแบบญี่ปุ่นผสมจีน จุดหลักที่มีชื่อเสียง เช่น ห้องโถงใหญ่เซอิเด็น (Seiden Main Hall), ประตูชูเรอิมง (Shureimon Gate) และประตูคังไคมง (Kankaimon Gate)
จากปราสาทชูริผมกลับมาที่ถนน Kokusai Street หรือแปลเป็นไทยว่าถนนนานาชาติ ถนนสายนี้เป็นถนนคนเดินสายหลักกลางเมืองนาฮะหรือวอร์คกิ้งสตรีท มีความยาวประมาณ 2 กิโลเมตร ประกอบไปด้วยร้านรวงต่างๆมากมาย รวมถึงห้างสรรพสินค้าด้วย มีทั้งร้านอาหาร, ร้านขายของที่ระลึก, คาเฟ่, บาร์, โรงแรม รวมถึงตลาดสด ซึ่งในช่วงเย็นจนถึงหัวค่ำของทุกวันผู้คนจะเยอะมากๆทั้งสองฝั่งถนน
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้