สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 48
จุดเด่นร้าน20 ไม่ใช่แค่ว่า ของต้องถูกนะคะ แต่ของต้องมีครบ และมีทุกอย่าง คุณแทบจะไม่ต้องสั่งของจากจีนเลยก็ได้ รับจากยี่ปั๊วพอ แต่ของต้องมีให้ครบ ลูกค้าเดินเข้ามา ต้องตอบโจทย์ลูกค้าให้ได้ ว่าต้องการอะไร ของเรามีมั้ย ไม่มี ก็ต้องรีบหา
แต่ละท้องที่ มีความต้องการมากน้อย แต่ละอย่างแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับสถานที่ เช่น ถ้าคุณเปิดร้านหน้าโรงเรียน คุณก็ควรจะมีของเล่น เครื่องเขียน กิ๊ปช้อป เยอะขึ้นมาหน่อย แต่ถ้าคุณเปิดอยู่หน้าตลาด คุณก็ควรเน้นพวกถุง ถัง กะลังมัง พลาสติก จาน ชาม หรือแม้แต่ของพวกน้ำปลา น้ำมัน น้ำยาล้างจาน ผงชูรส อะไรก็ว่าไป
อย่าเน้นว่า ทุกอย่างต้อง20บาท เจ๊งมาเยอะแล้วค่ะ ต้องเน้นขายทุกอย่าง มีทุกอย่าง ขายทุกราคา มีทั้งเกรดA เกรดB เกรดC ก็ว่ากันไป ซื้อของไม่จำเป็นต้องซื้ออย่างละเยอะๆ ค่ะ เน้นซื้อให้หลากหลาย และอย่าคิดว่า เราชอบจะขายได้ บางครั้งเราชอบแต่ลูกค้าไม่ชอบ ก็มีค่ะ
สินค้าเกี่ยวกับเกษตรก็ควรมีลง ถ้าในท้องที่ที่คุณอยู่ มีการทำเกษตร อุปกรณ์การทำเกษตรก็สำคัญ รองเท้าบู๊ชเกษตรแบบนี้ก็จำเป็น ดูลักษณะท้องที่ค่ะ ว่าเค้าต้องการอะไร
ขายของตามต้องการลูกค้า เราจะขายได้ สินค้าที่ได้ขายเรื่อยๆ พวกอุปโภค บริโภค ก็สำคัญ ยาสระผม สบู่ น้ำยาล้างจาน น้ำยาปรับผ้านุ่ม เป็นต้น พวกนี้กำไรไม่มาก แต่สามารถดึงลูกค้าเข้ามาเรื่อยๆ ได้
บางร้านยังขายอะไหล่มอไซค์ หมวกกันน็อค ผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับรถ ก็ยังขายได้
จำไว้ค่ะ เน้นแต่ละอย่าง ไม่ต้องลงของเยอะคะ เน้นให้มี และครบ เดินเข้ามา ต้องซื้อของเราออกไป ลูกค้ามาหาอะไร ถ้าไม่มี ต้องรีบหามาขาย
และอีกคอนเซป การวางเลเอ๊าว์ของร้านให้น่าเดินก็สำคัญ ร้านโล่งๆ ดูไม่ค่อยน่าเดินค่ะ เพราะคนคิดว่า ไม่มีอะไร แต่ร้านดูจัดรกๆ นี่ บอกเลย ขายดีมากๆ รกๆ แต่ไม่สกปรกนะคะ
เราเคยแนะนำหลายคนแล้ว ว่า ร้านไม่ต้องมีขนาดใหญ่โตก็ได้ ร้านตามตึกแถว1- 2ห้อง ก็สามารถทำให้คนเข้าเยอะได้ ไม่มีอะไรมาก ของต้องครบ และดูแน่นๆ ร้าน ก็เท่านั้นเอง ไม่ใช่มีแค่ชั้นวางของ อยู่ 2-3ตัว และเอาอะไรไม่รู้มาห้อย มันก็ขายไม่ได้ค่ะ
ราคาสำคัญมั้ย อันนี้ เราว่า มีผลบ้าง แต่ไม่เท่าไหร่ ของบางอย่างเค้าไม่ได้ซื้อประจำ ราคาก็ไม่สำคัญ แต่ของบางอย่างใช้ประจำ ราคาก็จำเป็น เพราะฉะนั้น หน้าที่คุณไม่ใช่ขายอย่างเดียว ต้องสืบตลาดรอบข้าง ว่าเค้าขายกันเท่าไหร่ อ้อ เตือนอีกอย่าง คุณขายตามราคาตลาดก็ได้ ไม่ใช่ขายตัดราคา เพราะว่า คุณจะเพิ่มศัตรูการค้าทันที และคุณจำไว้ เมื่อคุณตัดราคาคู่แข่งคุณได้ คู่แข่งคุณเค้าอยากขายเค้าก็ตัดราคาคุณอีก ไม่จบไม่สิ้น สุดท้ายไม่เหลืออะไรกันเลย
สินค้าที่คุณนำเข้ามาจากจีนเอง และเอามาตั้งขายเอง ก็มีความเสี่ยง เรื่อง สคบ มอก อย ฯลฯ ถ้าเป็นพวกจำพวก ของเล่น เครื่องมือช่าง พวกนี้ ต้องมี ม.อ.ก คุณนำเข้ามาเอง คุณก็ต้องขอให้ถูกต้อง เพราะไม่ถูกต้อง ก็จะมีผลทางกฏหมายทันที
ส่วนสินค้าของใช้ทั่วไป ก็จำเป็นเรื่อง ฉลากสินค้า ฉลากสินค้ามีข้อบังคับอยู่9ข้อในฉลาก คุณก็ต้องรู้ และต้องปิดฉลากสินค้าให้ครบทุกชิ้น เพราะถ้าไม่ติด จะเข้าข่ายเรื่องกฏ ของ ส.ค.บ ทันที
ตัวเราเองที่แนะนำได้ เพราะเราเป็นเซลล์ขายของ20อยู่ทั่วประเทศ ขายมาตั้งยุคบูมๆ จนตอนนี้ หลายร้านก็ปิดตัวไปเยอะอยู่ไม่ได้ก็มี (ที่อยู่ไม่ได้ เพราะไม่พัฒนาร้าน และอีกอย่างคือมันโกงและปิดร้านหนีไป) ที่อยู่ได้ ก็เพราะข้างต้นที่เราบอกเนี้ยแหละ มีทุกอย่าง มีครบ บางร้านไม่ได้ใหญ่เลยแค่2ห้องแถวเอง แต่เติมของเดือนละเป็นแสน บางร้านใหญ่โต แต่ของโล่งร้านเลยก็มี เพราะร้านดันใหญ่ไป ของต้องแน่นเยอะ พอร้านดูโล่ง คนก็เลยไม่ค่อยอยากเข้า
ส่วน ร้านขายส่งส่วนใหญ่ บางคนก็นำเข้ามาเอง แต่ของส่วนใหญ่ก็ไม่ใช่จากจีนค่ะ สินค้าในโรงงานไทยเยอะมาก และมีคุณภาพกว่าจีนก็เยอะ แถมขายปลอดภัย ไม่ต้องมาห่วง กับคำว่า สินค้านำเข้าจากจีน เพราะวันดีคืนดี เด๋วจะมีพวกเจ้าหน้าที่ต่างๆ เข้าไปตรวจ ให้เหนื่อยใจอีกเยอะค่ะ แบล็คคุณดี ก็รอด แบล็คคุณไม่มีก็แย่ Made in Thailand เป็นอะไรที่ชัวร์ที่สุดแล้วค่ะ
และขอให้กำลังใจอีกอย่าง เรามีลูกค้าเคยเปิดอยู่จังหวัดนึง และย้ายไปอยู่อีกจังหวัดนึง ปีแรก ลูกค้าเหนื่อยมากๆค่ะ เพราะคนยังไม่เข้า ยังไม่รู้จัก บางวันขายได้แค่ 200บาทก็มี ร้านเค้าใหญ่อยู่คะ ไม่เน้นขายส่ง แต่เค้าเน้นขายปลีก บางวันได้1000บาทก็มี แต่ตอนนี้ ลูกค้าเปิดที่จังหวัดใหม่ได้เกือบ3ปีแล้ว ลูกค้าเข้าร้านเยอะขึ้น ทุกวันนี้ ขายได้วันหลักหมื่นแล้ว ของแบบนี้ต้องใช้เวลาค่ะ ตอนลูกค้าอยู่ที่จังหวัดเก่า สั่งของเล่นเรา ทุกเดือน เดือนละ 4-5หมื่น พอย้ายมาจังหวัดใหม่ ปรากฏว่า ของเล่นขายไม่ดี เห็นมั้ยคะ แต่ละท้องที่ มันก็มีความต้องการแตกต่างกันไป คุณต้องหาให้เจอ ว่าลูกค้าคุณต้องการอะไร
และมีลูกค้าอีกที่นึง อยู่ในซอย หลืบๆ เล็กๆเลยค่ะ แต่หน้าร้านมีที่จอดรถได้ 10คัน เค้าเน้นค้าส่งเลยค่ะ เน้นขายเยอะๆ ลงทั้งเหล้า เบียร์ ขนม สบู่ ยาสระผม และของเบ็ดเตล็ด ของ20 ของเล่น ถัง กะลังมัง พลาสติก ร้านค้าส่งอยู่ไกลแค่ไหน ถ้าราคาได้ ลูกค้าก็ไปหาค่ะ ไม่ต้องห่วง ขอแค่มีบริเวณที่จอดรถให้ลูกค้าได้จอด ได้เลือกของ ลูกค้าก็ไปได้หมดค่ะ
ขอให้สู้ๆนะคะ อดทนอีกนิด แต่ถ้าไม่ไหวจริงๆ ก็ลองเอาของไปขายให้กับร้านค้าส่ง ยิ่งคุณนำเข้ามาเอง ราคาได้สบายอยู่แล้วค่ะ
แต่ละท้องที่ มีความต้องการมากน้อย แต่ละอย่างแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับสถานที่ เช่น ถ้าคุณเปิดร้านหน้าโรงเรียน คุณก็ควรจะมีของเล่น เครื่องเขียน กิ๊ปช้อป เยอะขึ้นมาหน่อย แต่ถ้าคุณเปิดอยู่หน้าตลาด คุณก็ควรเน้นพวกถุง ถัง กะลังมัง พลาสติก จาน ชาม หรือแม้แต่ของพวกน้ำปลา น้ำมัน น้ำยาล้างจาน ผงชูรส อะไรก็ว่าไป
อย่าเน้นว่า ทุกอย่างต้อง20บาท เจ๊งมาเยอะแล้วค่ะ ต้องเน้นขายทุกอย่าง มีทุกอย่าง ขายทุกราคา มีทั้งเกรดA เกรดB เกรดC ก็ว่ากันไป ซื้อของไม่จำเป็นต้องซื้ออย่างละเยอะๆ ค่ะ เน้นซื้อให้หลากหลาย และอย่าคิดว่า เราชอบจะขายได้ บางครั้งเราชอบแต่ลูกค้าไม่ชอบ ก็มีค่ะ
สินค้าเกี่ยวกับเกษตรก็ควรมีลง ถ้าในท้องที่ที่คุณอยู่ มีการทำเกษตร อุปกรณ์การทำเกษตรก็สำคัญ รองเท้าบู๊ชเกษตรแบบนี้ก็จำเป็น ดูลักษณะท้องที่ค่ะ ว่าเค้าต้องการอะไร
ขายของตามต้องการลูกค้า เราจะขายได้ สินค้าที่ได้ขายเรื่อยๆ พวกอุปโภค บริโภค ก็สำคัญ ยาสระผม สบู่ น้ำยาล้างจาน น้ำยาปรับผ้านุ่ม เป็นต้น พวกนี้กำไรไม่มาก แต่สามารถดึงลูกค้าเข้ามาเรื่อยๆ ได้
บางร้านยังขายอะไหล่มอไซค์ หมวกกันน็อค ผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับรถ ก็ยังขายได้
จำไว้ค่ะ เน้นแต่ละอย่าง ไม่ต้องลงของเยอะคะ เน้นให้มี และครบ เดินเข้ามา ต้องซื้อของเราออกไป ลูกค้ามาหาอะไร ถ้าไม่มี ต้องรีบหามาขาย
และอีกคอนเซป การวางเลเอ๊าว์ของร้านให้น่าเดินก็สำคัญ ร้านโล่งๆ ดูไม่ค่อยน่าเดินค่ะ เพราะคนคิดว่า ไม่มีอะไร แต่ร้านดูจัดรกๆ นี่ บอกเลย ขายดีมากๆ รกๆ แต่ไม่สกปรกนะคะ
เราเคยแนะนำหลายคนแล้ว ว่า ร้านไม่ต้องมีขนาดใหญ่โตก็ได้ ร้านตามตึกแถว1- 2ห้อง ก็สามารถทำให้คนเข้าเยอะได้ ไม่มีอะไรมาก ของต้องครบ และดูแน่นๆ ร้าน ก็เท่านั้นเอง ไม่ใช่มีแค่ชั้นวางของ อยู่ 2-3ตัว และเอาอะไรไม่รู้มาห้อย มันก็ขายไม่ได้ค่ะ
ราคาสำคัญมั้ย อันนี้ เราว่า มีผลบ้าง แต่ไม่เท่าไหร่ ของบางอย่างเค้าไม่ได้ซื้อประจำ ราคาก็ไม่สำคัญ แต่ของบางอย่างใช้ประจำ ราคาก็จำเป็น เพราะฉะนั้น หน้าที่คุณไม่ใช่ขายอย่างเดียว ต้องสืบตลาดรอบข้าง ว่าเค้าขายกันเท่าไหร่ อ้อ เตือนอีกอย่าง คุณขายตามราคาตลาดก็ได้ ไม่ใช่ขายตัดราคา เพราะว่า คุณจะเพิ่มศัตรูการค้าทันที และคุณจำไว้ เมื่อคุณตัดราคาคู่แข่งคุณได้ คู่แข่งคุณเค้าอยากขายเค้าก็ตัดราคาคุณอีก ไม่จบไม่สิ้น สุดท้ายไม่เหลืออะไรกันเลย
สินค้าที่คุณนำเข้ามาจากจีนเอง และเอามาตั้งขายเอง ก็มีความเสี่ยง เรื่อง สคบ มอก อย ฯลฯ ถ้าเป็นพวกจำพวก ของเล่น เครื่องมือช่าง พวกนี้ ต้องมี ม.อ.ก คุณนำเข้ามาเอง คุณก็ต้องขอให้ถูกต้อง เพราะไม่ถูกต้อง ก็จะมีผลทางกฏหมายทันที
ส่วนสินค้าของใช้ทั่วไป ก็จำเป็นเรื่อง ฉลากสินค้า ฉลากสินค้ามีข้อบังคับอยู่9ข้อในฉลาก คุณก็ต้องรู้ และต้องปิดฉลากสินค้าให้ครบทุกชิ้น เพราะถ้าไม่ติด จะเข้าข่ายเรื่องกฏ ของ ส.ค.บ ทันที
ตัวเราเองที่แนะนำได้ เพราะเราเป็นเซลล์ขายของ20อยู่ทั่วประเทศ ขายมาตั้งยุคบูมๆ จนตอนนี้ หลายร้านก็ปิดตัวไปเยอะอยู่ไม่ได้ก็มี (ที่อยู่ไม่ได้ เพราะไม่พัฒนาร้าน และอีกอย่างคือมันโกงและปิดร้านหนีไป) ที่อยู่ได้ ก็เพราะข้างต้นที่เราบอกเนี้ยแหละ มีทุกอย่าง มีครบ บางร้านไม่ได้ใหญ่เลยแค่2ห้องแถวเอง แต่เติมของเดือนละเป็นแสน บางร้านใหญ่โต แต่ของโล่งร้านเลยก็มี เพราะร้านดันใหญ่ไป ของต้องแน่นเยอะ พอร้านดูโล่ง คนก็เลยไม่ค่อยอยากเข้า
ส่วน ร้านขายส่งส่วนใหญ่ บางคนก็นำเข้ามาเอง แต่ของส่วนใหญ่ก็ไม่ใช่จากจีนค่ะ สินค้าในโรงงานไทยเยอะมาก และมีคุณภาพกว่าจีนก็เยอะ แถมขายปลอดภัย ไม่ต้องมาห่วง กับคำว่า สินค้านำเข้าจากจีน เพราะวันดีคืนดี เด๋วจะมีพวกเจ้าหน้าที่ต่างๆ เข้าไปตรวจ ให้เหนื่อยใจอีกเยอะค่ะ แบล็คคุณดี ก็รอด แบล็คคุณไม่มีก็แย่ Made in Thailand เป็นอะไรที่ชัวร์ที่สุดแล้วค่ะ
และขอให้กำลังใจอีกอย่าง เรามีลูกค้าเคยเปิดอยู่จังหวัดนึง และย้ายไปอยู่อีกจังหวัดนึง ปีแรก ลูกค้าเหนื่อยมากๆค่ะ เพราะคนยังไม่เข้า ยังไม่รู้จัก บางวันขายได้แค่ 200บาทก็มี ร้านเค้าใหญ่อยู่คะ ไม่เน้นขายส่ง แต่เค้าเน้นขายปลีก บางวันได้1000บาทก็มี แต่ตอนนี้ ลูกค้าเปิดที่จังหวัดใหม่ได้เกือบ3ปีแล้ว ลูกค้าเข้าร้านเยอะขึ้น ทุกวันนี้ ขายได้วันหลักหมื่นแล้ว ของแบบนี้ต้องใช้เวลาค่ะ ตอนลูกค้าอยู่ที่จังหวัดเก่า สั่งของเล่นเรา ทุกเดือน เดือนละ 4-5หมื่น พอย้ายมาจังหวัดใหม่ ปรากฏว่า ของเล่นขายไม่ดี เห็นมั้ยคะ แต่ละท้องที่ มันก็มีความต้องการแตกต่างกันไป คุณต้องหาให้เจอ ว่าลูกค้าคุณต้องการอะไร
และมีลูกค้าอีกที่นึง อยู่ในซอย หลืบๆ เล็กๆเลยค่ะ แต่หน้าร้านมีที่จอดรถได้ 10คัน เค้าเน้นค้าส่งเลยค่ะ เน้นขายเยอะๆ ลงทั้งเหล้า เบียร์ ขนม สบู่ ยาสระผม และของเบ็ดเตล็ด ของ20 ของเล่น ถัง กะลังมัง พลาสติก ร้านค้าส่งอยู่ไกลแค่ไหน ถ้าราคาได้ ลูกค้าก็ไปหาค่ะ ไม่ต้องห่วง ขอแค่มีบริเวณที่จอดรถให้ลูกค้าได้จอด ได้เลือกของ ลูกค้าก็ไปได้หมดค่ะ
ขอให้สู้ๆนะคะ อดทนอีกนิด แต่ถ้าไม่ไหวจริงๆ ก็ลองเอาของไปขายให้กับร้านค้าส่ง ยิ่งคุณนำเข้ามาเอง ราคาได้สบายอยู่แล้วค่ะ
ความคิดเห็นที่ 11
ลงตลาดนัด ลดแรงๆ เอาทุนมาให้เร็วที่สุด ณ.ชั่วโมงนี้ ใครเร็วคนนั้นรอด
ร้านเแนวนี้ ทำเล และกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย มีผลต่อการอยู่รอดของธุรกิจ
ผมเห้นร้าน 60 บาท ตามห้าง รอดกันหมด ทั้งที่แพงกว่าพวก 20 บาท แต่สินค้าแทบไม่แตกต่าง
แถมอยู่ในห้างค่าที่ก็แพงมาก พนักงานก็อย่างเยอะ พวกร้านในห้างกลับรอด ข้างนอกไม่รอด
ผมเป็นลูกค้าประจำของ Daiso โคโมโนยะ จนมาเป็นเจ้าของธุรกิจ Daiso เอง
ร้านแนวนี้ถ้าไม่อยู่ในห้าง รอดยาก เพราะไปห้างก็แวะเข้าไปซื้อสะดวก
ซึ่งถ้าร้านอยู่ข้างนอก ใครจะตั้งใจเพื่อไปซื้อของแนวนี้อย่างเดียว
อีกอย่างถ้าเราทำร้าน แล้วซื้อของเข้าเอง กลับได้ราคาแพงกว่า ซื้อจากแฟนช์ไชย์เสียอีก แถมของหลากหลายกว่า
ค่าที่ในห้างแพงกว่า แต่ลูกค้าเข้าร้านทั้งวัน ซื้อแทบทุกคน
เพราะลูกค้าที่มาห้างมีกำลังซื้อมากกว่าลูกค้าที่อยู่ในชุมชนซึ่งมีจำกัดกว่า
ร้านเแนวนี้ ทำเล และกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย มีผลต่อการอยู่รอดของธุรกิจ
ผมเห้นร้าน 60 บาท ตามห้าง รอดกันหมด ทั้งที่แพงกว่าพวก 20 บาท แต่สินค้าแทบไม่แตกต่าง
แถมอยู่ในห้างค่าที่ก็แพงมาก พนักงานก็อย่างเยอะ พวกร้านในห้างกลับรอด ข้างนอกไม่รอด
ผมเป็นลูกค้าประจำของ Daiso โคโมโนยะ จนมาเป็นเจ้าของธุรกิจ Daiso เอง
ร้านแนวนี้ถ้าไม่อยู่ในห้าง รอดยาก เพราะไปห้างก็แวะเข้าไปซื้อสะดวก
ซึ่งถ้าร้านอยู่ข้างนอก ใครจะตั้งใจเพื่อไปซื้อของแนวนี้อย่างเดียว
อีกอย่างถ้าเราทำร้าน แล้วซื้อของเข้าเอง กลับได้ราคาแพงกว่า ซื้อจากแฟนช์ไชย์เสียอีก แถมของหลากหลายกว่า
ค่าที่ในห้างแพงกว่า แต่ลูกค้าเข้าร้านทั้งวัน ซื้อแทบทุกคน
เพราะลูกค้าที่มาห้างมีกำลังซื้อมากกว่าลูกค้าที่อยู่ในชุมชนซึ่งมีจำกัดกว่า
แสดงความคิดเห็น
ผมอยากเลิกกิจการร้าน20บาททุกอย่าง
ทางที่ 1. ผม กะ ว่าจะ ไปหาที่ใหม่ เเล้วจะซื้อของ จากร้านขายส่งมา เพื่อจะขายต่อ เพื่อให้ของมันครบ (คือตอนนี้ ของที่นำมาจากจีน เมื่อเทียบกับร้าน 20 ผมยังไม่ครบเหมือนเขา) เเต่ผมกลัวว่าที่ใหม่ก็จะไม่รอดเหมือนกัน
ทางที่ 2. ผมกะว่า จะโล๊ะของ นั้นนะสิทำยังไง ผมก็เลยคิดว่า ต้องไปติดต่อร้านขายส่งใหญ่ๆ เเต่ไม่รู้ว่า เขาจะเอารึเปล่า
เพราะของที่ตั้งอยู่ ตรงนี้มัน ก็ ราคาหลังล้านนะ
ผมวานผู้รู้ช่วยผมหน่อยครับ ผมมีสองทางนี้ ถ้า พวกคุณมีทางอื่นก็บอกผมได้นะคับ เผื่อจะช่วยผมได้ ขอบคุณมากคับผม