ไหนๆ ภูมิภาคคิวชูก็ขึ้นชื่อเรื่องการคมนาคมที่ยอดเยี่ยม ครบครันด้วยระบบขนส่งสาธารณะ ไม่ว่ารถบัส รถไฟที่สามารถเดินทางท่องเที่ยวไปทั่วภูมิภาคคิวชูอย่างง่ายดาย โดยเฉพาะรถไฟขบวนพิเศษของคิวชูที่มีหลากหลายให้เลือกสรร แถมยังขึ้นชื่อว่าน่านั่งที่สุดในประเทศญี่ปุ่น สำหรับคนที่ชื่นชอบท่องเที่ยวญี่ปุ่นอยู่ การเดินทางท่องเที่ยวด้วยรถไฟก็ให้ประสบการณ์ในการเดินทางไปอีกแบบ สำหรับเกาะคิวชูซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของญี่ปุ่นเป็นเกาะที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของประเทศและเป็นภูมิภาคที่ครบครันทั้งบ่อน้ำพุร้อน ภูเขาไฟ แหล่งช้องปปิ้ง สถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ และอาหารท้องถิ่นแสนอร่อย นักท่องเที่ยวที่มาเยือนเกาะคิวชูสามารถชมทัศนียภาพของธรรมชาติทั้งภูเขา ป่าไม้ และชายฝั่งที่สวยงามของภูมิภาคนี้ได้จากหน้าต่างของรถไฟท่องเที่ยวที่มีเอกลักษณ์เฉพาะมากกว่า 10 ขบวนด้วยกัน
โดยเฉพาะ 5 เมืองที่เราเลือกมาแนะนำในคราวนี้ สามารถท่องเที่ยวด้วยรถไฟ โดยเริ่มต้นจากสถานีหลักอย่างฮากาตะ ไปทั้ง 5 เมืองแสนสะดวก เป็นทริปคิวชูเที่ยวง่าย ครบทุกรสชาติ ไม่ว่าคุณจะเป็นสายถ่ายรูป สายกิน สายมู หรือสายช้อป ทริปที่เราแนะนำนี้ตอบโจทย์คุณอย่างแน่นอน มาร่วมค้นพบทัศนียภาพและรสชาติของการเดินทางบนเกาะคิวชู ผ่านการเดินทางด้วยรถไฟที่น่าประทับใจทริปนี้ไปด้วยกันนะ พร้อมแล้วออกเดินทางสำรวจเกาะคิวชูด้วยรถไฟไปด้วยกันเลยค่ะ
โดยเราจะเดินทางกันทั้งหมด 5 เมืองนี้
1.Kitakyushu
- Mojiko Retro
- Baked Curry
- Mekari Shrine
- Kokura Castle and Castle Garden / Tea Ceremony
- THE OUTLETS KITAKYUSHU
2.Kumamoto
- Kumamoto Castle
Sakura-no-Baba Josaien
- Suizenji Jojuen Garden
- Monkey D. Luffy statue
3.Sasebo
- Fujiyama Jinja Shrine
- Jufuku-ji Temple
- Kujukushima Park
- Sasebo Burger
4.Hita City
- Hita Onsen
- Mamedamachi
- Tenryo Hita Hakimono Museum
- Attack on Titan in HITA Museum
- Hita Yakisoba
5.Fukuoka
- Uminonakamichi Seaside Park
- Hakata River Cruise
- Fukuoka Tower
- FUKUOKA YATAI Nagahama area
เริ่มต้นทริปนี้กันที่เมือง Kitakyushu 北九州市
คิตะคิวชู เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ทางตอนเหนือสุดของภูมิภาคคิวชู แปลตรงตัวได้ว่า “คิวชูตอนเหนือ” เป็นอีกเมืองในญี่ปุ่นที่มีบทบาทสำคัญในฐานะแหล่งอุตสาหกรรมหลักของคิวชู เป็นเมืองที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน นอกจากนั้นยังตั้งอยู่ใกล้เกาะฮอนชูเกาะใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น โดยมีช่องแคบคัมมงซึ่งเป็นเหมือนเป็นประตูที่เชื่อมทั้งสองภูมิภาคเอาไว้
เรามาเริ่มต้นออกเดินทางกันที่ Hakata Station นั่งรถไฟราวๆ 1 ชั่วโมง 30 นาที ก็จะถึง Mojiko Station แล้วเราก็เริ่มต้นทำความรู้จักเมืองคิตะคิวชูกันเลย
สถานีโมจิโกะ (Mojiko Station)
มาถึงคิตะคิวชูทั้งทีไม่มาที่โมจิโกะถือว่ามายังไม่ถึง เพราะสถานีแห่งนี้ตั้งอยู่ทางเหนือสุดของภูมิภาคคิวชู ตัวสถานีแห่งนี้เป็นสถาปัตยกรรมสไตล์ยุโรป และที่พิเศษคือ สถานีแห่งนี้เป็นสถานีเก่าแก่อายุกว่า 100 ปี สุดแสนคลาสสิค แถมที่นี่ยังเป็นสถานีรถไฟแห่งแรกในญี่ปุ่นที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นทรัพย์สินสำคัญทางวัฒนธรรมของชาติอีกด้วย จึงถือเป็นอีกจุดท่องเที่ยวสำคัญที่นักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกนิยมมาถ่ายรูปกัน ที่แนะนำที่นี่เพราะบริเวณใกล้เคียงนั้นมีสถานที่ท่องเที่ยวอีกมากมาย เช่น พิพิธภัณฑ์รถไฟคิวชู, อดีตอาคารโมจิมิตซุยคลับ (ห้องรับรองที่ไอน์สไตน์เคยมาพัก) พิพิธภัณฑ์ช่องแคบคังมง, ห้องชมวิวโมจิโคเรโทร, ศาลเจ้าเมคาริ เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีทั้งแหล่งรวมร้านค้า ร้านขายของฝาก และร้านอาหารที่อยู่บริเวณโดยรอบอีกด้วย
ข้อมูลเพิ่มเติม : https://www.gururich-kitaq.com/th/spot/mojiko-retoro
วิธีเดินทาง : จากสถานี Hakata Station นั่งรถไฟธรรมดา (บางขบวนอาจจะสามารถนั่งรวดเดียวถึงโมจิโค) หรือ Shinkansen แล้ว มาเปลี่ยนขบวนที่สถานี Kokura Station นั่ง Local Train ไปลงสถานี Mojiko Station (17 นาที) เดินจาก Mojiko Station 3 นาที
แกงกะหรี่อบ (Baked Curry)
บ้างก็เรียกเมนูนี้ทับศัพท์ภาษาญี่ปุ่นว่า Yaki Curry เมนูอร่อยขึ้นชื่อของโมจิโกะแห่งนี้ เป็นเมนูที่เสิร์ฟมาแบบแกงกะหรี่อบร้อน ที่ท็อปปิ้งเป็นชีสเยิ้มๆ และไข่ลวกยางมะตูมโปะไว้ด้านบน บางร้านก็ครีเอทท็อปปิ้งให้แตกต่างไปอีก เมนูนี้หารับประทานได้ในย่านนี้มีอยู่หลายร้านเลยอยากแนะนำให้ลองลิ้มรสเมนูแนะนำนี้ดู
วิธีเดินทาง : จากสถานี Hakata Station นั่งรถไฟธรรมดา (บางขบวนอาจจะสามารถนั่งรวดเดียวถึงโมจิโค) หรือ Shinkansen แล้ว มาเปลี่ยนขบวนที่สถานี Kokura Station นั่ง Local Train ไปลงสถานี Mojiko Station (17 นาที) เดินจาก Mojiko Station 3 นาที
ศาลเจ้าเมคาริ (Mekari Shrine)
ศาลเจ้าที่ประดิษฐานของเทพเจ้าแห่งการเดินทางแห่งนี้ตั้งอยู่เหนือสุดของเกาะคิวชู บริเวณช่องแคบคัมมง ตั้งแต่สมัยโบราณชาวประมงจะพากันมาขอพรที่นี่ก่อนออกเดินเรือ ส่วนฝั่งตรงข้ามยังเป็นที่ตั้งของศาลเจ้าเบนิอิชินาริในจังหวัดยามากุจิ ที่ช่วยส่งพลังให้แก่ศาลเจ้าเมคาริแห่งนี้ด้วย ทำให้เป็นศาลเจ้าที่รักของชาวเมืองคิตะคิวชู นอกจากจะมีเสาโทริอิที่นักท่องเที่ยวนิยมมาบันทึกภาพแล้ว ยังมีเซียมซีเป็นรูปปลาปักเป้าน่ารักมากๆ ด้วย
ข้อมูลเพิ่มเติม : https://www.gururich-kitaq.com/th/spot/mekari-area
วิธีเดินทาง : จาก Mojiko Station นั่งรถบัสต่ออีก 10 นาทีมาลงที่ป้าย Mekari-jinja Mae
ปราสาทโคคุระ (Kokura Castle and Castle Garden / Tea Ceremony)
นอกจากที่นี่จะเป็นปราสาทต้นแบบของปราสาทอื่นๆ ในญี่ปุ่นแล้ว ปราสาทแห่งนี้ยังใช้เวลาก่อสร้างแสนยาวนานด้วย ปัจจุบันภายในปราสาทเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมด้านในได้ โดยมีการจัดแสดงทั้งหมด 5 ชั้น เป็นพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์พื้นเมือง รวมถึงชุดกิโมโน ชุดซามูไร วัตถุโบราณและโมเดลบ้านเมืองสมัยโบราณ มีทั้งผลงานศิลปะ และอื่นๆ อีกมากมาย ที่ต้องแนะนำเพิ่มเติมคือบริเวณรอบๆ ปราสาทยังเป็นพื้นที่ของสวนให้นั่งชมวิว ช่วงใบไม้ผลิ หรือใบไม้ร่วงที่นี่ก็เป็นอีกสถานที่ยอดนิยม หรือใครอยากจะแวะมานั่งจิบชาชมสวนญี่ปุ่น ตามรอยมิยาโมโตะ มูซาชิ ที่เคยมาใช้ชีวิตช่วงหนึ่งที่ปราสาทโคคุระแห่งนี้ ก็ไม่อยากให้พลาดที่นี่เช่นกัน
ข้อมูลเพิ่มเติม : https://www.gururich-kitaq.com/th/spot/kokura-castle
วิธีเดินทาง : เดินจาก Kokura Station 13 นาที
เอาท์เล็ทมอลล์แห่งคิตะคิวชู (THE OUTLETS KITAKYUSHU)
ถือเป็นเอาท์เล็ทมอลล์ที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นตะวันตกเลยนะสำหรับที่นี่ เป็นอาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ที่เพิ่งเปิดใหม่บนพื้นที่เดิมของสวนนุก Space World ภายในเป็นแหล่งช้อปปิ้งที่รวมแบรนด์ต่างๆ ทั้งต่างประเทศและในประเทศญี่ปุ่น รวมทั้งร้านอาหาร รวมประมาณ 170 ร้านด้วยกัน ในพื้นที่ของเอาท์เล็ทยังแบ่งเป็นพื้นที่แห่ง "การเรียนรู้" และ "ความบันเทิง" จึงได้สร้างศูนย์วิทยาศาสตร์เทศบาลคิตะคิวชู "Space LABO" ซึ่งเป็นหนึ่งในท้องฟ้าจำลองที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นไว้ที่นี่ด้วย มาช้อปแล้วยังได้ความรู้อีกต่างหาก
ข้อมูลเพิ่มเติม : https://www.gururich-kitaq.com/th/spot/the-outlets-kitakyushu
วิธีเดินทาง : เดินจาก Space-World Station 5 นาที
ไปเที่ยวต่อที่เมือง Kumamoto 熊本市
คุมาโมโตะเป็นบ้านเกิดของเจ้าหมีคุมะมง และเป็นที่ตั้งของปราสาทที่สวยงามอีกแห่งหนึ่งของภูมิภาคคิวชู มีทะเลอาริอาเกะอันอุดมสมบูรณ์ รายล้อมด้วยธรรมชาติ มีภูเขาอะโสะภูเขาไฟที่ยังคุกรุ่นอยู่ให้ชม เป็นเมืองบ้านเกิดของนักเขียนการ์ตูนเรื่องดังให้ตามรอยมังงะเรื่องที่เราชอบ และเป็นเมืองที่มีผลไม้อร่อยรวมทั้งออนเซ็นที่มีสรรพคุณยอดเยี่ยม ส่วนการเดินทางท่องเที่ยวในเมืองคุมาโมโต้ส่วนใหญ่มีรถรางไว้ให้บริการ ได้ประสบการณ์การเดินทางไปอีกแบบ
ปราสาทคุมาโมโตะ (Kumamoto Castle)
ปราสาทคุมาโมโตะเป็นหนึ่งในสามปราสาทที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของญี่ปุ่น ร่วมกับปราสาทฮิเมจิและปราสาทมัตสึโมโตะ อาคารทั้ง 13 หลังในอาณาเขตปราสาทได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่สำคัญ นอกจากนี้ปราสาทคุมาโมโตะยังได้รับการจัดอันดับเป็นที่หนึ่งในญี่ปุ่นในหมวดหมู่ “ปราสาทที่อยากกลับไปเยี่ยมชมอีกครั้งหนึ่ง” ของ TripAdvisor ในปีค.ศ. 2013 ด้วย แม้ปราสาทคุมาโมโตะจะได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวในปีค.ศ. 2016 หลังจากซ่อมแซมแล้ว ปัจจุบันที่นี่ก็ยังคงเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมที่มีนักท่องเที่ยวมาเยือนมากมายตลอดทั้งปี ถือเป็นอีกปราสาทญี่ปุ่นที่เดินชมสนุก และหากเดินชมเหนื่อยแล้ว ที่ด้านล่างของปราสาทยังมีพื้นที่ให้ดื่มชาแกล้มขนม มองปราสาทด้วยชิลมากเลย
วิธีเดินทาง : เดินจากป้ายรถราง Kumamoto Castle/City Hall เดิน 5 นาที ถึง Sakura-no-Baba Josaien แล้วเดินต่อขึ้นปราสาทอีก 10 นาที
สวนซุยเซ็นจิ โจจูเอ็น (Suizenji Jojuen)
สวนสไตล์ญี่ปุ่นแห่งนี้ ผู้ครองแคว้นรุ่นแรกของเมืองคุมาโมโตะสร้างขึ้น เพื่อใช้สำหรับการพักผ่อน จึงตั้งใจให้เป็นสถานที่ที่จัดแสดงศิลปะแบบญี่ปุ่นดั้งเดิม เช่นการแสดงศิลปะการต่อสู้และศิลปะในด้านต่างๆ เช่น พิธีชงชา การปลูกดอกไม้ บอนเซกิ และศิลปะเซรามิก ส่วนภายในสวนยังมีต้นซากุระประมาณ 150 ต้น ปลูกไว้ตลอดทางเดิน ซึ่งช่วงที่ดอกซากุระบานนั้นที่นี่จะมีผู้มาชมดอกไม้จำนวนไม่น้อยเลย นอกจากนั้นในตำแหน่งที่ตั้งของสวน ยังมีบ่อน้ำพุร้อนธรรมชาติ ซึ่งเมื่อนำมาชงชาเขียวแล้ว จะทำให้น้ำชามีรสชาติดีด้วยกลายเป็นเอกลักษณ์ของสวนแห่งนี้นั่นเอง
ข้อมูลเพิ่มเติม : https://kumamoto-guide.jp/th/spots/detail/75
วิธีเดินทาง : เดินจากป้ายรถราง Suizenji Park Station 3 นาที
รูปปั้นลูฟี่ (Monkey D. Luffy statue)
เนื่องจากจังหวัดนี้เป็นบ้านเกิดของอาจารย์เออิจิโร โอดะ ผู้เขียนการ์ตูนเรื่องนี้ จึงจะมีรูปปั้นกลุ่มโจรสลัดหมวกฟางจำนวน 10 ตัวได้ถูกติดตั้งไว้ทั่วจังหวัดคุมาโมโตะ รูปปั้นเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการช่วยให้เมืองคุมาโมโตะฟื้นตัวหลังจากแผ่นดินไหวใหญ่ในปีค.ศ. 2016 จึงเป็นเหมือนสัญลักษณ์ในการสนับสนุนเมืองที่อยู่ระหว่างการฟื้นฟู ซึ่งรูปปั้นลูฟี่นี้ถูกตั้งไว้ที่บริเวณทางเดินเล่นหน้าศาลากลางจังหวัดไปชมของจริงกันได้
ข้อมูลเพิ่มเติม : https://kumamoto-guide.jp/th/spots/detail/368
วิธีเดินทาง : เดินจากป้ายรถราง City Gymnasium 5 นาที
เที่ยวตามทางรถไฟไปยัง 5 เมืองน่าสนใจในคิวชู
โดยเฉพาะ 5 เมืองที่เราเลือกมาแนะนำในคราวนี้ สามารถท่องเที่ยวด้วยรถไฟ โดยเริ่มต้นจากสถานีหลักอย่างฮากาตะ ไปทั้ง 5 เมืองแสนสะดวก เป็นทริปคิวชูเที่ยวง่าย ครบทุกรสชาติ ไม่ว่าคุณจะเป็นสายถ่ายรูป สายกิน สายมู หรือสายช้อป ทริปที่เราแนะนำนี้ตอบโจทย์คุณอย่างแน่นอน มาร่วมค้นพบทัศนียภาพและรสชาติของการเดินทางบนเกาะคิวชู ผ่านการเดินทางด้วยรถไฟที่น่าประทับใจทริปนี้ไปด้วยกันนะ พร้อมแล้วออกเดินทางสำรวจเกาะคิวชูด้วยรถไฟไปด้วยกันเลยค่ะ
1.Kitakyushu
- Mojiko Retro
- Baked Curry
- Mekari Shrine
- Kokura Castle and Castle Garden / Tea Ceremony
- THE OUTLETS KITAKYUSHU
2.Kumamoto
- Kumamoto Castle
Sakura-no-Baba Josaien
- Suizenji Jojuen Garden
- Monkey D. Luffy statue
3.Sasebo
- Fujiyama Jinja Shrine
- Jufuku-ji Temple
- Kujukushima Park
- Sasebo Burger
4.Hita City
- Hita Onsen
- Mamedamachi
- Tenryo Hita Hakimono Museum
- Attack on Titan in HITA Museum
- Hita Yakisoba
5.Fukuoka
- Uminonakamichi Seaside Park
- Hakata River Cruise
- Fukuoka Tower
- FUKUOKA YATAI Nagahama area
เริ่มต้นทริปนี้กันที่เมือง Kitakyushu 北九州市
คิตะคิวชู เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ทางตอนเหนือสุดของภูมิภาคคิวชู แปลตรงตัวได้ว่า “คิวชูตอนเหนือ” เป็นอีกเมืองในญี่ปุ่นที่มีบทบาทสำคัญในฐานะแหล่งอุตสาหกรรมหลักของคิวชู เป็นเมืองที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน นอกจากนั้นยังตั้งอยู่ใกล้เกาะฮอนชูเกาะใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น โดยมีช่องแคบคัมมงซึ่งเป็นเหมือนเป็นประตูที่เชื่อมทั้งสองภูมิภาคเอาไว้
เรามาเริ่มต้นออกเดินทางกันที่ Hakata Station นั่งรถไฟราวๆ 1 ชั่วโมง 30 นาที ก็จะถึง Mojiko Station แล้วเราก็เริ่มต้นทำความรู้จักเมืองคิตะคิวชูกันเลย
ข้อมูลเพิ่มเติม : https://www.gururich-kitaq.com/th/spot/mojiko-retoro
วิธีเดินทาง : จากสถานี Hakata Station นั่งรถไฟธรรมดา (บางขบวนอาจจะสามารถนั่งรวดเดียวถึงโมจิโค) หรือ Shinkansen แล้ว มาเปลี่ยนขบวนที่สถานี Kokura Station นั่ง Local Train ไปลงสถานี Mojiko Station (17 นาที) เดินจาก Mojiko Station 3 นาที
วิธีเดินทาง : จากสถานี Hakata Station นั่งรถไฟธรรมดา (บางขบวนอาจจะสามารถนั่งรวดเดียวถึงโมจิโค) หรือ Shinkansen แล้ว มาเปลี่ยนขบวนที่สถานี Kokura Station นั่ง Local Train ไปลงสถานี Mojiko Station (17 นาที) เดินจาก Mojiko Station 3 นาที
ศาลเจ้าที่ประดิษฐานของเทพเจ้าแห่งการเดินทางแห่งนี้ตั้งอยู่เหนือสุดของเกาะคิวชู บริเวณช่องแคบคัมมง ตั้งแต่สมัยโบราณชาวประมงจะพากันมาขอพรที่นี่ก่อนออกเดินเรือ ส่วนฝั่งตรงข้ามยังเป็นที่ตั้งของศาลเจ้าเบนิอิชินาริในจังหวัดยามากุจิ ที่ช่วยส่งพลังให้แก่ศาลเจ้าเมคาริแห่งนี้ด้วย ทำให้เป็นศาลเจ้าที่รักของชาวเมืองคิตะคิวชู นอกจากจะมีเสาโทริอิที่นักท่องเที่ยวนิยมมาบันทึกภาพแล้ว ยังมีเซียมซีเป็นรูปปลาปักเป้าน่ารักมากๆ ด้วย
ข้อมูลเพิ่มเติม : https://www.gururich-kitaq.com/th/spot/mekari-area
วิธีเดินทาง : จาก Mojiko Station นั่งรถบัสต่ออีก 10 นาทีมาลงที่ป้าย Mekari-jinja Mae
ข้อมูลเพิ่มเติม : https://www.gururich-kitaq.com/th/spot/kokura-castle
วิธีเดินทาง : เดินจาก Kokura Station 13 นาที
ถือเป็นเอาท์เล็ทมอลล์ที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นตะวันตกเลยนะสำหรับที่นี่ เป็นอาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ที่เพิ่งเปิดใหม่บนพื้นที่เดิมของสวนนุก Space World ภายในเป็นแหล่งช้อปปิ้งที่รวมแบรนด์ต่างๆ ทั้งต่างประเทศและในประเทศญี่ปุ่น รวมทั้งร้านอาหาร รวมประมาณ 170 ร้านด้วยกัน ในพื้นที่ของเอาท์เล็ทยังแบ่งเป็นพื้นที่แห่ง "การเรียนรู้" และ "ความบันเทิง" จึงได้สร้างศูนย์วิทยาศาสตร์เทศบาลคิตะคิวชู "Space LABO" ซึ่งเป็นหนึ่งในท้องฟ้าจำลองที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นไว้ที่นี่ด้วย มาช้อปแล้วยังได้ความรู้อีกต่างหาก
ข้อมูลเพิ่มเติม : https://www.gururich-kitaq.com/th/spot/the-outlets-kitakyushu
วิธีเดินทาง : เดินจาก Space-World Station 5 นาที
ไปเที่ยวต่อที่เมือง Kumamoto 熊本市
คุมาโมโตะเป็นบ้านเกิดของเจ้าหมีคุมะมง และเป็นที่ตั้งของปราสาทที่สวยงามอีกแห่งหนึ่งของภูมิภาคคิวชู มีทะเลอาริอาเกะอันอุดมสมบูรณ์ รายล้อมด้วยธรรมชาติ มีภูเขาอะโสะภูเขาไฟที่ยังคุกรุ่นอยู่ให้ชม เป็นเมืองบ้านเกิดของนักเขียนการ์ตูนเรื่องดังให้ตามรอยมังงะเรื่องที่เราชอบ และเป็นเมืองที่มีผลไม้อร่อยรวมทั้งออนเซ็นที่มีสรรพคุณยอดเยี่ยม ส่วนการเดินทางท่องเที่ยวในเมืองคุมาโมโต้ส่วนใหญ่มีรถรางไว้ให้บริการ ได้ประสบการณ์การเดินทางไปอีกแบบ
สวนสไตล์ญี่ปุ่นแห่งนี้ ผู้ครองแคว้นรุ่นแรกของเมืองคุมาโมโตะสร้างขึ้น เพื่อใช้สำหรับการพักผ่อน จึงตั้งใจให้เป็นสถานที่ที่จัดแสดงศิลปะแบบญี่ปุ่นดั้งเดิม เช่นการแสดงศิลปะการต่อสู้และศิลปะในด้านต่างๆ เช่น พิธีชงชา การปลูกดอกไม้ บอนเซกิ และศิลปะเซรามิก ส่วนภายในสวนยังมีต้นซากุระประมาณ 150 ต้น ปลูกไว้ตลอดทางเดิน ซึ่งช่วงที่ดอกซากุระบานนั้นที่นี่จะมีผู้มาชมดอกไม้จำนวนไม่น้อยเลย นอกจากนั้นในตำแหน่งที่ตั้งของสวน ยังมีบ่อน้ำพุร้อนธรรมชาติ ซึ่งเมื่อนำมาชงชาเขียวแล้ว จะทำให้น้ำชามีรสชาติดีด้วยกลายเป็นเอกลักษณ์ของสวนแห่งนี้นั่นเอง
ข้อมูลเพิ่มเติม : https://kumamoto-guide.jp/th/spots/detail/75
วิธีเดินทาง : เดินจากป้ายรถราง Suizenji Park Station 3 นาที
เนื่องจากจังหวัดนี้เป็นบ้านเกิดของอาจารย์เออิจิโร โอดะ ผู้เขียนการ์ตูนเรื่องนี้ จึงจะมีรูปปั้นกลุ่มโจรสลัดหมวกฟางจำนวน 10 ตัวได้ถูกติดตั้งไว้ทั่วจังหวัดคุมาโมโตะ รูปปั้นเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการช่วยให้เมืองคุมาโมโตะฟื้นตัวหลังจากแผ่นดินไหวใหญ่ในปีค.ศ. 2016 จึงเป็นเหมือนสัญลักษณ์ในการสนับสนุนเมืองที่อยู่ระหว่างการฟื้นฟู ซึ่งรูปปั้นลูฟี่นี้ถูกตั้งไว้ที่บริเวณทางเดินเล่นหน้าศาลากลางจังหวัดไปชมของจริงกันได้
ข้อมูลเพิ่มเติม : https://kumamoto-guide.jp/th/spots/detail/368
วิธีเดินทาง : เดินจากป้ายรถราง City Gymnasium 5 นาที